มะเร็งปากมดลูก เป็นหนึ่งในโรคมะเร็งที่พบบ่อยและอันตรายในผู้หญิง แต่ข่าวดีคือสามารถป้องกันได้ด้วย วัคซีน HPV ซึ่งเป็นวิธีการที่ได้รับการยอมรับว่ามีประสิทธิภาพสูงในการลดความเสี่ยงของโรค แต่คุณอาจยังมีคำถามหรือข้อสงสัยเกี่ยวกับการฉีดวัคซีน HPV เช่น วัคซีนนี้ป้องกันได้แค่ไหน? ต้องฉีดเมื่อไหร่? และใครควรฉีดบ้าง?
เรามีคำตอบครบถ้วน พร้อมข้อมูลสำคัญที่จะช่วยให้คุณเข้าใจวิธีป้องกันมะเร็งปากมดลูกอย่างถูกต้องและมั่นใจ
เชื้อ HPV ตัวการสำคัญของมะเร็งปากมดลูก
เชื้อไวรัส HPV (Human Papillomavirus) คือสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูก โดยเฉพาะสายพันธุ์ 16 และ 18 ซึ่งมีความเสี่ยงสูงและพบในผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกถึง 99.7% นอกจากนั้น เชื้อ HPV ยังสามารถทำให้เกิดโรคอื่นๆ ได้ เช่น มะเร็งช่องคลอด ทวารหนัก รวมถึงหูดหงอนไก่
วัคซีน HPV คืออะไร?
วัคซีน HPV เป็นวัคซีนที่ช่วยป้องกันการติดเชื้อไวรัส HPV ซึ่งในปัจจุบันมีให้เลือก 2 ชนิดหลัก ได้แก่
วัคซีน 2 สายพันธุ์ (Cervarix): ป้องกันสายพันธุ์ 16 และ 18 ที่ทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูก
วัคซีน 4 สายพันธุ์ (Gardasil): ป้องกันทั้งสายพันธุ์ 16, 18 และสายพันธุ์ 6, 11 ที่เป็นสาเหตุของหูดหงอนไก่
นอกจากนี้ยังมีวัคซีน 9 สายพันธุ์ (Gardasil 9) ซึ่งให้การป้องกันครอบคลุมมากยิ่งขึ้น
ฉีดวัคซีน HPV เมื่อไหร่ดี?
1.เด็กและวัยรุ่นอายุ 9-14 ปี: ฉีดวัคซีน 2 เข็ม (เข็มที่ 2 ห่างจากเข็มแรก 6-12 เดือน)
2.อายุ 15 ปีขึ้นไป: ฉีดวัคซีน 3 เข็ม (เดือนที่ 0, 1-2, และ 6)
3.การฉีดวัคซีนตั้งแต่อายุยังน้อยก่อนการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุด เนื่องจากร่างกายยังไม่เคยสัมผัสเชื้อ HPV มาก่อน
ข้อควรรู้ก่อนฉีดวัคซีน HPV
-ไม่ต้องตรวจหาเชื้อ HPV ก่อนฉีด แต่สำหรับผู้ที่เคยมีเพศสัมพันธ์ การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยวิธี Pap Smear หรือ Thin Prep ก่อน
อาจช่วยให้มั่นใจมากขึ้น
-ผู้ที่ติดเชื้อ HPV แล้ว ยังฉีดได้ วัคซีนจะป้องกันสายพันธุ์ที่ยังไม่ติดเชื้อ
-วัคซีนไม่ได้ป้องกันทุกสายพันธุ์ของ HPV ดังนั้น แม้ฉีดวัคซีนครบแล้ว ยังต้องตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกตามปกติ
วัคซีน HPV ปลอดภัยแค่ไหน?
วัคซีน HPV มีความปลอดภัยสูง ผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยคือ
-บวมแดงหรือปวดบริเวณที่ฉีด
-มีไข้เล็กน้อย
ในบางรายอาจมีอาการหน้ามืดหรือเป็นลมหลังฉีด ซึ่งสามารถป้องกันได้ด้วยการนั่งพักหลังฉีด 15-20 นาที
วัคซีน HPV ราคาเท่าไร?
ราคาวัคซีน HPV อยู่ที่เข็มละประมาณ 2,000-5,000 บาท ขึ้นอยู่กับชนิดของวัคซีนและสถานพยาบาลที่เลือกฉีด
ฉีดวัคซีนแล้วป้องกันได้กี่ปี?
