728
หากใครต้องการสรุปอิ้งจากเกาหลีโดย jeeswag เจ้าเดิม
reddit.com/r/Kingdom/comments/w7m1um/kingdom_728_spoilers/
ส่วนท่านใดที่จะอ่านแปลเป็นไทยจากกลุ่มแปลอิ้ง 4chan (ไม่ฝัง) โดยผมเอง เชิญในช่อง
สปอยลยครับ หากใครที่จะนำไปฝังซับโดยใช้การแปลของผมรบกวนให้ credit ชื่อ Banzai_man ด้วยนะครับ
ก่อนเข้าเรื่อง
-สัปดาห์หน้า(คาดว่า)มีต่อ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้หน้า 1
ชื่อตอน(ดำ): "เก่าแก่ที่สุด"
เนื้อหาต่อจากตอนที่แล้ว
เฟยซิ่นได้มาเจอกับกองพันของฟ่านฉานที่กำลังขนย้ายหอล้อมเมืองอยู่ในป่า
ฟ่านฉานกล่าวกับทุกคนว่า
: "มันช่างงดงามใช่ใหมล่า?"
ทุกๆเหมือนต่างพากันงงงวยดังกลับว่า "สวยตรงไหนของมันฟ่ะ"
หน้า 2
เหวยผิง
: "อ่ะ.... นี่มัน...."
: "ไอ้เจ้าหอตีเมืองพิลึกของทัพหวนฉีเมื่อตอนนั้นนิ"
ฟ่านฉาน
: "นี่เอ็งหมายความว่าไงที่ว่าพิลึกกันนะ ฮะ!"
?(ใครสักคนในกลุ่มพวกซิ่น)
: "ใช่หอตีเมืองตอนยึดผิงหยางจริงด้วย"
ฟ่านฉาน
: "ข้าบอกไปแล้วนิ มันเรียกว่าฮงฉวนเฟ้ย!"
?(ใครสักคนในกลุ่มพวกซิ่น)
: "งั้นพวกเขาก็เป็นส่วนหนึ่งของทัพหวนฉี จนถึงตอนนี้แล้วสิ"
ฟ่านฉาน
: "นี่เอ็งหมายความว่าไงกันที่ว่า จนถึงตอนนี้นะ!"
หน่ากุยที่อยู่ในกลุ่มก็เอ่ยถามขึ้นว่า
: "ฟ่านฉาน เจ้ามาทำอันใดในที่แบบนี้กัน"
เหวยผิง:
: "อ่ะ หน่ากุย"
ผู้ช่วยฟ่านฉาน
: "ฮือ นั่นมันหน่ากุยนิ"
ฟ่านฉาน
: "หน่ากุย"
หน้า 3
ทหารของฟ่านฉาน
: "ชิ ไอ้คนทรยศ"
ซิ่น:
: "หาาา?"
พวกซิ่นที่เห็นเช่นนั้นพร้อมจะใส่กับพวกทหารของฟ่านฉานที่หน้าตาแค้นเคืองหน่ากุย
หน่ากุยเอ่ยถามขึ้นว่า
: "กองหน่วยแยก งั้นรึ?"
ฟ่านฉานเงียบไปพักนึงจึงกล่าวขึ้นว่า
: "หืมม ก็มิใช่อะไรที่ใหญ่โตขนาดนั้นหรอก"
: "กำลังหลักหวนฉีรู้ว่าต้องพวกตนต้องฉะเข้ากับทัพจ้าวสังแห่ง"
: "แน่นอนว่า ฮงชวยก็มิเหมาะกับศึกเช่นนั้นดอก เพราะงั้น เราจึงออกตัวช้าเล็กน้อย"
: "และมุ่งไปยังจุดหมายเดียวกัน เพียงแค่ใช้คนละเส้นทางกันเท่านั้น"
ทุกคนที่ได้ยินต่างก็เริ่มตระหนักได้ว่าสิ่งนั้นคืออันใด
ซิ่น
: "จุดหมายเดียวกันงั้นรึ?"
