หนี้เสียครัวเรือนไทย พุ่งเฉียด 3 ล้านราย ยอดหนี้ก้าวกระโดด 4 แสนล้านบาท
https://ch3plus.com/news/economy/ch3onlinenews/314906
ธปท.เปิดสถิติหนี้เสียครัวเรือนไทย พุ่งเฉียด 3 ล้านราย ยอดหนี้ก้าวกระโดด 4 แสนล้านบาท
ธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดรายงานเสถียรภาพระบบการเงินไทยรายไตรมาส ที่ 3 หนี้เสียครัวเรือนไทยพุ่งเฉียด 3 ล้านราย ประจำปี 2565 โดยมีข้อมูลที่น่าสนใจ คือ หนี้ครัวเรือนไทย ในช่วง โควิด-19 ที่พบว่า มีลูกหนี้ที่ค้างชำระหนี้เกิน 90 วัน เฉพาะลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ยังเร่งตัวขึ้นต่อเนื่อง ทั้งจำนวนลูกหนี้ จำนวนบัญชี และยอดสินเชื่อคงค้างของหนี้เสีย ในปี 2565
โดยในช่วงเดือนมกราคม มีลูกหนี้ที่เป็นหนี้เสียเพียง 1.9 ล้านคน และเพิ่มมาเป็น 2.1 ล้านคน ในช่วงไตรมาส 1 ก่อนเพิ่มขึ้นก้าวกระโดดในช่วงมิถุนายนเป็น 2.9 ล้านคน
ในแง่จำนวนบัญชีที่เป็นหนี้เสีย ก็เพิ่มขึ้นก้าวกระโดด จาก 2.3 ล้านบัญชี มาเป็น 2.7 ล้านบัญชี และ 4.3 ล้านบัญชี ในเดือนมิถุนายน
สอดคล้องกับมูลค่าหนี้เสีย จาก 2 แสนล้านบาท เป็น 2.2 แสนล้านบาทในไตรมาสแรก และเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเป็น 4 แสนล้านบาทในช่วงสิ้นไตรมาส 2 ที่ผ่านมา
ซึ่งสะท้อนว่า ยังมีลูกหนี้จำนวนมากที่ยังไม่ฟื้น และยังได้รับผลกระทบจากโควิด-19 หากไม่เร่งช่วยเหลือ
“พิชัย” ติง “บิ๊กตู่” ล้าสมัย ทำลายความหวังคนรุ่นใหม่ ชง 8 ข้อเสนอเร่งปรับประเทศรองรับอนาคต
https://siamrath.co.th/n/390000
วันที่ 11 ต.ค.65 นาย
พิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ด้านเศรษฐกิจ กล่าวในงานเสวนา “
ความท้าทายของการบริหารของภาครัฐ จากยุค New Normal สู่ยุค Next Normal” ที่หอประชุม มหาวิทยาลัยราชภัฏ พระนคร ว่า โลกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว สภาวะเศรษฐกิจโลกผันผวนและโอกาสเป็นไปได้สูงที่เศรษฐกิจโลกจากเข้าสู่ภาวะถดถอยตามที่ได้เตือนไว้แล้ว ทั้งนี้ตลอด 8 ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยย่ำแย่ การขยายตัวทางเศรษฐกิจต่ำมาก ตั้งแต่ก่อนวิกฤตโควิดจนถึงหลังวิกฤต เศรษฐกิจไทยก็ไม่ได้ไปไหน ตลอด 3 ปีกว่าหลังการเลือกตั้ง เศรษฐกิจไทยไม่ได้ขยายตัวเลย หนี้สาธารณะ และ หนี้ครัวเรือนพุ่งสูง การลงทุนหดหาย
ประเทศไทยกลายเป็นคนป่วยของเอเชีย ขนาดสื่อยังตั้งฉายาว่าเป็น “ชำรุดยุทธ์โทรม” ซึ่งส่งผลกระทบอย่างสูงกับนักศึกษาและคนรุ่นใหม่อย่างมาก เพราะนักศึกษาและคนรุ่นใหม่จบการศึกษาแล้วหางานทำไม่ได้ เป็นจำนวนหลายแสนคนแล้ว อีกทั้งพวกที่มีงานทำก็ไม่ทราบเลยว่าอนาคตหน้าที่การงานของตนจะเป็นอย่างไร รายได้จะเพิ่มไหม ต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับนักศึกษาและคนรุ่นใหม่ของประเทศอื่นในอาเซียน เช่น มาเลเซีย เวียดนาม หรือ อินโดนิเซีย ที่เห็นอนาคตที่สดใสกว่า หรืออาจเรียกได้ว่าพลเอก
