แม่ค้าตามสั่ง-ข้าวราดแกง โอด ก๊าซหุงต้มขึ้นราคา แบกต้นทุนแทบไม่ไหว
https://ch3plus.com/news/economy/ch3onlinenews/308662
วันนี้ (1 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจการจำหน่ายสินค้าในประเภทต่างๆ ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น หลัง พบว่ามีการปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้มขึ้นอีก ซึ่งวันนี้เป็นวันแรก ทำให้ราคาก๊าซหุงต้มขนาด 15 กก.อยู่ที่ 408 บาทต่อถัง จากเดือนส.ค.65 ที่ขายถังละ 393 บาทต่อถัง 15 กก.
โดยที่อาหารตามสั่งและก๋วยเตี๋ยวไก่ตุ๋น ในตลาดสดบางลำพู เขตเทศบาลนครขอนแก่น ซึ่งเป็นร้านอาหารที่ต้องใช้ก๊าชหุงต้มในการทำอาหารเกือบทั้งวัน เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ก๊าชหุงต้มปรับขึ้นราคาก็ทำให้ที่ร้านยังพอพยุงราคาและต้นทุนได้อยู่ แต่พอวันนี้มีการปรับขึ้นราคาก๊าชหุงต้มขึ้นไปอีก ถังละ 408 บาท ทำให้ทางร้านต้องแบกรับต้นทุนหนักขึ้นไปอีก เพราะก๊าชหุงต้มที่ทางร้านใช้จะอยู่ที่ขนาดถัง 15 กิโลกรัม โดยจะใช้ 2 ถัง ถังหนึ่งใช้ทำอาหารตามสั่ง อีกถังใช้ต้มน้ำซุปก๋วยเตี๋ยวไก่ตุ๋น ซึ่งต้องเปิดก๊าชหุงต้มตลอดเวลา ก็จะทำให้ 1 ถังจะใช้ได้อยู่ประมาณ 4-5 วันหมด กำไรที่ได้จากขายอาหารและก๋วยเตี๋ยว ก็จะทยอยเก็บไว้วันละ 50-100 บาท เพื่อเป็นค่าเปลี่ยนถังก๊าชหุงต้ม แต่ทุกวันนี้ก็ต้องเก็บเพิ่มอีก เพื่อให้พอค่าเปลี่ยนถัง ส่วนราคาค่าอาหารตอนนี้ยังไม่มีการปรับเพิ่มราคาแต่อย่างใด ยังคงขายราคาเท่าเดิม 40-50 บาท พร้อมวอนรัฐบาลหลังครบ 3 เดือนที่มีการประกาศปรับราคาก๊าซหุงต้มช่วยคุมราคาค่าไว้เท่านี้ก็ยังดี
เช่นเดียวกันกับร้านขายอาหารข้าวราดแกงเจ๊เงาะ ตั้งอยู่ถนนชวนชื่น เขตเทศบาลนครขอนแก่น นาง
พนิดา มุสิตาติ เจ้าของร้านอาหาร เปิดเผยว่า ที่ร้านจะใช้ก๊าชหุงต้มในการทำอาหารอยู่ประมาณ 2-3 ถัง เพราะต้องทำอาหารหลายอย่าง ทั้งผัด ต้ม ตุ๋น แกง โดยจะเริ่มทำอาหารอย่างแรกตั้งแต่ ตี 3 จนถึง 9 โมงเช้า ก็เปิดร้าน ส่วนอาหารที่ต้องใช้ก๊าชหุงต้มอยู่ตลอดเวลาจะเป็นประเภทแกงและตุ๋น ทำให้ก๊าช 1 ถังใช้ได้ประมาณ 2 วันก็หมด ยอมรับว่า ราคาก๊าชหุงต้มที่ปรับขึ้นราคากระทบกับทางร้านเป็นอย่างมาก ตอนนี้จึงได้เปลี่ยนมาเป็นการใช้วิธีการเติมครั้งละ 100-200 บาทต่อถัง เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายไปก่อน จนกว่าสถานการณ์ราคาก๊าชหุงต้มจะนิ่ง
เปิดใจ “หนุ่มเยอรมัน” ชูรูปต้าน ”บิ๊กป้อม” ลั่นพูดแทนคนไทย ส่วนใหญ่ไม่กล้า
https://www.nationtv.tv/news/region/378885109
เปิดใจ “หนุ่มเยอรมัน” ชูรูปต่อต้าน ”บิ๊กป้อม” กลางสี่แยกเมืองระยอง ลั่นเคยไปร่วมชุมนุมหลายครั้ง ทำเพราะสงสารคนไทยรัฐบาลไม่ช่วยอะไร ไม่กลัวถูกส่งกลับประเทศ
วันนี้ (1ก.ย.65) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่าผู้ชายชาวต่างชาติถือรูป พล.อ.
