ปลาดิบขึ้นฝั่งเกาหลีตัวที่ 700
แล่ซาชิมิ(สรุป)เป็นภาษาอังกฤษโดย jeewag เจ้าเดิม
ลากซาซิมิมาให้ชิม(แปลเป็นไทย)โดยผมเอง
หากรสชาติมันเปลี่ยน(เน่า เพราะเอาซาชิมิไปดำน้ำส่วนหนึ่ง) ก็ขออภัยนะที่นี้ด้วย
ถ้าต้องการซาชิมิแบบสดๆ ก็ไปตามที่อยู่ตามลิ้งค์นี้เลย
https://www.reddit.com/r/Kingdom/comments/qumdtl/kingdom_700_raw/
ประเด็นที่น่าสนใจจากตอนนี้ผมจะหยิบยกมาพูดคุยลงในกระทู้นี้แล้วนะครับ
คลิก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เจิ้งและซิ่น:
ซิ่นพูดว่า "ตนไม่ยักเชื่อว่าพวกเราจะมาปะกัน ณ สถานที่เยี่ยงนี้" และบอกกับเจิ้งให้ลุกขึ้นเพื่อจะได้ไปคุยกันในที่ที่ดีกว่านี้
ซิ่นจึงถามไปว่าม้าของเขาอยู่ไหน และเจิ้งจึงตอบไปว่าเขาก็ไม่รู้ เพราะเขาเดินมาเรื่อยๆ แล้วทั้งสองก็ขึ้นม้าของซิ่น
ซิ่นบอกให้เจิ่งเกาะเขาไว้แน่นๆแต่อย่าแน่นเกินไปเดี๋ยวมันจะทำให้รู้สึกแปลกๆ(555+ ขนาดว่าที่เมียเอ็งยังไม่เขิน นี่เพื่อนสนิทเอ็งนะ คิดไกลไปเปล่า)
และเจิ้งบอกว่าเขามีอะไรจะขอเขาเยอะอยู่
พวกเขาทั้งคู่มองไปยังดวงสุริยาที่กำลังลับขอบฟ้าและพรรณนาว่ามันแดงฉานดั่งโลหิต
หลังจากนั้นซิ่นก็พาเจิ้งไปยังสถานที่ซึ่งพวกเขาสามารถเห็นทุ่งเฝยในวงกว้าง(CN: Fei[肥之] JP: Eikyuu) และซิ่นบอกกับเขาว่าเฟ่ยซิ่นทำยังไงจึงสามารถเจาะทะลวงบริเวณนั้นเพื่อไปเอาหัวของหูเฉิง(เปลี่ยนจาก หูเฉ๋อ นะครับ)
เขาอธิบายสภาพของการรบและสิ้นหวังเพียงใด แต่เฟ่ยซิ่นก็สาสามารถทำมันได้และยังได้สร้างผลงานจนขนาดหยู่ฮะ(กองกำลังของเมิ่งเถียน)ยังไม่สามารถทำอย่างงั้นได้นอกจากพวกเขา(หมายถึงเฟ่ยซิ่น *ก็ในสามกลุ่มรุ่นใหม่ที่มีทั้งพลราบและทหารม้า ไม่มีใครจะบ้าบิ่นปีนผาเป็นลิงเท่าเฟ่ยซิ่นแล้ว 555)
หลังจากสังหารไอคนที่เหมือนเกี๊ยวแช่น้ำ(พูดถึงเยว่ไป่กง CN:岳白公] JP:Gaku Haku Kou แม่ทัพตัวอ้วนที่ลีลาเยอะแต่เก่งโคตรๆ แล้วโดนซิ่นเอาง้าวฟาดเกิบขาดครึ่งท่อนดับ)
และฝ่าฟันความยากลำบากทั้งหมดมาได้ พวกเขาก็ได้รู้ว่าหวนฉีสังหารหูเฉิงได้แล้ว
จากนั้นซิ่นจึงพูดว่า เตียวบอกว่า มันเป็นเพราะเฟ่ยซิ่นผ่านไปได้ หูเฉิงจึงย้ายกองทหารของเขามาปิดกั้นเอาไว้ จึงเปิดโอกาสให้หวนฉีเข้าไปเอาหัวของหูเฉิงมาได้ และเพื่อสร้างสถานการณ์นั้น เฟ่ยซิ่นอาจจะถูกเรียกตัวไป
