https://www.bangkokbiznews.com/social/1014329
https://www.sanook.com/news/8589254/
https://www.bangkokbiznews.com/social/1014382
ศบค. เผยพบผู้ป่วยเจอแจกจบ ติดเชื้อวันละ 2.9 หมื่นราย จับตาเมืองใหญ่-ท่องเที่ยวโควิดเพิ่ม วอน 608 รับวัคซีนเข็มกระตุ้น
เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 8 ก.ค. 2565 ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.แถลงภายหลังการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ว่า ปลัดกระทรวงสาธารณสุขได้รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 2,144 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 2,144 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 2,144 ราย หายป่วยเพิ่มขึ้น 1,946 ราย อยู่ระหว่างรักษา 25,082 ราย อาการหนัก 763 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 327 ราย เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 20 ราย เป็นชาย 11 ราย หญิง 9 ราย เป็นผู้เสียชีวิตที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป 16 ราย มีโรคเรื้อรัง 4 ราย มียอดผู้ติดเชื้อสะสมยืนยันตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 4,540,955 ราย มียอดหายป่วยสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 4,485,075 ราย ยอดผู้เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน30,798 ราย ขณะที่สถานการณ์โลก มียอดผู้ติดเชื้อสะสม 558,649,659 ราย เสียชีวิตสะสม 6,369,032 ราย
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ในที่ประชุมพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมในฐานะผอ.ศบค. ได้เน้นย้ำถึงกรณีที่มีการออกข่าวหรือมีนักวิชาการออกมาให้ข้อมูลในโซเชียลมีเดียว่ามีผู้ติดเชื้อจำนวนมากนั้นว่า อาจจะมีทั้งข้อมูลที่สอดคล้องและผิด โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ขอให้ฟังข้อมูลจาก ศบค.เป็นหลัก ทั้งนี้ กรมควบคุมโรคได้แสดงรายงานข้อมูลผู้ป่วยแบบ OPSI กรณีเจอแจกจบ เป็นผู้ป่วยนอกที่ไปรับยาแล้วกลับบ้าน ตั้งแต่ มี.ค.65 – 6 ก.ค.65 มีทั้งสิ้น 5,113,782 ราย และพบว่าในสัปดาห์ที่ 26 มีผู้ป่วยประมาณ 207,643 ราย หรือเฉลี่ยวันละ 29,000 รายทั่วประเทศ ซึ่งเป็นตัวเลขที่ป่วยจริง
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ทั้งนี้นายกสมาคมอุรเวชช์แห่งประเทศไทย ได้ให้ข้อแนะนำว่า ตัวเลขนี้มีความสำคัญที่จะต้องสื่อสารกับประชาชนเพื่อให้ได้รับทราบ แต่อาการผู้ติดเชื้อไม่หนัก และเห็นด้วยกับตัวเลขกระทรวงสาธารณสุขที่รายงานจำนวนผู้รักษาตัวในโรงพยาบาล ขณะที่ตัวเลขผู้ป่วยปอดอักเสบมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเล็กน้อย นายอนุทินยืนยันว่ายังมีเตียงรองรับเพียงพอ เตียงทุกระดับ มีทั้งหมด 103,798 เตียงใช้ไป 11.2% ซึ่งเตียงผู้ป่วยระดับหนึ่งหรือป่วยน้อย มีทั้งหมด 78,229 เตียง ใช้ไปเพียง 11% ผู้ป่วยระดับสองและระดับสาม มีทั้งหมด 5,694 เตียง ใช้ไป 13.4%
