ศิริกัญญา อัดนายกฯ บริหารศก.ล้มเหลว ปลุกผีนโยบายเก่า ทำคนสิ้นหวัง จนหวนคิดถึงลุงตู่แล้ว
https://www.matichon.co.th/politics/news_5108434
.
.
“ศิริกัญญา” อัด “นายกฯ” บริหารศก.ผิดพลาดล้มเหลว แก้ปัญหาขายผ้าเอาหน้ารอดไปวันๆ งัดบุญเก่าขายฝันไปถึงดวงดาวความจริงไปไกลแค่ยอดมะพร้าว ทำ “เกษตรกร – แรงงาน – นายทุน” เดือดร้อนถ้วนหน้า
.
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 25 มีนาคม 2568 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นรายบุคคลวันที่สอง น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายหัวข้อการบริหารงานด้านเศรษฐกิจของนายกรัฐมนตรีว่า นายกฯไม่เก่งจริง ไม่มีความเชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ บริหารงานล้มเหลวจนเศรษฐกิจพัง เดือดร้อนกันทุกหย่อมหญ้า ทำให้คนร้องหาคิดถึงลุงตู่ ถือว่าเลวร้ายที่สุดในรอบ 10 ปี บริหารเศรษฐกิจท่าไหนทำให้คนกลับไปนึกถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ รายได้เกษตรกรตกต่ำแทบทุกพืช ข้าวลดลง 17% อ้อยลดลง 14% มันสำปะหลังลดลง 38% และข้าวโพดลดลง 21% ในส่วนนี้ตนไม่โทษกระทรวงพาณิชย์ ไม่โทษกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แต่โทษท่านนายกฯที่ไม่สามารถให้ทิศทางการแก้ปัญหากับรัฐมนตรีได้ ไม่มีความสนใจต่อการแก้ปัญหา และไม่มีน้ำยาพอที่จะประสานงานรัฐมนตรีต่างพรรคให้ทำงานได้ พรรคเพื่อไทยที่ไม่สนไม่แคร์ฐานเสียงหลักขอตัวเองมันก็จบแล้ว
.
“ปัญหาอยู่ที่นายกฯที่แก้ปัญหาไม่เป็น ใช้คนแก้ปัญหาไม่เป็น รายได้คนไม่เพิ่มโตไม่ทันค่าครองชีพ นอกจากรายได้ฝั่งเกษตรที่ลดลง รายได้ของแรงงานมนุษย์เงินเดือนก็ไม่เพิ่ม นายกฯขยันพูดเรื่องการเติบโตของจีดีพี ชาวบ้านไม่รู้สึกอะไรด้วย เพราะจีดีพีโต แต่รายได้ประชาชนไม่ได้เพิ่มด้วย รายได้ชาวนาชาวไร่แดงเถือก รายได้แรงงานไม่โต นายกฯก็ยังชอบสัญญาลมๆ แล้งๆ กี่ครั้งที่หนแล้วที่นายกฯพร่ำเพ้อพูดเรื่องค่าแรง 400 บาท พ่นลมปากออกมาทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าทำไม่ได้ แต่ให้ความหวังไม่หยุด บอกปี’68 ได้แน่ แต่ประชุมคณะกรรมการไตรภาคี 2 รอบแล้วยังทำไม่ได้ วันนี้มีนายกฯสองคนก็ยังทำไม่ได้ หลอกแรงงานให้มีความหวัง แก้ปัญหาราคาข้าวตกต่ำแบบเด็กเล่นขายของ นี่รัฐบาลหรือแก๊งต้มตุ๋นประชาชน ท่านพูดปดหลอกลวงทางการเมืองแบบนี้ทั้งที่เป็นถึงนายกฯ” น.ส.ศิริกัญญากล่าว
.
