JJNY : 5in1 เช็กความพร้อมสองฝั่ง│วันนอร์ยันแก้ถูกต้อง│หญิงหน่อยแนะย้อนดูอดีต│หวั่นสงครามการค้าฉุดจีดีพี│รัสเซียรำลึก 1ปี

เช็กความพร้อมสองฝั่ง เพื่อไทย vs ประชาชน ก่อนศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ
https://www.pptvhd36.com/news/การเมือง/245254
.
.
เปิดสถานการณ์พรรครัฐบาลและพรรคฝ่ายค้าน ก่อนศึกซักฟอกอภิปรายไม่ไว้วางใจที่กำลังจะมีขึ้นในวันที่ 24-25 มี.ค. นี้
.
ศึกซักฟอกอภิปรายไม่ไว้วางใจซึ่งกำลังจะมีขึ้นในวันที่ 24-25 มี.ค. นี้ งวดเข้ามาทุกที และเริ่มเห็นความเคลื่อนไหวทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน มีการปล่อยทีเซอร์ของหมัดเด็ดที่จะได้เห็นในวันจริง
.
โดยฝ่ายค้านก็มีทั้งเรื่อง “ดีลแลกประเทศ” หรือข้อมูลวงในที่ “บิ๊กป้อม” ได้มา ส่วนฝ่ายรัฐบาลก็มีการเตรียมพร้อมตั้งรับเต็มที่ รวมถึงองครักษ์พิทักษ์ระเบียบข้อบังคับ ที่ยังไม่ชัดเจนว่าจะเกิดการทักท้วงกันแค่ไหน PPTV ชวนมาเช็กความพร้อมของทั้งสองฝ่ายกัน
.
ครั้งแรกของ “นายกฯ อิ๊งค์” แต่เชื่อมั่น
.
คุณศรัณย์ ทิมสุวรรณ สส.พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า นี่จะเป็นศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งแรกของนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ต้องดูว่าฝ่ายค้านมีข้อมูลอะไรที่จะมากล่าวหาหรืออภิปราย แต่เชื่อว่านายกฯ สามารถตอบทุกคถามที่ฝ่ายค้านติดใจได้
.
เมื่อถามว่านายกฯ มีการซักซ้อมติวเข้มอะไรบ้างหรือไม่ คุณศรัณย์บอกว่า ไม่เชิงซ้อม แต่มีการไปขอคำแนะนำจากผู้ที่มีประสบการณ์หลายท่าน ว่าควรตอบแบบไหน ต้องอธิบายมากน้อยเพียงใด สอบถามบรรยากาศว่าเป็นอย่างไร จะได้เตรียมตัวถูก
.
กรอบเวลา 2 วัน พอหรือไม่ จะถูกประท้วงจนหมดหรือไม่?
.
คุณศรัณย์บอกว่า เรื่องของเวลาในการอภิปรายที่ออกมาเป็นสูตร 28 ชั่วโมงของฝ่ายค้าน 7 ชั่วโมงของฝ่ายรัฐบาล และ 2 ชั่วโมงสำหรับประธานสภานั้น ด้วยความที่ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลต่างมีข้อจำกัดของตัวเอง ต่างฝ่ายต่างมีเป้าหมายไม่ตรงกัน ตัวเลขที่ออกมาตอนนี้จึงถือว่าดีที่สุดแล้ว
.
สูตรนี้ที่ออกมา เป็นสิ่งที่แต่ละฝั่งยอมอะลุ้มอล่วยเท่าที่จะเป็นไปได้ คุยกันหลายครั้งจนออกมาแบบนี้ ทั้งสองฝั่งที่เจรจาก็คงไม่ได้แฮปปี้ทุกคน แต่เชื่อว่าเป็นทางที่ดีสุด เพราะเราต้องการให้การอภิปรายเกิดได้ ทั้งสองฝั่งจะได้ทำงาน” คุณศรัณย์บอก
.
สส.พรรคเพื่อไทยเสริมว่า ด้วยความที่ไม่รู้ว่าฝ่ายค้านจะอภิปรายอะไรบ้าง แต่ไปดูญัตติ เทียบกับการอภิปรายหลายครั้งในอดีต ถ้าอภิปรายนายกฯ บวกรัฐมนตรี จะใช้เวลารวม 50-60 ชั่วโมง ครั้งนี้อภิปรายนายกฯ โดยตรงคนเดียว ฝั่งที่ตั้งรับจึงมองว่า 10 คน 3 วัน ถ้าคนเดียวไม่ควรถึง 3 วัน
.