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ทั้งนี้นายกสมาคมอุรเวชช์แห่งประเทศไทย ได้ให้ข้อแนะนำว่า ตัวเลขนี้มีความสำคัญที่จะต้องสื่อสารกับประชาชนเพื่อให้ได้รับทราบ แต่อาการผู้ติดเชื้อไม่หนัก และเห็นด้วยกับตัวเลขกระทรวงสาธารณสุขที่รายงานจำนวนผู้รักษาตัวในโรงพยาบาล ขณะที่ตัวเลขผู้ป่วยปอดอักเสบมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเล็กน้อย นายอนุทินยืนยันว่ายังมีเตียงรองรับเพียงพอ เตียงทุกระดับ มีทั้งหมด 103,798 เตียงใช้ไป 11.2% ซึ่งเตียงผู้ป่วยระดับหนึ่งหรือป่วยน้อย มีทั้งหมด 78,229 เตียง ใช้ไปเพียง 11% ผู้ป่วยระดับสองและระดับสาม มีทั้งหมด 5,694 เตียง ใช้ไป 13.4%
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า นายกฯ ระบุว่าแม้ตัวเลขเสียชีวิตรายสัปดาห์จะลดลง แต่ไม่อยากเกิดขึ้นเลยกับคนที่อยู่ในกลุ่ม 608 จึงขอให้รณรงค์ให้กลุ่ม 608 เข้ามารับวัคซีนให้มากขึ้น และยังขอความร่วมมือเรื่องการสวมหน้ากากของคนที่อยู่ใกล้ชิดกับกลุ่ม 608 อย่างไรก็ตามสำหรับภาพรวมการติดเชื้อทั่วประเทศ มี 54 จังหวัดที่มีแนวโน้มลดลง และมี 23 จังหวัดที่เป็นขาขึ้นและการติดเชื้อระลอกเล็กๆ ในบางจังหวัด อย่างกทม. และปริมณฑล โดยเฉพาะภูเก็ตที่มียอดเพิ่มสูงพอสมควร ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเมืองใหญ่และจังหวัดท่องเที่ยว จึงขอให้ประชาชนช่วยกันในการลดยอดผู้ติดเชื้อให้ได้
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า มีการคาดการณ์ภาพที่จะเกิดขึ้นทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิต โดยหลังการระบาดใหญ่จะมีระลอกเล็กๆ เกิดขึ้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยเรื่องภูมิคุ้มกัน หน้ากากอนามัย การทำกิจกรรมรวมกลุ่มและสายพันธุ์ นายกฯเน้นย้ำว่าเรื่องการสวมหน้ากาก ภูมิคุ้มกัน การรวมกลุ่ม แม้จะผ่อนคลายมาตรการแต่ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ช่วยดูแลประชาชนในภาพรวมเพื่อจะได้ไม่เจอการแพร่ระบาดที่สูงกว่านี้โดยผู้ป่วยรายใหม่อาจจะมีพุ่งขึ้นได้ตั้งแต่สัปดาห์ รวมถึงผู้ป่วยที่รักษาตัวในโรงพยาบาลอาจจะเพิ่มขึ้นโดยการระบาดจะสูงขึ้นประมาณเดือน ก.ย. และจะเริ่มลดลงในเดือน พ.ย. เช่นเดียวกับตัวเลขผู้เสียชีวิต ที่จะเพิ่มขึ้นในเดือน ก.ย. แต่หากประชาชนให้ความร่วมมือ ตัวเลขจะได้ต่ำกว่าที่คาดการณ์ในฉากทัศน์นี้
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ในส่วนของแผนการฉีดวัคซีน นายกฯเน้นย้ำว่าเรื่องวัคซีนเป็นเรื่องส่วนหนึ่งของความสำเร็จในการเอาชนะ และอยู่กับโควิด-19 ให้ได้ แม้การฉีดวัคซีนจะยังไม่ถึงเป้าหมาย แต่ต้องฝากทุกคนให้ความร่วมมือด้วย โดยกระทรวงสาธารณสุขได้รายงานตัวเลขการฉีดวัคซีน โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป จำนวนเป้าหมาย 12 ล้านคน แต่มีการฉีดเข็มที่สามแค่ 47.1% เด็กอายุ 12-17 ปี เป้าหมาย 4 ล้านคน ฉีดเข็มที่สามเพียง 20.5% ขณะที่เด็กอายุ 5-11 ปี เป้าหมาย 5 ล้านคน ฉีดเข็มสองเพียง40.9%
