ที่ผ่านมา พี่หมอมีข้อมูลความรู้ดี ๆ เกี่ยวกับโรคต่าง ๆ และการรักษาด้วยแพทย์แผนปัจจุบันมาฝากกันเยอะแล้วนะครับ วันนี้พี่หมอขอนำเอาอีกศาสตร์การรักษามาเล่าให้ฟัง นั่นคือ “แพทย์แผนจีน” ซึ่งได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นศาสตร์ที่สืบทอดมาอย่างยาวนาน เน้นการรักษาแบบองค์รวม โดยการปรับสมดุลภายในร่างกาย ซึ่งโรคที่สามารถให้การรักษาได้ด้วยแพทย์แผนจีนนั้นมีหลายโรค พี่หมอเลือกเอาโรคยอดฮิตที่คนเป็นกันเยอะ มาเล่าให้ฟัง ดังนี้ครับ
ประจำเดือนไม่ปกติ😐
ประจำเดือนไม่ปกติหมายถึงการมีรอบเดือนผิดปกติ รอบเดือนมาก่อนหรือหลังกำหนด รอบเดือนไม่แน่นอน หรือมีความผิดปกติของลักษณะ สี ปริมาณ เช่น ปริมาณมากหรือน้อยผิดปกติ รวมถึงอาการหงุดหงิด โมโห เศร้า กินจุ สิวขึ้น ปวดท้องประจำเดือน เครียด นอนไม่หลับ ซึ่งอาการเหล่านี้เกิดขึ้นในขณะที่มีประจำเดือน หรือก่อนและหลังมีประจำเดือน
สามารถฝังเข็มเพื่อปรับสมดุลของร่างกาย ปรับเลือดให้ประจำเดือนมาได้ดีขึ้น
การฝังเข็มควรทำ 3-5 วัน ก่อนมีรอบเดือนในแต่ละครั้ง รักษาติดต่อกันให้ครบ 1 คอร์ส หรือ 10 ครั้ง โดย 4 ครั้งแรก เป็นการฝังเข็มเพื่อปรับสมดุลร่างกาย หลังจากนั้นเน้นการปรับการไหลเวียนเลือด
โรคอ้วน🤤
เกิดจากร่างกายสะสมไขมันมากเกินไป โดยหากมีน้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน 20% ขึ้นไป จะเป็นภาวะโรคอ้วน โดยโรคอ้วนแบ่งเป็น Simple obesity และ Secondary obesity ประเภทแรกมักไม่มีความเด่นชัดของการทำงานของระบบประสาทและต่อมไร้ท่อที่ผิดปกติ ประเภทที่ 2 มักเกิดจากโรคทางระบบประสาท ต่อมไร้ท่อและเมตาบอลิซึมหรือการรับประทานยา
การรักษาโดยแพทย์แผนจีนจะใช้รักษาผู้ป่วยกลุ่ม Simple obesity โดยผู้ที่มีภาวะอ้วนส่วนมากจะเจริญอาหาร มีความชื้นสะสมเกิดเป็นเสมหะ ท้องอืด ไม่มีแรง เคลื่อนไหวช้า เคลื่อนไหวร่างกายแล้วมีเหงื่อออกมาก ใบหน้าและแขนขาบวม อาจมีโรคเบาหวาน และไขมันสูงร่วมด้วย
สามารถฝังเข็มเพื่อปรับชี่ กระตุ้นการหมุนเวียนของเลือด ทะลวงเส้นลมปราณ แก้ท้องผูก ขับความชื้น
ฝังเข็ม 1 คอร์ส หรือ 15 ครั้ง โดยสัปดาห์แรกควรมาฝังเข็มวันเว้นวัน จากนั้นเหลือสัปดาห์ละ 2 วัน หลังจากการฝังเข็มไปแล้ว 5 ครั้ง จะรู้สึกได้ถึงรูปร่างที่กระชับขึ้น ครั้งที่ 6-7 ขึ้นไป น้ำหนักจะค่อย ๆ ลดลง
หมายเหตุ: การฝังเข็มช่วยปรับระบบการขับถ่าย ขับความชื้น ลดการหิว การเห็นผลมากน้อยนั้นขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลนะครับ
ปัสสาวะรดที่นอน😰