เตียว
: "งะ งั้นคงจะเป็น"
ฟ่านฉานจึงตอบว่า
: "ยังไม่กระจ่างอีกหรา"
หน้า 4
ฟ่านฉาน
: "มันก็เมืองยี่อันยังไงเล่า"
ทุกคนต่างพากันอึ้งที่ได้ยินคำตอบเช่นนั้น
ฟ่านฉานจึงกล่าวต่อว่า
: "เราคาดการณ์ว่าจะไปพบกับหวนฉีที่ยี่อัน
: "ทว่า ทัพหลักกลับถูกล้อมด้วยกับทัพจ้าวขนาดใหญ่กระทันหัน"
: "ตามรายงานของหน่วยสอดแนม ทัพหลักนั้นแตกแล้ว
: "อืม ไอ้ข้าก็สงสัยว่าหวนฉีจะตายง่ายขนาดนั้นหรือ"
: "ไงก็ตาม นี่มันก็มิใช่เวลาที่เหมาะจะปิดล้อม"
: "เราจึงสงสัยว่าจะทำอันใดในป่านี้ดี"
เฟยซิ่นหันเข้าหากันเพื่อหารือถึงการยืดยี่อัน
ฟ่านฉานเห็นพวกเขาก็ตระโกนขึ้นว่า
: "หืม? พวกเจ้าเป็นอะไรกัน"
: "นี่ได้ฟังอยู่รึป่าวเนี่ย"
: "ที่สำคัญกว่าเลย"
: "พวกเจ้าเป็นหน่วยจากทัพหลัง"
: "ไฉนจึงมาจบอยู่ที่นี่กัน?"
หน้า 5
ทางด้านเฟยซิ่นที่กำลังหารือกันอยู่นั้น
ซิ่น
: "คิดยังไงบ้างล่ะ เตียว"
: "มีแค่เราแล้ว"
เตียว
: "อือ... ยังก่อน"
เหวยผิงก็ตระโกนโหวกเวกขึ้น
: "หา อะไรกัน? ยะ ยังก่อนอีกเหรอ"
: "ไม่เอาน่า"
ซิ่นก็ตะโกนกลับไป
: "เงียบน่า เหวยผิง!"
หน่ากุย
: "เพลานี้ พวกมันก็กำลังส่งกำลังพลจำนวนมากในแนวล้อมนี้ ฉนั้น..." *หน่ากุยน่าจะพูดถึงพวกจ้าว
อ้ายส่าน
: "นั่นอาจหมายความได้ว่า การป้องกันของใจกลางต้องเบาบางลง..."
เหวยผิง
: "เดี๋ย-"
เตียว
: "........อา"
: "แม้จะเป็นซากทัพที่มีผู้บาดเจ็บ รวมๆเราก็มีอยู่เกือบหมื่นคนแล้ว ณ ตอนนี้"
*ขออธิบายตรงจุดนี้นะครับ
ทั้งซิ่นและเหมิงเถียนนั้นทั้งคู่เป็นแม่ทัพ ต่างมีกำลังพลภายใต้บังคับบัญชาหมื่นนาย(ไม่รวมตัวแม่ทัพกับนายกอง)
ซึ่งหากรวมของปลัดทัพอย่างเชียงฮุ่ยและอ้ายส่านคนละ ห้าพัน(ไม่รวมแม่ทัพกับนายกอง)
ทำให้รวมทัพเฟยซิ่นและเล่อหัวเข้าด้วยกันจักมีกำลังพลร่วม 3หมื่น แต่จากการฝ่าการปิดล้อมถูกบั่นทอนกำลังอย่างสาหัสจึงเหลือกำลังพลแค่เกือบหมื่นอย่างที่เตียวว่าไว้
หน้า 6
เตียว
: "หากเราโจมตีทีเผลอด้วยกับหอตีเมืองยามรุ่งสาง
: "เราอาจสามารถพิชิตยี่อันก็เป็นได้"
ซิ่น
: "เอาล่ะ"
: "งั้นเราลงมือกันเถอะ"
ฟ่านฉานได้ปฎิเสธทันทีว่า
: "ไม่เด็ดขาด ฮงฉวนไม่ได้มีไว้ให้พวกเจ้ายืมหรอก"
เตียวก็กลับมาครุ่นคิดอีกครั้ง
: "อะ ไม่สิ ประเดี๋ยวนะ"
ซิ่น
: "อะไรอีกล่ะ เตียว"
เตียว
: "หลังจากนั้นเนี่ยสิ"
: "แม้เราจะพิชิตยี่อันได้ก็ตาม เราต้องคิดให้รอบคอบว่าจักทำอันใดหลังจากนั้น..."