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า นายกฯยังให้ความสำคัญกับเรื่องการติดเชื้อในโรงเรียน โดยอยากให้กระทรวงสาธารณสุข กทม. เข้ามาดูแลใกล้ชิด
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า นายกฯยังได้รับทราบเรื่องผลสำรวจของกรมควบคุมโรคเกี่ยวกับเหตุผลว่าทำไมผู้สูงอายุไม่ถึงฉีดวัคซีน พบว่า 34.8% ให้เหตุผลว่าฉีดพอแล้ว 20.5% ให้เหตุผลว่ารอฉีด 19.2% ให้เหตุผลว่ากลัวอันตราย และ 16.7% ให้เหตุผลว่าเพิ่งหวยป่วยจากโควิด-19 ซึ่งนายกฯอยากให้ช่วยกันปรับชุดความคิดคนที่ไม่อยากฉีด เพื่อรักษาชีวิตคนไทยให้ได้มากที่สุด
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ขณะนี้มี 4 จังหวัดที่มีประชากรกลุ่มเป้าหมายฉีดเข็มกระตุ้นมากกว่าร้อยละ 60 ได้แก่ กทม. ภูเก็ต นนทบุรี และสมุทรปราการ
ขณะที่ 10 จังหวัดที่ฉีดน้อยที่สุด ได้แก่ นราธิวาส ปัตตานียะลา สตูล บึงกาฬ สกลนคร หนองบัวลำภู แม่ฮ่องสอน นครศรีธรรมราช และพัทลุง
ส่วน 4 จังหวัดที่ผลการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นในกลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไปที่มากกว่าร้อยละ 60 ประกอบด้วย ภูเก็ต น่าน สมุทรปราการ กทม.
ขณะที่ 10 จังหวัดที่ฉีดเข็มกระตุ้นในกลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไปน้อยที่สุด ประกอบด้วยนราธิวาส ปัตตานี บึงกาฬ ยะลา สตูล สกลนคร หนองบัวลำภู แม่ฮ่องสอน สระแก้ว และหนองคาย
ทั้งนี้ประเทศไทยจัดหาวัคซีนมาแล้วทั้งสิ้น 169.76 ล้านโดส ตอนนี้วัคซีนมีเพียงพอ
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ขณะเดียวกัน กรมควบคุมโรครายงานประสิทธิผลการฉีดวัคซีน โดย....
ผู้ที่ฉีดสองเข็มป้องกันการติดเชื้อน้อยมาก ป้องกันการป่วยหนักและเสียชีวิตได้ 75%
ผู้ที่ฉีดสามเข็มป้องกันการติดเชื้อได้ 15% ป้องกันป่วยหนักและเสียชีวิตได้ 93%
โดยวัคซีนทุกสูตรป้องกันได้ใกล้เคียงกัน
ส่วนผู้ที่ฉีดสี่เข็มป้องกันการติดเชื้อได้ 76% ป้องกันป่วยหนักและเสียชีวิตได้ 96%
ที่ผ่านมายังไม่พบผู้เสียชีวิตในกลุ่มที่ฉีดวัคซีนสี่เข็ม
ทั้งนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบเปลี่ยนวัคซีนจากแอสตร้าเซนเนก้ามาเป็น Long-acting-antibody (LAAB) จำนวน 257,500 โดส และยังเห็นชอบการปรับเปลี่ยนวัคซีนไฟเซอร์ที่ยังไม่ได้รับมอบ3.6 ล้านโดส มาเป็นไฟเซอร์ Maroon cap สำหรับฉีดเด็กตั้งแต่อายุ 6 เดือน และอายุน้อยกว่า 5 ปีจำนวน 3 ล้านโดส
https://siamrath.co.th/n/363575
...ติดตามข่าวโควิดวันนี้ค่ะ
วันนี้ผู้ป่วยใหม่มากกว่าผู้หายป่วยอีกวันค่ะ และยังอยู่ในหลักสองพันคน
ส่วนผู้ป่วย เจอ แจก จบ รักษาตัวที่บ้านอาการไม่หนัก ป่วยวันละสองหมื่นกว่าคน
กาคฉีดวัคซีนช่วยลดความรุนแรงได้ ลดการเสียชีวิตได้
นายกฯห่วงใยวอนกลุ่มเสี่ยง608 รับวัคซีนเข็มกระตุ้นค่ะ