เด็กที่อายุมากกว่า 3-4 ขวบ มักจะสามารถควบคุมปัสสาวะเวลานอนได้ แต่ก็มีเด็กบางคนที่ไม่สามารถควบคุมปัสสาวะได้ มีการปัสสาวะรดที่นอน 1-2 ครั้งต่อคืน ก่อนปัสสาวะรดที่นอนมักเรียกตื่นลำบาก ตื่นขึ้นมาไม่มีสติ แต่หลังจากปัสสาวะแล้วตื่นขึ้นมาจะรู้สึกตัวดี อาจเกิดจากไตทำงานได้ไม่ดี และมีการเจริญเติบโตของร่างกายค่อนข้างช้าร่วมด้วย
การฝังเข็มจะช่วยบำรุงไต กระตุ้นการทำงานของสมอง โดยฝังเข็มอาทิตย์ละ 3 ครั้ง จนครบ 10 ครั้ง มักจะรักษาอาการให้หายได้
*ยกเว้นกรณีที่เกิดจาก Spina bifida occulta ไม่อยู่ในขอบข่ายของการรักษา
รักษาสิว หน้าใส👩🦰
อาการต่าง ๆ ที่สะท้อนออกมาทางผิวหนัง เป็นสัญญาณเตือนบ่งบอกถึงภาวะไม่สมดุลหรือมีการเปลี่ยนแปลงภายในร่างกาย สิวที่เกิดขึ้นจึงบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงของอวัยวะภายใน อาจเกิดจากฮอร์โมน การมีรอบเดือน ระบบเลือด ท้องผูก พักผ่อนไม่เพียงพอ
ในทางแพทย์จีนจะใช้วิธีการรักษาด้วยการฝังเข็มบนใบหน้าเพื่อลดการอักเสบ บวม แดงของสิว และฝังเข็มบนร่างกาย เพื่อปรับระบบเลือด ปรับสมดุลการทำงานของร่างกายเพื่อลดการเกิดสิวในอนาคต
ฝังเข็ม 1 คอร์ส หรือ 10 ครั้ง สัปดาห์แรกควรมาฝังเข็มสัปดาห์ละ 2-3 วัน หลังจากนั้นมาสัปดาห์ละ 1-2 วัน จนกว่าจะจบคอร์ส (ฝังเข็มลดสิวเห็นผลชัดเจนได้ตั้งแต่ครั้งที่ 4-5 ขึ้นกับแต่ละบุคคล)
โรคกรดไหลย้อน (GERD)😣
เป็นภาวะที่น้ำย่อยจากกระเพาะอาหารไหลกลับขึ้นไปในหลอดอาหาร รู้สึกมีน้ำรสเปรี้ยวหรือรสขมไหลย้อนขึ้นมาในปาก ร่วมกับมีอาการเรอ ท้องอืด แน่นท้อง คลื่นไส้ อาเจียน เจ็บหน้าอก จุกคล้ายมีอะไรติดหรือขวางอยู่บริเวณคอ
ในรายที่เป็นมาก จะมีความรู้สึกแสบร้อนบริเวณลิ้นปี่ขึ้นมาที่หน้าอกและคอ มักเกิดหลังรับประทานอาหารมื้อหนัก การโน้มตัวไปข้างหน้า การยกของหนักและการนอนหงาย อาจเป็นมากจนมีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันได้เลยนะครับ
การฝังเข็มจะช่วยในการปรับสมดุลการทำงานของกระเพาะอาหาร ลดปริมาณการหลั่งน้ำย่อย ลดอาการแน่นท้อง ท้องอืด จุกเสียด
ในรายที่มีอาการไม่มาก ฝังเข็ม 5 ครั้ง/คอร์ส (สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง) จะทุเลาลงภายใน 1-3 ครั้ง แต่ในรายที่เป็นมากหรือเรื้อรัง ให้ฝังเข็ม 10 ครั้ง/คอร์ส (สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง) จะทุเลาลงภายใน 3-5 ครั้ง
โรคกินไม่หยุด (Binge Eating Disorder: BED)👄
เป็นโรคในกลุ่ม Eating disorder หรือพฤติกรรมการกินผิดปกติ จัดเป็นโรคทางจิตเวชที่สามารถทำให้เกิดปัญหาสุขภาพร้ายแรงอื่น ๆ ตามมาได้ โดยผู้ป่วยโรคนี้จะกินแบบเป็นช่วง ๆ เช่น ต้องกินทุก 2 ชั่วโมง โดยปริมาณอาหารที่กินจะเยอะกว่าคนทั่วไป (กินเร็วกว่าปกติ กินจนรู้สึกจุก กินมากแม้จะไม่รู้สึกหิว รู้สึกรังเกียจตัวเอง ซึมเศร้า หรือรู้สึกผิดหลังจากกินมาก ๆ ไปแล้ว) สาเหตุยังระบุไม่ได้แน่ชัด แต่ผู้ที่เป็นโรคกินไม่หยุดอาจใช้การกินจนเกินพอดีเป็นวิธีรับมือกับความโกรธ ความเศร้า ความเบื่อหน่าย ความวิตกกังวล หรือความเครียด จนเกิดเป็นความเคยชินและเป็นโรคในที่สุด