?(น่าจะเป็นเหวยผิง)
: "อ่า จริงด้วย"
: "ในแดนของข้าศึกเช่นนี้ เราคงได้ถูกปิดล้อมกับตัวเมืองด้วยเป็นแน่"
เตียวได้กล่าวกับอ้ายส่านว่า
: "ข้าต้องขออภัยด้วย แต่ข้าคงต้องคุยกับเหมิงเถียนสักหน่อย"
: "นี่เป็นอะไรที่สำคัญ เพราะงั้น..."
อ้ายส่าน
: "เข้าใจล่ะ ข้าจะไปพบเขาเดี๋ยวนี้แหละ"
หน้า 7
ฮุ่ยและสือเตรียมชักกระบี่เนื่องจากสัมพัสอะไรบางอย่างได้
ทุกคนก็ตกใจและงุนงงที่อยู่ทั้งสองเตรียมตั้งท่าต่อสู้
ซิ่นจึงเอ่ยถามขึ้นว่า
: "มีอะไรหรือ"
สือจึงกล่าวว่า
: "นี่เจ้าสัมพัสไม่ได้ดอกหรือ"
: "ว่ามีกลิ่นเหม็นสาบศพโชยมานะ"
ฮุ่ย
: "ระวังตัวด้วย มันมีอีกกลุ่มอยู่ใกล้ๆนี่เอง"
เหวยผิงพูดออกมาด้วยความสั่นกลัว
: "ไรน่ะ?"
: "ทะ ที่ไหนกัน!?"
: "ขะ ข้าศึกหรา!?
คนอื่นๆต่างเตรียมตัวตั่งท่าตั้งรับเช่นกัน
สือ
: "มันมากันแล้ว"
ปรากฎฝีเท้าคู่นึงย่ำเข้ามา
หน้า 8
เหล่าสมาชิกตระกูลซากุ้ย มัจจุราชแห่งทัพหวนฉีได้ปรากฎกายตรงหน้าพวกซิ่น
หน้า 9
(ผมว่าเสียงตะโกนนี่น่าจะเป็นเหวยผิง)
: "ว้ากกก"
: "พะ พวกนี้มันเป็นใครกัน!?"
: "ศะ ศัตรูงั้นหรา!?"
หน่ากุยตะโกนในใจว่านั้นคือ ตระกูลซากุ้ย และบอกกับทุกคนว่า
: "ช้าก่อน พวกเขาไม่ใช่ศัตรู"
เชียงหลี่
: "พวกมันไม่มีแม้กระทั้งจิตสังหาร"
: "แต่บรรยากาศที่แพร่ออกมาของพวกมัน ดูไม่ปกติเอาซะเลย"
ซิงกับเหวยผิงก็ตกใจที่เห็นตระกูลซากุ้ย
หน้า 10
เหวยผิงเหมือนนึกอะไรขึ้นได้จึงเอ่ยว่า
: "ตระกูลซากุ้ย"
: "เจ้าพวกนี้มันตระกูลซากุ้ยนิ!"
อั่ง
: "น้าเหวยผิง"
เหวยผิง
: "ตอนศึกเฮยหยางข้าที่อยู่กับทัพหวนฉี"
: "ข้าได้ยินเรื่องของพวกมันในตอนนั้น"
: "สองตระกูลที่อันตรายที่สุดในทัพหวนฉี"
: "อันแรกคือตระกูลสือนั่ว สุนัขคลั่งที่มีพละกำลังดั่งอสูรกาย"
: "กับอีกตระกูลคือซากุ้ย ที่ทำหน้าที่ทรมานและเล่นกับศพ"
หยวน
: "ละ เล่นกับศพงั้นรึ?"