ประยุทธ์ได้ทำลายความหวัง และ อนาคตของคนรุ่นใหม่จนหมดสิ้นแล้ว
นอกจากนี้ เพราะคนรุ่นใหม่ ยังเห็นว่าพลเอกประยุทธ์เป็นผู้นำที่ตกยุคตามโลกไม่ทันแล้ว แม้กระทั่งล่าสุดยังพูดถึงวิทยุทรานซิสเตอร์ที่คนรุ่นใหม่ไม่รู้จักแล้ว และหากย้อนหลังไปดูจะพบว่ามีหลายเรื่องที่พลเอกประยุทธ์ให้ความเห็นเชยๆ เฉิ่มๆ เหมือนอยู่คนละโลกกับคนรุ่นใหม่ เช่น คนไทยไม่รู้จักใช้กู้เกิ้ล คนรวยใช้ทางด่วนคนจนใช้ถนนข้างล่างคือความเท่าเทียม น้ำท่วมให้เลี้ยงปลา น้ำเค็มให้เอาไปต้ม ปลูกหมามุ่ยแทนข้าว เป็นต้น ซึ่งทำให้นักศึกษาและคนรุ่นใหม่สิ้นหวังมองไม่เห็นอนาคตของตัวเอง เพราะผู้นำขาดวิสัยทัศน์
ดังนั้น เมื่อพูดถึง ความท้าทายของการบริหารของภาครัฐ จากยุค New Normal สู่ยุค Next Normal ก็ต้องปรับเปลี่ยนการทำงานทั้งหมดตรงข้ามกับที่พลเอก
ประยุทธ์ทำไว้ เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ โดยอยากขอเสนอ 8 ข้อ ดังนี้
1. การเร่งฟื้น จีดีพี ให้ขยายมากขึ้น เพื่อลดสัดส่วนหนี้สาธารณะ และ หนี้ครัวเรือน โดย ต้องใช้เงินงบประมาณให้เกิดประโยชน์สุงสุด ต้องเร่งสร้างความมั่นใจเพื่อให้ นักลงทุนทั้งจากต่างประเทศและในประเทศไทย การเร่งฟื้นฟูการท่องเที่ยว ฯลฯ ซึ่งต้องทำหลายๆเรื่องพร้อมๆกัน
2. การเร่งสร้างธุรกิจสมัยใหม่โดยเฉพาะธุรกิจทางเทคโนโลยี ที่สร้างรายได้มาก จ้างงานราคาสูง โดยพัฒนาประเทศไทยเป็นฮับของคนฉลาดคนเก่งของทั่วโลก
3. การปรับโครงสร้างพลังงาน ทั้งโครงสร้างราคาพลังงาน ทั้ง น้ำม้น ก๊าซ ไฟฟ้า และโครงสร้างการใช้พลังงาน ที่ต้องสอดคล้องกับอนาคตของโลก รวมถึงการจัดหาพลังงานในระยะกลางและระยะยาว
4. การปรับเปลี่ยน Digital transformation ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อรองรับอนาคต โดยเริ่มจากภาครัฐเพื่อลดขนาดรัฐ เพิ่มประสิทธิภาพและปราบคอรัปชั่น
5. การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทุกด้าน โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิตอล และ รถไฟความเร็วสูงเชื่อมหนองคาย เวียงจันทร์ เขื่อมต่อไปประเทศจีน โครงสร้างพื้นฐานทางการศึกษา ฯลฯ
6. จำกัดและทำลายการผูกขาดในธุรกิจทุกประเภท ยิ่งผูกขาดมากโอกาสของคนรุ่นใหม่จะก้าวหน้าขึ้นไปก็เป็นไปได้ยาก
7. พัฒนาความสามารถแข่งขันของประเทศในทุกด้าน หลังจากที่ความสามารถแข่งขันของไทยตกลงมามาก 8. ให้เสรีภาพและความเสมอภาคของประชาชน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ โดยต้องมีสิทธิในการแสดงคิดเห็นและการแสดงออก
นาย
พิชัย กล่าวว่า เป็น 8 ข้อที่สำคัญ ในแนวทางที่นักศึกษาและคนรุ่นใหม่อยากให้ประเทศพัฒนาต่อไป และได้เตือนไปหลายครั้งแล้ว แต่พลเอกประยุทธ์คงไม่มีความสามารถที่จะทำได้ หรืออาจจะไม่เข้าใจ ดังนั้นในการเลือกตั้งที่จะมาถึงนี้อยากให้ประชาชนเลือกพรรคการเมืองที่จะแก้ปัญหาให้กับประชาชนอย่างแท้จริงแงะเคยพิสูจน์แล้วว่าทำได้ เพื่อนำพาประเทศให้หลุดพ้นปัญหาความเสื่อมถอยทุกด้านในปัจจุบัน