การฝังเข็มเพื่อปรับลดความอยากอาหาร ลดการหลั่งน้ำย่อย ปรับสมดุลกระเพาะอาหาร
รักษาด้วยการฝังเข็ม 10 ครั้ง/คอร์ส (สัปดาห์ละ 1-2 ครั้งขึ้นกับอาการของแต่ละคน) โดยอาการจะทุเลาลงภายใน 3-5 ครั้ง และรักษาต่อเนื่องเพื่อการปรับสมดุลกระเพาะอาหาร
ภาวะท้องผูก (Constipation)🚽
คือภาวะที่ถ่ายอุจจาระน้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ร่วมกับการขับถ่ายยาก นั่งนานเกินครึ่งชั่วโมงเพื่อเบ่งถ่าย บางครั้งต้องใช้น้ำฉีด ใช้นิ้วล้วงช่วย ถ่ายไม่สุด เหมือนมีอะไรมาอุดกั้นอยู่ ถ่ายออกมาน้อย อุจจาระแข็งมีลักษณะเป็นเม็ด ผิวขรุขระหรือแห้งแตก รู้สึกอึดอัด แน่นท้อง สาเหตุอาจเกิดจากการปฏิบัติตัวที่ไม่ถูกต้อง เช่น รับประทานอาหารที่มีกากใยน้อย ดื่มน้ำน้อย ไม่ออกกำลังกายหรือไม่ค่อยเคลื่อนไหวร่างกาย กลั้นอุจจาระบ่อย ๆ การทำงานของลำไส้ใหญ่ผิดปกติ หรือภาวะลำไส้เฉื่อย เป็นการที่ลำไส้ใหญ่เคลื่อนไหวน้อยลงทำให้อุจจาระเคลื่อนลงมาช้ากว่าปกติ
การฝังเข็มจะช่วยในการปรับสมดุล กระตุ้นการทำงานของลำไส้และระบบทางเดินอาหาร ร่วมกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการขับถ่าย
ในผู้ที่มีอาการไม่มาก ฝังเข็ม 5 ครั้ง/คอร์ส (1-2 ครั้ง/สัปดาห์) อาการจะทุเลาลงภายใน 1-3 ครั้ง ส่วนคนที่เป็นมากและเรื้อรัง ฝังเข็ม 10 ครั้ง/คอร์ส (2-3 ครั้ง/สัปดาห์) อาการจะทุเลาลงภายใน 3-5 ครั้ง
โรคลำไส้แปรปรวน (IBS: Irritable Bowel Syndrome)🧻
เป็นโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร โดยเฉพาะลำไส้ ทำงานผิดปกติ มักไม่พบความผิดปกติที่โครงสร้างของอวัยวะในระบบทางเดินอาหารและไม่มีอาการอื่นๆ จัดว่าเป็นโรคในกลุ่ม Functional Bowel Disorder ชนิดหนึ่ง ผู้ป่วยจะมีอาการปวดท้อง ท้องเสียหรือท้องผูก โดยไม่ทราบสาเหตุ โรคนี้ยังไม่พบสาเหตุที่ชัดเจน อาจเกิดจากความผิดปกติของการหดตัวของกล้ามเนื้อเรียบที่ผนังลำไส้ (การบีบตัวหรือการเคลื่อนตัวของลำไส้ผิดปกติ ซึ่งเป็นผลมาจากการหลั่งสารหรือฮอร์โมนบางอย่างในผนังลำไส้ผิดปกติ / ระบบประสาทที่ผนังลำไส้ไวต่อสิ่งเร้าหรือตัวกระตุ้นมากผิดปกติ / ความเครียด หรือการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์)
การฝังเข็มจะช่วยในการปรับสมดุลการทำงานของหัวใจ ตับ และระบบทางเดินอาหาร ร่วมกับการปรับสมดุลทางด้านอารมณ์
รักษาด้วยการฝังเข็ม 20 ครั้ง/คอร์ส (2-3 ครั้ง/สัปดาห์) จะสังเกตการเปลี่ยนแปลงได้ภายใน 5-7 ครั้ง
การรับกลิ่นผิดปกติ👃