น.ส.ศิริกัญญากล่าวว่า แม้แต่นักลงทุนรายย่อยในตลาดหุ้น ก็ยังได้รับผลกระทบจากการที่ น.ส.แพทองธารเป็นนายกฯ และอย่าคิดว่าบริษัทใหญ่ๆ เจ้าสัวนายทุนจะรอดทุกราย แนวโน้มไม่สู้ดีเพราะ 925 บริษัทกำไรลดลงจากปีก่อน เหลือไม่กี่บริษัทที่ยังเติบโตได้ในประเทศนี้ ถ้าไม่มีสัมพันธ์อันแนบชิดกับภาคการเมืองปัจจุบันก็เป็นกลุ่มที่มีสัมปทานภาครัฐ ปัญหาแท้จริงอยู่ที่การบริหารเศรษฐกิจที่ผิดพลาด แก้ปัญหารายวันขายผ้าเอาหน้ารอด เศรษฐกิจไทยไม่ใช่ไม่ดี ใครว่าไม่ดีตนเถียงขาดใจ ตอนนี้ดีสุดสุดแล้ว แต่หลังจากนี้ไปจะเป็นขาลง
.
น.ส.ศิริกัญญากล่าวอีกว่า แผนกระตุ้นเศรษฐกิจตามโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 1.8 แสนล้านบาท ล้มเหลวสิ้นเชิง การบริโภคไม่กระเตื้องจีดีพีไม่กระตุก กระตุ้นเศรษฐกิจไม่ขึ้น กระตุ้นความนิยมไม่ขึ้นเหมือนกัน มาตรการเร่งรัดการลงทุนภาครัฐบอกว่าจะเร่งเบิกจ่าย แต่ก็ไม่ได้ผล หมดปีเบิกจ่ายไปได้เพียง 65% ทุกวันนี้รัฐบาลไม่มีแผนภาพรวมมองไม่เห็นทางออก ล่าสุดโครงการใหม่มาอีกจะซื้อหนี้ประชาชน ตนไม่ติดที่จะช่วยเหลือประชาชน แต่ถ้าจะทำใหม่อีกโครงการ ควรรอให้โครงการเก่าดำเนินการไปสักพักดีหรือไม่
.
“พอหลังชนฝาแก้ปัญหารายวันไปเรื่อยๆ พอหมดมุขก็ไปงัดของเก่ามาขาย เป็นการหากินกับบุญเก่า เอะอะเรียกความเชื่อมั่นจากความสำเร็จในอดีต คิดอะไรไม่ออกเอานโยบายในอดีตมาปัดฝุ่นทำใหม่แล้วอธิษฐานว่าให้ได้ผลแบบเดิม ไม่ว่าจะเป็นปลุกผีกองทุนหมู่บ้าน พักหนี้เกษตรกร รีแบรนด์บ้านเอื้ออาทรเป็นบ้านเพื่อคนไทย แต่วันนี้สถานการณ์ไม่เหมือนเดิม เศรษฐกิจฐานรากเปลี่ยนไปมากปัจจุบันหมดบุญเก่าต้องใช้ฝีมือตัวเองจริงๆ ผลงานเลยออกมาแบบที่เห็น นอกจากเอาบุญเก่ามาขาย ยังมีความฝันว่าจะไปไกลถึงดวงดาว แต่ไปได้แค่ยอดมะพร้าว เพราะว่ามือไม่ถึง” น.ส.ศิริกัญญากล่าว
.
น.ส.ศิริกัญญากล่าวด้วยว่า การส่งกลับชาวอุยกูร์จะกระทบปากท้องเราเร็วๆ นี้ ก่อนหน้านี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสหรัฐดูมีไมตรีกับรัฐบาลไทยมาตลอด แต่พอเราตัดสินใจอะไรไปแล้วแต้มต่อคงหายไปด้วย สหภาพยุโรป (อียู) ลงมติประณามไทยเรียกร้องให้ใช้เอฟทีเอกับไทยหลายเรื่อง ขึ้นอยู่กับรัฐบาลไทยจะชี้แจงอย่างไร เพื่อไม่ให้กระทบการเจรจาการค้าเสรี ตนอภิปรายมาทั้งหมดไม่คาดหวังการชี้แจง ไม่ต้องมายกตัวเลขว่าเศรษฐกิจดี ยิ่งพูดยิ่งสะท้อนว่านายกฯและบรรดาลูกน้องรัฐมนตรีของท่านกับประชาชนอยู่คนละโลก เราให้เวลาให้โอกาสท่านมามากพอแล้ว แต่ท่านยังทำนโยบายรายวัน ขายผ้าเอาหน้ารอดไปวันๆ ศักยภาพผู้นำประเทศเป็นแบบนี้สถานการณ์ยังไม่ปั่นป่วนท่านยังทำให้วิบัติได้ขนาดนี้ คลื่นลมพายุกำลังจะมาเราคงไม่สามารถมีผู้นำประเทศแบบนี้ได้จริงๆ เราไม่สามารถอยู่ในสภาวะสิ้นหวังได้อีกแล้ว เราไม่สามารถไว้วางใจ น.ส.แพทองธารเป็นนายกฯได้อีกต่อไป
.