ซิ่นถามเจิ้งว่าคิดยังไงกับความคิดของหวนฉี ซึ่งเจิ้งก็มิอาจปฎิเสธที่เขาเป็นคนหลักแหลม
อย่างไรก็แล้ว พวกเขาทั้งคู่ต่างก็ไม่ชอบอุปนิสัยของหวนฉี
จากนั้นซิ่นก็ขอขมาและขอบคุณที่เจิ้งมากับเขาด้วย
เจิ้งจึงถามไปว่าเพื่ออะไร แล้วซิ่นก้กล่าวว่าแม้จะใกล้เพียงน้อยนิด แต่เขาก็ไม่สามารถหักห้ามหวนฉีต่อสิ่งที่เขาได้กระทำลงไปได้
เจิ้งเลยกล่าวขึ้นมาว่า มันช่วยไม่ได้ เนื่องจากพวกเขามาไกลถึงเพียงนี้แล้ว
ซิ่นจึงเอ่ยว่าเขานั้นก็อยากจะตรงไปจัดการหวนฉี แต่ก็ต้องหักห้ามใจไว้เพราะเตียว และคิดว่าไม่มีหน้าไหนสามารถหยุดหวนฉีได้
จากนั้นเจิ้งก็ปรากฎตัวและทำให้เขา(ซิ่น)ประทับใจมากขึ้น
เจิ้งจึงกล่าวว่าแม้ต่อให้เขาจะมาเขาก็มิอาจลงโทษหวนฉีได้ และตอนนี้เองพวกเขาก็ยังคงต้องการความแข็งแกร่งของชายคนนั้น
ซิ่นเองก็เห็นด้วย แต่ก็รู้สึกหงุดหงิด
เจิ้งบอกว่า ณ เพลานี้สิ่งที่ควรพระวงหาใช่หวนฉีไม่แต่เป็นผลจากการสังหารทหารจำนวนที่ยอมจำนน
จากนั้นเขาก็กล่าวว่าความโกรธแค้นของชาวจ้าวจะมาลงที่ผู้ที่อยู่ในสนามรบ รวมทั้งซิ่นเองด้วย.
หากขวันกำลังของจ้าวลดลงสงครามก็จะง่ายเกินไป ไงก็ตามเหตุการณ์ที่เช่นนี้อาจตรงกันข้ามแลจ้าวจะไม่มีวันอ่อนข้อ
ซิ่นจึงบอกว่าไม่เป็นไร
จากนั้นเขาก็กล่าวขึ้นว่าพวกเขามานี่เพื่อล่มจ้าว ดังนั้นจึงไม่แปลกว่าจะได้รับความเกลียดชังของพวกเขา
ในแต่ละย่างก้าวการต่อสู้ของพวกเขาจะเข้าใกล้พองชลชาวเจ้าทุกคนา
เมื่อพวกเขาเข้าใกล้ พวกเขาก็เริ่มรู้สึกถึงความเจ็บปวดของชาวจ้าวมากขึ้นเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม นั่นเป็นสิ่งที่ซิ่นได้เตรียมพร้อมสำหรับมันแล้ว
สงครามมันดูเหมือนจะเริ่มยากลำบากมากขึ้น แต่พวกเขาจะเฝ้ามองมันจนกระทั่งวาระสุดท้ายโดยไม่กระทำเหมือนในสิ่งที่หวนฉีเพิ่งลงมือไป
เจิ้งกล่าวว่า "ข้ารู้ตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว ว่าเจ้านะแข็งแกร่งจริงๆ ซิน"
ซิ่นเลยกล่าว "ก็แน่เป็นแช่แป้งอยู่แล้วสิ เพราะข้าเป็น "ดาบไร้ผ่าย" ของเจ้ายังไง เจิ้ง"
เจิ้งจึงคิดกับตัวเองว่าเขาได้รับการช่วยเหลือจากซิ่นตลอดเวลาอยู่เสมอ
ซิ่นถามว่ามีอะไรจะพูดอีกไหมเจิ้งจึงบอกเขาให้แหงนมองไปยังเฝยเบื้องหน้า.
