🇹🇭มาลาริน💚วันนี้(21ก.ค.)ป่วย13,002 คน รักษาหาย8,248คน เสียชีวิต108 คน/77จังหวัดติดเชื้อ/ยกเลิกวัดความดันก่อนรับวัคซีน

ปูเสื่อ โควิดวันนี้ ติดเชื้อเพิ่ม 13,002 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 108 ราย



สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) หรือ โควิด-19 ในไทยวันนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 13,002 ราย แบ่งเป็นผู้ติดเชื้อใหม่ 11,953 ราย และผู้ติดเชื้อในเรือนจำ 1,049 ราย ยอดติดเชื้อรวมระลอกเมษายน 410,614 ราย รวมยอดติดเชื้อสะสม 439,477 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 108 ราย เสียชีวิตสะสม 3,610 ราย หายป่วยเพิ่ม 8,248 ราย ยังรักษาตัวอยู่ 131,411 ราย

 

รายละเอียดผู้เสียชีวิต 108 ราย มีดังนี้
 


https://www.sanook.com/news/8414358/

ปูเสื่อ21 ก.ค.64 ศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานสถานการณ์ 10 อันดับจังหวัดที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดในประเทศรายใหม่สูงสุด โดยมีรายละเอียดดังนี้


1. กรุงเทพมหานคร ติดเชื้อเพิ่ม  2,921 ราย
2.สมุทรสาคร 932 ราย
3.นนทบุรี 661 ราย
4.สมุทรปราการ 656 ราย
5.ชลบุรี 636 ราย
6.ฉะเชิงเทรา 374 ราย
7.ปทุมธานี 350 ราย
8.ระยอง 305 ราย
9.ปัตตานี 282 ราย
10. พระนครศรีอยุธยา 235 ราย

ทั้งนี้ อัตราการติดเชื้อในพื้นที่กทม.ยังเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องจากเมื่อวาน 2,764 ราย เป็น 2,921 ราย ขณะที่สถานการณ์ของจ.สมุทรสาคร ก็น่าเป็นห่วงเช่นกัน จากเมื่อวาน 798 ราย วันนี้พุ่งสูงถึง 932 ราย อีกจังหวัดคือนนทบุรี เมื่อวาน 386 ราย วันนี้ 661 ราย เช่นเดียวกับที่ฉะเชิงเทรา ระยอง ปัตตานี และพระนครศรีอยุธยา ตัวเลขผู้ป่วยพุ่งขึ้นมาก
 
ขณะที่ยอดผู้ป่วยติดเชื้อภายในประเทศรายใหม่ ตามรายภาคดังนี้




https://www.naewna.com/local/589265

ปูเสื่อ ยกเลิก "วัดความดัน" ก่อนรับวัคซีนโควิด-19 แนะ ปชช.คุมภาวะโรคประจำตัวก่อนฉีด
เผยแพร่: 21 ก.ค. 2564 17:19   ปรับปรุง: 21 ก.ค. 2564 17:19   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


 
คณะทำงาน ผู้เชี่ยวชาญ ลงมติ ยกเลิกวัดความดันโลหิตก่อนฉีดวัคซีน หวังฉีดได้เพิ่มขึ้น ลดอุปสรรคการเข้าถึงวัคซีน

เมื่อวันที่ 20 ก.ค.นพ.โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และประธานคณะอนุกรรมการอำนวยการบริหารจัดการการให้วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) แถลงภายหลังการประชุมอนุกรรมการอำนวยการบริหารการฉีดวัคซีนโควิด-19 ว่า คณะทำงานด้านวิชาการ ทั้งสมาคมโรคติดเชื้อ ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์ และผู้เชี่ยวชาญต่างๆ มีความเห็นควรว่า ให้ยกเลิกการวัดความดันโลหิตก่อนฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในจุดให้บริการฉีดวัคซีน เพราะจะเป็นอุปสรรคในการเข้าถึงวัคซีน เนื่องจากหลายคนที่วัดความดันแล้วสูง จนไม่ได้ฉีดมาจากความกลัว วิตก เครียดจากการฉีดวัคซีน ทำให้เสียโอกาสการเข้าถึงบริการวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19

