มะเร็งปากมดลูกพบมากในผู้หญิงช่วงอายุ 35-60 ปีและเป็นมะเร็งอันดับสองที่พบในเพศหญิง มีผู้หญิงเสียชีวิตจากมะเร็งปากมดลูก 1 รายต่อ 2 นาที สาเหตุมีได้หลายปัจจัยแต่ปัจจุบันพบว่ามีความเกี่ยวข้องกับการติดเชื้อไวรัสเอชพีวี(Human papilloma virus ) ซึ่งติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โดยเชื้อ HPV 16 และ HPV 18 เป็นสาเหตุประมาณ 70% ของมะเร็งปากมดลูกในผู้หญิงทั่วโลก วันนี้หมอจึงอยากให้ชุมชนได้รู้จักวัคซีนนี้ให้มากขึ้นผ่านการถาม-ตอบค่ะ
1.ในประเทศไทยมีวัคซีนHPVกี่ชนิด อะไรบ้าง?
ตอบ 2 ชนิดค่ะ
แบบ 2 สายพันธุ์ (16,18) และ
แบบ 4 สายพันธุ์ (6,11,16,18)
2.เลือกฉีดตัวไหนดี?
ตอบ สายพันธุ์ 16,18เป็นสาเหตุหลักของมะเร็งปากมดลูกและมะเร็งทวารหนัก
สายพันธุ์ 6,11 เป็นสาเหตุสำคัญของหูดหงอนไก่อวัยวะเพศและหูดที่กล่อง เสียงในเด็ก
ดังนั้นในผู้หญิงจึงให้ได้ทั้ง 2 ชนิดเนื่องจากมีสายพันธุ์ 16,18 เหมือนกัน ส่วนผู้ชายแนะนำให้ใช้ชนิด 4 สายพันธุ์เพราะป้องกันหูดองคชาต และมะเร็งทวารหนักด้วย
3.อายุที่เหมาะสม?
ตอบ เด็กหญิงและเด็กชาย อายุ 9-26 ปี(เน้น 11-12 ปี) จะให้ประโยชน์สูงสุดหากฉีดก่อนมี Sex ครั้งแรก
4. ผู้ชายไม่มีมดลูก ทำไมต้องฉีด?
ตอบ ข้อแรก ผู้ชายเป็นพาหะค่ะ ลดการแพร่เชื้อสู่เพศหญิง
ข้อสอง หูดและมะเร็งทวารหนักในกลุ่มชายรักชาย(ป้องกันไว้ดีกว่าค่ะ)
5.คุณแม่อยากฉีดบ้างได้ไม๊?
ตอบ ได้สิค่ะ (ไม่ได้เป็นข้อห้ามค่ะ) แต่คนที่มี sex แล้วประสิทธิภาพวัคซีนอาจลดลง เพราะเราอาจเคยติดเชื้อ HPV มาก่อน
แต่เราก็หวังป้องกันจากสายพันธ์ที่มีในวัคซีนและยังไม่เคยติดเชื้อได้ค่ะ
6.ราคาแพงรึเปล่า ? แล้วฉีดกี่เข็ม?
ตอบ ปัจจุบันทางรพ. จะมีแพ็คเกจซึ่งจะถูกกว่าจ่ายทีละเข็ม
ชนิด 2สายพันธุ์ ประมาณ 6,800บาท/3เข็ม
ชนิด 4สายพันธุ์ ประมาณ 7,800บาท/3เข็ม
7. บางรพ.วางป้ายแนะนำฉีดเพียง 2 เข็ม ทำได้จริงหรือ?
ตอบ เนื่องจากราคาวัคซีนที่ค่อนข้างสูง ทำให้การใช้วัคซีนยังไม่ครอบคลุมจึงมีการเก็บข้อมูลโดยวัดภูมิต้านทานเปรียบเทียบการฉีด 2 เข็มห่างกันอย่างน้อย 6 เดือน ผลของภูมิคุ้มกันไม่น้อยกว่าฉีด 3 เข็ม
สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทยจึงแนะนำว่าอาจให้เพียง 2 ครั้งในเด็กหญิงอายุ 9-15 ปีได้ อย่างไรก็ตามผู้หญิงเราก็ยังต้องไปตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกทุกปีนะค่ะ เพราะสายพันธุ์ที่ไม่มีในวัคซีนก็ทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูกได้ค่ะ
ที่มา : พ.ญ. อัญญ์ชิศา วงศ์วีระนนท์ชัย
ติดตามบทความอื่นๆได้ที่
www.drugsquare.co.th
www.facebook.com/messages/drugsquare
เรื่อง "มารู้จักวัคซีนมะเร็งปากมดลูกกันเถอะค่ะ" โดย พ.ญ. อัญญ์ชิศา วงศ์วีระนนท์ชัย
มะเร็งปากมดลูกพบมากในผู้หญิงช่วงอายุ 35-60 ปีและเป็นมะเร็งอันดับสองที่พบในเพศหญิง มีผู้หญิงเสียชีวิตจากมะเร็งปากมดลูก 1 รายต่อ 2 นาที สาเหตุมีได้หลายปัจจัยแต่ปัจจุบันพบว่ามีความเกี่ยวข้องกับการติดเชื้อไวรัสเอชพีวี(Human papilloma virus ) ซึ่งติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โดยเชื้อ HPV 16 และ HPV 18 เป็นสาเหตุประมาณ 70% ของมะเร็งปากมดลูกในผู้หญิงทั่วโลก วันนี้หมอจึงอยากให้ชุมชนได้รู้จักวัคซีนนี้ให้มากขึ้นผ่านการถาม-ตอบค่ะ
1.ในประเทศไทยมีวัคซีนHPVกี่ชนิด อะไรบ้าง?
