JJNY : 5in1 หวั่นคดี‘ทหารหื่น’ล่าช้า│กลางเดือน หวยดิจิทัลฝืด│พท.ดักทางพปชร.│‘ธีรัจชัย’ฉะพปชร.│ประกาศ ฝนตกหนักถึงหนักมาก

ภาคประชาชนหวั่นคดี ‘ทหารหื่น’ ล่าช้าช่วยเหลือกัน-ย้ำต้องขึ้นศาลพลเรือน
https://www.dailynews.co.th/news/1480943/

หยุด 2 มาตรฐาน “ภาคประชาชน” หวั่นคดี "ทหารหื่น" ในเมืองกาญจน์ล่าช้าช่วยเหลือกัน ย้ำต้องขึ้นศาลพลเรือน ตั้งกรรมการเอาคนนอกร่วมสอบ คืนความเป็นธรรมเหยื่อ พร้อมปฏิรูปทุกคดีที่เกี่ยวกับพลเรือน
 
 
เมื่อวันที่ 17 ก.ย. นายจะเด็ด เชาวน์วิไล ผอ.มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล กล่าวถึงกรณีทหารยศ “สิบเอก” สังกัดหน่วยทหารใน จ.กาญจนบุรี ใช้อำนาจพยายามข่มขืนผู้เสียหายในบ้านพัก ผู้ถูกกระทำต้องพยายามอย่างมากในการช่วยเหลือตัวเองไม่ให้เรื่องเงียบ เพราะผู้กระทำมีอำนาจ มีอิทธิพล เด็กนาย และพ่อเป็นคนใหญ่โต เหมือนๆ กับหลายกรณีการคุกคามทางเพศ ในห้วงที่ผ่านมาทำให้ผู้เสียหายจำนวนมากต้องใช้สื่อแขนงต่างๆ เป็นเครื่องมือสื่อสารเพื่อให้กระบวนการยุติธรรมเริ่มทำงาน ดังนั้นตนขอเรียกร้องไปยังกองทัพบก ดังนี้ 
 
1. คดีนี้ต้องไม่ขึ้นศาลทหาร เนื่องจากที่ผ่านมามูลนิธิฯ เคยเข้าไปช่วยเหลือเหตุการณ์ที่คล้ายกัน แต่เมื่อขึ้นศาลทหารกลับทำอย่างล่าช้า แนวโน้มจะช่วยเหลือกัน 
2. ตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยผู้กระทำ โดยมีผู้แทนหน่วยงานนอกร่วมเป็นกรรมการด้วย 
3. กองทับบกต้องตั้งกลไกในการป้องกัน คุ้มครอง และเยียวยา การคุกคามทางเพศในหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ความรู้ความเข้าใจเรื่องนี้แก่บุคคลกร 
และ 4.ปฏิรูประบบยุติธรรมศาลทหาร คดีทางเพศ ความรุนแรงในครอบครัว หรือคดีอื่นๆ ที่เกี่ยวกับพลเรือนขอให้ใช้ศาลพลเรือน
 
ทางด้าน ดร.วราภรณ์ แช่มสนิท ผู้จัดการแผนงานสุขภาวะผู้หญิงและความเป็นธรรมทางเพศ กล่าวว่ากรณีที่เกิดขึ้นสะท้อนวงจรอุบาทว์ความรุนแรงทางเพศที่เกิดขึ้นซ้ำซากในสังคมไทย มีแบบแผนพฤติกรรมและเหตุการณ์ซ้ำเดิม เริ่มจากผู้กระทำผิดมักเป็นผู้มีอำนาจ มีอิทธิพล ทั้งจากตำแหน่งหน้าที่การงาน ฐานะทางสังคม ชื่อเสียง ฐานะการเงิน มาจากตระกูลดังครอบครัวร่ำรวย เป็นลูกคนนั้น เป็นหลานคนนี้ เป็นเด็กเส้น เด็กนาย เป็นคนโปรดของผู้หลักผู้ใหญ่ โดยผู้กระทำมักเลือกลงมือกับเหยื่อที่คิดว่าอ่อนแอ ไม่กล้าโวยวาย มีการข่มขู่ผู้เสียหายด้วย อย่างกรณีสิบเอกรายนี้ มีข่าวว่าเมื่อผู้เสียหายร้องเรียนและส่งหลักฐานคลิปวิดีโอขณะเกิดเหตุให้ต้นสังกัด แทนที่ผู้เสียหายจะได้รับการดูแลคุ้มครองจากหน่วยงาน กลับถูกกลั่นแกล้งและยัดเยียดความผิด ทำให้ผู้เสียหายกลายเป็นตัวปัญหาของหน่วยงานเสียเอง ตอกย้ำว่าสังคมไทยมีระบบสถาบัน ในกรณีนี้คือระบบราชการทหาร ที่สนับสนุนให้เกิดความรุนแรงทางเพศ ด้วยการเพิกเฉยหรือกระทั่งปกป้องผู้กระทำผิดให้ลอยนวล ทำให้ผู้กระทำผิดย่ามใจ และกระทำผิดซ้ำๆ กับเหยื่อหลายคน