ประวิตร วงษ์สุวรรณ รักษาการนายกรัฐมนตรี โดยมีการขีดกากบาทสีแดงตรงหน้า ขนาดรูป กว้างประมาณ 50 ซม. สูง 70 ซม.อยู่ตรงเกาะกลางสี่แยกตะพง ถนนสุขุมวิท ต.ตะพง อ.เมือง จ.ระยอง จึงได้เดินทางไปตรวจสอบ พบชาวต่างชาติ รูปร่างสูงใหญ่ สวมแว่นดำ เสื้อกล้ามสีขาว กางเกงขาสั้นสีดำ รองเท้าสีน้ำเงิน กำลังนั่งอยู่ที่เกาะกลางถนน โดยมีรูป บิ๊กป้อมพิงอยู่ข้างตัว ต่อมาก็ลุกขึ้นชูรูปขึ้นแล้วก็เดินไปมาก่อนจะวิ่งไปขึ้นรถที่จอดอยู่ริมถนนแล้วขับออกไป ทำให้ชาวบ้านและผู้ที่สัญจรไปมา ต่างก็สนใจ และ แปลกใจว่า แสดงออกถึง อะไร และ ทำไปเพื่อวัตถุประสงค์ใด เพราะไม่มีข้อความ หรือ พูดใด ต่างก็คาดการณ์ไปต่างๆนานา
สำหรับชาวต่างชาติคนดังกล่าว เมื่อช่วงเช้าวันที่ 31 ส.ค.ได้ไปชูรูปเดียวกันตรงบริเวณ สี่แยกออคิด ถ.สุขุมวิท อ.เมือง จ.ระยองมาแล้วครั้งหนึ่ง โดยชูไม่นานก็ขึ้นรถหายไปเหมือนเช่นวันนี้
ทั้งนี้จากการตรวจสอบทราบว่า ชาวต่างชาติที่ถือป้าย ชื่อ นาย
ฟักทอง พักอยู่กับภรรยาในจ.ระยอง ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบกับนาย
ฟักทอง หรือ มิสเตอร์ Moritz pfoh อายุ 35 ปี เมื่อสอบถามถึง การชูรูป "
พล.อ.ประวิตร" ได้เปิดเผยว่าการที่ออกมาแสดงออกเพราะสงสารคนไทย ที่ต้องเผชิญกับรัฐบาลที่ไม่ช่วยคนไทย เพราะส่วนใหญ่ไม่กล้าพูด ตนเองเป็นคนเยอรมันจึงไม่กลัวจึงขอช่วย แม้อาจจะต้องถูกส่งกลับประเทศก็ไม่กลัวเพราะทำไปเพราะสงสารคนไทย พร้อมชูป้าย "
บิ๊กป้อม" ที่มีกากบาทสีแดงตรงหน้า พร้อมชี้ว่า คนนี้ไม่ช่วยประชาชน “
พล.อ.ประยุทธ์” ก็ด้วย โดยตนเองออกมาชูป้าย 3 วันแล้ว
ครั้งแรกในตลาดเพ ต.เพ ครี้งที่ 2 ที่ สี่แยกออคิด อ.เมือง จ.ระยอง และ ล่าสุดที่ สี่แยกตะพง ส่วนใหญ่ 90 เปอร์เซ็นชอบ แต่ก็มีคนไม่ชอบเหมือนกันแต่น้อยมาก ซึ่งจะทำต่อไปโดยเตรียมจะเดินทางไปชูป้ายที่กรุงเทพ ในวันที่ 3 ก.ย.65 และ ช่วยคนไทยต่อสู้ต่อไป
ชลน่าน ไม่ขัด หากนำเนื้อหากม.เลือกตั้ง มาออก พ.ร.ก. แต่อาจไม่ชอบด้วยรธน.
