JJNY : กลุ่มราษฎรจี้‘ตู่’ อย่าตลบตะแลง│ประกาศชัด'ตู่'ครบ8ปี│“ชลน่าน”ฝัน“ตู่”ไขก๊อก│ตามสั่งยังไม่ปรับราคา ห่วงลูกค้าน้อย

กลุ่มราษฎร แถลงจี้‘ตู่’ลาออกนายกฯ อย่าตลบตะแลง 
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7223551
 
  
กลุ่มราษฎร จี้ตู่ลงจากอำนาจ ยันครบวาระ 8 ปี 24 ส.ค.นี้ อย่าตลบตะแลง
 
วันที่ 21 ส.ค. ที่สนามหลวง กลุ่มราษฎรและเครือข่าย จัดงานอ่านแถลงการณ์ “ให้มันจบที่ 8 ปี พอกันทีนายกฯ เถื่อน” ปม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะต้องสิ้นสุดการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 24 ส.ค.นี้ โดยผู้ชุนนุมได้ชูป้ายข้อความต่างๆ เช่น ให้มันจบที่ 8 ปี , ประยุทธ์ต้องลาออก, หยุดสืบทอดอำนาจ
 
แต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยบริเวณท้องสนามหลวงนำโซ่เหล็กมาปิดประตูทางเข้า ไม่อนุญาตให้เข้าไปจัดกิจกรรมดังกล่าว โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ  สน.ชนะสงคราม ชี้แจงว่าระเบียบของ กทม.ห้ามใช้พื้นที่บริเวณท้องสนามหลวงจัดกิจกรรมชุมนุมทางการเมือง กลุ่มผู้ชุมนุมจึงเดินเท้าไปแถลงที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
  
เวลา 10.40 น. ตัวแทนของกลุ่มเครือข่ายผลัดกันแถลงในประเด็นต่างๆ ซึ่งในเวลาต่อมา น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง แกนนำแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม อ่านร่างแถลงการณ์ราษฎร มีใจความว่า เมื่อข้อเท็จจริงปรากฎว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ดำรงตำแหน่งนายกฯ นับตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค. 2557
 
และรัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 264 บัญญัติไว้ว่า “ให้คณะรัฐมนตรีที่บริหารราชการแผ่นดินอยู่ในวันก่อนวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ เป็นคณะรัฐมนตรีตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้ จึงถือว่าความเป็นนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องสิ้นสุดลงในวันที่ 24 ส.ค. 2565 ซึ่งเป็นวันครบกำหนด 8 ปี ในการดำรงตำแหน่งนายกฯ
  
การจะตีความตัวบทกฎหมายย่อมไม่สามารถจะพลิกแพลงตลบตะแลงเปลี่ยนไปเป็นอื่นได้ และการตลบตะแลงจะยิ่งสะท้อนให้เห็นว่า การขนานนามรัฐธรรมนูญปี 2560 ที่ทรราชร่างขึ้นว่า “รัฐธรรมนูญปราบโกง” เป็นเพียงมายาคติไว้หลอกหลวงประชาชน เพื่อกลบเจตนาการสืบทอดอำนาจของตนเอง
  
เราราษฎรจึงยืนยันข้อเรียกร้องเฉพาะกาลก่อนการเลือกตั้ง ดังต่อไปนี้
 
1. ให้ประยุทธ์ ลาออกจากตำแหน่งนายกฯโดยทันที
2. หากประยุทธ์ไม่ยอมลงจากอำนาจ ศาลธรรมนูญต้องมีคำวินิจฉัยให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 24 ส.ค.นี้ 3.ให้รัฐสภาแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 ตัดอำนาจวุฒิสภาในการเลือกนายกฯให้เสร็จสมบูรณ์ก่อนการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง 
 
เมื่ออ่านร่างแถลงเสร็จกลุ่มผู้ชุมนุมได้ตะโกนว่า [เผล่ะจัง] จงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ พร้อมชูสัญลักษณ์ 3 นิ้ว
 

 
'ฝ่ายค้าน' ประกาศชัด 'บิ๊กตู่' ครบ 8 ปี หมดความชอบธรรมอยู่ต่อ ชี้หมดเวลาVIP
https://www.matichon.co.th/politics/news_3518751
 
‘ฝ่ายค้าน’ ประกาศชัด ‘บิ๊กตู่’ ครบ 8 ปี หมดความชอบธรรมอยู่ต่อ ชี้หมดเวลาVIP
 
เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม ที่โรงแรมอมารี ดอนเมือง แอร์พอร์ต ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จัดโครงการผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรพบประชาชน ”อนาคตประเทศไทย บนเส้นทางประชาธิปไตย” ครั้งที่ 6 นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร พร้อม นายพิจารณ์ เชาวพัฒนาวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล, รศ.ชูศักดิ์ ศิรินิล  ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย, นายวิรัตน์ วรศสิริน รองหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย, นายธงชาติ รัตนวิชา ที่ปรึกษาพรรคประชาชาติ, ร.อ.จารุพล เรืองสุวรรณ ประธานฝ่ายยุทธศาสตร์การสื่อสารและรณรงค์นโยบายพรรคเพื่อชาติ, นายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชลไทย และนายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิไตย
 