จมูกได้กลิ่นน้อยลง (Hyposmia) จมูกไม่ได้กลิ่นเลย (Anosmia) จมูกได้กลิ่นเปลี่ยนไปหรือแปลกไป (Dysosmia) คนที่ประสบปัญหานี้จะขาดความสุขในการรับกลิ่น การสัมผัสกับรสชาติอาหาร ทั้งยังขาดการรับรู้ถึงอันตรายต่าง ๆ ที่ควรหลีกเลี่ยง อาทิ กลิ่นแก๊สรั่ว กลิ่นไฟไหม้ เป็นต้น โดยผู้ที่เป็นชนิดเรื้อรังจะมีการอักเสบของเยื่อบุโพรงจมูก โพรงไซนัส ทำให้กลิ่นส่งไปไม่ถึงปลายประสาทรับกลิ่น มีการได้รับสารเคมีบางอย่างที่ทำลายการรับกลิ่น อาทิ การได้รับกลิ่นฟอร์มาลีนเป็นเวลานาน อาจทำให้ปลายประสาทอักเสบและตายลงบางส่วน ส่งผลให้การรับกลิ่นลดลงหรือไม่ได้กลิ่นหรืออาจมีความเสื่อมตามอายุที่เพิ่มขึ้น
การฝังเข็มจะสามารถช่วยฟื้นฟูประสาทรับกลิ่นได้ ในผู้ป่วยที่มีอาการเรื้อรัง
รักษาด้วยการฝังเข็ม 20 ครั้ง/คอร์ส (2-3 ครั้ง/สัปดาห์ในช่วง 10 ครั้งแรก หลังจากนั้น 1-2 ครั้ง/สัปดาห์) เริ่มสังเกตการเปลี่ยนแปลงได้ภายใน 5-7 ครั้ง ทั้งนี้ขึ้นกับความรุนแรงของโรค
โรคตื่นตระหนก (Panic Disorders)😧
ผู้ป่วยจะมีอาการหัวใจเต้นเร็ว หายใจติดขัด จุกแน่น เวียนศีรษะ คล้ายจะเป็นลม ร่วมกับมีภาวะวิตกกังวล ขาดความมั่นใจในตัวเอง โดยการเกิดครั้งแรกจะเกิดขึ้นเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ที่มีเรื่องกดดันหรือถูกกระตุ้นให้ตื่นตัว อาจเกิดขึ้นได้บ่อยโดยไม่ทราบล่วงหน้า สาเหตุมาจากการถูกกระทบกระเทือนทางอารมณ์และจิตใจ ตรวจไม่พบความผิดปกติใด ๆ ทางร่างกาย
การฝังเข็มจะช่วยในการปรับสมดุลการทำงานของหัวใจและตับ เพิ่มการหมุนเวียนเลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย และช่วยผ่อนคลายความเครียด
รักษาด้วยการฝังเข็ม 10 ครั้ง/คอร์ส (2-3 ครั้ง/สัปดาห์) อาการจะทุเลาลง ผู้ป่วยจะรู้สึกสบายขึ้นภายใน 3-5 ครั้ง
โรคปวดศีรษะ (Tension Headache / Migraine headache)🤦♀️
ผู้ป่วยจะมีอาการปวดศีรษะ ปวดแบบตุบๆ เป็นจังหวะ มักเกิดข้างเดียวของศีรษะ โดยอาการปวดในช่วงแรกมักมีความรุนแรงเพียงเล็กน้อย และจะค่อย ๆ เพิ่มความรุนแรงขึ้น อาจมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนแรง และไวต่อแสง เสียง หรือกลิ่นมากขึ้น โดยยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด แต่มีปัจจัยที่สามารถกระตุ้นให้เกิดอาการได้ เช่น การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในผู้หญิง ความเครียด สภาพแวดล้อม เช่น แสงจ้าหรือแสงแฟลช เสียงดัง กลิ่นที่รุนแรง การใช้ยาบางชนิด การนอนหลับไม่เพียงพอ ออกกำลังกายหักโหม การสูบบุหรี่ อาการถอนคาเฟอีน เป็นต้น
การฝังเข็มจะช่วยในการปรับสมดุล เพิ่มการหมุนเวียนเลือดไปเลี้ยงบริเวณศีรษะดีขึ้น และช่วยลดความตึงของกล้ามเนื้อใกล้เคียง
