คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 11
“ผู้ประกันตนติดโควิด” เลือกรักษาผ่านระบบ Telemedicine กับ 3 แอปฯ
- แอปฯ Good Doctor
- แอปฯ MorDee
- แอปฯ Clicknic
ที่มา : กระทรวงสาธารณสุข
https://www.facebook.com/Sumnakkaow.PRD/posts/pfbid02xE8asRMRmtLJJ2Aa19FiQr5ErojkUzFafscvjejUsry4Y3AP5drDxavAMpz2xPisl
เฝ้าระวัง ! ติดตามการกลายพันธุ์โรคโควิด เพื่อรับมือสถานการณ์การแพร่ระบาดอย่างมีประสิทธิภาพ
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวในที่ประชุม ศบค. ชุดใหญ่ ว่า เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ในปัจจุบันยังมีการแพร่ระบาดอยู่ แต่อยู่ในการคาดการณ์และการเตรียมพร้อมรับมือ ขอให้กระทรวงสาธารณสุขเฝ้าระวังและติดตามการกลายพันธุ์ เพื่อให้รับมือกับสถานการณ์ระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในระยะสั้นและระยะยาวตามแผนที่วางไว้
ส่วนการปรับแนวทางการบริหารจัดการโควิด-19 เพื่อรองรับสถานการณ์การแพร่ระบาด เป็นไปตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ 2558 และให้สอดคล้องกับสถานการณ์ด้านการแพทย์ การปรับแนวทางกักตัวผู้ป่วย รวมถึงการรายงานโรคและผู้ป่วยสัมผัส ซึ่งในด้านสังคมต้องสร้างการรับรู้และสร้างความเข้าใจ โดยเฉพาะประโยชน์ของวัคซีน การจัดการเมื่อมีผู้ติดเชื้อในครอบครัว มาตรการต่างๆ ทั้งตัวบุคคลและองค์กร ส่วนตัวรู้สึกอุ่นใจ ที่ยังเห็นคนใส่หน้ากากอนามัยอยู่จำนวนมาก
https://www.facebook.com/Sumnakkaow.PRD/posts/pfbid0WdRQYcGdrtsXjoi273qSd22ZZM6U8pmKhhpKYHudRjr6KPrdyHB3dV3T5t6CwBE3l
“ผู้ประกันตนติดโควิด” เลือกรักษาผ่านระบบ Telemedicine กับ 3 แอปฯ
- แอปฯ Good Doctor
- แอปฯ MorDee
- แอปฯ Clicknic
ที่มา : กระทรวงสาธารณสุข
https://www.facebook.com/Sumnakkaow.PRD/posts/pfbid02xE8asRMRmtLJJ2Aa19FiQr5ErojkUzFafscvjejUsry4Y3AP5drDxavAMpz2xPisl
เฝ้าระวัง ! ติดตามการกลายพันธุ์โรคโควิด เพื่อรับมือสถานการณ์การแพร่ระบาดอย่างมีประสิทธิภาพ
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวในที่ประชุม ศบค. ชุดใหญ่ ว่า เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ในปัจจุบันยังมีการแพร่ระบาดอยู่ แต่อยู่ในการคาดการณ์และการเตรียมพร้อมรับมือ ขอให้กระทรวงสาธารณสุขเฝ้าระวังและติดตามการกลายพันธุ์ เพื่อให้รับมือกับสถานการณ์ระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในระยะสั้นและระยะยาวตามแผนที่วางไว้
ส่วนการปรับแนวทางการบริหารจัดการโควิด-19 เพื่อรองรับสถานการณ์การแพร่ระบาด เป็นไปตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ 2558 และให้สอดคล้องกับสถานการณ์ด้านการแพทย์ การปรับแนวทางกักตัวผู้ป่วย รวมถึงการรายงานโรคและผู้ป่วยสัมผัส ซึ่งในด้านสังคมต้องสร้างการรับรู้และสร้างความเข้าใจ โดยเฉพาะประโยชน์ของวัคซีน การจัดการเมื่อมีผู้ติดเชื้อในครอบครัว มาตรการต่างๆ ทั้งตัวบุคคลและองค์กร ส่วนตัวรู้สึกอุ่นใจ ที่ยังเห็นคนใส่หน้ากากอนามัยอยู่จำนวนมาก
https://www.facebook.com/Sumnakkaow.PRD/posts/pfbid0WdRQYcGdrtsXjoi273qSd22ZZM6U8pmKhhpKYHudRjr6KPrdyHB3dV3T5t6CwBE3l
แสดงความคิดเห็น
🇹🇭💙มาลาริน💙🇹🇭19ส.ค.โควิดไทยอันดับที่29โลก ไต้หวันที่24/ป่วย2,110คน หาย2,028คน เสียชีวิต27คน/ศบค.เตรียมลดบทบาท ต.ค.