เหนือไปจากนั้นยังมีปราการอีกสองแห่งที่พวกเขาเล็งไว้และผ่านจากตรงนั้นไปจะเป็นหานตานที่ซึ่งจ้าวอ่องพำนักอยู่.
จากนั้นเขา(เจิ้ง)จึงเล่าว่า เป็นเวลา 16 ปีแล้ว นับตั้งแต่เขาหลบหนีออกมาจากเมืองนั้นได้โดยการช่วยเหลือของคนๆนึง
เด็กน้อยซึ่งหลบหนีออกมาได้ ขอบคุณต่อชีวิตของบรรดาผู้คนจนกลายมาเป็นฉินอ๋อง ยืนหยัดบนผืนแผ่นดินด้านนอกหานตาน
แน่นอนว่าก็ต้องขอบคุณต่อความช่วยของซิ่นและคนอื่นๆที่สละเลือดเนื้อของพวกเขา
ซิ่นบอกว่าเขาต่อสู้บ่าเคียงไหล่พวกเขาเช่นกัน ดังนั้นมันจึงไม่ใช่แค่ความพยายามของพวกเขาเท่านั้น ถ้าไปได้ไกลกว่านี้อีกนิดก็ถึงแล้ว
ผ่านป้อมทั้งสองแห่งแล้วและการล่มสลายของจ้าวอ๋อง แคว้นจ้าวก็จะถึงคราวพินาศ
เจิ้งบอกว่ามันไม่ง่ายเอาซะเลยและการศึกมีแต่จะยากขึ้น แต่พวกเขาต้องฝ่ามันไปให้ได้เนื่องจากหัวใจของจ้าว(หานตาน)อยู่เบื้องหน้าพวกเขาแล้ว
ซิ่นจึงบอกว่าปล่อยเป็นหน้าที่ของเขาเอง
กองบก. หวนฉี:
หน่าฉี มาที่กองบก. แล้วกล่าวเขาเห็นทั้งสามคนยังปลอดภัยอยู่.
กานหวังกระวนกระวายในขณะที่หม่าหลงและหนุนหยูต่างทักทายเขาและกล่าวว่าพวกเขาก็ยังปลอดภัยดีหรา.
กาวหวังเลยถามพวกเขาไปว่า "พวกแกจะไปทักทายคนทรยศอย่างมันทำซากอะไร" แล้วหม่าลงจึงบอกให้นางใจเย็นลงก่อน.
หน่าฉีบอกนางว่าอย่าโกรธไปไม่งั้นริ้วรอยของเธอจะใหญ่ขึ้นและเธอก็จะตายเร็วขึ้น(ชอบตอนแหย่นางเล่นจริงๆ แต่ไม่ชอบไอความจงรักต่อหวนฉีเกินไปนี่แหละ)
นางจึงบอกว่าจะฆ่าเขา(หน่าฉี)ถ้ายังไม่นั่งอีก.
หลุนหยูถามหนาฉีว่าเขามาที่นี่ด้วยจุดประสงอันใด แล้วหน่าฉีจึงถามไปว่าลูกพี่(หวนฉี)อยู่ไหน.
หม่าหลงคิดว่าเขาน่าจะอยู่กับผู้หญิงบางคนในกระโจมของเขา.
หน่าฉีบอกว่าเขาได้ยินเรื่องเกี่ยวกับเหล่ยถูมาแล้วและสิ่งที่พวกเขาทำหลังจากนั้น ดังนั้นเขาจึงมาพูดดูลูกพี่(หวนฉี)และสภาพของเขา.
กานหลังจึงตอบกลับเขาไปว่าคนนอกควรคำนึงถึงกิจของตัวเองไปสิ ไม่ต้องมาสอด
หน่าฉีบอกว่า นี่มันมากเกินไปที่จะชดใช้สิ่งที่เกิดขึ้นกับเหล่ยถู.
หม่าหลงกล่าวว่ามันไม่ใช่เพราะการตายของเหล่ยถู มันเป็นสันดารเดิมของหัวหอกอย่างหวนฉีของเรา ออกมาต่างหาก
หลุนหยูกล่าวว่าเขาคิดว่ามันเกี่ยวกับเหล่ยถู เพราะการตายของเขาไม่ใช่เรื่องเล็กสำหรับลูกพี่แน่ๆ
หม่าหลงกล่าวว่า ก็มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆนะสิ แล้วเหล่ยถูก็เป็นคนที่อยู่มาตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว
หน่าฉีกล่าวว่าเขาได้ยินมาว่าตระกูลจั่วฉีอยู่มาแต่เดิมแล้ว.