เรดาร์อุตุฯ ตรวจเจอฝนแนวเดียวกับ 'โนรู' คาดถล่มเวียดนาม 13 ต.ค.นี้ กรี๊ด!! 'อีสาน' เจอฝนอีก
https://www.matichon.co.th/economy/news_3612668
เรดาร์อุตุฯ ตรวจเจอฝนแนวเดียวกับ ‘โนรู’ คาดถล่มเวียดนาม 13 ต.ค.นี้ กรี๊ด!! ‘อีสาน’ เจอฝนอีก
เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม นางสาว
ชมภารี ชมภูรัตน์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง อากาศแปรปรวนบริเวณประเทศไทย ตอนบนและฝนตกหนักบริเวณภาคใต้ ฉบับ 7 ระบุว่า
บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางแผ่ปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวอุณหภูมิลดลง 1-2 องศาเซลเซียส กับมีลมแรงในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากสภาพอากาศแปรปรวนที่มีฝนตกหนัก ลมกระโชกแรง และอุณหภูมิลดลง รวมถึงดูแลสุขภาพไว้ด้วย สำหรับร่องมรสุมที่พาดผ่านภาคใต้ตอนกลางทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักถึงหนักมากในระยะนี้
จังหวัดที่คาดว่าจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง มีดังนี้
วันที่ 11 ตุลาคม 2565
ภาคใต้: จังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสุราษฎร์ธานี
ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังจนถึงวันที่ 14 ตุลาคม 2565
ทั้งนี้ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยกับ ‘มติชนออนไลน์’ ว่า ขณะนี้ กรมอุตุนิยมวิทยาตรวจพบหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งจะเคลื่อนตัวจากฝั่งตะวันออกมายังฝั่งตะวันตก โดยอยู่ระหว่างเฝ้าระวัง เพราะคาดว่าจะเป็นแนวเดียวกับพายุโนรู
แต่เนื่องจากหลายปัจจัย อาทิ ความเร็วและอุณหภูมิน้ำทะเล รวมถึงมวลอากาศเย็นหรือความดอากาศสูงจากประเทศจีนที่เริ่มแผ่ลงมาปกคลุม ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้หย่อมความกดอากาศต่ำนั้น ไม่สามารถก่อตัวรุนแรงได้ จึงคาดว่าไม่น่าจะก่อตัวเป็นพายุโซนร้อน หรืออย่างมากอาจจะเป็นแค่พายุดีเปรสชัน และเคลื่อนตัวขึ้นฝั่งที่ประเทศเวียดนามช่วงวันที่ 13-14 ตุลาคมนี้ อ่อนกำลังลงเหลือเพียงย่อมความกดอากาศต่ำ ซึ่งจะส่งผลให้บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ของประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้น แต่ไม่รุนแรงเท่ากับพายุ
นครปฐมวิกฤต! น้ำท่วมหลายพื้นที่ วัด บ้าน เละ เจ้าหน้าที่ต้องปิดถนนบรมฯ
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7311852
นครปฐมวิกฤต! น้ำท่วมหลายพื้นที่ วัด บ้าน เละ เจ้าหน้าที่ต้องปิดถนนบรมฯ เหตุเพราะนอกจากน้ำท่วมแล้ว ยังต้องเจอน้ำทะเลหนุนสูง