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7242993
ชลน่าน ไม่ขัด หากเอาเนื้อหา พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. มาออกพ.ร.ก. แต่ท้วงอำนาจในการ ออกพ.ร.ก.ว่าจะชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่
เมื่อวันที่ 1 ก.ย.2565 นพ.
ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณีนาย
วิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ระบุถึงกระแสข่าวยุบสภาระหว่างที่ ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ยังไม่มีผลบังคับใช้ โดยวิธีหนึ่งคือการออกเป็นพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) เนื่องจากไม่ยุ่งยาก สามารถนำร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบไปแล้วมาจัดทำเป็นพ.ร.ก.ได้ว่า ถ้ามีการออก พ.ร.ก.ที่มีเนื้อหาคล้ายกับร่างพ.ร.ป. ก็อาจจะอ้างอย่างอื่น เช่น มาตรา 5 ประเพณีการปกครอง และใช้เงื่อนไขในส่วนนี้ออกมาเพื่อให้ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ หากออกมาโดยไม่อ้างมาตรา 5 อาจจะไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญมาตรา 172
ทั้งนี้ การออก พ.ร.ก.มาบังคับใช้เช่นเดียวกับพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) วรรคแรก ระบุไว้ว่าอาจจะมีการเลี่ยงมาตรานี้และไปใช้มาตรา 5 เนื่องจากไม่สามารถออกพ.ร.ก.โดยใช้มาตรา 172 ได้ ก็ใช้ประเพณีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข คือต้องหากฎหมายมาบังคับใช้ในการเลือกตั้ง โดยประเพณีในอดีตที่ผ่านมาคือการออกพ.ร.ก. ซึ่งแล้วแต่ข้ออ้างในการเลี่ยงรัฐธรรมนูญ หากเขาอ้างเช่นนั้น คนเถียงก็เถียงลำบากเช่นกัน
“ในมุมฝ่ายค้านอยากให้มีการเลือกตั้ง ถ้ากฎหมายที่ใช้เลือกตั้งเป็นธรรม เราเห็นด้วย เราไม่คัดค้าน หากเนื้อหาของ พ.ร.ก.เอา พ.ร.ป.ที่เรายกร่าง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญมาบังคับใช้ เราเห็นด้วยในเนื้อหา แต่เราทักท้วงอำนาจในการออกพ.ร.ก. ว่าจะชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่เท่านั้น” นพ.
ชลน่าน กล่าว
“ก้าวไกล” ยื่น “ชวน” ผลักดันแก้ ป.แพ่ง ม.1567(2) ห้ามผู้ปกครองลงโทษเฆี่ยนตีหรือลงโทษด้อยค่าลูก
https://www.matichon.co.th/politics/news_3539271
เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 1 กันยายน ที่รัฐสภา นาย
ปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล (ก.ก.) พร้อมด้วย น.ส.
ภัสริน รามวงศ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรค ก.ก. และ น.ส.