วัคซีนสามารถป้องกันการติดเชื้อ HPV ได้ยาวนานอย่างน้อย 8-10 ปี และบางการศึกษาพบว่าภูมิคุ้มกันอาจอยู่ได้ตลอดชีวิตโดยไม่ต้องฉีดกระตุ้น
ข้อควรระวังและข้อห้าม
-ห้ามฉีดในผู้ที่แพ้ส่วนประกอบของวัคซีน
-ผู้หญิงตั้งครรภ์ควรรอหลังคลอดก่อนจึงจะฉีดได้
-ควรปรึกษาแพทย์หากมีโรคประจำตัวหรือรับประทานยาอย่างต่อเนื่อง
การฉีดวัคซีน HPV เป็นวิธีป้องกันมะเร็งปากมดลูกที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ HPV สายพันธุ์อันตราย แต่ยังคงต้องตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกอย่างสม่ำเสมอเพื่อความปลอดภัยในระยะยาว
อ่านเพิ่มเติม ที่
HDmall Blog
วัคซีน HPV ป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้แค่ไหน
เรามีคำตอบครบถ้วน พร้อมข้อมูลสำคัญที่จะช่วยให้คุณเข้าใจวิธีป้องกันมะเร็งปากมดลูกอย่างถูกต้องและมั่นใจ
เชื้อ HPV ตัวการสำคัญของมะเร็งปากมดลูก
เชื้อไวรัส HPV (Human Papillomavirus) คือสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูก โดยเฉพาะสายพันธุ์ 16 และ 18 ซึ่งมีความเสี่ยงสูงและพบในผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกถึง 99.7% นอกจากนั้น เชื้อ HPV ยังสามารถทำให้เกิดโรคอื่นๆ ได้ เช่น มะเร็งช่องคลอด ทวารหนัก รวมถึงหูดหงอนไก่
วัคซีน HPV คืออะไร?
วัคซีน HPV เป็นวัคซีนที่ช่วยป้องกันการติดเชื้อไวรัส HPV ซึ่งในปัจจุบันมีให้เลือก 2 ชนิดหลัก ได้แก่
วัคซีน 2 สายพันธุ์ (Cervarix): ป้องกันสายพันธุ์ 16 และ 18 ที่ทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูก
วัคซีน 4 สายพันธุ์ (Gardasil): ป้องกันทั้งสายพันธุ์ 16, 18 และสายพันธุ์ 6, 11 ที่เป็นสาเหตุของหูดหงอนไก่
นอกจากนี้ยังมีวัคซีน 9 สายพันธุ์ (Gardasil 9) ซึ่งให้การป้องกันครอบคลุมมากยิ่งขึ้น
ฉีดวัคซีน HPV เมื่อไหร่ดี?
1.เด็กและวัยรุ่นอายุ 9-14 ปี: ฉีดวัคซีน 2 เข็ม (เข็มที่ 2 ห่างจากเข็มแรก 6-12 เดือน)
2.อายุ 15 ปีขึ้นไป: ฉีดวัคซีน 3 เข็ม (เดือนที่ 0, 1-2, และ 6)
3.การฉีดวัคซีนตั้งแต่อายุยังน้อยก่อนการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุด เนื่องจากร่างกายยังไม่เคยสัมผัสเชื้อ HPV มาก่อน
ข้อควรรู้ก่อนฉีดวัคซีน HPV
-ไม่ต้องตรวจหาเชื้อ HPV ก่อนฉีด แต่สำหรับผู้ที่เคยมีเพศสัมพันธ์ การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยวิธี Pap Smear หรือ Thin Prep ก่อน
อาจช่วยให้มั่นใจมากขึ้น
-ผู้ที่ติดเชื้อ HPV แล้ว ยังฉีดได้ วัคซีนจะป้องกันสายพันธุ์ที่ยังไม่ติดเชื้อ
-วัคซีนไม่ได้ป้องกันทุกสายพันธุ์ของ HPV ดังนั้น แม้ฉีดวัคซีนครบแล้ว ยังต้องตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกตามปกติ
วัคซีน HPV ปลอดภัยแค่ไหน?
วัคซีน HPV มีความปลอดภัยสูง ผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยคือ
-บวมแดงหรือปวดบริเวณที่ฉีด
-มีไข้เล็กน้อย
ในบางรายอาจมีอาการหน้ามืดหรือเป็นลมหลังฉีด ซึ่งสามารถป้องกันได้ด้วยการนั่งพักหลังฉีด 15-20 นาที
วัคซีน HPV ราคาเท่าไร?
ราคาวัคซีน HPV อยู่ที่เข็มละประมาณ 2,000-5,000 บาท ขึ้นอยู่กับชนิดของวัคซีนและสถานพยาบาลที่เลือกฉีด
ฉีดวัคซีนแล้วป้องกันได้กี่ปี?
วัคซีนสามารถป้องกันการติดเชื้อ HPV ได้ยาวนานอย่างน้อย 8-10 ปี และบางการศึกษาพบว่าภูมิคุ้มกันอาจอยู่ได้ตลอดชีวิตโดยไม่ต้องฉีดกระตุ้น
ข้อควรระวังและข้อห้าม
-ห้ามฉีดในผู้ที่แพ้ส่วนประกอบของวัคซีน
-ผู้หญิงตั้งครรภ์ควรรอหลังคลอดก่อนจึงจะฉีดได้
-ควรปรึกษาแพทย์หากมีโรคประจำตัวหรือรับประทานยาอย่างต่อเนื่อง
การฉีดวัคซีน HPV เป็นวิธีป้องกันมะเร็งปากมดลูกที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ HPV สายพันธุ์อันตราย แต่ยังคงต้องตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกอย่างสม่ำเสมอเพื่อความปลอดภัยในระยะยาว
อ่านเพิ่มเติม ที่ HDmall Blog