11 ต.ค. 2565 – จากกรณีที่น้ำจากเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท ปล่อยน้ำระบายลงสู่แม่น้ำท่าจีน ผ่านประตูน้ำโพธิพระยา จ.สุพรรณบุรี ทำให้หลายพื้นที่ใน จ.นครปฐม เช่น อ.บางเลน อ.นครชัยศรี อ.สามพราน ที่อยู่ริมแม่น้ำท่าจีน น้ำล้นตลิ่งขึ้นท่วมบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายอย่างหนัก กอปรกับฝนที่ได้กระหน่ำลงมาต่อเนื่องตลอดวัน ทำให้น้ำไม่สามารถระบายออกไปได้
ขณะที่เขื่อนระบายน้ำทุกจุดในเขต 3 อำเภอ ที่อยู่ริมแม่น้ำท่าจีน ขึ้นธงแดงเป็นสัญลักษณ์ว่าอยู่ในขั้นวิกฤต ให้ประชาชนรีบขนย้ายสิ่งของ และให้อพยพสัตว์ไว้ที่สูง
ส่วนพื้นที่ในตัวเมืองทุกอำเภอ ต่างถูกน้ำท่วมกันหมด ไม่ว่าจะเป็นบ้านเรือนหรือตามวัดดังต่าง ๆ ถูกน้ำท่วมหลายแห่ง เช่น วัดพระปฐมเจดีย์ วัดกลางบางพระ วัดไร่ขิง วัดดอนหวาย และวัดอื่น ๆ ที่อยู่ริมแม่น้ำอีกหลายสิบวัด
เนื้อหาที่ได้รับการโปรโมต
จุดที่วิกฤตสุด ๆ คือบริเวณสะพานข้ามแม่น้ำนครชัยศรี หรือแม่น้ำท่าจีน ตั้งอยู่พุทธมณฑล สาย 7 เขตพื้นที่ อ.สามพราน เส้นทางบรมราชชนนี ต้องปิดไม่ให้รถวิ่งในช่วงเช้าและเย็น เพราะนอกจากกน้ำท่วมแล้วยังเจอปัญหาน้ำทะเลหนุนสูง ในช่วง 10.00 – 12.00 น. และในเวลา 18.00 – 20.00 น. ที่น้ำทะเลจะหนุนสูง เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องปิดเส้นทางไม่ให้รถวิ่งผ่าน เพราะระดับน้ำจะสูงกว่าถนน ถึง 40 ซม.
JJNY : 5in1 หนี้เสียครัวเรือนไทยพุ่ง│“พิชัย”ติง“ตู่”ล้าสมัย│ตรวจเจอฝนแนวเดียวกับ‘โนรู’│นครปฐมวิกฤต!│ยูเครนกร้าวเสริมทัพ
https://ch3plus.com/news/economy/ch3onlinenews/314906
ธปท.เปิดสถิติหนี้เสียครัวเรือนไทย พุ่งเฉียด 3 ล้านราย ยอดหนี้ก้าวกระโดด 4 แสนล้านบาท
ธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดรายงานเสถียรภาพระบบการเงินไทยรายไตรมาส ที่ 3 หนี้เสียครัวเรือนไทยพุ่งเฉียด 3 ล้านราย ประจำปี 2565 โดยมีข้อมูลที่น่าสนใจ คือ หนี้ครัวเรือนไทย ในช่วง โควิด-19 ที่พบว่า มีลูกหนี้ที่ค้างชำระหนี้เกิน 90 วัน เฉพาะลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ยังเร่งตัวขึ้นต่อเนื่อง ทั้งจำนวนลูกหนี้ จำนวนบัญชี และยอดสินเชื่อคงค้างของหนี้เสีย ในปี 2565
โดยในช่วงเดือนมกราคม มีลูกหนี้ที่เป็นหนี้เสียเพียง 1.9 ล้านคน และเพิ่มมาเป็น 2.1 ล้านคน ในช่วงไตรมาส 1 ก่อนเพิ่มขึ้นก้าวกระโดดในช่วงมิถุนายนเป็น 2.9 ล้านคน
ในแง่จำนวนบัญชีที่เป็นหนี้เสีย ก็เพิ่มขึ้นก้าวกระโดด จาก 2.3 ล้านบัญชี มาเป็น 2.7 ล้านบัญชี และ 4.3 ล้านบัญชี ในเดือนมิถุนายน
สอดคล้องกับมูลค่าหนี้เสีย จาก 2 แสนล้านบาท เป็น 2.2 แสนล้านบาทในไตรมาสแรก และเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเป็น 4 แสนล้านบาทในช่วงสิ้นไตรมาส 2 ที่ผ่านมา
ซึ่งสะท้อนว่า ยังมีลูกหนี้จำนวนมากที่ยังไม่ฟื้น และยังได้รับผลกระทบจากโควิด-19 หากไม่เร่งช่วยเหลือ