แล้วทุกคนต่างก็เริ่มหวาดระแวงตระกูลซากุ้ย
ส่วนซิ่นนั้นแสดงถึงสีหน้าที่โกรธจัด
หน้า 11
ซิ่นตะโกนขึ้นทันที
: "แล้ว ไอ้พวกเวรตะไลนี้ ใยจึงมาอยู่ในที่แบบนี้ได้ล่ะห่ะ!"
เหวยผิง
: "ซะ ซิ่น"
ซิ่น
: "ข้ารู้ล่ะ... เป็นพวกแกสินะ..."
: "ข้าได้ยินมาว่าพวกแกได้ทำบางอย่างที่ต่ำตมไว้ที่เฮยหยาง"
หน่ากุยกล่าวขึ้นว่า
: "...ฟ่านฉาน"
: "นี่มันยังไงกัน"
: "ไฉนซากุ้ยถึงอยู่นี่?"
: "แสดงว่าซากุ้ยอยู่กับแกแทนที่จะร่วมกับทัพหลักตั้งแต่ต้นรึ?"
ฟ่านฉานจึงตอบกลับไปว่า
: "ใช่แล้วล่ะ เป็นไปตามคำสั่งของหวนฉีเขาน่ะ"
หน่ากุย
: "ของหัวหน้า?"
ฟ่านฉาน
: "ถึงงั้น ก็มิทราบรายละเอียกดอก แต่หากข้าเดาเอา"
: "คงเป็นเพราะเราเชี่ยวชาญในศึกปิดล้อมกระมั้ง"
: "ความชำนาญการเฉพาะของซากุ้ยก็มิใช่การต่อสู้แบบทั่วๆไป"
: "หรือจะพูดอีกอย่าง"
: "น่าจะเป็นแผนการในการยึดเมืองด้วยกับฮงฉวนและซากุ้ย แม้จะต้องทรมานผู้คนภายในเพื่อเค้นข้อมูลบ้างก็ตาม"
: "โดยปกติอะน่ะ"
หน้า 12
พวกซิ่นที่ได้ยินเช่นนั้นถึงกับเดือดโทสะ
เตียว
: "อย่างมาเหลวไหลน่า"
ซิ่นกล่าวพร้อมกับชักกระบี่ของตนออกจากฝักแล้วชี้ไปยังพวกตระกูลซากุ้ย
: "พวกแกจงไปให้พ้นจากสายตาข้าซะ"
: "หากไม่ล่ะก็ ข้าฟันพวกแกทิ้งให้หมดเสียตรงนี้เลย"
: "และอย่าริอาจย่างเท้าเข้าใกล้ยี่อันแม้แต่ก้าวเดียว"
: "แกเข้าใกล้เมื่อไหร่ล่ะก็ ข้าจักฟันพวกแกทิ้งจริงๆซะ เข้าใจไหม?"
หน้า 13
ตระกูลซากุ้ย
: "อย่าริอาจมาติดสินเออเอง"
: "พวกข้า"
: "จักไปยัง"
: "ยี่อัน"
ซิ่น
: "ไอ้สามหาว"
หน่ากุยได้ห้ามซิ่นไว้
: "ช้าก่อนท่านแม่ทัพ"
: "ให้ข้า... คุยกับพวกเขาสักหน่อยจะได้หรือไม่"
ซิ่น
: "อะไรอีก"
ทุกคนต่างก็เริ่มสงสัยที่หน่ากุยขัดเพื่อคุยบางอย่างกับตระกูลซากุ้ย
หน่ากุยกล่าวขึ้น
: "ข้าต้องการที่จะถามบางอย่าง"
: "กับตระกูลซากุ้ย ซึ่งเป็นกลุ่มลึกลับที่สุดในทัพหวนฉีมาตลอด"
หน้า 14
เหวยผิง
: "คนที่รายล้อมไปด้วยความลึกลับงั้นหรา?"