ผู้จัดการแผนงานสุขภาวะผู้หญิงฯ กล่าวต่อไปว่า กรณีดังกล่าวคือการพยายามข่มขืน เป็นความผิดอาญาชัดเจน แต่พอผู้กระทำผิดเป็นทหาร กลับยกเว้นไม่นำคดีขึ้นสู่ศาลยุติธรรม แต่กลับนำคดีขึ้นศาลทหาร ทั้งๆที่ศาลทหารไม่มีความรู้ความเชี่ยวชาญการจัดการคดีอาญา โดยเฉพาะกรณีที่มีความละเอียดอ่อนอย่างความรุนแรงทางเพศ ประกอบกับท่าทีเพิกเฉยไม่เร่งรัดดำเนินการของหน่วยงานทหารที่ผ่านมา ทำให้คนในสังคมกังวลว่าการนำคดีนี้ขึ้นศาลทหารจะทำให้ผู้เสียหายไม่ได้รับความเป็นธรรม ไม่มีการลงโทษตามสมควรแก่ความผิด หรืออาจถึงขั้นปกป้องผู้กระทำผิดก็เป็นได้ กลายเป็นว่าประเทศไทยกำลังใช้ระบบยุติธรรมอาญา 2 มาตรฐาน ของพลเรือนทั่วไปแบบหนึ่ง ของทหารอีกแบบหนึ่ง ทั้งที่เป็นความผิดเดียวกัน ซึ่งระบบยุติธรรม 2 มาตรฐานแบบนี้ควรถูกยกเลิกได้แล้ว
 


งวดกลางเดือน นักเสี่ยงโชคกระเป๋าแฟบ ฉุดหวยดิจิทัลฝืด ครึ่งวันขาย 4.45 ล้านใบ
https://www.dailynews.co.th/news/1480211/

กลางเดือนกระเป๋าแบน คนเสี่ยงโชคสลากดิจิทัลลดลง ครึ่งวันแรก 4.45 ล้านใบ 4.6 แสนคน แต่เลขดังหมดเกลี้ยง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศจำหน่ายสลากดิจิทัล งวด 1 ต.ค.65 ในวันแรก ซึ่งมีการจำหน่ายสลากฯ เพิ่มเป็น 12.87 ล้านใบ ยังคงเดินหน้าต่อเนื่อง โดยตั้งแต่เริ่มเปิดจำหน่ายช่วง 6 โมงเช้าของวันที่ 17 ก.ย.65  ล่าสุดผ่านไปถึง 12.00 น. สามารถจำหน่ายสลากฯ ได้ 4.45 ล้านใบ มีผู้ซื้อ 465,313 ราย  เฉลี่ยซื้อคนละ 9-10 ใบ โดยพบว่ายอดจำหน่ายค่อนข้างชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับงวดก่อนที่ช่วงเวลาเดียวกันขายได้เกิน 5 ล้านใบ และมีจำนวนผู้ซื้อลดลงจาก 6 แสนคนด้วย ซึ่งเหตุผลน่าจะมาจากช่วงกลางเดือน ทำให้ประชาชนมีเงินใช้จ่ายเหลือน้อยลง จึงชะลอการเสี่ยงโชค
 
อย่างไรก็ตาม เลขดังที่ได้รับความนิยมและขายหมดลงอย่างรวดเร็ว ยังเป็นกลุ่มเลข ???, ???, ?? ถูกขายหมดเกลี้ยงภายในไม่กี่นาที เช่นเดียวกับเลขสวย เช่น เลขซ้ำกัน 6 ตัว ก็หมดจากแอพเป๋าตังไปแล้วเช่นกัน



เพื่อไทยดักทางพปชร. ดันบิ๊กป้อม เป็นนายกฯก๊อก 2 ไม่สง่างาม-ชี้กลิ่นยุบสภาปลายธ.ค.
https://www.matichon.co.th/politics/news_3567651