พอโจทย์มาอย่างนี้ หาตรงกลางยาก แต่ก็ได้ออกมาอย่างนี้ ทุกคนไม่ได้แฮปปี้ แต่เพื่อให้อภิปรายเกิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็ถือว่าเราทำเต็มที่แล้ว” คุณศรัณย์กล่าว
.
ด้าน คุณชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สส.พรรคประชาชน เสริมว่า ฝ่ายค้านเองยอมรับว่า นี่ไม่ใช่ข้อสรุปที่ดีที่สุด แต่เหมาะสมที่สุดแล้ว “ตอนแรกเราเสนอไปโดยขอกรอบเวลา 30 ชั่วโมง ซึ่งคิดมาจากฝั่งเราจะให้ผู้อภิปรายไปกำหนดเวลาของตัวเอง ดูว่าแต่ละคนมีญัตติประเด็นซ้ำซ้อนหรือไม่ แล้วเอาเวลาทั้งหมดมาคิดรวม
.
ซึ่งเมื่อโดนตัดเวลามา ทำให้ต้องลดเนื้อหา ตรงไหนปรับได้ก็ต้องปรับ ส่วนเรื่องที่ขออภิปรายนายกฯ คนเดียว 3 วันถูกองว่ามากไปนั้น ตนเห็นว่า ในอดีตเคยมีการอภิปรายคนเดียวที่กรอบเวลายาวนานมาแล้ว เช่น พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ หรือคุณบรรหาร ศิลปอาชา
.
คุณชุติพงศ์ยังแสดงความเป็นห่วงฝั่งรัฐบาล ว่า 7 ชั่วโมงที่ได้ไปอาจไม่พอหากมีแต่การประท้วง “ถ้าประท้วงเยอะ นายกฯ จะเหลือเวลาตอบน้อย จริง ๆ อยากให้นายกฯ ได้แสดงศักยภาพ นี่คือโอกาส ดังนั้น ไม่ต้องพยายามชี้แจงแทน ถ้านายกฯ ตอบได้ ก็เป็นผลงาน ถ้าตอบไม่ได้ ไม่ต้องตอบแทน ฝากทีมประท้วงอดใจให้ท่านนายกฯ ได้โชว์
.
คุณศรัณย์เห็นด้วยกับข้อกังวลนี้ โดยบอกว่า มีการคุยกันในที่ประชุมฝั่งรัฐบาลเช่นกัน แต่ยืนยันว่า ถ้าการอภิปรายส่วนใหญ่เป็นเรื่องนายกฯ โดยตรง ไม่เกี่ยวโยงถึงรัฐมนตรีท่านอื่น ก็ไม่ต้องใช้เวลามาตอบ ที่เตรียมไว้น่าจะพอ ถ้าทั้งหมดนายกฯ ชี้แจงได้เอง คิดว่าการบริหารเวลายากแต่ทำได้
.
แต่ที่เรากังวลคือ เมื่อฝ่ายค้านบอกว่าต้องมีการพูดถึงคนนอก แต่ญัตติกล่าวถึงเรื่องไม่ไว้ใจวางใจนายกฯ ก็ขอให้พูดถึงคนนอกได้เท่าที่จำเป็น ซึ่งเป็นสิ่งที่ท่านประธานสภาต้องวินิจฉัย ทางรัฐบาลอาจรู้สึกว่าไม่ต้องเอ่ยถึง อาจต้องประท้วงเป็นบางครั้ง ให้ท่านประธานสร้างมาตรฐาน” สส.พรรคเพื่อไทยกล่าว
.
เขาเสริมว่า ต้องดูว่าพูดถึงคนนอกในแง่ไหน ถ้าพูดแค่เรื่องการคุยกันก็ไม่ต้องประท้วง แต่ถ้าพูดถึงคนนอกเข้ามาทำอะไรมากเกินไป หรือจัดการอะไร อาจต้องดูที่เนื้อหา สิ่งที่ยืนยันได้คือ ในฝั่งรัฐบาลอยากให้นายกฯ ตอบเอง มีการปราม ๆ กัน และยืนยันว่า การประท้วงแต่ละครั้งไม่ได้อยากขัดจังหวะ แต่เพื่อให้เกิดความชัดเจนในญัตติ
.
“ดีลแลกประเทศ” แรงเกินไป?
.
เมื่อถามถึงธีมหัวข้อการอภิปรายของฝ่ายค้านที่ออกมาว่า “ดีลแลกประเทศ” ทำให้เกิดคำถามว่ารุนแรงไปหรือไม่ คุณชุติพงศ์ตอบว่า ให้รอดูเนื้อหาว่าทำไมถึงออกมาแบบนี้ และมองว่า แม้แต่ตอนพรรคเพื่อไทยเป็นฝ่ายค้านด้วยกันก็มีแคมเปญ “เด็ดหัวสอยนั่งร้าน”
.