.
รักชนก พ้อไร้เงากี้กี้ประท้วง ซัดนายกฯ ปราบคอล-แก้ทุนเทาไม่ได้ผล จี้ปรับรมว.ดีอี
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9689170
.
รักชนก ซัด นายกฯหน้าไหว้หลังหลอก ปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไม่จริง ฟันธงปราบทุนเทาไม่สำเร็จ เหตุเป็นลูกน้องพ่อ-มีดีลแลกประโยชน์ของตระกูล พร้อมจี้ให้ปรับเก้าอี้ รมว.ดีอี
.
เมื่อวันที่ 25 มี.ค.2568 ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เป็นพิเศษ เป็นวันที่ 2 พิจารณาญัตติเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล คือน.ส.
แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตามที่นาย
ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน กับคณะจำนวน 165 คน เป็นผู้เสนอ
.
เวลา 12.40 น. น.ส.
รักชนก ศรีนอก สส.กทม. พรรคประชาชน อภิปรายว่า แม้ปัญหาอาชญากรรม สแกมเมอร์ และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ดูเหมือนว่าจะได้รับการตอบสนองจากรัฐบาล แต่สิ่งนี้เป็นเพียงภาพลวงตา ผักชีโรยหน้า ที่รัฐบาลอยากทำให้ประชาชนเชื่อว่าตัวเองเอาจริงเอาจัง แต่ในความเป็นจริง นายกฯยังมีพฤติกรรมที่ไม่อาจไว้วางใจให้บริหารอีกต่อไป เพราะนายกฯขาดภาวะผู้นำ ปล่อยให้เกิดภาวการณ์เกี่ยงงาน จนทำให้เกิดความเสียหายกับประชาชน
.
นายกฯ ยังลอยตัวอยู่เหนือปัญหา และนายกฯ กลับจงใจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เพื่อเอื้อผลประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนและพวกพ้อง จงใจปล่อยให้เกิดการทุจริตในระบบราชการ มองดูการคอร์รัปชันโดยไม่จัดการ จนวันนี้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์จะไปจบตรงไหน ยืนยันว่าความเสียหายนี้เกิดจากเรามีนายกฯที่ชื่อ
แพทองธาร ชินวัตร
.
ทั้งที่ประเทศเราควรจะได้ตัวเลือกที่ดีกว่านี้ แต่เพราะท่านและครอบครัวท่านไปทำดีลกับปีศาลเอาผลประโยชน์ของคนทั้งชาติไปแลกผลประโยชน์ของครอบครัว สิ่งนี้สะท้อนความไม่ซื่อสัตย์ สุจริต ถ้าปล่อยให้ท่านบริหารราชการแผ่นดินต่อไป จะทำให้ประเทศเสียหายร้ายแรง
.
น.ส.
รักชนก กล่าวว่า ถ้าดูจากตัวเลขความเสียหายในการหลอกลวงเงินคนทั่วโลกในปี 2566 สูงถึง 2.24 ล้านล้านบาท ซึ่งในความเสียหายอยู่ที่ 3 ประเทศที่มีชายแดนติดกับประเทศเราคือ ลาว กัมพูชา และพม่า โดยตัวเลขของกัมพูชา 430,000 ล้านบาท ซึ่งคือตัวเลขที่หลอกลวงคนไทย
.