กานหวังจึงขัดขั้นมาว่าเป็นไปไม่ได้หรอกที่ตระกูลจั่วฉีจะอยู่มาแต่เดิมน่ะ
หลุนหยูกล่าวว่าเขาได้ยินเรื่องคล้ายๆกันทำนองนี้มาก่อนและถามไปว่าเขาเองก็บอกอย่างนั้นหรา
หม่าหลงกล่าวว่าตระกูลจั่วฉีเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มอยู่แล้วตั้งแต่เขาเข้ามาด้วยซ้ำ
กานหวังกล่าวว่านางเองก็ไม่รู้และไม่มีใครจำได้ว่าพวกเขานั้นอยู่มาตั้งแต่แรกหรือไม่
หน่าฉีสงสัยว่าทำไมจั่วฉีถึงไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งผู้บัญชาการทั้งๆที่พวกเขาอยู่กันมานานยิ่งกว่าอีก(คือเหมือนจะพยายามกีดกันตระกูลนี้ไม่ให้เข้าไปอยู่ในสนามรบเมื่อเทียบกับตระกูลอื่นที่ส่งไปตายเป็นว่าเล่น)
กานหวังจึงกล่าวว่าไม่มีใครเข้าใจถึงตัวตนของตระกูลจั่วฉีได้และแม้แต่หม่าหลงยังกล่าวอีกว่าขนาดลูกพี่ยังเก็บพวกเขาให้อยู่ห่างๆ
หนังจากนั้นกานหวังก็บอกให้หน่าฉีไปซะในขณะที่หลุนหยู่บอกให้เขาอยู่ดิ่มกันต่อ.
ตัดมาทางด้านหวนฉีที่กำลังอยู่กับสตรีนางนึงซึ่งมีหน้ากากของตระกูลจั่วฉีอยู่ในกระโจมของเขา.
ทางด้านเจิ้ง:
เจิ้งท่องไปทั่วสนามรบพบปะกับเหล่าทหารที่เขาเจอ และเยี่ยมหวังเปิ่นในกระโจมของเขา.
เขายังได้เริ่มพูดคุยถึงลูกๆของเขา แล้วเปิ่นก็ตะโกนให้ซื่นไปไกลๆเพราะนี้ไม่ใช่การสนทนาสำหรับหนุ่มโสดหรอก(หยามกันนี่หว่า)
หลังจากนั้นเจิ้งจึงได้นำกองกำลังสามหมื่นของเขารวมไปถึงทหารบาดเจ็บจำนวนหนึ่งกลับเซียนหยาง.
ทางด้านจ้าว:
คำบรรยายบอกไว้ว่า เพราะความพยายามของฉินเวลาที่หยุดเพื่อชายคนหนึ่งกำลังจะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง.(มาแล้วววว ซือหม่าฉาง)
ภายในเมืองฉีเจี้ย คนส่งสาส์นขี่ม้าตะโกนว่าพวกเขาได้รับราชโองการจากจ้าวอ๋อง
Spoil KINGDOM 700 แปลเป็นไทยจากคนสรุปอิ้งแบบงูๆปลาๆ
แล่ซาชิมิ(สรุป)เป็นภาษาอังกฤษโดย jeewag เจ้าเดิม
ลากซาซิมิมาให้ชิม(แปลเป็นไทย)โดยผมเอง
หากรสชาติมันเปลี่ยน(เน่า เพราะเอาซาชิมิไปดำน้ำส่วนหนึ่ง) ก็ขออภัยนะที่นี้ด้วย
ถ้าต้องการซาชิมิแบบสดๆ ก็ไปตามที่อยู่ตามลิ้งค์นี้เลย
https://www.reddit.com/r/Kingdom/comments/qumdtl/kingdom_700_raw/
ประเด็นที่น่าสนใจจากตอนนี้ผมจะหยิบยกมาพูดคุยลงในกระทู้นี้แล้วนะครับ คลิก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้