เรื่องดีลพวกผมยังเปิดเนื้อหาไม่ได้ แต่ถามนายกฯ และคณะรัฐมนตรีว่า เคยทำดีลอะไรไว้บ้าง ดีลแลกอะไรกันไว้บ้าง การที่ใช้คำว่าแลกประเทศ แปลว่ามันต้องมีการแลกอะไรที่ควรค่าและสำคัญมาก แต่คำถามคือ ในดีลนั้นประชาชนได้อะไร ถ้าไม่ได้อะไร แล้วผลประโยชน์อยู่กับคนบางกลุ่ม ก็ต้องเอามาพูด ฝากถึงรัฐบาลควรไปศึกษาว่าดีลที่เคยทำกันไว้ ทำอะไรไว้บ้าง ชื่ออาจจะแรง แต่อย่าตัดสินหนังสือจากปก เนื้อหาอาจจะโหดกว่า” สส.พรรคประชาชนกล่าว
.
ฝั่งคุณศรัณย์มองว่า เป็นเรื่องปกติของการอภิปรายที่ต้องมีความรุนแรงประมาณนี้ ถ้าเปิดหัวมาทั่ว ๆ ไป มันไม่น่าสนใจ และเข้าใจว่า ถ้าไม่มีประเด็นหรือข้อมูลระดับหนึ่ง ฝ่ายค้านคงไม่กล้ายื่นอภิปราย
.
อยู่ที่ท่านนายกฯ ว่าจะตอบคำถามเคลียร์ข้อสงสัยได้ขนาดไหน แต่เท่าที่ถาม คณะรัฐมนตรีเตรียมเต็มที่ ธีมมาเป็นดีล ก็ไปดูว่ามีอะไรบ้าง เป็นดีลความตกลงการค้าหรือไม่ ส่วนถ้าเป็นดีลการเมืองคงตอบไม่ได้ ว่าจะมีการเอาอะไรมาผูกอะไรบ้าง” คุณศรัณย์บอก
.
สส.พรรคเพื่อไทยกล่าวอีกว่า “ฝ่ายค้านต้องอภิปรายด้วยหลักฐาน ถึงจะทำให้นายกฯ สามารถเข้าใจได้ว่า ฝ่ายค้านเข้าใจอะไรแบบไหนถูกหรือผิด ให้นายกฯ ชี้แจงว่าถูกผิดหรือเกี่ยวไม่เกี่ยว ตอนนี้คงพูดไม่ได้
.
ส่วนถ้าเป็นเรื่องดีลให้ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้กลับประเทศไทย ก็ต้องอยู่ที่ผู้อภิปรายว่าถามเรื่องอะไรมากน้อยแค่ไหน ต้องว่าดูเอาข้อมูลอะไรมาใช้
.
คุณชุติพงศ์บอกว่า ให้ดูหลักฐานตอนนี้ไม่ได้ แต่คำว่า “ดีล” คือการที่สองฝั่ง ฝั่งหนึ่งอยู่ในครอบครัวนายกฯ ไปดีลกับผู้มีอิทธิพลหรือพรรคอื่น แล้วเกิดผลดีลเป็นไปตามที่เห็น ถ้าเกิดเรื่องพวกนี้ นายกฯ จะชี้แจงว่าไม่ทราบ คนจะมองอย่างไร ถ้าบอกเป็นเรื่องของคนข้างนอก แต่นี่ส่งผลเกิดกับประเทศนะ จะยังไง
.
ดีลคือสองฝั่ง ใครดีลกับใคร แลกอะไรบ้าง คนที่ไปดีลรู้ตัวดี ถ้าเรื่องดีลนายกฯ ไม่รู้ งั้นนายกฯ ตัวจริงคือใคร
.
พูดถึง “คนนอก” ได้แค่ไหน?
.
คุณชุติพงศ์ยืนยันว่า การพูดถึงคนนอกไม่ได้เป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิด เพราะคนนอกอาจมีส่วนเกี่ยวข้อง หากฝ่ายค้านไม่พูดถึง เท่ากับจงใจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ “เรารู้กันดีว่า การเมืองไม่ใช่แค่เรื่องในสภา มันคือการที่บางครั้งผู้มีอำนาจอนุมัติสัมปทาน ผลประโยชน์ต่าง ๆ ให้ผู้มีอิทธิพลหรือประเทศอื่น การจะไม่ให้กล่าวถึงในการอภิปรายเพราพอ้างว่าเป็นคนนอก เท่ากับเราให้ข้อมูลประชาชนไม่ครบ
.