เมื่อวันที่ 17 กันยายน นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่หากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยออกมาให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องพ้นจากการปฏิบัติหน้าที่ ตามกฎหมายแล้วยังสามารถรักษาการต่อได้หรือไม่ว่า หากพล.อ.ประยุทธ์พ้นจากตำแหน่ง คณะรัฐมนตรี (ครม.) ทั้ง 35 คนก็จะหลุดจากตำแหน่งด้วย และต้องมีการสรรหานายกรัฐมนตรีคนใหม่ แต่หากศาลรัฐธรรมนูญให้ พล.อ.ประยุทธ์กลับมาปฏิบัติหน้าที่ต่อ ก็สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีต่อได้เลย ทั้งนี้ขึ้นอยู่ที่วันที่ 30 กันยายนว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยออกมาอย่างไร แต่ก็ดูเหมือนว่า พล.อ.ประยุทธ์จะมั่นใจว่าจะได้กลับมา

เมื่อถามว่า มองอย่างไรที่ล่าสุดพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) มีการเตรียมรับมือกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ ต้องผลจากตำแหน่งก็จะมีการดัน พล.อ.ประวิตร  วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีแทน นายสมคิด กล่าวว่า หาก พล.อ.ประยุทธ์ พ้นจากตำแหน่ง ก็ต้องมีการสรรหานายกรัฐมนตรีใหม่ในรัฐสภา เขาก็จะเสนอ พล.อ.ประวิตร ซึ่งเป็นบุคคลภายนอก และไม่ได้อยู่ในบัญชีรายชื่อตามมาตรา 88 เพราะพปชร.เสนอ พล.อ.ประยุทธ์เพียงคนเดียว หากจะมีการเสนอนายกรัฐมนตรีคนนอกก็สามารถทำได้

ทั้งนี้ หากจะต้องใช้คนนอกก็ต้องใช้เสียง 2 ใน 3 คือ 500 เสียง เพื่อบอกว่าให้ยกเว้นรัฐธรรมนูญมาตรานี้ แต่การทำเช่นนี้ ไม่สง่างามเนื่องจากยังมีชื่อของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อยู่

เมื่อถามถึง กรณีที่ขณะนี้พรรคร่วมรัฐบาลเริ่มมีการบาดหมางกัน โอกาสที่จะยุบสภามีมากน้อยแค่ไหน นายสมคิด กล่าวว่า การยุบสภามีความเป็นไปได้ และเป็นไปไม่ได้เท่าๆ กัน แต่ตนเชื่อว่าคนที่รักษาการนายกรัฐมนตรีอยู่จะไม่ยุบสภา เพราะวันนี้สภาปิดไม่มีอะไรมาให้หนวกหู และสภาก็ไม่ได้มีปัญหากับรัฐบาล ฉะนั้น ในระยะเวลาหนึ่งเดือนครึ่งที่มีการปิดสมัยประชุม จะไม่มีการยุบสภาล้านเปอร์เซ็นต์ แต่เมื่อเปิดประชุมสภามาก็จะมีเรื่องของการประชุมเอเปค ซึ่งโดยมารยาทสภาก็จะไม่ไล่รัฐบาล เขาก็จะให้รัฐบาลเดินหน้าประชุมเอเปคให้เสร็จก่อนแล้วจึงค่อยไล่

“เรื่องยุบสภาในตอนนี้ผมว่ายังไม่ถึง ผมมองว่าน่าจะเป็นปลายเดือนธันวาคมหรือมกราคม เพราะช่วงนั้นสภาก็จะเข้มข้น และช่วงนั้นองค์ประชุมก็จะล่มบ่อย เนื่องจากรัฐบาลก็กัดหูกันอยู่ ซึ่งเมื่อการประชุมสภาเดินไปหลังเอเปค คนที่จะทำให้องค์ประชุมล่มก็คือรัฐบาล โดยรัฐบาลไม่ให้คนของตนเองมาประชุม เมื่อล่มบ่อย สังคมก็จะโจมตีหนักว่าหากไม่ประชุมกันจะอยู่ทำไม ยุบสภาแล้วให้มีการเลือกตั้งใหม่ไม่ดีกว่าหรือ ซึ่งก็จะเป็นช่วงที่สภาจะครบเทอมในเดือนมีนาคมด้วย เพราะหากมีการยุบสภาจะต้องมีการเลือกตั้งใหม่ไม่เกิน 60 วัน และสมาชิกพรรคต้องสังกัดพรรคไม่น้อยกว่า 30 วัน หมายความว่า จะเป็นการเปลี่ยนถ่ายคนในพรรคที่จะมีการโยกไปโยกมา ผมว่าจะมีเยอะ พรรคเพื่อไทยก็จะมีเข้าและมีออกเป็นธรรมดา” นายสมคิด กล่าว


 
‘ธีรัจชัย’ ฉะพปชร. คิดดัน ‘บิ๊กป้อม’ ไม่พ้นเครือข่ายเดิม ไหนว่า ขอเวลาอีกไม่นาน
https://www.matichon.co.th/politics/news_3567734