พนิดา มงคลสวัสดิ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สมุทรปราการ เขต 1 ร่วมแถลงข่าวหลังพรรค ก.ก. ยื่นเสนอร่างแก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ต่อสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวานนี้ (31 สิงหาคม)
โดยนาย
ปดิพัทธ์กล่าวว่า ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวเป็นการขอเสนอแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 1567(2) เป็นกรณีห้ามผู้ปกครองลงโทษทารุณบุตร จากเดิมบัญญัติไว้ว่า “
ผู้ปกครองมีสิทธิทำโทษบุตรเพื่อว่ากล่าวสั่งสอนตามสมควร” ซึ่งคำว่า ตามสมควร มองว่าเป็นคำที่กว้างเกินไปและไม่มีสิทธิเด็กกำกับไว้ แม้จะสอดคล้องกับสุภาษิตรักวัวให้ผูกรักลูกให้ตี แต่ด้วยหลายบริบทสังคมที่เปลี่ยนไป การลงโทษบางครั้งทำให้เด็กกลายเป็นเหยื่อของความรุนแรงในครอบครัว ส่งผลต่อวงจรความรุนแรงในสังคมระยะยาว
นาย
ปดิพัทธ์กล่าวต่อว่า จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้ ก้าวแรกเชื่อว่าต้องแก้ไขกฎหมายที่บังคับใช้เป็นเวลานานและไม่เหมาะสม ซึ่งกฎหมายเดิมยังบังคับใช้มานาน จนขณะนี้ก็ยังไม่มีการแก้ไข และทุกปีก็จะเกิดการทารุณกรรมเรื่อยๆ พรรค ก.ก.จึงเสนอให้เพิ่มถ้อยคำ เพื่อขยายคำว่าตามสมควร เป็นว่า “
แต่ต้องไม่เป็นการกระทำทารุณกรรม หรือทำร้ายร่างกาย หรือจิตใจ ไม่เป็นการเฆี่ยนตี หรือทำโทษอื่นใด อันเป็นการด้อยค่า” เพื่อป้องกันการลงโทษที่เป็นการทารุณกรรมทั้งร่างกายและจิตใจ การกดขี่อัตลักษณ์ทางเพศ ทั้งนี้ พรรค ก.ก.เชื่อว่าการแก้ไขกฎหมายเพียงมาตราเดียวนี้คือ สิ่งที่จะปกป้องเด็กจากการถูกทารุณกรรมทุกรูปแบบได้ จึงขอให้สภาผู้แทนราษฎรสนับสนุน โดยได้ยื่นเรื่องต่อสภา แล้วเพื่อให้ทันการประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยหน้า
น.ส.
ภัสรินกล่าวว่า นอกจากจะเป็นการแก้กฎหมายเพื่อปกป้องเด็กแล้ว การแก้กฎหมายฉบับนี้ยังสอดคล้องกับหลักการในอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กที่ประเทศไทยเป็นภาคีสมาชิก และข้อเสนอแนะของนานาประเทศต่อไทยภายใต้กลไก Universal Periodic Review หรือ UPR รอบที่ 2 พ.ศ.2559 ถึง พ.ศ.2563 ที่รัฐบาลไทยยอมรับว่าจะเร่งในการปรับแก้กฎหมายดังกล่าว แต่ก็เนิ่นช้าเกินกรอบเวลามากว่า 2 ปีแล้ว ไม่เหมือนกับกรณีการปรับแก้กฎหมายอาญา
น.ส.
