โรงพยาบาล Harrogate and District NHS Foundation Trust ในยอร์กเชียร์ ได้นำเทคโนโลยี AI มาใช้ในการวิเคราะห์ภาพถ่ายเอ็กซ์เรย์ทรวงอก เพื่อตรวจวินิจฉัยมะเร็งปอดและโรคร้ายอื่น ๆ ได้รวดเร็วและแม่นยำมากขึ้น โดยระบบ AI สามารถวิเคราะห์เอ็กซ์เรย์ได้ภายในเวลาเพียง 30 วินาที ช่วยให้สามารถระบุความผิดปกติได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การพัฒนาระบบยังได้รับการสนับสนุนทางการเงินจาก NHS England สำหรับการตรวจวินิจฉัยโรคในช่วงต้น ซึ่งถือเป็นหนึ่งในความร่วมมือที่จะช่วยชีวิตคนในอนาคตได้มากขึ้น
ประเด็นสำคัญๆ ที่น่าจับตา
1. การใช้เทคโนโลยี AI ในการตรวจวินิจฉัยมะเร็งปอดและโรคร้ายแรงอื่น ๆ
เทคโนโลยีนี้ทำหน้าที่เป็น "ผู้ตรวจรอบสอง" หรือ "second pair of eyes" ที่ช่วยแพทย์ในการตรวจสอบภาพถ่ายเอ็กซ์เรย์อีกครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่าความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นจะไม่ถูกมองข้าม การตรวจจับที่รวดเร็วนี้ยังช่วยให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาในระยะเริ่มต้น ซึ่งเพิ่มโอกาสในการรักษาให้หายขาดได้มากขึ้น
2. ความสามารถของซอฟต์แวร์ AI
ซอฟต์แวร์ AI ที่โรงพยาบาลใช้สามารถตรวจจับความผิดปกติได้ถึง 124 รูปแบบในภาพถ่ายเอ็กซ์เรย์ทรวงอก โดยใช้เวลาไม่ถึง 1 นาที ซึ่งช่วยลดภาระงานของแพทย์และเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการรายงานผล ความสามารถของ AI ในการตรวจจับความผิดปกติที่หลากหลาย เช่น มะเร็งปอด การติดเชื้อในปอด หรือภาวะหัวใจล้มเหลว ทำให้แพทย์สามารถวินิจฉัยโรคได้อย่างครอบคลุมมากขึ้น นอกจากนี้ การที่ AI สามารถทำงานได้อย่างรวดเร็ว ยังช่วยลดปัญหาความล่าช้าในการรายงานผล ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นในช่วงการระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมา
3. การลดงานค้างจากช่วงโควิด-19
Dr. Daniel Fascia ซึ่งเป็นรังสีแพทย์ที่โรงพยาบาล Harrogate กล่าวว่า เทคโนโลยีนี้ช่วยลดปัญหางานค้างที่สะสมมาตั้งแต่ช่วงการระบาดของโควิด-19 โดยช่วยให้แพทย์สามารถรายงานผลและวินิจฉัยภาพถ่ายเอ็กซ์เรย์ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ในช่วงการระบาดของโควิด-19 โรงพยาบาลหลายแห่งต้องเผชิญกับปัญหางานค้างจำนวนมาก เนื่องจากทรัพยากรทางการแพทย์ถูกนำไปใช้ในการดูแลผู้ป่วยโควิด-19 การนำ AI มาใช้ในกระบวนการวิเคราะห์ภาพถ่ายเอ็กซ์เรย์ช่วยให้โรงพยาบาลสามารถจัดการกับงานค้างเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยให้ผู้ป่วยที่รอการวินิจฉัยได้รับการดูแลเร็วขึ้น
4. การใช้งาน AI ในการตรวจบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ
การใช้ AI ในการตรวจบาดเจ็บจากอุบัติเหตุช่วยให้แพทย์สามารถวินิจฉัยและรักษาผู้ป่วยได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในกรณีฉุกเฉินที่ต้องการการตัดสินใจอย่างรวดเร็ว เช่น การรักษากระดูกหักหรือข้อเคลื่อน การที่ AI สามารถช่วยตรวจจับความผิดปกติในภาพถ่ายเอ็กซ์เรย์ได้อย่างแม่นยำ ช่วยลดความเสี่ยงที่แพทย์อาจมองข้ามรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ
5. การสนับสนุนทางการเงินจาก NHS England
การสนับสนุนทางการเงินจาก NHS England ช่วยให้โรงพยาบาลสามารถนำเทคโนโลยี AI มาใช้ได้อย่างแพร่หลายมากขึ้น ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการวินิจฉัยโรค แต่ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในระยะยาว เนื่องจากการตรวจพบโรคในระยะเริ่มต้นมักมีค่าใช้จ่ายในการรักษาที่ต่ำกว่าการรักษาในระยะท้าย นอกจากนี้ การสนับสนุนนี้ยังแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ NHS ในการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาปรับใช้เพื่อยกระดับการดูแลสุขภาพของประชาชน
6. ความคิดเห็นจากรัฐมนตรีและความสำคัญของนวัตกรรม