ทั้งที่พรรคเพื่อไทยตั้งเป้าอยากให้ประเทศไทยเป็นฮับท่องเที่ยว ฮับดิจิทัล ฮับการบิน แต่เราเป็นได้แค่ฮับเดียว คือ ฮับของคนที่ทำท่าเป็นนักท่องเที่ยว แต่จริงๆแล้ว เข้ามาทำธุรกิจสีเทา ตนยืนยันว่าปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์นั้นเร่งด่วน และทุกคนเจอกับตัว แม้กระทั่งนายกฯ ที่ถูกห้อมล้อมด้วยความปลอดภัยยังเจอปัญหานี้เลย ในกรณีนายกฯให้สัมภาษณ์ว่าตนเองถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่อ้างว่าเป็นผู้นำประเทศหลอกให้โอนเงิน ซึ่งมาเล่าหน้าตาเฉยว่าเกือบหลงเชื่อ
.
แต่ท่านเคยคิดหรือไม่ว่า สิ่งที่ท่านเจอนั้น สะท้อนว่า ขนาดนายกฯมิจฉาชีพยังเข้าถึงได้ และการที่เขาบอกว่าเป็นผู้นำประเทศ แสดงว่าเขารู้ว่าเขาคุยอยู่กับใคร ท่านต้องสืบเรื่องนี้และดูว่าต้นตอที่ทำข้อมูลท่านหลุดรั่วนั้น มาจากไหน ท่านต้องเอาผิดคนที่ทำข้อมูลท่านหลุด
.
แต่วันนี้มิจฉาชีพยังเข้าถึงข้อมูลนายกฯได้แล้วท่านคิดว่าตาสีตาสาเขาจะรอดหรือ ประชาชนเขาอยากได้นายกฯที่มาแก้ไขปัญหาให้ไม่ใช่เขาอยากได้นายกฯที่มาบอกว่าฉันก็เจอปัญหาเหมือนกับเธอ แต่ฉันรอด ถ้าท่านเป็นนายกฯแล้วทำได้แค่นี้เราไม่ต้องมีนายกฯที่ชื่อแพทองธารก็ได้
.
น.ส.
รักชนก กล่าวว่า การตัดไฟ ปฏิเสธไม่ได้ว่าการที่ทำให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์มีความสว่าง ก็เป็นทรัพยากรไฟจากประเทศเรา ซึ่งการตัดไฟเป็นก้าวแรกในการทำลายรังของมิจฉาชีพ แต่เป็นก้าวแรกที่ยากลำบากมาก เรื่องการตัดไฟมีแค่ 2 รองนายกฯที่เกี่ยงกันไปมา แต่นายกฯที่มีหน้าที่ไม่เคยออกมาพูดเรื่องนี้เลย
.
กระทั่งนาย
ทักษิณ ชินวัตร ออกมาพูดเรื่องตัดไฟเพื่อนบ้าน ตนไม่แน่ใจว่า นี่หรือไม่คือคนที่มีอำนาจสั่งการครม. หรือจะเป็น
หลิวจงอี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงและสาธารณะ สาธารณรัฐประชาชนจีน ที่หอบสังขารมาถึงไทย ซึ่งน่าเศร้าใจแค่ไหนที่มาหวังให้รัฐมนตรีจีนกดดันรัฐบาลไทยทำหน้าที่ของตัวเอง รวมถึงธุรกิจที่ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ แต่มีกลุ่มทุนที่อาจเสียประโยชน์
.
ตั้งแต่นาย
ประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ทำหน้าที่ 2 ปี แต่พระราชกำหนดเพื่อแก้ปัญหาและให้ธนาคารร่วมรับผิดชอบต่อผู้เสียหายยังไม่ออกมาบังคับใช้ จึงควรทบทวนปรับออกจากตำแหน่ง
.
“
น่าโมโหหรือไม่ที่เอกชนนำข้อมูลประชาชนไปวิเคราะห์ทำกำไรเพิ่ม แต่เมื่อข้อมูลหลุด กลับไม่รับผิดชอบ ขณะที่รัฐบาลไม่ดำเนินการใดๆ กรณีที่มีนายกฯ ชื่อ แพทองธาร จึงติดขัดเพราะไม่ว่าหันหน้าทางไหนมีผลประโยชน์ต่อกลุ่มทุน การจัดการเรื่องนี้ต้องบังคับให้กลุ่มทุนรับผิดชอบ ให้เขามีกำไรน้อยที่สุด โดยนายกฯ ควรเกรงใจประชาชน ไม่ใช่เกรงใจเพื่อนพ่อ หรือ กลุ่มทุน” น.ส.
รักชนก กล่าว
.
น.ส.
