🇹🇭มาลาริน/เกาหลีใต้พบอายุ60ปีขึ้นไป ฉีดวัคซีน‘แอสตราฯ-ไฟเซอร์’ลดติดโควิดถึง87%/เห็นชอบฉีดวัคซีนซิโนแวคในผู้สูงอายุ

เพี้ยนแคปเจอร์ เกาหลีใต้พบอายุ60ปีขึ้นไปได้วัคซีน‘แอสตราฯ-ไฟเซอร์’ เข็มเดียวลดติดโควิดถึง87%
วันพุธ ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2564, 15.25 น.



5 พ.ค. 2564 สำนักข่าวรอยเตอร์ เสนอข่าว S.Korea says AstraZeneca, Pfizer COVID-19 vaccines 87% effective after first shot  อ้างการเปิดเผยของ องค์การควบคุมและป้องกันโรคของเกาหลีใต้ (KDCA) ระบุว่า วัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 2 ยี่ห้อ คือไฟเซอร์ และแอสตราเซเนเกา มีประสิทธิภาพป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ในประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไป เฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 86.6 โดยวัคซีนไฟเซอร์ที่พัฒนาร่วมกับไบโอเอ็นเท็ค มีประสิทธิภาพอยู่ที่ร้อยละ 89.7 ส่วนวัคซีนแอสตราเซเนกาอยู่ที่ร้อยละ 86

ผลการศึกษานี้สำรวจจากประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปจำนวน 3.5 ล้านคน ตั้งแต่วันที่ 26 ก.พ. 2564 ในจำนวนนี้มี 521,133 คนที่ได้รับวัคซีนยี่ห้อใดยี่ห้อหนึ่งข้างต้นเพียงคนละ 1 โดส จากที่ต้องฉีดคนละ 2 โดส พบว่า ในจำนวน 1,237 คนที่ติดเชื้อโควิด-19 มีเพียง 29 คนเท่านั้นที่เป็นผู้ผ่านการฉีดวัคซีนแล้ว ชี้ให้เห็นว่า แม้จะได้วัคซีนเพียงโดสเดียว แต่ก็เพิ่มโอกาสการป้องกันโรคให้สูงขึ้นได้ แต่แน่นอนว่าเมื่อถึงเวลาที่กำหนดก็ควรได้รับการฉีดวัคซีนโดสที่ 2 เพื่อให้ประสิทธิภาพการป้องกันโรคเพิ่มขึ้นอีก
 
รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า ผลการศึกษานี้ถูกเปิดเผยขึ้นเนื่องจากทางการเกาหลีใต้ต้องการให้ประชาชนมารับการฉีดวัคซีนให้ได้มากที่สุด เนื่องจากบางคนยังลังเลเพราะข่าวผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีน ยุน แท-โฮ (Yoon Tae-ho) เจ้าหน้าที่อาวุโส กระทรวงสาธารณสุขเกาหลีใต้ ระบุว่า ร้อยละ 95 ของผู้เสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 ในเกาหลีใต้เป็นประชากรวัย 60 ปีขึ้นไป และวัคซีนลดความเสี่ยงนี้ลงได้ ส่วนผลข้างเคียงต่างๆ นั้นโอกาสเกิดขึ้นก็น้อยมากรวมถึงภาวะลิ่มเลือดอุดตัน และส่วนใหญ่สามารถรักษาให้หายได้

เกาหลีใต้มีประชากรประมาณ 52 ล้านคน ในจำนวนนี้มีเพียงร้อยละ 6.7 ผ่านการฉีดวัคซีนโควิด-19 แต่ได้ตั้งเป้าหมายไว้ว่า จะต้องฉีดให้ได้ร้อยละ 70 ของประชากรทั้งประเทศในเดือน ก.ย. 2564 และคาดว่าภูมิคุ้มกันหมู่จะเกิดขึ้นในเดือน พ.ย. ปีเดียวกัน อนึ่ง เกาหลีใต้อนุญาตให้ผู้ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ครบ 2 โดส และมีใบตรวจคัดกรองหาเชื้อโควิด-19 ผลเป็นลบ และไม่มีอาการใดๆ เมื่อเดินทางกลับประเทศไม่ต้องกักตัว 14 วัน ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ ณ วันที่ 4 พ.ค. 2564 อยู่ที่ 676 คน ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมรวมอยู่ที่ 124,945 คน และเสียชีวิตสะสมรวม 1,847 ราย

https://www.naewna.com/inter/570761?utm_source=grf-eng&utm_medium=partner&utm_campaign=giraff.io

เพี้ยนปักหมุด คกก.โรคติดต่อแห่งชาติ เห็นชอบฉีดวัคซีนซิโนแวคผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป
เผยแพร่: 7 พ.ค. 2564 16:56   ปรับปรุง: 7 พ.ค. 2564 16:56   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ เห็นชอบการให้วัคซีนซิโนแวคในผู้สูงอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป มอบ อย.ดำเนินการแก้ไข พร้อมออกอนุบัญญัติการเปรียบเทียบปรับกรณีไม่สวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้าออกนอกเคหสถาน กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับภาคเอกชนเร่งรัดฉีดวัคซีนแรงงานระบบประกันสังคม 16 ล้านคน เพิ่มจุดบริการฉีด 382 แห่งทั่วประเทศ