ในรายที่มีอาการไม่มาก ฝังเข็ม 5 ครั้ง/คอร์ส (1-2 ครั้ง/สัปดาห์) อาการจะทุเลาลงภายใน 1-3 ครั้ง ส่วนในรายที่เป็นมากเรื้อรัง ฝังเข็ม 10 ครั้ง/คอร์ส (2-3 ครั้ง/สัปดาห์) อาการทุเลาลงภายใน 3-5 ครั้ง
ร่ายกายมีปัญหา รักษาได้ด้วยแพทย์แผนจีน
ประจำเดือนไม่ปกติ😐
ประจำเดือนไม่ปกติหมายถึงการมีรอบเดือนผิดปกติ รอบเดือนมาก่อนหรือหลังกำหนด รอบเดือนไม่แน่นอน หรือมีความผิดปกติของลักษณะ สี ปริมาณ เช่น ปริมาณมากหรือน้อยผิดปกติ รวมถึงอาการหงุดหงิด โมโห เศร้า กินจุ สิวขึ้น ปวดท้องประจำเดือน เครียด นอนไม่หลับ ซึ่งอาการเหล่านี้เกิดขึ้นในขณะที่มีประจำเดือน หรือก่อนและหลังมีประจำเดือน
สามารถฝังเข็มเพื่อปรับสมดุลของร่างกาย ปรับเลือดให้ประจำเดือนมาได้ดีขึ้น
การฝังเข็มควรทำ 3-5 วัน ก่อนมีรอบเดือนในแต่ละครั้ง รักษาติดต่อกันให้ครบ 1 คอร์ส หรือ 10 ครั้ง โดย 4 ครั้งแรก เป็นการฝังเข็มเพื่อปรับสมดุลร่างกาย หลังจากนั้นเน้นการปรับการไหลเวียนเลือด
โรคอ้วน🤤
เกิดจากร่างกายสะสมไขมันมากเกินไป โดยหากมีน้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน 20% ขึ้นไป จะเป็นภาวะโรคอ้วน โดยโรคอ้วนแบ่งเป็น Simple obesity และ Secondary obesity ประเภทแรกมักไม่มีความเด่นชัดของการทำงานของระบบประสาทและต่อมไร้ท่อที่ผิดปกติ ประเภทที่ 2 มักเกิดจากโรคทางระบบประสาท ต่อมไร้ท่อและเมตาบอลิซึมหรือการรับประทานยา
การรักษาโดยแพทย์แผนจีนจะใช้รักษาผู้ป่วยกลุ่ม Simple obesity โดยผู้ที่มีภาวะอ้วนส่วนมากจะเจริญอาหาร มีความชื้นสะสมเกิดเป็นเสมหะ ท้องอืด ไม่มีแรง เคลื่อนไหวช้า เคลื่อนไหวร่างกายแล้วมีเหงื่อออกมาก ใบหน้าและแขนขาบวม อาจมีโรคเบาหวาน และไขมันสูงร่วมด้วย
สามารถฝังเข็มเพื่อปรับชี่ กระตุ้นการหมุนเวียนของเลือด ทะลวงเส้นลมปราณ แก้ท้องผูก ขับความชื้น
ฝังเข็ม 1 คอร์ส หรือ 15 ครั้ง โดยสัปดาห์แรกควรมาฝังเข็มวันเว้นวัน จากนั้นเหลือสัปดาห์ละ 2 วัน หลังจากการฝังเข็มไปแล้ว 5 ครั้ง จะรู้สึกได้ถึงรูปร่างที่กระชับขึ้น ครั้งที่ 6-7 ขึ้นไป น้ำหนักจะค่อย ๆ ลดลง
หมายเหตุ: การฝังเข็มช่วยปรับระบบการขับถ่าย ขับความชื้น ลดการหิว การเห็นผลมากน้อยนั้นขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลนะครับ
ปัสสาวะรดที่นอน😰
เด็กที่อายุมากกว่า 3-4 ขวบ มักจะสามารถควบคุมปัสสาวะเวลานอนได้ แต่ก็มีเด็กบางคนที่ไม่สามารถควบคุมปัสสาวะได้ มีการปัสสาวะรดที่นอน 1-2 ครั้งต่อคืน ก่อนปัสสาวะรดที่นอนมักเรียกตื่นลำบาก ตื่นขึ้นมาไม่มีสติ แต่หลังจากปัสสาวะแล้วตื่นขึ้นมาจะรู้สึกตัวดี อาจเกิดจากไตทำงานได้ไม่ดี และมีการเจริญเติบโตของร่างกายค่อนข้างช้าร่วมด้วย