รักชนก กล่าวอีกว่า การจัดการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รัฐบาลไม่เคยจัดการรายใหญ่ได้ เป็นเพราะเจ้าหน้าที่รัฐและนักการเมืองอำนวยความสะดวกให้หรือไม่ กรณีรัฐบาลย้ายนายตำรวจยศใหญ่อย่าง ผู้การต๊ะ ที่เกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แล้วทำอย่างไรต่อมีการพิสูจน์เส้นเงินหรือคนในครอบครัวว่าเกี่ยวข้องหรือไม่
.
นอกจากนั้นแล้ว ยังมีบุคคลที่ชื่อย่อ “
ย.ยักษ์” ที่ใกล้ชิดกับบิดานายกฯ ในพื้นที่ จ.เชียงราย ทำให้ไม่สามารถปราบปรามได้ ซึ่งปัญหาไม่ใช่ความไร้ประสิทธิภาพอย่างเดียว แต่จงใจปล่อยปละเพราะมีผลประโยชน์แอบแฝง ซึ่งต่างจากการปราบปรามปัญหาของต่างประเทศที่มีการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบทั้งกระบวนการ
.
“
การทำงานของน.ส.แพทองธาร ไม่กล้าแตะประโยชน์ของกลุ่มทุน เพราะไม่ว่ากลุ่มทุนไหนได้ร่วมโต๊ะกับพ่อนายกฯมาแล้ว ขณะที่ทุนเทา คือลูกน้องของพ่อนายกฯ ซึ่งนายกฯ ทำเป็นมองไม่เห็นทำให้ประเทศไทยเป็นสวรรค์ของมิจฉาชีพ ครอบครัวชินวัตรเอาประโยชน์ของคนในชาติแลกประโยชน์กับตระกูลตัวเอง” น.ส.
รักชนก กล่าว
.
ทั้งนี้ ระหว่างการอภิปรายของ น.ส.
รักชนก ช่วงหนึ่งได้หยุดอภิปรายช่วงหนึ่งก่อนกล่าวว่า “
เงียบเหงามากไม่มีใครลุกประท้วงดิฉันเลย” ซึ่งได้สร้างเสียงหัวเราะให้กับสส.พรรคประชาชนที่นั่งให้กำลังใจโดยรอบ
JJNY : 5in1 ศิริกัญญาอัดนายกฯ│รักชนกพ้อไร้เงากี้กี้│แนะใช้ ฟิล์มกันเผือก│พ้อยุคนี้เห็นชัด‘รายรับไม่พอจ่าย’│สื่อนอกซัดไทย
https://www.matichon.co.th/politics/news_5108434
.
.
รักชนก พ้อไร้เงากี้กี้ประท้วง ซัดนายกฯ ปราบคอล-แก้ทุนเทาไม่ได้ผล จี้ปรับรมว.ดีอี
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9689170
.
รักชนก ซัด นายกฯหน้าไหว้หลังหลอก ปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไม่จริง ฟันธงปราบทุนเทาไม่สำเร็จ เหตุเป็นลูกน้องพ่อ-มีดีลแลกประโยชน์ของตระกูล พร้อมจี้ให้ปรับเก้าอี้ รมว.ดีอี
.
เมื่อวันที่ 25 มี.ค.2568 ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เป็นพิเศษ เป็นวันที่ 2 พิจารณาญัตติเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล คือน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตามที่นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน กับคณะจำนวน 165 คน เป็นผู้เสนอ
.
เวลา 12.40 น. น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กทม. พรรคประชาชน อภิปรายว่า แม้ปัญหาอาชญากรรม สแกมเมอร์ และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ดูเหมือนว่าจะได้รับการตอบสนองจากรัฐบาล แต่สิ่งนี้เป็นเพียงภาพลวงตา ผักชีโรยหน้า ที่รัฐบาลอยากทำให้ประชาชนเชื่อว่าตัวเองเอาจริงเอาจัง แต่ในความเป็นจริง นายกฯยังมีพฤติกรรมที่ไม่อาจไว้วางใจให้บริหารอีกต่อไป เพราะนายกฯขาดภาวะผู้นำ ปล่อยให้เกิดภาวการณ์เกี่ยงงาน จนทำให้เกิดความเสียหายกับประชาชน
.
