💖มาลาริน💖ข่าวดีค่าาา...รมว.แรงงาน’กางไทม์ไลน์ขึ้น‘ค่าแรง’ ล็อกเป้า‘พื้นที่’ได้ขยับก่อน หอการค้าฯ" หนุนขึ้นค่าแรง

เพี้ยนดีออกรมว.แรงงาน’กางไทม์ไลน์ขึ้น‘ค่าแรง’ ล็อกเป้า‘พื้นที่’ได้ขยับก่อน
วันอังคาร ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2565, 10.51 น


รมว.แรงงาน’เร่งดันปรับขึ้น‘ค่าแรงขั้นต่ำ’เข้าครม.เดือน ก.ย.นี้ หวังมีผลบังคับใช้ ต.ค. ยันไม่เกี่ยวการเมือง

เมื่อเวลา 08.30 น.วันที่ 9 สิงหาคม 2565 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ให้สัมภาษณ์ความคืบหน้าการปรับค่าแรงขั้นต่ำ ว่า ตนได้มอบนโยบายให้ปลัดกระทรวงแรงงานไปประชุมไตรภาคีจังหวัด ซึ่งได้มีการประชุมทุกจังหวัดแล้ว และขณะนี้ได้ตัวเลขมาหมดแล้ว โดยจะมีการเกลี่ยตัวเปอร์เซ็นต์ให้เหมาะสม ซึ่งข้อเท็จจริงตัวเลขแต่ละจังหวัดต่างกัน 1-2 บาท และแบ่งเป็นหลายช่วง กำลังปรับขึ้นให้อยู่โดยจะทำทั้งหมด 12 ช่วง ซึ่งตัวเลขจะไม่เท่ากันทุกจังหวัด และเป็นไปไม่ได้ที่จะขึ้นพร้อมกันทุกจังหวัด เพราะจีดีพีแต่ละจังหวัดไม่เหมือนกัน

นายสุชาติ กล่าวว่า ตนได้ให้นโยบายกับปลัดกระทรวงแรงงานไปแล้วว่าจะต้องทำให้จบภายในเดือนส.ค. และน่าจะเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ช่วงต้นเดือนก.ย. จากเดิมที่วางเอาไว้ให้มีผลบังคับใช้ช่วงต้นปี 2566 แต่ครั้งนี้เวลา 1 ปีกว่าที่ผ่านมาเราไม่ได้มีการปรับค่าแรงเลย เนื่องจากต้องแก้ปัญหาและเยียวยาประชาชนในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 รัฐบาลทำได้แต่ประคับประคองไม่ให้เลิกจ้าง แต่วันนี้เป็นเวลาที่เหมาะสม นายจ้างเห็นดีเห็นงาม เพราะต้องการให้ลูกจ้างอยู่กับเขาต่อ ส่วนตัวเลขค่าแรงขั้นต่ำที่เรากำหนดอยู่ 5-8 เปอร์เซ็นต์นั้น เรามีพื้นฐานการตั้งตัวเลขมาจากจีดีพีและภาวะเงินเฟ้อ โดยเอาจีดีพีของแต่ละจังหวัดมาบวกลบคูณหารจะสามารถตอบคำถามได้ว่าทำไมแต่ละจังหวัดได้ในปริมาณเท่านี้

นายสุชาติ กล่าวว่า ขณะที่สถานการณ์ค่าครองชีพก็ล้อจากฐานเดิม ซึ่งในช่วงพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พื้นที่จังหวัดในอีอีซี และพื้นที่กทม. ต้องขึ้นก่อนและสูงขึ้นไป เพราะค่าครองชีพและจีดีพีจังหวัดดังกล่าวสูง ย้ำว่าเราจะเร่งรัดเพื่อนำเข้าครม.ในเดือนก.ย.ให้ได้ ส่วนตัวอยากให้มีผลบังคับใช้วันที่ 1 ต.ค. เพราะคิดว่าเป็นเวลาที่เหมาะสม ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนหารือกับสภานายจ้างว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะปรับให้ขึ้นเร็วกว่าต้นปี 2566 เพราะขณะนี้สินค้าอุปโภคบริโภคมีการปรับตัวไปแล้ว อย่างไรก็ดี ขอให้เชื่อมั่นว่านายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับเรื่องนี้
 