การฝังเข็มจะช่วยบำรุงไต กระตุ้นการทำงานของสมอง โดยฝังเข็มอาทิตย์ละ 3 ครั้ง จนครบ 10 ครั้ง มักจะรักษาอาการให้หายได้
*ยกเว้นกรณีที่เกิดจาก Spina bifida occulta ไม่อยู่ในขอบข่ายของการรักษา
รักษาสิว หน้าใส👩🦰
อาการต่าง ๆ ที่สะท้อนออกมาทางผิวหนัง เป็นสัญญาณเตือนบ่งบอกถึงภาวะไม่สมดุลหรือมีการเปลี่ยนแปลงภายในร่างกาย สิวที่เกิดขึ้นจึงบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงของอวัยวะภายใน อาจเกิดจากฮอร์โมน การมีรอบเดือน ระบบเลือด ท้องผูก พักผ่อนไม่เพียงพอ
ในทางแพทย์จีนจะใช้วิธีการรักษาด้วยการฝังเข็มบนใบหน้าเพื่อลดการอักเสบ บวม แดงของสิว และฝังเข็มบนร่างกาย เพื่อปรับระบบเลือด ปรับสมดุลการทำงานของร่างกายเพื่อลดการเกิดสิวในอนาคต
ฝังเข็ม 1 คอร์ส หรือ 10 ครั้ง สัปดาห์แรกควรมาฝังเข็มสัปดาห์ละ 2-3 วัน หลังจากนั้นมาสัปดาห์ละ 1-2 วัน จนกว่าจะจบคอร์ส (ฝังเข็มลดสิวเห็นผลชัดเจนได้ตั้งแต่ครั้งที่ 4-5 ขึ้นกับแต่ละบุคคล)
โรคกรดไหลย้อน (GERD)😣
เป็นภาวะที่น้ำย่อยจากกระเพาะอาหารไหลกลับขึ้นไปในหลอดอาหาร รู้สึกมีน้ำรสเปรี้ยวหรือรสขมไหลย้อนขึ้นมาในปาก ร่วมกับมีอาการเรอ ท้องอืด แน่นท้อง คลื่นไส้ อาเจียน เจ็บหน้าอก จุกคล้ายมีอะไรติดหรือขวางอยู่บริเวณคอ
ในรายที่เป็นมาก จะมีความรู้สึกแสบร้อนบริเวณลิ้นปี่ขึ้นมาที่หน้าอกและคอ มักเกิดหลังรับประทานอาหารมื้อหนัก การโน้มตัวไปข้างหน้า การยกของหนักและการนอนหงาย อาจเป็นมากจนมีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันได้เลยนะครับ
การฝังเข็มจะช่วยในการปรับสมดุลการทำงานของกระเพาะอาหาร ลดปริมาณการหลั่งน้ำย่อย ลดอาการแน่นท้อง ท้องอืด จุกเสียด
ในรายที่มีอาการไม่มาก ฝังเข็ม 5 ครั้ง/คอร์ส (สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง) จะทุเลาลงภายใน 1-3 ครั้ง แต่ในรายที่เป็นมากหรือเรื้อรัง ให้ฝังเข็ม 10 ครั้ง/คอร์ส (สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง) จะทุเลาลงภายใน 3-5 ครั้ง
โรคกินไม่หยุด (Binge Eating Disorder: BED)👄
เป็นโรคในกลุ่ม Eating disorder หรือพฤติกรรมการกินผิดปกติ จัดเป็นโรคทางจิตเวชที่สามารถทำให้เกิดปัญหาสุขภาพร้ายแรงอื่น ๆ ตามมาได้ โดยผู้ป่วยโรคนี้จะกินแบบเป็นช่วง ๆ เช่น ต้องกินทุก 2 ชั่วโมง โดยปริมาณอาหารที่กินจะเยอะกว่าคนทั่วไป (กินเร็วกว่าปกติ กินจนรู้สึกจุก กินมากแม้จะไม่รู้สึกหิว รู้สึกรังเกียจตัวเอง ซึมเศร้า หรือรู้สึกผิดหลังจากกินมาก ๆ ไปแล้ว) สาเหตุยังระบุไม่ได้แน่ชัด แต่ผู้ที่เป็นโรคกินไม่หยุดอาจใช้การกินจนเกินพอดีเป็นวิธีรับมือกับความโกรธ ความเศร้า ความเบื่อหน่าย ความวิตกกังวล หรือความเครียด จนเกิดเป็นความเคยชินและเป็นโรคในที่สุด