นพ.ชลน่าน ปาฐกถาพิเศษตอนหนึ่งว่า การจัดเวทีวันนี้ เพื่อระดมความเห็นว่าประชาชนอยากเห็นอะไร คิดเห็นต่อเรื่อง 8 ปีอย่างไร เพื่อหาทางออกร่วมกันให้กับประเทศ สิ่งที่ตนอยากเห็นที่สุดคือวันที่ 23 สิงหาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ออกประกาศว่าครบวาระการดำรงตำแหน่งนายกฯ เป็นการประกาศยุติการดำรงตำแหน่งตัวเอง ซึ่งจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด โดยพล.อ.ประยุทธ์ จะถูกจารึกและจดจำ เกียรติยศเกียรติภูมินายกฯถูกยกย่องว่าอยู่ในหลักนิติธรรมปฏิบัติตามกฎหมาย ซึ่งจะทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ยืนอยู่ในสังคมได้อย่างภาคภูมิ และดีต่อประเทศ เพราะจะลดความอึมครึม ลดความขัดแย้ง ลดความกังวล
 
“ประชนชนเริ่มตาสว่างเห็นโอกาสจากที่ถูกครอบงำมา 8 ปี ได้มีโอกาสเลือกนายกฯคนใหม่ แต่หากยังอยู่ยาวจะเกิดการผูกขาดใช้อำนาจทางการเมือง เป็นเหตุให้ก่อวิกฤติทางการเมือง กลายเป็นวงจรอุบาทว์ทางการเมือง เจตนารมณ์แบบนี้หากปล่อยไว้ความเป็นประชาธิปไตยที่อำนาจเป็นของปวงชนชาวไทยจะไม่เกิดขึ้นจริงในประเทศไทย จะเป็นประชาธิปไตยเพียงรูปแบบ เป็นประชาธิปไตยแบบจอมปลอม แต่ประชาชนในฐานะเจ้าของอำนาจถูกใช้เป็นเพียงเครื่องมือเท่านั้น” นพ.ชลน่าน กล่าว

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ทั้งนี้พรรคร่วมฝ่ายค้านพยามทำหน้าที่เพื่อประชาชนให้มากที่สุด ให้ถึงจุดมุ่งหมายในการตรวจสอบควบคุมถ่วงดุลในการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล แต่หลายเรื่องพรรคร่วมฝ่ายค้านอาจจะถูกบิดเบือนถูกใส่ร้ายว่าเราไม่ทำหน้าที่ เช่นการต่อสู้ในสภาฯ เรื่องสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หาร 100 หรือหาร 500 การที่ไม่เป็นองค์ประชุมในรัฐสภาเพื่อให้ได้กฎหมายหาร 100 เป็นความชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญในการทำหน้าที่ระงับยับยั้งเสียงข้างมาก อย่างไรก็ตาม กระบวนการกฎหมายลูกหลังจากนี้ยังไม่จบ ยังรอว่ากฎหมายจะผ่านหรือไม่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)จะมีข้อทักท้วงหรือไม่ ซึ่งช่วงที่รอนี้สามารถร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ ดังนั้นกระบวนการออกกฎหมายตราบใดที่ยังไม่ออกมาเป็นกฎหมาย ก็ไม่มีความแน่นอน ดังนั้นช่วงนี้จึงถือเป็นช่วงสูญญากาศหากมีการยุบสภาเกิดขึ้น
 
จากนั้นมีการเสวนา ”อนาคตประเทศไทย บนเส้นทางประชาธิปไตย” โดย นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ยืนยันประเทศไทยจะไม่มีทางเป็นประชาธิปไตยได้เลยหากยังมีรัฐธรรมนูญฉบับนี้อยู่ เพราะถูกร่างขึ้นมาโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ทำให้พรรคที่ได้รับการเลือกตั้งอันดับ 1 ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ขณะที่พรรคอันดับ 2 รวมเสียงพรรคเล็กพรรคน้อย พรรคปัดเศษจัดตั้งรัฐบาล และเอา ส.ว.ที่มาจากการแต่งตั้งมาเลือกนายกฯ ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน นอกจากนั้นรัฐธรรมนูญฉบับนี้ยังมียุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่กำหนดให้รัฐบาลในอนาคตทำตามยุทธศาตร์ชาติ หากไม่ทำตามก็จะมีปัญหา ทั้งนี้พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมฝ่ายค้านหลายพรรคยังยึดมั่นที่จะขอแก้ไขยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับนี้ โดยกระบวนการให้มี สภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) โดยพรรคเพื่อไทยได้นำเสนอร่างรัฐธรรมนูญแล้ว 1 ร่างซึ่งจะเข้าสู่การพิจารณาของสภาเร็วๆ นี้
 
นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนกรณีวาระ 8 ปี ของพล.อ.ประยุทธ์นั้น ตนเห็นว่าตามเจตนารมณ์การกำหนดวาระดำรงตำแหน่งนายกฯ 8 ปีนั้น เพื่อไม่ให้อยู่ในอำนาจนานเกินไป ซึ่งจะกลายเป็นการสร้างกลไกต่างๆเพื่อสืบทอดอำนาจ ทั้งนี้เชื่อว่าโดยเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ และการตีความตามรายลักษณ์อักษร พล.อ.ประยุทธ์ ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกฯ ในวันที่ 24 สิงหาคมนี้ ซึ่งวิถีทางประชาธิปไตยเป็นเรื่องสำคัญ การกำหนดเรื่องวาระการดำรงตำแหน่งเป็นวิถีทางประชาธิปไตย แต่คนที่มาโดย [เผล่ะจัง] จึงไม่รู้จักวิถีทางประชาธิปไตย ดังนั้นประชาชนต้องสอนให้เขารู้ว่าวิถีทางประชาธิปไตยต้องปฏิบัติเช่นนี้ หมดเวลาข้อยกเว้นทั้งหลายต้องสิ้นสุดไปด้วยวิถีทางประชาธิปไตย
 
ด้าน นายพิจารณ์ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ในตำแหน่งมา 8 ปี แต่มี พล.อ.ประยุทธ์คนเดียวที่ไม่ยอมรับว่าตัวเองอยู่มา 8 ปีแล้ว ทั้งนี้ 8 ปีที่ผ่านมาระบอบประยุทธ์ กัดกินประเทศทุกด้านทั้งเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง พล.อ.ประยุทธ์ จึงหมดความชอบธรรมที่จะดำรงตำแหน่งนายกฯต่อ ทั้งความชอบธรรมทางกฎหมาย เพราะหากตีความตามตัวบทกฎหมายก็ชัดเจนว่า วันที่ 24 สิงหาคมนี้ พล.อ.ประยุทธ์อยู่ต่อไม่ได้แล้ว นักวิชาการทางกฎหมาย สื่อมวลชน ต่างให้ความเป็นไปในทางเดียวกัน
 
“ที่ผ่านมาสะท้อนว่า พล.อ.ประยุทธ์หมดความชอบธรรมทางการเมืองแล้ว หัวเดียวกระเทียมลีบ อยากได้ระบบเลือกตั้งหาร 500 ก็ไม่ได้ ในการอภิรายไม่ไว้วางใจก็ไม่มีใครช่วย ส.ส.รัฐบาลก็ไม่เอา ขณะที่ความชอบธรรมทางสังคมประชาชนต่างอยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ออกจากตำแหน่ง เพราะ 8 ปีที่ผ่านมาหนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้น” นายพิจารณ์ กล่าว
 
ขณะที่ นายธงชาติ กล่าวว่า ประเด็นวาระ 8 ปี พล.อ.ประยุทธ์ รัฐธรรมนูญเขียนไว้ชัดเจนว่าต้องนับวาระต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2557 ดังนั้นเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัย ไม่จำเป็นต้องยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความด้วยซ้ำ เพราะทุกคนเข้าใจตรงกัน ทั้งนี้ระบอบประชาธิปไตยอำนาจเป็นของประชาชน ถ้าประชาชนไม่ยอมรับเรื่องนี้ก็ทำได้ ซึ่งเรื่องรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ประเทศชาติจะเจริญก้าวหน้าก็ด้วยกติกาของชาติ แต่การกำหนดกติกาที่เอาเปรียบผู้อื่น สร้างความชอบธรรมให้ตัวเองที่อาศัยกฎหมายที่ตัวเองร่างขึ้นมานั้นชอบธรรมหรือไม่ ดังนั้นควรเลิกรัฐธรรมนูญฉบับนี้ และร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่ โดยตั้ง ส.ส.ร.จากตัวแทนประชาชนเข้ามาร่าง เหมือนรัฐธรรมนูญปี 2540 ที่มีการตรวจสอบอำนาจรับมากมาย
 
“เวลานี้องค์กรอิสระใช้อำนาจเกินอำนาจอธิปไตย ดังนั้นต้องให้อำนาจประชาชนเข้าไปตรวจสอบการใช้อำนาจขององค์กรอิสระได้ด้วย ไม่ใช่ปล่อยให้ใช้อำนาจจนเกินเลย ไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งในทางการเมืองตนคิดว่าถึงเวลาที่ประชาชนต้องออกมาช่วยกันแสดงพลังให้เห็นว่าเราไม่ต้องการกติกาที่ไม่เป็นธรรม จึงขอเชิญประชาชนมาแสดงพลังว่าเราคือเจ้าของอำนาจที่แท้จริง อย่าปล่อยให้กลุ่มบุคคลใดบุคคลหนึ่งสืบทอดอำนาจโดยไม่สิ้นสุด” นายธงชาติ กล่าว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่