“จากการพิจารณาพบว่า เดิมได้กำหนดให้มีการวัดความดันก่อนฉีดวัคซีน โดยกำหนดว่าต้องไม่เกิน 160 มิลลิเมตรปรอท หากเกินต้องควบคุมให้ดีก่อนจึงกลับมาฉีด ซึ่งพบว่าตัวเลขดังกล่าวทำให้คนเข้าไม่ถึงเยอะ จึงมีการปรับเป็นไม่เกิน 180 มิลลิเมตรปรอท แต่ก็ยังพบว่ามีบางคนไม่ได้ฉีดวัคซีน ซึ่งคณะทำงานด้านวิชาการ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญต่างๆ ให้ข้อมูลว่า ระดับความดันโลหิตไม่ได้มีผลต่อการฉีดวัคซีน และด้วยสถานการณ์ที่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนป้องกันโควิดโดยเร็ว และมากที่สุด หากยังมีประเด็นดังกล่าวอาจเป็นอุปสรรคต่อการเข้าถึงวัคซีนได้ จึงขอให้ยกเลิกการวัดความดันโลหิต หลังจากนี้ กรมการแพทย์จะมีการแจ้งไปยังศูนย์ฉีด หน่วยบริการ โรงพยาบาลต่างๆ ทั่วประเทศต่อไป” นพ.โสภณกล่าว

นพ.โสภณ กล่าวว่า ส่วนผู้ป่วยโรคความดันโลหิต ขอย้ำว่าต้องรับประทานยาต่อเนื่อง ก็จะสามารถควบคุมความดันได้ เมื่อเป็นเช่นนั้นก็สามารถรับการฉีดวัคซีนโควิด-19 อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่ประชุมได้มีการหารือถึงผลการฉีดวัคซีนกลุ่มเป้าหมาย คือ ผู้สูงอายุและกลุ่ม 7 โรคเรื้อรัง ยังพบว่าฉีดได้น้อย ประมาณกว่าร้อยละ 30 ตั้งแต่มีการฉีดวัคซีน ทั้งที่มีนโยบายออกไปแล้ว ดังนั้น จำเป็นต้องกำชับ และให้ทางพื้นที่ดำเนินการตามกรอบเป้าหมายดังกล่าว เพราะ 2 กลุ่มนี้ ถือเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ต้องได้รับวัคซีนก่อน เนื่องจากหากรับเชื้อจะมีอาการรุนแรง และเสียชีวิต ซึ่งจริงๆ ควรฉีดให้ได้มากกว่าร้อยละ 50

นพ.โสภณ กล่าวต่อว่า แนวทางหนึ่งที่จะมีการย้ำไปทางโรงพยาบาลต่างๆ คือ หากผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง หรือหญิงตั้งครรภ์ เมื่อมายังโรงพยาบาล มารักษาหรือรับยาตามกลุ่มอาการ เช่น คลินิกเบาหวาน หรือหญิงตั้งครรภ์ไปฝากครรภ์ ให้บุคลากรสอบถาม หากพบว่ายังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน ให้ดำเนินการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้ ณ จุดคลินิกดังกล่าว รวมไปถึงการลงพื้นที่ดูแลผู้ป่วยของทีมปฐมภูมิ ที่เรียกว่า CCR Team (Comprehensive Covid-19 Response Team) ได้รายงานข้อมูลว่า มีการนำวัคซีนลงพื้นที่เพื่อให้บริการฉีดตามชุมชน เนื่องจากพบว่ามีหลายคนยังไม่ได้รับวัคซีน โดยดำเนินการไปแล้วร่วม 10,000 คน ซึ่งในส่วนต่างจังหวัดจะมีโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.)

https://mgronline.com/qol/detail/9640000071406

เพี้ยนลุยลุงตู่กำลังแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหลายทั้งปวง

ไม่ช้าจำนวนที่ติดเชื้อจะลดลงให้ได้เห็นค่ะ

หลังพายุ ฟ้าจะสดใส จำไว้นะคะ

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 31
แถลงความคืบหน้า สถานการณ์ โรคไวรัสโควิด-19 ประจำวันที่ 21 กรกฎาคม 2564 เวลา 12.30 น.
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แถลงความคืบหน้า สถานการณ์ โรคไวรัสโควิด-19
ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล
ประจำวันที่ 21 กรกฎาคม 2564 เวลา 12.30 น.