ภัสรินกล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องปรับเกณฑ์อายุความรับผิดจาก 10 ปี เป็น 12 ปี ที่รัฐบาลได้เร่งดำเนินการไปก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นการแก้กฎหมายเพียงมาตราเดียวไม่ใช่เรื่องยาก แต่สะท้อนว่ารัฐบาลจริงใจในการแก้ปัญหาหรือไม่มากกว่า และหากมีการแก้มาตรา 1567 (2) ได้จริง เราก็จะได้รับการยอมรับจากนานาประเทศในด้านสิทธิมนุษยชนมากขึ้น
JJNY : 5in1 โอดก๊าซขึ้นราคา│“หนุ่มเยอรมัน”ชูรูปต้าน”ป้อม”│ชลน่านไม่ขัดพ.ร.ก.│“ก้าวไกล”ยื่นดันแก้ป.แพ่ง│คาดลานีญา 3ปีซ้อน
https://ch3plus.com/news/economy/ch3onlinenews/308662
วันนี้ (1 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจการจำหน่ายสินค้าในประเภทต่างๆ ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น หลัง พบว่ามีการปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้มขึ้นอีก ซึ่งวันนี้เป็นวันแรก ทำให้ราคาก๊าซหุงต้มขนาด 15 กก.อยู่ที่ 408 บาทต่อถัง จากเดือนส.ค.65 ที่ขายถังละ 393 บาทต่อถัง 15 กก.
โดยที่อาหารตามสั่งและก๋วยเตี๋ยวไก่ตุ๋น ในตลาดสดบางลำพู เขตเทศบาลนครขอนแก่น ซึ่งเป็นร้านอาหารที่ต้องใช้ก๊าชหุงต้มในการทำอาหารเกือบทั้งวัน เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ก๊าชหุงต้มปรับขึ้นราคาก็ทำให้ที่ร้านยังพอพยุงราคาและต้นทุนได้อยู่ แต่พอวันนี้มีการปรับขึ้นราคาก๊าชหุงต้มขึ้นไปอีก ถังละ 408 บาท ทำให้ทางร้านต้องแบกรับต้นทุนหนักขึ้นไปอีก เพราะก๊าชหุงต้มที่ทางร้านใช้จะอยู่ที่ขนาดถัง 15 กิโลกรัม โดยจะใช้ 2 ถัง ถังหนึ่งใช้ทำอาหารตามสั่ง อีกถังใช้ต้มน้ำซุปก๋วยเตี๋ยวไก่ตุ๋น ซึ่งต้องเปิดก๊าชหุงต้มตลอดเวลา ก็จะทำให้ 1 ถังจะใช้ได้อยู่ประมาณ 4-5 วันหมด กำไรที่ได้จากขายอาหารและก๋วยเตี๋ยว ก็จะทยอยเก็บไว้วันละ 50-100 บาท เพื่อเป็นค่าเปลี่ยนถังก๊าชหุงต้ม แต่ทุกวันนี้ก็ต้องเก็บเพิ่มอีก เพื่อให้พอค่าเปลี่ยนถัง ส่วนราคาค่าอาหารตอนนี้ยังไม่มีการปรับเพิ่มราคาแต่อย่างใด ยังคงขายราคาเท่าเดิม 40-50 บาท พร้อมวอนรัฐบาลหลังครบ 3 เดือนที่มีการประกาศปรับราคาก๊าซหุงต้มช่วยคุมราคาค่าไว้เท่านี้ก็ยังดี
เช่นเดียวกันกับร้านขายอาหารข้าวราดแกงเจ๊เงาะ ตั้งอยู่ถนนชวนชื่น เขตเทศบาลนครขอนแก่น นางพนิดา มุสิตาติ เจ้าของร้านอาหาร เปิดเผยว่า ที่ร้านจะใช้ก๊าชหุงต้มในการทำอาหารอยู่ประมาณ 2-3 ถัง เพราะต้องทำอาหารหลายอย่าง ทั้งผัด ต้ม ตุ๋น แกง โดยจะเริ่มทำอาหารอย่างแรกตั้งแต่ ตี 3 จนถึง 9 โมงเช้า ก็เปิดร้าน ส่วนอาหารที่ต้องใช้ก๊าชหุงต้มอยู่ตลอดเวลาจะเป็นประเภทแกงและตุ๋น ทำให้ก๊าช 1 ถังใช้ได้ประมาณ 2 วันก็หมด ยอมรับว่า ราคาก๊าชหุงต้มที่ปรับขึ้นราคากระทบกับทางร้านเป็นอย่างมาก ตอนนี้จึงได้เปลี่ยนมาเป็นการใช้วิธีการเติมครั้งละ 100-200 บาทต่อถัง เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายไปก่อน จนกว่าสถานการณ์ราคาก๊าชหุงต้มจะนิ่ง