“พิชัย” ติง “บิ๊กตู่” ล้าสมัย ทำลายความหวังคนรุ่นใหม่ ชง 8 ข้อเสนอเร่งปรับประเทศรองรับอนาคต
https://siamrath.co.th/n/390000
วันที่ 11 ต.ค.65 นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ด้านเศรษฐกิจ กล่าวในงานเสวนา “ความท้าทายของการบริหารของภาครัฐ จากยุค New Normal สู่ยุค Next Normal” ที่หอประชุม มหาวิทยาลัยราชภัฏ พระนคร ว่า โลกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว สภาวะเศรษฐกิจโลกผันผวนและโอกาสเป็นไปได้สูงที่เศรษฐกิจโลกจากเข้าสู่ภาวะถดถอยตามที่ได้เตือนไว้แล้ว ทั้งนี้ตลอด 8 ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยย่ำแย่ การขยายตัวทางเศรษฐกิจต่ำมาก ตั้งแต่ก่อนวิกฤตโควิดจนถึงหลังวิกฤต เศรษฐกิจไทยก็ไม่ได้ไปไหน ตลอด 3 ปีกว่าหลังการเลือกตั้ง เศรษฐกิจไทยไม่ได้ขยายตัวเลย หนี้สาธารณะ และ หนี้ครัวเรือนพุ่งสูง การลงทุนหดหาย
ประเทศไทยกลายเป็นคนป่วยของเอเชีย ขนาดสื่อยังตั้งฉายาว่าเป็น “ชำรุดยุทธ์โทรม” ซึ่งส่งผลกระทบอย่างสูงกับนักศึกษาและคนรุ่นใหม่อย่างมาก เพราะนักศึกษาและคนรุ่นใหม่จบการศึกษาแล้วหางานทำไม่ได้ เป็นจำนวนหลายแสนคนแล้ว อีกทั้งพวกที่มีงานทำก็ไม่ทราบเลยว่าอนาคตหน้าที่การงานของตนจะเป็นอย่างไร รายได้จะเพิ่มไหม ต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับนักศึกษาและคนรุ่นใหม่ของประเทศอื่นในอาเซียน เช่น มาเลเซีย เวียดนาม หรือ อินโดนิเซีย ที่เห็นอนาคตที่สดใสกว่า หรืออาจเรียกได้ว่าพลเอกประยุทธ์ได้ทำลายความหวัง และ อนาคตของคนรุ่นใหม่จนหมดสิ้นแล้ว
นอกจากนี้ เพราะคนรุ่นใหม่ ยังเห็นว่าพลเอกประยุทธ์เป็นผู้นำที่ตกยุคตามโลกไม่ทันแล้ว แม้กระทั่งล่าสุดยังพูดถึงวิทยุทรานซิสเตอร์ที่คนรุ่นใหม่ไม่รู้จักแล้ว และหากย้อนหลังไปดูจะพบว่ามีหลายเรื่องที่พลเอกประยุทธ์ให้ความเห็นเชยๆ เฉิ่มๆ เหมือนอยู่คนละโลกกับคนรุ่นใหม่ เช่น คนไทยไม่รู้จักใช้กู้เกิ้ล คนรวยใช้ทางด่วนคนจนใช้ถนนข้างล่างคือความเท่าเทียม น้ำท่วมให้เลี้ยงปลา น้ำเค็มให้เอาไปต้ม ปลูกหมามุ่ยแทนข้าว เป็นต้น ซึ่งทำให้นักศึกษาและคนรุ่นใหม่สิ้นหวังมองไม่เห็นอนาคตของตัวเอง เพราะผู้นำขาดวิสัยทัศน์
ดังนั้น เมื่อพูดถึง ความท้าทายของการบริหารของภาครัฐ จากยุค New Normal สู่ยุค Next Normal ก็ต้องปรับเปลี่ยนการทำงานทั้งหมดตรงข้ามกับที่พลเอกประยุทธ์ทำไว้ เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ โดยอยากขอเสนอ 8 ข้อ ดังนี้
1. การเร่งฟื้น จีดีพี ให้ขยายมากขึ้น เพื่อลดสัดส่วนหนี้สาธารณะ และ หนี้ครัวเรือน โดย ต้องใช้เงินงบประมาณให้เกิดประโยชน์สุงสุด ต้องเร่งสร้างความมั่นใจเพื่อให้ นักลงทุนทั้งจากต่างประเทศและในประเทศไทย การเร่งฟื้นฟูการท่องเที่ยว ฯลฯ ซึ่งต้องทำหลายๆเรื่องพร้อมๆกัน