🇹🇭มาลาริน💙8ก.ค.โควิดไทยอันดับ26โลก/ป่วย2,144คน หาย1,946คน/เจอแจกจบ ติดเชื้อวันละ 2.9 หมื่นราย วอน608ฉีดเข็มกระตุ้น
https://www.bangkokbiznews.com/social/1014329
https://www.sanook.com/news/8589254/
https://www.bangkokbiznews.com/social/1014382
ศบค. เผยพบผู้ป่วยเจอแจกจบ ติดเชื้อวันละ 2.9 หมื่นราย จับตาเมืองใหญ่-ท่องเที่ยวโควิดเพิ่ม วอน 608 รับวัคซีนเข็มกระตุ้น
เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 8 ก.ค. 2565 ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.แถลงภายหลังการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ว่า ปลัดกระทรวงสาธารณสุขได้รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 2,144 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 2,144 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 2,144 ราย หายป่วยเพิ่มขึ้น 1,946 ราย อยู่ระหว่างรักษา 25,082 ราย อาการหนัก 763 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 327 ราย เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 20 ราย เป็นชาย 11 ราย หญิง 9 ราย เป็นผู้เสียชีวิตที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป 16 ราย มีโรคเรื้อรัง 4 ราย มียอดผู้ติดเชื้อสะสมยืนยันตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 4,540,955 ราย มียอดหายป่วยสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 4,485,075 ราย ยอดผู้เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน30,798 ราย ขณะที่สถานการณ์โลก มียอดผู้ติดเชื้อสะสม 558,649,659 ราย เสียชีวิตสะสม 6,369,032 ราย
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ในที่ประชุมพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมในฐานะผอ.ศบค. ได้เน้นย้ำถึงกรณีที่มีการออกข่าวหรือมีนักวิชาการออกมาให้ข้อมูลในโซเชียลมีเดียว่ามีผู้ติดเชื้อจำนวนมากนั้นว่า อาจจะมีทั้งข้อมูลที่สอดคล้องและผิด โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ขอให้ฟังข้อมูลจาก ศบค.เป็นหลัก ทั้งนี้ กรมควบคุมโรคได้แสดงรายงานข้อมูลผู้ป่วยแบบ OPSI กรณีเจอแจกจบ เป็นผู้ป่วยนอกที่ไปรับยาแล้วกลับบ้าน ตั้งแต่ มี.ค.65 – 6 ก.ค.65 มีทั้งสิ้น 5,113,782 ราย และพบว่าในสัปดาห์ที่ 26 มีผู้ป่วยประมาณ 207,643 ราย หรือเฉลี่ยวันละ 29,000 รายทั่วประเทศ ซึ่งเป็นตัวเลขที่ป่วยจริง
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ทั้งนี้นายกสมาคมอุรเวชช์แห่งประเทศไทย ได้ให้ข้อแนะนำว่า ตัวเลขนี้มีความสำคัญที่จะต้องสื่อสารกับประชาชนเพื่อให้ได้รับทราบ แต่อาการผู้ติดเชื้อไม่หนัก และเห็นด้วยกับตัวเลขกระทรวงสาธารณสุขที่รายงานจำนวนผู้รักษาตัวในโรงพยาบาล ขณะที่ตัวเลขผู้ป่วยปอดอักเสบมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเล็กน้อย นายอนุทินยืนยันว่ายังมีเตียงรองรับเพียงพอ เตียงทุกระดับ มีทั้งหมด 103,798 เตียงใช้ไป 11.2% ซึ่งเตียงผู้ป่วยระดับหนึ่งหรือป่วยน้อย มีทั้งหมด 78,229 เตียง ใช้ไปเพียง 11% ผู้ป่วยระดับสองและระดับสาม มีทั้งหมด 5,694 เตียง ใช้ไป 13.4%