https://www.bangkokbiznews.com/social/public_health/1021793
ยอดผู้รับบริการ 'เจอ แจก จบ' ตั้งแต่มี.ค. ทะลุ 7 ล้าน 'ศบค.' เตรียมลดบทบาทต.ค.นี้
ยอดผู้รับบริการเจอแจกจบ ตั้งแต่มี.ค. ทะลุ 7 ล้าน เฉลี่ยติดเชื้อวันละ 3 หมื่น ศบค.เตรียมลดบทบาท ต.ค.นี้ ยังไม่คุยยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ยัน วัคซีนคงคลังมีเพียงพอ ชวนปชช.เร่งฉีดเข็มกระตุ้น ขยายเวลาพำนักในไทยดึงดูดเงินนทท.ต่างชาติ
19 ส.ค.2565-ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.แถลงภายหลังการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ว่า สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศไทย พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 2,110 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 2,110 ราย หายป่วยเพิ่มขึ้น 2,028 ราย อยู่ระหว่างรักษา 20,048 ราย อาการหนัก 853 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 436 ราย เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 27 ราย มียอดผู้ติดเชื้อสะสมยืนยันตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 4,630,310 ราย มียอดหายป่วยสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 4,578,291 ราย ยอดผู้เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 31,971 ราย
ทั้งนี้ ระหว่างวันที่ 7-13 ส.ค. มีผู้ที่มีผลตรวจเอทีเคเป็นบวกแล้วเข้ารับบริการ
เจอ แจก จบ OPSI จำนวน 218,042 ราย เฉลี่ยวันละ 31,148 ราย ซึ่งตั้งแต่เดือน มี.ค.-13 ส.ค. มีจำนวนผู้รับบริการแบบเจอ แจก จบ 7,088,138 ราย ขณะที่อัตราการครองเตียงปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 14.8% ถือว่าไม่เกินศักยภาพของการดูแล ส่วนเรื่องยารักษาโควิด-19 ทั้งฟาวิพิราเวียร์ โมนูลพิราเวียร์ ยังมีเพียงพอ แต่อย่างไรก็ตาม ในเดือน ก.ย. จะเพิ่มระบบสนับสนุนยา โดยให้หน่วยบริการนอกสังกัดกระทรวงสาธารณสุขสามารถจัดซื้อยาได้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. รวมถึงร้านยาสามารถจ่ายยาให้ผู้ป่วยได้ตามใบสั่งแพทย์ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.เช่นกัน
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ในที่ประชุมได้มีการหารือถึงความคืบหน้าในการจัดทำกรอบนโยบายแนวทางปฏิบัติและห้วงเวลาในการดำเนินการเปลี่ยนผ่านสู่ภาวะ Post-Pandemic หรือระยะหลังการระบาดใหญ่ โดยหารือด้านการป้องกันว่าขณะนี้สถานการณ์ทั่วโลกยังมีการเพิ่มผู้ติดเชื้อ แต่จำนวนอาการรุนแรงและเสียชีวิตไม่สูง ภาพรวมประชาชนในประเทศไทยมากกว่าร้อยละ 90 มีภูมิคุ้มกัน ผู้ฉีดวัคซีนสามเข็มไม่ว่าสูตรใดสามารถป้องกันการป่วยรุนแรงและการเสียชีวิตได้มากกว่าร้อยละ 90 หลังจากนี้ลักษณะการเกิดโควิด-19 จะคล้ายคลึงกับไข้หวัดใหญ่ ซึ่งจะพบผู้ป่วยตลอดทั้งปี ด้านการรักษาอาการผู้ป่วยส่วนใหญ่จะไม่รุนแรง ยกเว้นในกลุ่มเสี่ยง การใช้ยาและการรักษาที่โรงพยาบาลควรใช้เฉพาะกลุ่มผู้มีอาการ สำหรับการแยกกักตัวจะใช้เวลา 10 วัน คือ แยกกักตัว 5 วัน และอีก 5 วัน ให้ปฏิบัติตนแบบ DMH อย่างเคร่งครัด โดยกรอบระยะเวลานั้น ในเดือน ก.ย. จะให้โควิด-19 เป็นโรคติดต่อเฝ้าระวัง จากนั้นตั้งแต่เดือน ต.ค.-ธ.ค. จะปรับให้โรคระบาดเฉพาะพื้นที่