นายกฯ ยังลอยตัวอยู่เหนือปัญหา และนายกฯ กลับจงใจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เพื่อเอื้อผลประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนและพวกพ้อง จงใจปล่อยให้เกิดการทุจริตในระบบราชการ มองดูการคอร์รัปชันโดยไม่จัดการ จนวันนี้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์จะไปจบตรงไหน ยืนยันว่าความเสียหายนี้เกิดจากเรามีนายกฯที่ชื่อ แพทองธาร ชินวัตร
.
ทั้งที่ประเทศเราควรจะได้ตัวเลือกที่ดีกว่านี้ แต่เพราะท่านและครอบครัวท่านไปทำดีลกับปีศาลเอาผลประโยชน์ของคนทั้งชาติไปแลกผลประโยชน์ของครอบครัว สิ่งนี้สะท้อนความไม่ซื่อสัตย์ สุจริต ถ้าปล่อยให้ท่านบริหารราชการแผ่นดินต่อไป จะทำให้ประเทศเสียหายร้ายแรง
.
น.ส.รักชนก กล่าวว่า ถ้าดูจากตัวเลขความเสียหายในการหลอกลวงเงินคนทั่วโลกในปี 2566 สูงถึง 2.24 ล้านล้านบาท ซึ่งในความเสียหายอยู่ที่ 3 ประเทศที่มีชายแดนติดกับประเทศเราคือ ลาว กัมพูชา และพม่า โดยตัวเลขของกัมพูชา 430,000 ล้านบาท ซึ่งคือตัวเลขที่หลอกลวงคนไทย
.
ทั้งที่พรรคเพื่อไทยตั้งเป้าอยากให้ประเทศไทยเป็นฮับท่องเที่ยว ฮับดิจิทัล ฮับการบิน แต่เราเป็นได้แค่ฮับเดียว คือ ฮับของคนที่ทำท่าเป็นนักท่องเที่ยว แต่จริงๆแล้ว เข้ามาทำธุรกิจสีเทา ตนยืนยันว่าปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์นั้นเร่งด่วน และทุกคนเจอกับตัว แม้กระทั่งนายกฯ ที่ถูกห้อมล้อมด้วยความปลอดภัยยังเจอปัญหานี้เลย ในกรณีนายกฯให้สัมภาษณ์ว่าตนเองถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่อ้างว่าเป็นผู้นำประเทศหลอกให้โอนเงิน ซึ่งมาเล่าหน้าตาเฉยว่าเกือบหลงเชื่อ
.
แต่ท่านเคยคิดหรือไม่ว่า สิ่งที่ท่านเจอนั้น สะท้อนว่า ขนาดนายกฯมิจฉาชีพยังเข้าถึงได้ และการที่เขาบอกว่าเป็นผู้นำประเทศ แสดงว่าเขารู้ว่าเขาคุยอยู่กับใคร ท่านต้องสืบเรื่องนี้และดูว่าต้นตอที่ทำข้อมูลท่านหลุดรั่วนั้น มาจากไหน ท่านต้องเอาผิดคนที่ทำข้อมูลท่านหลุด
.
แต่วันนี้มิจฉาชีพยังเข้าถึงข้อมูลนายกฯได้แล้วท่านคิดว่าตาสีตาสาเขาจะรอดหรือ ประชาชนเขาอยากได้นายกฯที่มาแก้ไขปัญหาให้ไม่ใช่เขาอยากได้นายกฯที่มาบอกว่าฉันก็เจอปัญหาเหมือนกับเธอ แต่ฉันรอด ถ้าท่านเป็นนายกฯแล้วทำได้แค่นี้เราไม่ต้องมีนายกฯที่ชื่อแพทองธารก็ได้
.
น.ส.รักชนก กล่าวว่า การตัดไฟ ปฏิเสธไม่ได้ว่าการที่ทำให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์มีความสว่าง ก็เป็นทรัพยากรไฟจากประเทศเรา ซึ่งการตัดไฟเป็นก้าวแรกในการทำลายรังของมิจฉาชีพ แต่เป็นก้าวแรกที่ยากลำบากมาก เรื่องการตัดไฟมีแค่ 2 รองนายกฯที่เกี่ยงกันไปมา แต่นายกฯที่มีหน้าที่ไม่เคยออกมาพูดเรื่องนี้เลย
.