Peter Kyle MP รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ นวัตกรรม และเทคโนโลยีของสหราชอาณาจักร กล่าวว่า การนำเทคโนโลยีนี้มาใช้สามารถช่วยชีวิตผู้คนได้ทั่วประเทศ และยังกล่าวถึงความสำคัญของการเร่งรัดนวัตกรรมทางการแพทย์เพื่อป้องกันโรคมะเร็งที่อาจทำลายครอบครัว
ขอบคุณข้อมูลจาก
https://www.bbc.com/news/articles
โรงพยาบาลใช้เทคโนโลยี AI เพื่อตรวจหามะเร็งปอดได้สำเร็จ
ประเด็นสำคัญๆ ที่น่าจับตา
1. การใช้เทคโนโลยี AI ในการตรวจวินิจฉัยมะเร็งปอดและโรคร้ายแรงอื่น ๆ
เทคโนโลยีนี้ทำหน้าที่เป็น "ผู้ตรวจรอบสอง" หรือ "second pair of eyes" ที่ช่วยแพทย์ในการตรวจสอบภาพถ่ายเอ็กซ์เรย์อีกครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่าความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นจะไม่ถูกมองข้าม การตรวจจับที่รวดเร็วนี้ยังช่วยให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาในระยะเริ่มต้น ซึ่งเพิ่มโอกาสในการรักษาให้หายขาดได้มากขึ้น
2. ความสามารถของซอฟต์แวร์ AI
ซอฟต์แวร์ AI ที่โรงพยาบาลใช้สามารถตรวจจับความผิดปกติได้ถึง 124 รูปแบบในภาพถ่ายเอ็กซ์เรย์ทรวงอก โดยใช้เวลาไม่ถึง 1 นาที ซึ่งช่วยลดภาระงานของแพทย์และเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการรายงานผล ความสามารถของ AI ในการตรวจจับความผิดปกติที่หลากหลาย เช่น มะเร็งปอด การติดเชื้อในปอด หรือภาวะหัวใจล้มเหลว ทำให้แพทย์สามารถวินิจฉัยโรคได้อย่างครอบคลุมมากขึ้น นอกจากนี้ การที่ AI สามารถทำงานได้อย่างรวดเร็ว ยังช่วยลดปัญหาความล่าช้าในการรายงานผล ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นในช่วงการระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมา
3. การลดงานค้างจากช่วงโควิด-19
Dr. Daniel Fascia ซึ่งเป็นรังสีแพทย์ที่โรงพยาบาล Harrogate กล่าวว่า เทคโนโลยีนี้ช่วยลดปัญหางานค้างที่สะสมมาตั้งแต่ช่วงการระบาดของโควิด-19 โดยช่วยให้แพทย์สามารถรายงานผลและวินิจฉัยภาพถ่ายเอ็กซ์เรย์ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ในช่วงการระบาดของโควิด-19 โรงพยาบาลหลายแห่งต้องเผชิญกับปัญหางานค้างจำนวนมาก เนื่องจากทรัพยากรทางการแพทย์ถูกนำไปใช้ในการดูแลผู้ป่วยโควิด-19 การนำ AI มาใช้ในกระบวนการวิเคราะห์ภาพถ่ายเอ็กซ์เรย์ช่วยให้โรงพยาบาลสามารถจัดการกับงานค้างเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยให้ผู้ป่วยที่รอการวินิจฉัยได้รับการดูแลเร็วขึ้น
4. การใช้งาน AI ในการตรวจบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ
การใช้ AI ในการตรวจบาดเจ็บจากอุบัติเหตุช่วยให้แพทย์สามารถวินิจฉัยและรักษาผู้ป่วยได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในกรณีฉุกเฉินที่ต้องการการตัดสินใจอย่างรวดเร็ว เช่น การรักษากระดูกหักหรือข้อเคลื่อน การที่ AI สามารถช่วยตรวจจับความผิดปกติในภาพถ่ายเอ็กซ์เรย์ได้อย่างแม่นยำ ช่วยลดความเสี่ยงที่แพทย์อาจมองข้ามรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ
5. การสนับสนุนทางการเงินจาก NHS England
การสนับสนุนทางการเงินจาก NHS England ช่วยให้โรงพยาบาลสามารถนำเทคโนโลยี AI มาใช้ได้อย่างแพร่หลายมากขึ้น ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการวินิจฉัยโรค แต่ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในระยะยาว เนื่องจากการตรวจพบโรคในระยะเริ่มต้นมักมีค่าใช้จ่ายในการรักษาที่ต่ำกว่าการรักษาในระยะท้าย นอกจากนี้ การสนับสนุนนี้ยังแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ NHS ในการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาปรับใช้เพื่อยกระดับการดูแลสุขภาพของประชาชน
6. ความคิดเห็นจากรัฐมนตรีและความสำคัญของนวัตกรรม
Peter Kyle MP รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ นวัตกรรม และเทคโนโลยีของสหราชอาณาจักร กล่าวว่า การนำเทคโนโลยีนี้มาใช้สามารถช่วยชีวิตผู้คนได้ทั่วประเทศ และยังกล่าวถึงความสำคัญของการเร่งรัดนวัตกรรมทางการแพทย์เพื่อป้องกันโรคมะเร็งที่อาจทำลายครอบครัว
ขอบคุณข้อมูลจาก https://www.bbc.com/news/articles