โฆษกศบค.กล่าวว่า ตั้งแต่เดือน ต.ค.เป็นต้นไป บทบาทของ ศบค.จะลดลง โดยจะใช้กลไกของศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข (อีโอซี) กระทรวงสาธารณสุข รวมถึงคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด คณะกรรมการโรคติดต่อ กทม. จะเข้ามาดำเนินการในส่วนนี้ แต่ในที่ประชุมยังไม่ได้มีการพูดถึงการยกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะประเมินสถานการณ์กันต่อไป เนื่องจากยังเหลือระยะเวลาการประกาศใช้จนถึงสิ้นเดือน ก.ย. ที่ประชุมจะรอดูสถานการณ์ต่อไป
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า ในปัจจุบันยังมีข่าวดีเกี่ยวกับความก้าวหน้าการวิจัยและพัฒนาวัคซีนในประเทศ โดยวัคซีนที่พัฒนาโดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และขององค์การเภสัชกรรม มีความก้าวหน้าและเตรียมขึ้นทะเบียนในปี 66 และ 67 ตามลำดับ อาทิ Chula-Cov19, BaiyaSARS-Cov-2VaX, NDV-HP-F ขณะที่การฉีดวัคซีนในประเทศไทย มีการฉีดไปแล้วทั้งสิ้นกว่า 142 ล้านโดส มีอาการไม่พึงประสงค์ เสียชีวิตเพียง 6 คน ถือว่าน้อยมาก และถ้าดูยอดผู้เสียชีวิตในกลุ่ม 608 ตั้งแต่เดือน ม.ค.-ก.ค.65 มีทั้งสิ้น 9,373 ราย ในจำนวนนี้มีถึง 5,260 ราย ที่ไม่ได้รับวัคซีน จึงอยากเชิญชวนประชาชนให้ไปฉีดวัคซีน เข็มกระตุ้น เพราะข้อมูลยืนยันแล้วว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นโอกาสป่วยหนักและเสียชีวิตต่ำ และขณะนี้ในประเทศไทยมีวัคซีนคงคลังรวมแล้ว 8 ล้านโดส จึงถือว่ามีความเพียงพอในการฉีดให้กับประชาชน
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า นอกจากนี้ กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาให้ข้อมูลการเดินทางเข้าประเทศว่าในเดือน ก.ค.มีผู้เดินทางเข้าประเทศถึง 1.07 ล้านคน มากกว่าเดือน มิ.ย.ที่มีเพียง 7.6 แสนคน และถ้าดูรายได้จากการท่องเที่ยวพบว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-17 ส.ค. มีรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 176,311 ล้านบาท เป็นนักท่องเที่ยวในประเทศ 377,740 ล้านบาท จึงต้องมาหาแนวทางให้ได้รายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติมากขึ้น ทั้งการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว จำนวนการใช้จ่ายภายในประเทศ รวมถึงการพำนักภายในประเทศ ที่ประชุมจึงเห็นชอบขยายระยะเวลาพำนักของผู้เดินทางเข้าราชอาณาจักรเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยขยายเวลพำนักสำหรับผู้ได้รับการยกเว้นการตรวจลงตราในการเข้าประเทศ ทั้งที่ไทยให้แต่ฝ่ายเดียว และที่มีความตกลงระหว่างกัน จากไม่เกิน 30 วัน เป็นไม่เกิน 45 วัน ขยายเวลาพำนักสำหรับผู้ได้รับ Visa On Arrival จากไม่เกิน 15 วัน เป็นไม่เกิน 30 วัน ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.65 – 31 มี.ค.66 โดยให้กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย สตม. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการตามมติต่อไป
https://www.thaipost.net/covid-19-news/203741/
ติดตามข่าวโควิดวันนี้ค่ะ....
วันนี้จำนวนผู้ป่วยปอดติดเชื้อลดลงอยู่ในจำนวนแปดร้อยกว่าคนแล้วจากจำนวนเก้าร้อยกว่าคนมาหลายวัน