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ทั้งนี้นายกสมาคมอุรเวชช์แห่งประเทศไทย ได้ให้ข้อแนะนำว่า ตัวเลขนี้มีความสำคัญที่จะต้องสื่อสารกับประชาชนเพื่อให้ได้รับทราบ แต่อาการผู้ติดเชื้อไม่หนัก และเห็นด้วยกับตัวเลขกระทรวงสาธารณสุขที่รายงานจำนวนผู้รักษาตัวในโรงพยาบาล ขณะที่ตัวเลขผู้ป่วยปอดอักเสบมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเล็กน้อย นายอนุทินยืนยันว่ายังมีเตียงรองรับเพียงพอ เตียงทุกระดับ มีทั้งหมด 103,798 เตียงใช้ไป 11.2% ซึ่งเตียงผู้ป่วยระดับหนึ่งหรือป่วยน้อย มีทั้งหมด 78,229 เตียง ใช้ไปเพียง 11% ผู้ป่วยระดับสองและระดับสาม มีทั้งหมด 5,694 เตียง ใช้ไป 13.4%
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า นายกฯ ระบุว่าแม้ตัวเลขเสียชีวิตรายสัปดาห์จะลดลง แต่ไม่อยากเกิดขึ้นเลยกับคนที่อยู่ในกลุ่ม 608 จึงขอให้รณรงค์ให้กลุ่ม 608 เข้ามารับวัคซีนให้มากขึ้น และยังขอความร่วมมือเรื่องการสวมหน้ากากของคนที่อยู่ใกล้ชิดกับกลุ่ม 608 อย่างไรก็ตามสำหรับภาพรวมการติดเชื้อทั่วประเทศ มี 54 จังหวัดที่มีแนวโน้มลดลง และมี 23 จังหวัดที่เป็นขาขึ้นและการติดเชื้อระลอกเล็กๆ ในบางจังหวัด อย่างกทม. และปริมณฑล โดยเฉพาะภูเก็ตที่มียอดเพิ่มสูงพอสมควร ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเมืองใหญ่และจังหวัดท่องเที่ยว จึงขอให้ประชาชนช่วยกันในการลดยอดผู้ติดเชื้อให้ได้
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า มีการคาดการณ์ภาพที่จะเกิดขึ้นทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิต โดยหลังการระบาดใหญ่จะมีระลอกเล็กๆ เกิดขึ้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยเรื่องภูมิคุ้มกัน หน้ากากอนามัย การทำกิจกรรมรวมกลุ่มและสายพันธุ์ นายกฯเน้นย้ำว่าเรื่องการสวมหน้ากาก ภูมิคุ้มกัน การรวมกลุ่ม แม้จะผ่อนคลายมาตรการแต่ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ช่วยดูแลประชาชนในภาพรวมเพื่อจะได้ไม่เจอการแพร่ระบาดที่สูงกว่านี้โดยผู้ป่วยรายใหม่อาจจะมีพุ่งขึ้นได้ตั้งแต่สัปดาห์ รวมถึงผู้ป่วยที่รักษาตัวในโรงพยาบาลอาจจะเพิ่มขึ้นโดยการระบาดจะสูงขึ้นประมาณเดือน ก.ย. และจะเริ่มลดลงในเดือน พ.ย. เช่นเดียวกับตัวเลขผู้เสียชีวิต ที่จะเพิ่มขึ้นในเดือน ก.ย. แต่หากประชาชนให้ความร่วมมือ ตัวเลขจะได้ต่ำกว่าที่คาดการณ์ในฉากทัศน์นี้
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ในส่วนของแผนการฉีดวัคซีน นายกฯเน้นย้ำว่าเรื่องวัคซีนเป็นเรื่องส่วนหนึ่งของความสำเร็จในการเอาชนะ และอยู่กับโควิด-19 ให้ได้ แม้การฉีดวัคซีนจะยังไม่ถึงเป้าหมาย แต่ต้องฝากทุกคนให้ความร่วมมือด้วย โดยกระทรวงสาธารณสุขได้รายงานตัวเลขการฉีดวัคซีน โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป จำนวนเป้าหมาย 12 ล้านคน แต่มีการฉีดเข็มที่สามแค่ 47.1% เด็กอายุ 12-17 ปี เป้าหมาย 4 ล้านคน ฉีดเข็มที่สามเพียง 20.5% ขณะที่เด็กอายุ 5-11 ปี เป้าหมาย 5 ล้านคน ฉีดเข็มสองเพียง40.9%