เปิดใจ “หนุ่มเยอรมัน” ชูรูปต้าน ”บิ๊กป้อม” ลั่นพูดแทนคนไทย ส่วนใหญ่ไม่กล้า
https://www.nationtv.tv/news/region/378885109
เปิดใจ “หนุ่มเยอรมัน” ชูรูปต่อต้าน ”บิ๊กป้อม” กลางสี่แยกเมืองระยอง ลั่นเคยไปร่วมชุมนุมหลายครั้ง ทำเพราะสงสารคนไทยรัฐบาลไม่ช่วยอะไร ไม่กลัวถูกส่งกลับประเทศ
วันนี้ (1ก.ย.65) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่าผู้ชายชาวต่างชาติถือรูป พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รักษาการนายกรัฐมนตรี โดยมีการขีดกากบาทสีแดงตรงหน้า ขนาดรูป กว้างประมาณ 50 ซม. สูง 70 ซม.อยู่ตรงเกาะกลางสี่แยกตะพง ถนนสุขุมวิท ต.ตะพง อ.เมือง จ.ระยอง จึงได้เดินทางไปตรวจสอบ พบชาวต่างชาติ รูปร่างสูงใหญ่ สวมแว่นดำ เสื้อกล้ามสีขาว กางเกงขาสั้นสีดำ รองเท้าสีน้ำเงิน กำลังนั่งอยู่ที่เกาะกลางถนน โดยมีรูป บิ๊กป้อมพิงอยู่ข้างตัว ต่อมาก็ลุกขึ้นชูรูปขึ้นแล้วก็เดินไปมาก่อนจะวิ่งไปขึ้นรถที่จอดอยู่ริมถนนแล้วขับออกไป ทำให้ชาวบ้านและผู้ที่สัญจรไปมา ต่างก็สนใจ และ แปลกใจว่า แสดงออกถึง อะไร และ ทำไปเพื่อวัตถุประสงค์ใด เพราะไม่มีข้อความ หรือ พูดใด ต่างก็คาดการณ์ไปต่างๆนานา
สำหรับชาวต่างชาติคนดังกล่าว เมื่อช่วงเช้าวันที่ 31 ส.ค.ได้ไปชูรูปเดียวกันตรงบริเวณ สี่แยกออคิด ถ.สุขุมวิท อ.เมือง จ.ระยองมาแล้วครั้งหนึ่ง โดยชูไม่นานก็ขึ้นรถหายไปเหมือนเช่นวันนี้
ทั้งนี้จากการตรวจสอบทราบว่า ชาวต่างชาติที่ถือป้าย ชื่อ นายฟักทอง พักอยู่กับภรรยาในจ.ระยอง ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบกับนายฟักทอง หรือ มิสเตอร์ Moritz pfoh อายุ 35 ปี เมื่อสอบถามถึง การชูรูป "พล.อ.ประวิตร" ได้เปิดเผยว่าการที่ออกมาแสดงออกเพราะสงสารคนไทย ที่ต้องเผชิญกับรัฐบาลที่ไม่ช่วยคนไทย เพราะส่วนใหญ่ไม่กล้าพูด ตนเองเป็นคนเยอรมันจึงไม่กลัวจึงขอช่วย แม้อาจจะต้องถูกส่งกลับประเทศก็ไม่กลัวเพราะทำไปเพราะสงสารคนไทย พร้อมชูป้าย "บิ๊กป้อม" ที่มีกากบาทสีแดงตรงหน้า พร้อมชี้ว่า คนนี้ไม่ช่วยประชาชน “พล.อ.ประยุทธ์” ก็ด้วย โดยตนเองออกมาชูป้าย 3 วันแล้ว
ครั้งแรกในตลาดเพ ต.เพ ครี้งที่ 2 ที่ สี่แยกออคิด อ.เมือง จ.ระยอง และ ล่าสุดที่ สี่แยกตะพง ส่วนใหญ่ 90 เปอร์เซ็นชอบ แต่ก็มีคนไม่ชอบเหมือนกันแต่น้อยมาก ซึ่งจะทำต่อไปโดยเตรียมจะเดินทางไปชูป้ายที่กรุงเทพ ในวันที่ 3 ก.ย.65 และ ช่วยคนไทยต่อสู้ต่อไป
ชลน่าน ไม่ขัด หากนำเนื้อหากม.เลือกตั้ง มาออก พ.ร.ก. แต่อาจไม่ชอบด้วยรธน.