วันนี้ (7 พ.ค.) ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ครั้งที่ 5/2564 โดยมี นายแพทย์โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กลาโหม มหาดไทย แรงงาน ศึกษาธิการ ต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ UHOSNET โรงพยาบาลเอกชน ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการแพทย์และสาธารณสุข ผู้แทนสภาวิชาชีพและองค์กรอิสระ ร่วมการประชุมและประชุมทางไกล
นายอนุทิน ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้ประเทศไทยได้ฉีดวัคซีนโควิด-19 ไปแล้วกว่า 1.6 ล้านโดส ในเดือนพฤษภาคมนี้ มีวัคซีนของซิโนแวคเข้ามาจำนวนมากรวม 3.5 ล้านโดส และกระทรวงสาธารณสุขกำลังจัดหาเพิ่มให้ได้อย่างน้อย 100 ล้านโดส โดยได้รับความร่วมมือจากทั้งภาครัฐและเอกชนในการให้บริการวัคซีน เพื่อเพิ่มความครอบคลุมการให้วัคซีนโดยเร็วที่สุด มีเป้าหมายการให้วัคซีนแก่บุคคลที่อยู่ในประเทศไทยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติรวม 50 ล้านคน ภายในเดือนธันวาคม 2564
นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติมี 3 ประเด็นสำคัญต่อการควบคุมโรคโควิด-19 คือ.....🌂

1. กระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงมหาดไทย ร่วมกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และเครือข่ายภาคเอกชน ดูแลวัยทำงานขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่อยู่ในระบบประกันสังคมจำนวนกว่า 16 ล้านคน โดยภาคเอกชนจะสนับสนุนการจัดบริการฉีดวัคซีน เช่น เพิ่มจุดให้บริการฉีดวัคซีนที่ได้มาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุขใน  กทม. 82 แห่ง และต่างจังหวัด 300 แห่ง โดยมีบุคลากรภาคเอกชนมาร่วมดำเนินการด้วย ซึ่งเพิ่มจากระบบบริการที่เตรียมไว้แล้ว

2. เห็นชอบในหลักการแนวทางปฏิบัติการให้วัคซีนซิโนแวคในผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ซึ่งมีการวิจัยที่ประเทศจีน ว่า การฉีดวัคซีนซิโนแวคในผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปที่มีสุขภาพดี พบว่า มีความปลอดภัยและกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ดี โดยมอบสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ดำเนินการด้านกฎหมายต่อไปหากไม่มีข้อขัดข้องใดๆ

และ 3. การออกกฎหมายลูก (อนุบัญญัติ) ตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 คือ ผ่อนปรนหลักเกณฑ์การเปรียบเทียบปรับ กรณีไม่สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าเมื่อออกนอกเคหสถานซึ่งมีความปลอดภัย ลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อและรับเชื้อ ซึ่งจะปรับเกณฑ์การปรับโดยมีการพิจารณาอนุโลม ยกเว้นหรือลดค่าปรับตามความเหมาะสม เพื่อมิให้เป็นภาระค่าใช้จ่ายกับประชาชนจนเกินไปในยุคโควิดที่ลำบากอยู่แล้ว นอกจากนี้ ยังออกประกาศแต่งตั้งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อเพิ่มเติม ได้แก่ ข้าราชการสังกัดกรมราชทัณฑ์ตามตำแหน่งที่กำหนด และข้าราชการตำรวจสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

“นอกจากการให้วัคซีนแก่ประชาชนคนไทยและการใช้กฎหมายในการควบคุมโรคแล้ว เครื่องมือสำคัญที่ทุกคนสามารถทำได้ คือ มาตรการป้องกันโรคส่วนบุคคล ทั้งการเว้นระยะห่าง สวมหน้ากาก ล้างมือบ่อยๆ สแกนไทยชนะ ยังเป็นมาตรการหลักในการป้องกันการติดเชื้อและการแพร่กระจายของเชื้อโรคโควิด-19” นายอนุทิน กล่าว

https://mgronline.com/qol/detail/9640000043910

ปูเสื่อ ในที่สุดวัคซีน ที่รัฐบาลสั่งมาก็ใช้ได้กับคนไทยหลากหลายอายุนะคะ

โดยเฉพาะผู้สูงอายุ  ใช้ได้ทั้งซิโนแวค และแอสตร้าฯ

ประสิทธิภาพก็ไม่แพ้วัคซีนอื่นๆเลยค่ะ

รัฐบาลเลือกสิ่งที่ดีๆให้ประชาชนอย่างแท้จริง

ขอบคุณนะคะ....พาพันขอบคุณ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่