2. การเร่งสร้างธุรกิจสมัยใหม่โดยเฉพาะธุรกิจทางเทคโนโลยี ที่สร้างรายได้มาก จ้างงานราคาสูง โดยพัฒนาประเทศไทยเป็นฮับของคนฉลาดคนเก่งของทั่วโลก
3. การปรับโครงสร้างพลังงาน ทั้งโครงสร้างราคาพลังงาน ทั้ง น้ำม้น ก๊าซ ไฟฟ้า และโครงสร้างการใช้พลังงาน ที่ต้องสอดคล้องกับอนาคตของโลก รวมถึงการจัดหาพลังงานในระยะกลางและระยะยาว
4. การปรับเปลี่ยน Digital transformation ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อรองรับอนาคต โดยเริ่มจากภาครัฐเพื่อลดขนาดรัฐ เพิ่มประสิทธิภาพและปราบคอรัปชั่น
5. การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทุกด้าน โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิตอล และ รถไฟความเร็วสูงเชื่อมหนองคาย เวียงจันทร์ เขื่อมต่อไปประเทศจีน โครงสร้างพื้นฐานทางการศึกษา ฯลฯ
6. จำกัดและทำลายการผูกขาดในธุรกิจทุกประเภท ยิ่งผูกขาดมากโอกาสของคนรุ่นใหม่จะก้าวหน้าขึ้นไปก็เป็นไปได้ยาก
7. พัฒนาความสามารถแข่งขันของประเทศในทุกด้าน หลังจากที่ความสามารถแข่งขันของไทยตกลงมามาก 8. ให้เสรีภาพและความเสมอภาคของประชาชน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ โดยต้องมีสิทธิในการแสดงคิดเห็นและการแสดงออก
นายพิชัย กล่าวว่า เป็น 8 ข้อที่สำคัญ ในแนวทางที่นักศึกษาและคนรุ่นใหม่อยากให้ประเทศพัฒนาต่อไป และได้เตือนไปหลายครั้งแล้ว แต่พลเอกประยุทธ์คงไม่มีความสามารถที่จะทำได้ หรืออาจจะไม่เข้าใจ ดังนั้นในการเลือกตั้งที่จะมาถึงนี้อยากให้ประชาชนเลือกพรรคการเมืองที่จะแก้ปัญหาให้กับประชาชนอย่างแท้จริงแงะเคยพิสูจน์แล้วว่าทำได้ เพื่อนำพาประเทศให้หลุดพ้นปัญหาความเสื่อมถอยทุกด้านในปัจจุบัน
เรดาร์อุตุฯ ตรวจเจอฝนแนวเดียวกับ 'โนรู' คาดถล่มเวียดนาม 13 ต.ค.นี้ กรี๊ด!! 'อีสาน' เจอฝนอีก
https://www.matichon.co.th/economy/news_3612668
เรดาร์อุตุฯ ตรวจเจอฝนแนวเดียวกับ ‘โนรู’ คาดถล่มเวียดนาม 13 ต.ค.นี้ กรี๊ด!! ‘อีสาน’ เจอฝนอีก
เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม นางสาวชมภารี ชมภูรัตน์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง อากาศแปรปรวนบริเวณประเทศไทย ตอนบนและฝนตกหนักบริเวณภาคใต้ ฉบับ 7 ระบุว่า
บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางแผ่ปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวอุณหภูมิลดลง 1-2 องศาเซลเซียส กับมีลมแรงในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากสภาพอากาศแปรปรวนที่มีฝนตกหนัก ลมกระโชกแรง และอุณหภูมิลดลง รวมถึงดูแลสุขภาพไว้ด้วย สำหรับร่องมรสุมที่พาดผ่านภาคใต้ตอนกลางทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักถึงหนักมากในระยะนี้
จังหวัดที่คาดว่าจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง มีดังนี้
วันที่ 11 ตุลาคม 2565
ภาคใต้: จังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสุราษฎร์ธานี
ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังจนถึงวันที่ 14 ตุลาคม 2565
ทั้งนี้ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยกับ ‘มติชนออนไลน์’ ว่า ขณะนี้ กรมอุตุนิยมวิทยาตรวจพบหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งจะเคลื่อนตัวจากฝั่งตะวันออกมายังฝั่งตะวันตก โดยอยู่ระหว่างเฝ้าระวัง เพราะคาดว่าจะเป็นแนวเดียวกับพายุโนรู
แต่เนื่องจากหลายปัจจัย อาทิ ความเร็วและอุณหภูมิน้ำทะเล รวมถึงมวลอากาศเย็นหรือความดอากาศสูงจากประเทศจีนที่เริ่มแผ่ลงมาปกคลุม ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้หย่อมความกดอากาศต่ำนั้น ไม่สามารถก่อตัวรุนแรงได้ จึงคาดว่าไม่น่าจะก่อตัวเป็นพายุโซนร้อน หรืออย่างมากอาจจะเป็นแค่พายุดีเปรสชัน และเคลื่อนตัวขึ้นฝั่งที่ประเทศเวียดนามช่วงวันที่ 13-14 ตุลาคมนี้ อ่อนกำลังลงเหลือเพียงย่อมความกดอากาศต่ำ ซึ่งจะส่งผลให้บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ของประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้น แต่ไม่รุนแรงเท่ากับพายุ
นครปฐมวิกฤต! น้ำท่วมหลายพื้นที่ วัด บ้าน เละ เจ้าหน้าที่ต้องปิดถนนบรมฯ
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7311852
นครปฐมวิกฤต! น้ำท่วมหลายพื้นที่ วัด บ้าน เละ เจ้าหน้าที่ต้องปิดถนนบรมฯ เหตุเพราะนอกจากน้ำท่วมแล้ว ยังต้องเจอน้ำทะเลหนุนสูง
11 ต.ค. 2565 – จากกรณีที่น้ำจากเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท ปล่อยน้ำระบายลงสู่แม่น้ำท่าจีน ผ่านประตูน้ำโพธิพระยา จ.สุพรรณบุรี ทำให้หลายพื้นที่ใน จ.นครปฐม เช่น อ.บางเลน อ.นครชัยศรี อ.สามพราน ที่อยู่ริมแม่น้ำท่าจีน น้ำล้นตลิ่งขึ้นท่วมบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายอย่างหนัก กอปรกับฝนที่ได้กระหน่ำลงมาต่อเนื่องตลอดวัน ทำให้น้ำไม่สามารถระบายออกไปได้
ขณะที่เขื่อนระบายน้ำทุกจุดในเขต 3 อำเภอ ที่อยู่ริมแม่น้ำท่าจีน ขึ้นธงแดงเป็นสัญลักษณ์ว่าอยู่ในขั้นวิกฤต ให้ประชาชนรีบขนย้ายสิ่งของ และให้อพยพสัตว์ไว้ที่สูง
ส่วนพื้นที่ในตัวเมืองทุกอำเภอ ต่างถูกน้ำท่วมกันหมด ไม่ว่าจะเป็นบ้านเรือนหรือตามวัดดังต่าง ๆ ถูกน้ำท่วมหลายแห่ง เช่น วัดพระปฐมเจดีย์ วัดกลางบางพระ วัดไร่ขิง วัดดอนหวาย และวัดอื่น ๆ ที่อยู่ริมแม่น้ำอีกหลายสิบวัด
เนื้อหาที่ได้รับการโปรโมต
จุดที่วิกฤตสุด ๆ คือบริเวณสะพานข้ามแม่น้ำนครชัยศรี หรือแม่น้ำท่าจีน ตั้งอยู่พุทธมณฑล สาย 7 เขตพื้นที่ อ.สามพราน เส้นทางบรมราชชนนี ต้องปิดไม่ให้รถวิ่งในช่วงเช้าและเย็น เพราะนอกจากกน้ำท่วมแล้วยังเจอปัญหาน้ำทะเลหนุนสูง ในช่วง 10.00 – 12.00 น. และในเวลา 18.00 – 20.00 น. ที่น้ำทะเลจะหนุนสูง เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องปิดเส้นทางไม่ให้รถวิ่งผ่าน เพราะระดับน้ำจะสูงกว่าถนน ถึง 40 ซม.