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7242993
ชลน่าน ไม่ขัด หากเอาเนื้อหา พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. มาออกพ.ร.ก. แต่ท้วงอำนาจในการ ออกพ.ร.ก.ว่าจะชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่
เมื่อวันที่ 1 ก.ย.2565 นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ระบุถึงกระแสข่าวยุบสภาระหว่างที่ ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ยังไม่มีผลบังคับใช้ โดยวิธีหนึ่งคือการออกเป็นพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) เนื่องจากไม่ยุ่งยาก สามารถนำร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบไปแล้วมาจัดทำเป็นพ.ร.ก.ได้ว่า ถ้ามีการออก พ.ร.ก.ที่มีเนื้อหาคล้ายกับร่างพ.ร.ป. ก็อาจจะอ้างอย่างอื่น เช่น มาตรา 5 ประเพณีการปกครอง และใช้เงื่อนไขในส่วนนี้ออกมาเพื่อให้ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ หากออกมาโดยไม่อ้างมาตรา 5 อาจจะไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญมาตรา 172
ทั้งนี้ การออก พ.ร.ก.มาบังคับใช้เช่นเดียวกับพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) วรรคแรก ระบุไว้ว่าอาจจะมีการเลี่ยงมาตรานี้และไปใช้มาตรา 5 เนื่องจากไม่สามารถออกพ.ร.ก.โดยใช้มาตรา 172 ได้ ก็ใช้ประเพณีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข คือต้องหากฎหมายมาบังคับใช้ในการเลือกตั้ง โดยประเพณีในอดีตที่ผ่านมาคือการออกพ.ร.ก. ซึ่งแล้วแต่ข้ออ้างในการเลี่ยงรัฐธรรมนูญ หากเขาอ้างเช่นนั้น คนเถียงก็เถียงลำบากเช่นกัน
“ในมุมฝ่ายค้านอยากให้มีการเลือกตั้ง ถ้ากฎหมายที่ใช้เลือกตั้งเป็นธรรม เราเห็นด้วย เราไม่คัดค้าน หากเนื้อหาของ พ.ร.ก.เอา พ.ร.ป.ที่เรายกร่าง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญมาบังคับใช้ เราเห็นด้วยในเนื้อหา แต่เราทักท้วงอำนาจในการออกพ.ร.ก. ว่าจะชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่เท่านั้น” นพ.ชลน่าน กล่าว
“ก้าวไกล” ยื่น “ชวน” ผลักดันแก้ ป.แพ่ง ม.1567(2) ห้ามผู้ปกครองลงโทษเฆี่ยนตีหรือลงโทษด้อยค่าลูก
https://www.matichon.co.th/politics/news_3539271
เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 1 กันยายน ที่รัฐสภา นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล (ก.ก.) พร้อมด้วย น.ส.ภัสริน รามวงศ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรค ก.ก. และ น.ส.พนิดา มงคลสวัสดิ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สมุทรปราการ เขต 1 ร่วมแถลงข่าวหลังพรรค ก.ก. ยื่นเสนอร่างแก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ต่อสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวานนี้ (31 สิงหาคม)