หน่ากุย
: "ใช่"
: "ในหมู่พวกที่ร่วมทัพหวนฉี เราพูดได้เลยว่าตระกูลซากุ้ยเหมือนมิใช่พวกของเราเลย เนื่องจากพวกเขาไม่เคยปรากฎตัวออกมาเสียด้วยซ้ำ"
: "แม้แต่ข้าที่เพิ่งได้คุยกับสมาชิกคนหนึ่งของตระกูลซากุ้ยเพียงครั้งเดียว"
: "ก็ไม่มีผู้ใดนอกจากหวนซึ่งรู้บางอย่างเกี่ยวกับพวกเขา"
: "ที่ข้ารู้คือ ตระกูลซากู้ยนั้นเป็นตระกูลของหวนฉีที่ "เก่าแก่ที่สุด""
?(ใครสักคนในกลุ่มพวกซิ่น)
: "พวกนี้ก็เป็น"
: "สมาชิกที่เก่าแก่ที่สุดของตระกูลหวนฉี"
หน่ากุย
: "ให้พูดอีกอย่าง"
: "พวกเขาเป็นผู้ที่รู้จักหวนฉีมานานที่สุด"
ซิ่น
: ".........แล้ว?"
: "แค่นั้นเองหรา ที่เจ้าอยากถามพวกมันนะ"
หน่ากุยกล่าวต่อว่า
: "เช่นเดียวกับซากุ้ย"
: "ยังมีอีกคนที่ห้อมล้อมไปด้วย ปริศนาอันมากมาย"
หน้า 15
หน่ากุย
: "ก็ตัวหวนฉีเองนะแหละ"
ทุกคนยิ่งเริ่มสงสัยกันเข้าไปอีกเมื่อหน่ากุยที่กล่าวถึงเรื่องนี้
หน่ากุยจึงกล่าวไปอีกว่า
: "คนของตระกูลซากุ้ยผู้นี้นั้นได้กล่าวกับข้าว่า "โทสะ" เป็นรากเง้าของในการมีอยู่ของหวนฉี"
: "คนผู้นี้อาจเป็นผู้เดียวที่รู้ถึง"ต้นกำเนิด"ของหวนฉี"
?(ใครสักคนกลุ่มพวกซิ่น)
: "ต้นกำเนิดรึ"
หน่ากุยจึงกล่าวกระตุ้นยิงคำถามให้ทุกคนสงสัยว่า
: "พวกเจ้าไม่อยากรู้เหรอ?"
: "ว่าหวนฉีเป็น"ใคร"กันแน่?"
หน้า 16
หน่ากุย
: "เขามาจากไหน"
: "ใยถึงก่อตั้งตระกูลของตน"
: "และ"
: "เขาประสงค์สิ่งใดกัน"
เตียวก็ได้กล่าวเกี่ยวกับความสงสัยภายในใจว่า
: "สิ่งที่เขา(หวนฉี)ประสงค์หรา...?"
หน่ากุย
: "แน่นอนว่า"
: "ข้ามิได้จะถามโดยไม่มีข้อแลกเปลี่ยนนะ"
: "เราจะให้พวกเจ้าไปยังยี่อันได้"
ซิ่นที่ได้ยินเช่นนั้นจึงตะโกนขึ้นว่า
: "อย่ามาเหลวไหลน่า หน่ากุย เจ้าจะมาตกลงเออเองไม่ได้"
หน่ากุยกล่าว(น่าจะพูดกับซิ่น)
: "ฟังดูไม่เลวสำหรับท่านด้วยว่ามั้ย"
: "มิเช่นนั้น พวกท่านคงจะถูกเดียวดายในดินแดนของศัตรูด้วยตัวของพวกท่านเองจริงๆแน่"
ซิ่น
: "เฮ้ย!"