การฝังเข็มเพื่อปรับลดความอยากอาหาร ลดการหลั่งน้ำย่อย ปรับสมดุลกระเพาะอาหาร
รักษาด้วยการฝังเข็ม 10 ครั้ง/คอร์ส (สัปดาห์ละ 1-2 ครั้งขึ้นกับอาการของแต่ละคน) โดยอาการจะทุเลาลงภายใน 3-5 ครั้ง และรักษาต่อเนื่องเพื่อการปรับสมดุลกระเพาะอาหาร
ภาวะท้องผูก (Constipation)🚽
คือภาวะที่ถ่ายอุจจาระน้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ร่วมกับการขับถ่ายยาก นั่งนานเกินครึ่งชั่วโมงเพื่อเบ่งถ่าย บางครั้งต้องใช้น้ำฉีด ใช้นิ้วล้วงช่วย ถ่ายไม่สุด เหมือนมีอะไรมาอุดกั้นอยู่ ถ่ายออกมาน้อย อุจจาระแข็งมีลักษณะเป็นเม็ด ผิวขรุขระหรือแห้งแตก รู้สึกอึดอัด แน่นท้อง สาเหตุอาจเกิดจากการปฏิบัติตัวที่ไม่ถูกต้อง เช่น รับประทานอาหารที่มีกากใยน้อย ดื่มน้ำน้อย ไม่ออกกำลังกายหรือไม่ค่อยเคลื่อนไหวร่างกาย กลั้นอุจจาระบ่อย ๆ การทำงานของลำไส้ใหญ่ผิดปกติ หรือภาวะลำไส้เฉื่อย เป็นการที่ลำไส้ใหญ่เคลื่อนไหวน้อยลงทำให้อุจจาระเคลื่อนลงมาช้ากว่าปกติ
การฝังเข็มจะช่วยในการปรับสมดุล กระตุ้นการทำงานของลำไส้และระบบทางเดินอาหาร ร่วมกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการขับถ่าย
ในผู้ที่มีอาการไม่มาก ฝังเข็ม 5 ครั้ง/คอร์ส (1-2 ครั้ง/สัปดาห์) อาการจะทุเลาลงภายใน 1-3 ครั้ง ส่วนคนที่เป็นมากและเรื้อรัง ฝังเข็ม 10 ครั้ง/คอร์ส (2-3 ครั้ง/สัปดาห์) อาการจะทุเลาลงภายใน 3-5 ครั้ง
โรคลำไส้แปรปรวน (IBS: Irritable Bowel Syndrome)🧻
เป็นโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร โดยเฉพาะลำไส้ ทำงานผิดปกติ มักไม่พบความผิดปกติที่โครงสร้างของอวัยวะในระบบทางเดินอาหารและไม่มีอาการอื่นๆ จัดว่าเป็นโรคในกลุ่ม Functional Bowel Disorder ชนิดหนึ่ง ผู้ป่วยจะมีอาการปวดท้อง ท้องเสียหรือท้องผูก โดยไม่ทราบสาเหตุ โรคนี้ยังไม่พบสาเหตุที่ชัดเจน อาจเกิดจากความผิดปกติของการหดตัวของกล้ามเนื้อเรียบที่ผนังลำไส้ (การบีบตัวหรือการเคลื่อนตัวของลำไส้ผิดปกติ ซึ่งเป็นผลมาจากการหลั่งสารหรือฮอร์โมนบางอย่างในผนังลำไส้ผิดปกติ / ระบบประสาทที่ผนังลำไส้ไวต่อสิ่งเร้าหรือตัวกระตุ้นมากผิดปกติ / ความเครียด หรือการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์)
การฝังเข็มจะช่วยในการปรับสมดุลการทำงานของหัวใจ ตับ และระบบทางเดินอาหาร ร่วมกับการปรับสมดุลทางด้านอารมณ์
รักษาด้วยการฝังเข็ม 20 ครั้ง/คอร์ส (2-3 ครั้ง/สัปดาห์) จะสังเกตการเปลี่ยนแปลงได้ภายใน 5-7 ครั้ง
การรับกลิ่นผิดปกติ👃