โดยนายปดิพัทธ์กล่าวว่า ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวเป็นการขอเสนอแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 1567(2) เป็นกรณีห้ามผู้ปกครองลงโทษทารุณบุตร จากเดิมบัญญัติไว้ว่า “ผู้ปกครองมีสิทธิทำโทษบุตรเพื่อว่ากล่าวสั่งสอนตามสมควร” ซึ่งคำว่า ตามสมควร มองว่าเป็นคำที่กว้างเกินไปและไม่มีสิทธิเด็กกำกับไว้ แม้จะสอดคล้องกับสุภาษิตรักวัวให้ผูกรักลูกให้ตี แต่ด้วยหลายบริบทสังคมที่เปลี่ยนไป การลงโทษบางครั้งทำให้เด็กกลายเป็นเหยื่อของความรุนแรงในครอบครัว ส่งผลต่อวงจรความรุนแรงในสังคมระยะยาว
นายปดิพัทธ์กล่าวต่อว่า จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้ ก้าวแรกเชื่อว่าต้องแก้ไขกฎหมายที่บังคับใช้เป็นเวลานานและไม่เหมาะสม ซึ่งกฎหมายเดิมยังบังคับใช้มานาน จนขณะนี้ก็ยังไม่มีการแก้ไข และทุกปีก็จะเกิดการทารุณกรรมเรื่อยๆ พรรค ก.ก.จึงเสนอให้เพิ่มถ้อยคำ เพื่อขยายคำว่าตามสมควร เป็นว่า “แต่ต้องไม่เป็นการกระทำทารุณกรรม หรือทำร้ายร่างกาย หรือจิตใจ ไม่เป็นการเฆี่ยนตี หรือทำโทษอื่นใด อันเป็นการด้อยค่า” เพื่อป้องกันการลงโทษที่เป็นการทารุณกรรมทั้งร่างกายและจิตใจ การกดขี่อัตลักษณ์ทางเพศ ทั้งนี้ พรรค ก.ก.เชื่อว่าการแก้ไขกฎหมายเพียงมาตราเดียวนี้คือ สิ่งที่จะปกป้องเด็กจากการถูกทารุณกรรมทุกรูปแบบได้ จึงขอให้สภาผู้แทนราษฎรสนับสนุน โดยได้ยื่นเรื่องต่อสภา แล้วเพื่อให้ทันการประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยหน้า
น.ส.ภัสรินกล่าวว่า นอกจากจะเป็นการแก้กฎหมายเพื่อปกป้องเด็กแล้ว การแก้กฎหมายฉบับนี้ยังสอดคล้องกับหลักการในอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กที่ประเทศไทยเป็นภาคีสมาชิก และข้อเสนอแนะของนานาประเทศต่อไทยภายใต้กลไก Universal Periodic Review หรือ UPR รอบที่ 2 พ.ศ.2559 ถึง พ.ศ.2563 ที่รัฐบาลไทยยอมรับว่าจะเร่งในการปรับแก้กฎหมายดังกล่าว แต่ก็เนิ่นช้าเกินกรอบเวลามากว่า 2 ปีแล้ว ไม่เหมือนกับกรณีการปรับแก้กฎหมายอาญา
น.ส.ภัสรินกล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องปรับเกณฑ์อายุความรับผิดจาก 10 ปี เป็น 12 ปี ที่รัฐบาลได้เร่งดำเนินการไปก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นการแก้กฎหมายเพียงมาตราเดียวไม่ใช่เรื่องยาก แต่สะท้อนว่ารัฐบาลจริงใจในการแก้ปัญหาหรือไม่มากกว่า และหากมีการแก้มาตรา 1567 (2) ได้จริง เราก็จะได้รับการยอมรับจากนานาประเทศในด้านสิทธิมนุษยชนมากขึ้น