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า นายกฯยังให้ความสำคัญกับเรื่องการติดเชื้อในโรงเรียน โดยอยากให้กระทรวงสาธารณสุข กทม. เข้ามาดูแลใกล้ชิด
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า นายกฯยังได้รับทราบเรื่องผลสำรวจของกรมควบคุมโรคเกี่ยวกับเหตุผลว่าทำไมผู้สูงอายุไม่ถึงฉีดวัคซีน พบว่า 34.8% ให้เหตุผลว่าฉีดพอแล้ว 20.5% ให้เหตุผลว่ารอฉีด 19.2% ให้เหตุผลว่ากลัวอันตราย และ 16.7% ให้เหตุผลว่าเพิ่งหวยป่วยจากโควิด-19 ซึ่งนายกฯอยากให้ช่วยกันปรับชุดความคิดคนที่ไม่อยากฉีด เพื่อรักษาชีวิตคนไทยให้ได้มากที่สุด
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ขณะนี้มี 4 จังหวัดที่มีประชากรกลุ่มเป้าหมายฉีดเข็มกระตุ้นมากกว่าร้อยละ 60 ได้แก่ กทม. ภูเก็ต นนทบุรี และสมุทรปราการ
ขณะที่ 10 จังหวัดที่ฉีดน้อยที่สุด ได้แก่ นราธิวาส ปัตตานียะลา สตูล บึงกาฬ สกลนคร หนองบัวลำภู แม่ฮ่องสอน นครศรีธรรมราช และพัทลุง
ส่วน 4 จังหวัดที่ผลการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นในกลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไปที่มากกว่าร้อยละ 60 ประกอบด้วย ภูเก็ต น่าน สมุทรปราการ กทม.
ขณะที่ 10 จังหวัดที่ฉีดเข็มกระตุ้นในกลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไปน้อยที่สุด ประกอบด้วยนราธิวาส ปัตตานี บึงกาฬ ยะลา สตูล สกลนคร หนองบัวลำภู แม่ฮ่องสอน สระแก้ว และหนองคาย
ทั้งนี้ประเทศไทยจัดหาวัคซีนมาแล้วทั้งสิ้น 169.76 ล้านโดส ตอนนี้วัคซีนมีเพียงพอ
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ขณะเดียวกัน กรมควบคุมโรครายงานประสิทธิผลการฉีดวัคซีน โดย....
ผู้ที่ฉีดสองเข็มป้องกันการติดเชื้อน้อยมาก ป้องกันการป่วยหนักและเสียชีวิตได้ 75%
ผู้ที่ฉีดสามเข็มป้องกันการติดเชื้อได้ 15% ป้องกันป่วยหนักและเสียชีวิตได้ 93%
โดยวัคซีนทุกสูตรป้องกันได้ใกล้เคียงกัน
ส่วนผู้ที่ฉีดสี่เข็มป้องกันการติดเชื้อได้ 76% ป้องกันป่วยหนักและเสียชีวิตได้ 96%
ที่ผ่านมายังไม่พบผู้เสียชีวิตในกลุ่มที่ฉีดวัคซีนสี่เข็ม
ทั้งนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบเปลี่ยนวัคซีนจากแอสตร้าเซนเนก้ามาเป็น Long-acting-antibody (LAAB) จำนวน 257,500 โดส และยังเห็นชอบการปรับเปลี่ยนวัคซีนไฟเซอร์ที่ยังไม่ได้รับมอบ3.6 ล้านโดส มาเป็นไฟเซอร์ Maroon cap สำหรับฉีดเด็กตั้งแต่อายุ 6 เดือน และอายุน้อยกว่า 5 ปีจำนวน 3 ล้านโดส
https://siamrath.co.th/n/363575
...ติดตามข่าวโควิดวันนี้ค่ะ
วันนี้ผู้ป่วยใหม่มากกว่าผู้หายป่วยอีกวันค่ะ และยังอยู่ในหลักสองพันคน
ส่วนผู้ป่วย เจอ แจก จบ รักษาตัวที่บ้านอาการไม่หนัก ป่วยวันละสองหมื่นกว่าคน
กาคฉีดวัคซีนช่วยลดความรุนแรงได้ ลดการเสียชีวิตได้
นายกฯห่วงใยวอนกลุ่มเสี่ยง608 รับวัคซีนเข็มกระตุ้นค่ะ