จมูกได้กลิ่นน้อยลง (Hyposmia) จมูกไม่ได้กลิ่นเลย (Anosmia) จมูกได้กลิ่นเปลี่ยนไปหรือแปลกไป (Dysosmia) คนที่ประสบปัญหานี้จะขาดความสุขในการรับกลิ่น การสัมผัสกับรสชาติอาหาร ทั้งยังขาดการรับรู้ถึงอันตรายต่าง ๆ ที่ควรหลีกเลี่ยง อาทิ กลิ่นแก๊สรั่ว กลิ่นไฟไหม้ เป็นต้น โดยผู้ที่เป็นชนิดเรื้อรังจะมีการอักเสบของเยื่อบุโพรงจมูก โพรงไซนัส ทำให้กลิ่นส่งไปไม่ถึงปลายประสาทรับกลิ่น มีการได้รับสารเคมีบางอย่างที่ทำลายการรับกลิ่น อาทิ การได้รับกลิ่นฟอร์มาลีนเป็นเวลานาน อาจทำให้ปลายประสาทอักเสบและตายลงบางส่วน ส่งผลให้การรับกลิ่นลดลงหรือไม่ได้กลิ่นหรืออาจมีความเสื่อมตามอายุที่เพิ่มขึ้น
การฝังเข็มจะสามารถช่วยฟื้นฟูประสาทรับกลิ่นได้ ในผู้ป่วยที่มีอาการเรื้อรัง
รักษาด้วยการฝังเข็ม 20 ครั้ง/คอร์ส (2-3 ครั้ง/สัปดาห์ในช่วง 10 ครั้งแรก หลังจากนั้น 1-2 ครั้ง/สัปดาห์) เริ่มสังเกตการเปลี่ยนแปลงได้ภายใน 5-7 ครั้ง ทั้งนี้ขึ้นกับความรุนแรงของโรค
โรคตื่นตระหนก (Panic Disorders)😧
ผู้ป่วยจะมีอาการหัวใจเต้นเร็ว หายใจติดขัด จุกแน่น เวียนศีรษะ คล้ายจะเป็นลม ร่วมกับมีภาวะวิตกกังวล ขาดความมั่นใจในตัวเอง โดยการเกิดครั้งแรกจะเกิดขึ้นเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ที่มีเรื่องกดดันหรือถูกกระตุ้นให้ตื่นตัว อาจเกิดขึ้นได้บ่อยโดยไม่ทราบล่วงหน้า สาเหตุมาจากการถูกกระทบกระเทือนทางอารมณ์และจิตใจ ตรวจไม่พบความผิดปกติใด ๆ ทางร่างกาย
การฝังเข็มจะช่วยในการปรับสมดุลการทำงานของหัวใจและตับ เพิ่มการหมุนเวียนเลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย และช่วยผ่อนคลายความเครียด
รักษาด้วยการฝังเข็ม 10 ครั้ง/คอร์ส (2-3 ครั้ง/สัปดาห์) อาการจะทุเลาลง ผู้ป่วยจะรู้สึกสบายขึ้นภายใน 3-5 ครั้ง
โรคปวดศีรษะ (Tension Headache / Migraine headache)🤦♀️
ผู้ป่วยจะมีอาการปวดศีรษะ ปวดแบบตุบๆ เป็นจังหวะ มักเกิดข้างเดียวของศีรษะ โดยอาการปวดในช่วงแรกมักมีความรุนแรงเพียงเล็กน้อย และจะค่อย ๆ เพิ่มความรุนแรงขึ้น อาจมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนแรง และไวต่อแสง เสียง หรือกลิ่นมากขึ้น โดยยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด แต่มีปัจจัยที่สามารถกระตุ้นให้เกิดอาการได้ เช่น การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในผู้หญิง ความเครียด สภาพแวดล้อม เช่น แสงจ้าหรือแสงแฟลช เสียงดัง กลิ่นที่รุนแรง การใช้ยาบางชนิด การนอนหลับไม่เพียงพอ ออกกำลังกายหักโหม การสูบบุหรี่ อาการถอนคาเฟอีน เป็นต้น
การฝังเข็มจะช่วยในการปรับสมดุล เพิ่มการหมุนเวียนเลือดไปเลี้ยงบริเวณศีรษะดีขึ้น และช่วยลดความตึงของกล้ามเนื้อใกล้เคียง
ในรายที่มีอาการไม่มาก ฝังเข็ม 5 ครั้ง/คอร์ส (1-2 ครั้ง/สัปดาห์) อาการจะทุเลาลงภายใน 1-3 ครั้ง ส่วนในรายที่เป็นมากเรื้อรัง ฝังเข็ม 10 ครั้ง/คอร์ส (2-3 ครั้ง/สัปดาห์) อาการทุเลาลงภายใน 3-5 ครั้ง