กระทั่งนายทักษิณ ชินวัตร ออกมาพูดเรื่องตัดไฟเพื่อนบ้าน ตนไม่แน่ใจว่า นี่หรือไม่คือคนที่มีอำนาจสั่งการครม. หรือจะเป็นหลิวจงอี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงและสาธารณะ สาธารณรัฐประชาชนจีน ที่หอบสังขารมาถึงไทย ซึ่งน่าเศร้าใจแค่ไหนที่มาหวังให้รัฐมนตรีจีนกดดันรัฐบาลไทยทำหน้าที่ของตัวเอง รวมถึงธุรกิจที่ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ แต่มีกลุ่มทุนที่อาจเสียประโยชน์
.
ตั้งแต่นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ทำหน้าที่ 2 ปี แต่พระราชกำหนดเพื่อแก้ปัญหาและให้ธนาคารร่วมรับผิดชอบต่อผู้เสียหายยังไม่ออกมาบังคับใช้ จึงควรทบทวนปรับออกจากตำแหน่ง
.
“น่าโมโหหรือไม่ที่เอกชนนำข้อมูลประชาชนไปวิเคราะห์ทำกำไรเพิ่ม แต่เมื่อข้อมูลหลุด กลับไม่รับผิดชอบ ขณะที่รัฐบาลไม่ดำเนินการใดๆ กรณีที่มีนายกฯ ชื่อ แพทองธาร จึงติดขัดเพราะไม่ว่าหันหน้าทางไหนมีผลประโยชน์ต่อกลุ่มทุน การจัดการเรื่องนี้ต้องบังคับให้กลุ่มทุนรับผิดชอบ ให้เขามีกำไรน้อยที่สุด โดยนายกฯ ควรเกรงใจประชาชน ไม่ใช่เกรงใจเพื่อนพ่อ หรือ กลุ่มทุน” น.ส.รักชนก กล่าว
.
น.ส.รักชนก กล่าวอีกว่า การจัดการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รัฐบาลไม่เคยจัดการรายใหญ่ได้ เป็นเพราะเจ้าหน้าที่รัฐและนักการเมืองอำนวยความสะดวกให้หรือไม่ กรณีรัฐบาลย้ายนายตำรวจยศใหญ่อย่าง ผู้การต๊ะ ที่เกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แล้วทำอย่างไรต่อมีการพิสูจน์เส้นเงินหรือคนในครอบครัวว่าเกี่ยวข้องหรือไม่
.
นอกจากนั้นแล้ว ยังมีบุคคลที่ชื่อย่อ “ย.ยักษ์” ที่ใกล้ชิดกับบิดานายกฯ ในพื้นที่ จ.เชียงราย ทำให้ไม่สามารถปราบปรามได้ ซึ่งปัญหาไม่ใช่ความไร้ประสิทธิภาพอย่างเดียว แต่จงใจปล่อยปละเพราะมีผลประโยชน์แอบแฝง ซึ่งต่างจากการปราบปรามปัญหาของต่างประเทศที่มีการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบทั้งกระบวนการ
.
“การทำงานของน.ส.แพทองธาร ไม่กล้าแตะประโยชน์ของกลุ่มทุน เพราะไม่ว่ากลุ่มทุนไหนได้ร่วมโต๊ะกับพ่อนายกฯมาแล้ว ขณะที่ทุนเทา คือลูกน้องของพ่อนายกฯ ซึ่งนายกฯ ทำเป็นมองไม่เห็นทำให้ประเทศไทยเป็นสวรรค์ของมิจฉาชีพ ครอบครัวชินวัตรเอาประโยชน์ของคนในชาติแลกประโยชน์กับตระกูลตัวเอง” น.ส.รักชนก กล่าว
.
ทั้งนี้ ระหว่างการอภิปรายของ น.ส.รักชนก ช่วงหนึ่งได้หยุดอภิปรายช่วงหนึ่งก่อนกล่าวว่า “เงียบเหงามากไม่มีใครลุกประท้วงดิฉันเลย” ซึ่งได้สร้างเสียงหัวเราะให้กับสส.พรรคประชาชนที่นั่งให้กำลังใจโดยรอบ