เมื่อวันที่ 17 กันยายน นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์กรณีหากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่า พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา ต้องพ้นจากการปฏิบัติหน้าที่ ตามกฎหมายแล้วพล.อ.ประยุทธ์สามารถรักษาการต่อได้หรือไม่ว่า ในเรื่องการรักษาการต่อหรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องตีความ โดยหลักแล้วหากเป็นการพ้นจากตำแหน่งในกรณีอื่น การรักษาการ ไม่เป็นไร แต่กรณีนี้คือ พล.อ.ประยุทธ์ เกิดจากการที่ขาดคุณสมบัติในการเป็นนายกรัฐมนตรีเกิน 8 ปี ซึ่งการตีความจะให้ พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ต่อเป็นเรื่องที่น่าสงสัยว่าตีความเข้าข้าง พล.อ.ประยุทธ์เกินไปหรือไม่ ทั้งนี้ อยู่ที่ศาลจะตีความ แต่หากศาลวินิจฉัยว่าให้พ้นจากตำแหน่งจริง พล.อ.ประยุทธ์ คงรู้ตัวเอง และใช้มารยาททางการเมืองของผู้นำ ถอยตัวเองออกไป ให้ท่านอื่นขึ้นมารักษาการแทนจะเหมาะสมกว่า

“หาก พล.อ.ประยุทธ์จะทำต่อ ไม่ฟังใคร แล้วเอาตัวเองเป็นตัวตั้ง โดยองค์ประกอบผู้ที่จะตีความส่วนใหญ่แล้ว ไม่ว่าจะกฤษฎีกาอื่นๆ ล้วนมาจากเครือข่ายของ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งจะทำให้กระบวนการกลไกของประเทศจะยึดโยงกับคณะรัฐประหารที่ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นหัวหน้ามากเกินไปหรือไม่ ขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้โปรดพิจารณาตัวเองด้วย” นายธีรัจชัยกล่าว

เมื่อถามว่า มองอย่างไรที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เตรียมรับมือในกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์พ้นจากตำแหน่ง จะดัน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร.แทน นายธีรัจชัยกล่าวว่า อยู่ในเครือข่ายเดิม เป็นลูกพี่ของ พล.อ.ประยุทธ์ ถึงแม้จะมีความเห็นต่าง หรือความแตกแยกกันในระดับหนึ่งของพี่น้อง 3 ป. แต่อย่างไรก็ไม่พ้นอำนาจเครือข่ายรัฐประหารเดิม อำนาจยังไม่อยู่กับประชาชนเหมือนเดิม ก็ไม่ได้เกิดประโยชน์เท่าไหร่

ถามต่อว่า กรณีที่พรรคร่วมรัฐบาลเริ่มมีการบาดหมางกัน ในอนาคตมีโอกาสที่จะยุบสภา เกิดขึ้นได้หรือไม่ นายธีรัจชัยกล่าวว่า เกิดได้เสมอในช่วง 6 เดือนสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง เพราะในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลในช่วงแรกๆ อาจจะเกรงใจเพราะกลัวจะถูกตัดออกจากพรรคร่วมรัฐบาล แต่เมื่อเหลือ 6 เดือนสุดท้าย แต่ละพรรคการเมืองก็ย่อมที่จะเป็นตัวของตัวเอง เพื่อจะให้ประชาชนเชื่อว่าตัวเองไม่ได้อยู่ฝ่ายรัฐประหาร ทั้งที่อยู่มา 3 ปีแล้ว และเพื่อแสดงว่ามีนโยบายหรือผลงานอะไร เพื่อจะให้ประชาชนเลือกต่อไปได้เท่านั้น ซึ่งไม่ได้มีอะไรที่แปลก

นายธีรัจชัยกล่าวต่อว่า ทั้งนี้ การเมืองที่ควรจะเป็นแบบพรรค ก.ก.ทำ คือเรายืนยันชัดเจนว่าไม่เอาโครงสร้างแบบรัฐประหาร เราจะเปลี่ยนแปลงในรูปแบบโครงสร้างประเทศไปสู่ประชาธิปไตย ที่มีอำนาจมาจากประชาชนจริงๆ ไม่ใช่ให้ ส.ว. 250 คน เลือกนายกรัฐมนตรี

“การเลือกตั้งครั้งที่จะถึง ผมเชื่อว่าประชาชนน่าจะมองเห็นอะไรชัดว่า อำนาจจากประชาชนที่บอกว่า เราจะทำตามสัญญาขอเวลาอีกไม่นาน ก็เป็นเพื่ออำนาจกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเท่านั้นเอง ไม่ได้เพื่ออำนาจประชาชนเลย” นายธีรัจชัยกล่าว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่