เมื่อถามว่า การทำเรื่องนี้จะทำให้รัฐบาลถูกมองว่าเป็นการใช้ประโยชน์ทางการเมืองหรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า มองว่าเป็นเรื่องช่วงเวลามากกว่า ถ้าคิดว่าการขึ้นค่าเเรงเป็นเรื่องการเมือง คงขึ้นค่าแรง 492 บาทตามข้อเรียกร้องของผู้นำแรงงานไปแล้ว ขอร้องอย่าเอาเรื่องค่าแรงเป็นเรื่องการเมือง เพราะเป็นเรื่องของเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศชาติ เราไม่สามารถเอาเรื่องค่าแรงเป็นเรื่องการเมือง แต่เราปรับตามเวลาที่เหมาะสม

https://www.naewna.com/politic/672140

เพี้ยนแคปเจอร์หอการค้าฯ" หนุนขึ้นค่าแรง เงินสะพัดในระบบ ศก. 2-3 หมื่นล้าน คาดพรุ่งนี้ กนง.ขึ้นดอกเบี้ย 0.25%



นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดี และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยเปิดเผยว่า แนวโน้มการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำอีก 5-8% ที่จะเริ่มตั้งแต่ปี 2566 เห็นด้วยกับการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ เพราะไม่ได้มีการปรับขึ้นมานานถึง 3 ปี และการจะเริ่มปรับขึ้นตั้งแต่ต้นปี 2566 ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม ซึ่งปัจจุบันจะเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจบ้างแล้ว อย่างไรก็ดีในบางธุรกิจอาจจะยังมีปัญหาสภาพคล่องอยู่บ้าง ยอดขายยังไม่โดดเด่น ต้นทุนสินค้าสูงขึ้นจากราคาน้ำมันและราคาวัตถุดิบ และบางส่วนยังไม่สามารถปรับขึ้นราคาสินค้าได้ ดังนั้น การที่แต่ละธุรกิจจะปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ก็ต้องอยู่ที่การพิจารณาความเหมาะสมของแต่ละกิจการด้วย

โดยเมื่อรัฐบาลชี้ว่าการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำจะเริ่มใน ม.ค.66 ก็ทำให้เห็นว่าเศรษฐกิจน่าจะเริ่มฟื้น โดยคาดว่าจะฟื้นไตรมาส 4 ปีนี้ ภาคธุรกิจเริ่มมีกำลังการเงินที่เข้มแข็งแล้ว การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำในเดือนม.ค.จึงเหมาะสม เพราะค่าแรงไม่ได้ปรับมา 3 ปี กรอบที่คาดว่าจะปรับขึ้น 5-8% ก็เหมาะสมกับเงินเฟ้อ สอดคล้องกับค่าครองชีพ ทั้งนี้การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำดังกล่าวอาจจะมีผลกระทบต่อภาคธุรกิจที่ใช้จำนวนแรงงานสูง เช่น ธุรกิจในภาคบริการ ร้านอาหาร โรงแรม เป็นต้น ซึ่งอาจทำให้ธุรกิจต้องเลือกใช้กลไกในการลดผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าแรงที่แตกต่างกันไป เช่น การปรับลดคนงาน การปรับราคาสินค้าหรือค่าบริการเพิ่มขึ้น หรือแม้แต่การยอมรับผลกำไรที่น้อยลง เป็นต้น แต่หากเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น และการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำสามารถเริ่มได้ในต้นปีหน้า ก็อาจทำให้ประชาชนสามารถยอมรับกับราคาสินค้าและบริการที่สูงขึ้นได้