ด้านคุณศรัณย์บอกว่า ไม่ใช่ว่าพูดถึงคนนอกไม่ได้ เพราะปกติมีการพูดถึงเรื่องนอกสภาอยู่แล้ว เป็นการพูดแทนประชาชน ไม่ใช่พูดไม่ได้ แต่สิ่งที่อยากเน้นย้ำคือ “ต้องพูดอย่างเหมาะสม
.
เรื่องดีลอะไรกับคนนอก ต้องพูดแบบให้ประชาชนรับทราบเข้าใจ ถ้าเจาะแค่คนนอกอาจผิดจากที่ประชาชนต้องการ สมมติพูดถึงผลประโยชน์ ต้องชัดว่าให้ใคร มีการให้การรับในรูปแบบใด ไม่ใช่อภิปรายคนนอกเป็นหลัก” คุณศรัณย์กล่าว
.
ล้มนายกฯ ไม่ได้แน่ แล้วคาดหวังอะไร?
.
เมื่อถามคุณชุติพงศ์ว่า มีความเห็นอย่างไรที่หลายฝ่ายเชื่อว่าการอภิปรายครั้งนี้ไม่น่าจะสามารถล่มรัฐบาลได้ สส.พรรคประชาชนบอกว่า “ก็ไม่แน่
โดยบอกว่า “การอภิปรายที่ผ่านมา ครั้ง พล.อ.ชวลิต หรือคุณบรรหาร ก็จบที่การยุบสภากับลาออก มันอยู่ที่เนื้อหา ถ้านายกฯ ถูกอภิปรายจนประชาชนเห็นหลักฐาน ว่าไม่ได้แล้ว หรือพรรคเห็นว่า นายกฯ คนนี้ไม่สร้างคะแนนนิยม ก็อาจเกิดการเปลี่ยนแปลง
.
เป็นเรื่องที่นายกฯ ต้องใช้เวทีนี้ในการแสดงศักยภาพ ว่าตัวเองเป็นผู้นำประเทศ เวทีนี้ฝ่ายค้านเปิดข้อมูล นายกฯ ได้ชี้แจง โชว์วิสัยทัศน์ ก็ขอให้ประชาชนติดตาม ดูว่าสิ่งที่เกิดในประเทศนี้ผ่านอะไรมาบ้าง มาดูและตัดสินไปด้วยกัน” คุณชุติพงศ์กล่าว
.

.
วันนอร์ ยันแก้ญัตติซักฟอก ถูกต้อง ตามข้อบังคับ-รธน. ลั่น 24 มี.ค. เดินหน้าอภิปรายต่อ
https://www.matichon.co.th/politics/news_5103248
.
วันนอร์ ยันแก้ญัตติซักฟอก ถูกต้องตามข้อบังคับ-รธน. ลั่น 24 มี.ค. เดินหน้าอภิปรายต่อ
.
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 21 มีนาคม นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่นายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ทำหนังสือแสดงความเห็นโต้แย้งถึงการแก้ไขญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 ของนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ ที่แก้ไขญัตติว่าอาจไม่ถูกต้องตามข้อบังคับ ลงวันที่ 20 มีนาคม ที่ผ่านมา ว่า ตนได้รับหนังสือดังกล่าว เมื่อเวลา 11.00 น. ของวันนี้ (21 มีนาคม​) และให้รองเลขาธิการฝ่ายกฎหมายพิจารณา ซึ่งผลการพิจารณานั้นเป็นการแก้ไขที่ถูกต้องตามข้อบังคับและรัฐธรรมนูญ แม้ว่าจะแก้ไขโดยการขีดฆ่าและลงลายมือชื่อกำกับก็ตาม
.
นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ การแก้ไขดังกล่าวเป็นเรื่องเล็กน้อย และเป็นประเด็นที่ประธานสภาฯ ขอให้แก้ไขเนื่องจากมีข้อบกพร่อง รวมถึงมีการตกลงกันต่อหน้าตนด้วย ดังนั้น ความเห็นของนายประยุทธ์ ตนจะทำหนังสือแจ้งให้ทราบในวันที่ 24 มีนาคมนี้อีกครั้ง และการประชุมสภาฯ เพื่ออภิปรายไม่ไว้วางใจจะเป็นไปตามกำหนดตามที่ตนได้ออกหนังสือนัดประชุมในวันที่ 24 มีนาคม
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่