กระทรวงสาธารณสุข แถลงสถานการณ์โควิด-19 ประจำวันที่ 21 กรกฎาคม 2564 เวลา 13.30 น.
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แถลงความคืบหน้าสถานการณ์ โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
ณ กระทรวงสาธารณสุข
วันที่ 21 กรกฎาคม  2564


[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
รวมสไลด์แถลงสถานการณ์โควิด-19 จาก ศบค.
วันพุธที่ 21 กรกฎาคม 2564
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/369620947989569


[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
รายงานข้อมูลสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19
ณ วันพุธที่ 21 กรกฎาคม 2564

ประเทศไทย
วันนี้มีผู้ติดเชื้อ 13,002 ราย รวมผู้ติดเชื้อสะสม 439,477 ราย
- เป็นผู้ติดเชื้อจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการฯเพิ่มขึ้น 9,012 ราย
- เป็นผู้ติดเชื้อจากเรือนจำ/ที่ต้องขัง 1,049 ราย
- เป็นผู้ติดเชื้อที่เดินทางจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น  31  ราย
- เป็นผู้ติดเชื้อจากการตรวจคัดกรองเชิงรุกวันนี้  2,910 ราย (ยอดผู้ติดเชื้อสะสมจากการตรวจคัดกรองเชิงรุกอยู่ที่ 115,365 ราย)

เสียชีวิตรวม 3,610 ราย(วันนี้มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 108 ราย)
รักษาหายป่วยแล้ว 304,456 ราย (มีผู้ป่วยกลับบ้านเพิ่มขึ้น 8,248 ราย)
รักษาอยู่ในโรงพยาบาล 131,411 ราย

ผู้ติดเชื้อรายใหม่ภายในประเทศ (ไม่รวมเรือนจำ)11,922 ราย มีรายละเอียดดังนี้จากกรุงเทพฯ(2,921) ปริมณฑล (2,698) จังหวัดอื่น ๆ (6,303)

สำหรับผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่เป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ เพิ่มขึ้นในวันนี้ 31 ราย และเข้า Quarantine โดยเข้ารับการรักษาที่กรุงเทพฯ(5) ภูเก็ต(1) ตาก(14) จันทบุรี(1) สระแก้ว(3) และ อยู่ระหว่างประสาน รพ. (7)มีรายละเอียดดังนี้
- จากประเทศเมียนมา 22 ราย
- จากประเทศกัมพูชา 5 ราย
- จากประเทศสิงคโปร์ 2 ราย
- จากประเทศสหราชอาณาจักร 2 ราย

สถานการณ์โลกในวันนี้
- ยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั่วโลก 192.2  ล้านราย มีจำนวนผู้เสียชีวิตสะสมกว่า 4.1 ล้านราย(คิดเป็นร้อยละ 2.15 ของจำนวนผู้ติดเชื้อ) ในขณะที่ผู้รักษาหายมีจำนวน 174.9  ล้านราย (คิดเป็นร้อยละ 91.00)
- สหรัฐอเมริกา มียอดผู้ติดเชื้อรายใหม่  44,232  ราย และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่อันดับ 1 ของโลก อยู่ที่ 625,363 ราย
- อินเดีย ยอดผู้ติดเชื้อสะสมทะลุ 31.2 ล้านรายแล้ว โดยมีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ 42,123 ราย ทั้งนี้ยอดผู้รักษาหายในอินเดียอยู่ที่ 30.3 ล้านราย คิดเป็นร้อยละ 97.3
- ไทยมียอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่อันดับ 51 และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่อันดับ 76 ของโลก

สถานการณ์อาเซียนในวันนี้
- เมียนมา ตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสม 240,570  ราย โดยมียอดผู้ติดเชื้อรายใหม่เฉลี่ยในรอบ 7 วันที่ผ่านมาอยู่ที่ 5,614 ราย และมีจำนวนผู้เสียชีวิตกว่า 5,567 ราย
- มาเลเซีย ยอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 939,899 ราย โดยยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ อยู่ที่ 12,366 ราย
- กัมพูชา ตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสม 68,796 ราย มียอดผู้เสียชีวิตสะสม 1,149 ราย
- ลาว ตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสม 3,710 ราย โดยกำลังรักษาอยู่ 1,531 ราย
- เวียดนาม ผู้ติดเชื้อรายใหม่อยู่ที่   4,795  ราย และมียอดผู้เสียชีวิตสะสม 334 ราย

ประมวลข้อมูลโดย กรมควบคุมโรค และศูนย์ปฏิบัติการด้านนวัตกรรมการแพทย์ และการวิจัยและพัฒนาสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ(วช.)
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
https://www.facebook.com/nrctofficial/posts/3991728297619379
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่