โดยถ้าปรับค่าแรงขั้นต่ำในต้นปี 2566 ซึ่งเศรษฐกิจอยู่ในช่วงฟื้นตัวพอดี ประชาชนก็น่าจะพร้อมรับกับราคาสินค้าและค่าบริการที่ปรับตัวสูงขึ้นได้จากการที่ค่าแรงขั้นต่ำปรับเพิ่มขึ้น ดังนั้นโดยสุทธิแล้ว การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำจะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจให้ถูกกระตุ้นในเชิงบวก มีเงินเข้าไปหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น ทั้งนี้หากมีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำอีก 5-8% จริงจะทำให้มีเม็ดเงินเพิ่มเข้าไปในระบบเศรษฐกิจอีกเดือนละ 1,500-2,400 ล้านบาท/เดือน หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้นปีละ 2-3 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะช่วยผลักดันให้ GDP ในปี 2566 ขยายตัวขึ้นอีก 0.1-0.2% จากเดิม

สำหรับการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันพรุ่งนี้ (10 ส.ค.) เชื่อว่า กนง.จะมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% เนื่องจากเงินเฟ้อล่าสุดเดือน ก.ค.ยังอยู่ในระดับสูงที่ 7.6% โดยทั้งปีคาดว่าจะเฉลี่ยอยู่ที่ 6-6.5% สูงกว่ากรอบเป้าหมายเงินเฟ้อของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ตั้งไว้ที่ 1-3% อยู่มาก

"เป้าหมายเงินเฟ้อไม่ควรเกิน 3% มากเกินไป แต่ตอนนี้เงินเฟ้ออยู่ที่ 7% กว่า ยังไงก็ต้องดึงลง คือต้องขึ้นดอกเบี้ยแน่ แต่เศรษฐกิจไทยยังฟื้นตัวไม่เด่นชัด การใช้ดอกเบี้ยต่ำยังเป็นประโยชน์กับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอยู่ เพราะเศรษฐกิจไทยยังต้องการการฟื้นตัวในช่วงไตรมาส 3-4 ดังนั้น กนง.คงต้องขึ้นดอกเบี้ย"

โดยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ กนง.ไม่จำเป็นต้องขึ้นดอกเบี้ยครั้งละมากๆ เนื่องจากไม่ได้มีแรงกดดันของค่าเงินบาท เพราะล่าสุดเงินบาทเริ่มปรับแข็งค่า จากก่อนหน้านี้ที่เกือบขึ้นไปแตะระดับ 37 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ดังนั้น กนง.จึงไม่มีแรงกดดันจากปัจจัยบาทอ่อนค่าที่จะทำให้ต้องเร่งขึ้นดอกเบี้ยในอัตราสูง เพราะจะยิ่งทำให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวช้า

"ถ้าเงินเฟ้อยังสูง และเศรษฐกิจยังเดินได้ กนง.คงจะขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งที่เหลือในปีนี้คือ ก.ย.และ พ.ย.ครั้งละ 0.25% รวมทั้งปี (ส.ค.-ก.ย.-พ.ย.) ขึ้นอีก 0.75% ถ้าเราขึ้นดอกเบี้ยช้า gap ดอกเบี้ยของไทยกับต่างประเทศจะยิ่งห่าง กนง.ควรจะปิด gab ถ้าเศรษฐกิจฟื้นได้ดี และเงินเฟ้อเริ่มลดลง แต่ถ้าเศรษฐกิจชะงัก และเงินเฟ้อลงเร็ว กนง.อาจจะเลือกขึ้นดอกเบี้ยอีกแค่ 1 ครั้ง ในเดือนพ.ย.65 ดังนั้นเบื้องต้น คาดว่า กนง.จะขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมพรุ่งนี้แน่นอนอีก 0.25%" 

https://siamrath.co.th/n/372198

  ข่าวดีที่รัฐบาลจะจัดให้คนใช้แรงงานตามสภาพเศรษฐกิจที่ดีขึ้นค่ะ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่