ตอบ 2 ชนิดค่ะ
แบบ 2 สายพันธุ์ (16,18) และ
แบบ 4 สายพันธุ์ (6,11,16,18)
2.เลือกฉีดตัวไหนดี?
ตอบ สายพันธุ์ 16,18เป็นสาเหตุหลักของมะเร็งปากมดลูกและมะเร็งทวารหนัก
สายพันธุ์ 6,11 เป็นสาเหตุสำคัญของหูดหงอนไก่อวัยวะเพศและหูดที่กล่อง เสียงในเด็ก
ดังนั้นในผู้หญิงจึงให้ได้ทั้ง 2 ชนิดเนื่องจากมีสายพันธุ์ 16,18 เหมือนกัน ส่วนผู้ชายแนะนำให้ใช้ชนิด 4 สายพันธุ์เพราะป้องกันหูดองคชาต และมะเร็งทวารหนักด้วย
3.อายุที่เหมาะสม?
ตอบ เด็กหญิงและเด็กชาย อายุ 9-26 ปี(เน้น 11-12 ปี) จะให้ประโยชน์สูงสุดหากฉีดก่อนมี Sex ครั้งแรก
4. ผู้ชายไม่มีมดลูก ทำไมต้องฉีด?
ตอบ ข้อแรก ผู้ชายเป็นพาหะค่ะ ลดการแพร่เชื้อสู่เพศหญิง
ข้อสอง หูดและมะเร็งทวารหนักในกลุ่มชายรักชาย(ป้องกันไว้ดีกว่าค่ะ)
5.คุณแม่อยากฉีดบ้างได้ไม๊?
ตอบ ได้สิค่ะ (ไม่ได้เป็นข้อห้ามค่ะ) แต่คนที่มี sex แล้วประสิทธิภาพวัคซีนอาจลดลง เพราะเราอาจเคยติดเชื้อ HPV มาก่อน
แต่เราก็หวังป้องกันจากสายพันธ์ที่มีในวัคซีนและยังไม่เคยติดเชื้อได้ค่ะ
6.ราคาแพงรึเปล่า ? แล้วฉีดกี่เข็ม?
ตอบ ปัจจุบันทางรพ. จะมีแพ็คเกจซึ่งจะถูกกว่าจ่ายทีละเข็ม
ชนิด 2สายพันธุ์ ประมาณ 6,800บาท/3เข็ม
ชนิด 4สายพันธุ์ ประมาณ 7,800บาท/3เข็ม
7. บางรพ.วางป้ายแนะนำฉีดเพียง 2 เข็ม ทำได้จริงหรือ?
ตอบ เนื่องจากราคาวัคซีนที่ค่อนข้างสูง ทำให้การใช้วัคซีนยังไม่ครอบคลุมจึงมีการเก็บข้อมูลโดยวัดภูมิต้านทานเปรียบเทียบการฉีด 2 เข็มห่างกันอย่างน้อย 6 เดือน ผลของภูมิคุ้มกันไม่น้อยกว่าฉีด 3 เข็ม
สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทยจึงแนะนำว่าอาจให้เพียง 2 ครั้งในเด็กหญิงอายุ 9-15 ปีได้ อย่างไรก็ตามผู้หญิงเราก็ยังต้องไปตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกทุกปีนะค่ะ เพราะสายพันธุ์ที่ไม่มีในวัคซีนก็ทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูกได้ค่ะ
ที่มา : พ.ญ. อัญญ์ชิศา วงศ์วีระนนท์ชัย
ติดตามบทความอื่นๆได้ที่
www.drugsquare.co.th
www.facebook.com/messages/drugsquare