หน้า 17
หน่ากุย
: "ผู้นำตระกูล จงแสดงตัวออกมา"
: "ข้าต้องการจะได้ยินเรื่องราวโดยตรงจากปากของเจ้า"
: "เพราะข้าสามารถบอกได้ว่าคนผู้นั้นโกหกหรือไม่ โดยมองไปที่ใบหน้าของพวกเขา"
และแล้วผู้ที่เหมือนจะเป็นผู้นำตระกูลซากุ้ยค่อยเดินออกมาจากกลุ่ม และก็มีสมาชิกขึ้นนึงทักท้วกไม่ให้นางไป
เขาจึงกล่าวกับคนๆนั้นว่า
: "ไม่เป็นไร"
: "เราจำเป็นต้องใช้กำลังของพวกเขาโจมตีเมือง"
: "และเราต้องเข้าไปยังยี่อันมิว่าจะยังไง..."
ผู้นำตระกูลซากุ้ยเดินออกมาจากลุ่มและเอ่ยว่า
: "หน่ากัย สินะ?"
หน้า 18
ผู้นำตระกูลซากุ้ยเอ่ยว่า
: "ข้าไม่รู้หรอกนะ ว่าใครจากในตระกูลกล่าวเช่นนั้น"
: "เรื่องราวที่เจ้าเล่ามามันผิดพลาดเล็กน้อย"
หน่ากุย
: "ว่าไงนะ"
ผู้นำตระกูลซากุ้ย
: "ซากุ้ยนะ"
: "มิใช่สมาชิกที่เก่าแก่ที่สุดของตระกูลหวนฉีเลย"
ไม่เพียงแต่หน่ากุยเฟยซิ่นเท่านั้นที่สงสัยกับคำตอบนี้ แม้แต้ฟ่านฉานเองก็ยังสงสัยเช่นกัน
หน่ากุยจึงถามในสิ่งที่ตนได้ยินมาผิดนั้นว่า
: "แล้วมันยังไง?"
: "แสดงใบหน้าของเจ้าและพูดออกมา ผู้นำตระกูลเอ๋ย"
หน้า 19
ว่าแล้วผู้นำตระกูลซากุ้ยก็เปิดหมวกตน
เผยให้เห็นใบหน้าของสตรีเลอโฉม ที่มีรอยสักตามตัวและใบหน้า
นางกล่าวต่อว่า
: "เขาเป็นบุคคลที่ "เก่าแก่ที่สุด" ของตระกูลซากุ้ยต่างหาก"
ชักเริ่มน่าสนใจเข้าไปอีกแล้วว่า ตระกูลซากุ้ยที่อยู่เบิ้องหน้าพวกซิ่นและหน่ากุ้ยนั้นจะไม่ใช่ตระกูลซากุ้ยจริงๆ แต่เป็นหวนฉีต่างหากที่เป็นตระกูลซากุ้ยดั้งเดิม
ทีนี้คำถามที่เล่นเข้ามาในหัวว่า "โทสะ" ของหวนฉีน่าจะเกี่ยวกับเรื่องตระกูลตนที่โดนผลพวงจากสงครามสมัยเจาหวังหรือป่าว หวนฉีจึงมีสันดารดิบเถื่อนวิปริตและมีท่าทีไม่เห็นหัวอ๋อง
ซึ่งผมได้เคยทำเรื่องนี้ไว้ในกระทู้นี้นะครับผม https://ppantip.com/topic/41105718
Spoil KINGDOM 728 แปลเป็นไทยจากคนแปลอิ้งแบบงูๆปลาๆ
หากใครต้องการสรุปอิ้งจากเกาหลีโดย jeeswag เจ้าเดิม
reddit.com/r/Kingdom/comments/w7m1um/kingdom_728_spoilers/
ส่วนท่านใดที่จะอ่านแปลเป็นไทยจากกลุ่มแปลอิ้ง 4chan (ไม่ฝัง) โดยผมเอง เชิญในช่องสปอยลยครับ หากใครที่จะนำไปฝังซับโดยใช้การแปลของผมรบกวนให้ credit ชื่อ Banzai_man ด้วยนะครับ
ก่อนเข้าเรื่อง
-สัปดาห์หน้า(คาดว่า)มีต่อ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้