JJNY : พท.ไม่หวั่นกติกาบิดเบี้ยว│พิธาแจ้ง กก.จะมีการเปลี่ยนแปลง│ผวาค่าไฟพุ่ง ซ้ำเติมธุรกิจ│US.เผยอิหร่านหาโดรนให้รัสเซีย

พท.ไม่หวั่นกติกาบิดเบี้ยว ชี้ สูตรหาปาร์ตี้ลิสต์หาร 500 จงใจทำผิด รธน. คาดหากใช้จริงเกิดตลาดซื้อขายนักการเมือง
https://www.matichon.co.th/region/news_3448746
 
 
“ธีรรัตน์” ลั่น “เพื่อไทย” ไม่หวั่นกติกาบิดเบี้ยว ชี้ สูตรหาปาร์ตี้ลิสต์หาร 500 จงใจทำผิด รธน. คาดหากใช้จริงเกิดตลาดซื้อขายนักการเมืองแน่
 
เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม. โฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า พรรค พท. ยืนยันว่าการที่ประชุมสภาฯ มีมติเห็นด้วยกับสูตรคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อหารด้วย 500 เป็นการกระทำที่ขัดต่อบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 1) พ.ศ.2564 มาตรา 91 อย่างจงใจ ชัดแจ้ง แสดงถึงเจตนาในการสืบทอดอำนาจของผู้มีอำนาจในปัจจุบัน
 
หากสูตรการคำนวณนี้ถูกนำไปใช้จริงในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง ความวุ่นวายทางการเมืองในประเทศไทยจะหนักหนารุนแรงกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้แน่นอน เพราะจะเกิดการต่อรองแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ของพรรคการเมืองใหม่ๆ ที่จะมีให้เห็นมากขึ้นกว่าเดิม รวมถึงเกิดการอัพราคาค่าตัว สร้างกลุ่มก้อนใหม่ๆ ขึ้นมาอีกมาก ตลาดซื้อขายนักการเมืองจะเกิดขึ้นอย่างไม่อายประชาชน สุดท้ายคนที่ไม่ได้ประโยชน์ใดจากเรื่องนี้คือ พี่น้องประชาชน เพราะนักการเมืองที่ได้มาจากสูตรการคิดคำนวณแบบนี้มีที่มาจากการกระทำผิดรัฐธรรมนูญ เมื่อมีที่มาที่กระทำผิดกฎหมายสูงสุดของประเทศแล้ว จึงไม่อาจยึดโยงกับประชาชนอย่างแท้จริงได้ ประชาชนเองก็คงไม่สามารถยอมรับได้เช่นกัน
 
น.ส.ธีรรัตน์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม พรรค พท. ยืนยันว่าเดินหน้าดำเนินการตามกฎหมายทุกช่องทางที่สามารถดำเนินการได้ เพื่อสกัดกั้นความเลวร้ายที่กำลังจะมาถึง ในขณะเดียวกันพรรค พท.จะไม่หวั่นไหวต่อกระบวนการที่หวั่นกลัวแลนด์สไลด์ของพรรค ที่สะท้อนออกมาจากมติในสภา เรายังคงทำงานการเมืองต่อเนื่องเพื่อพี่น้องประชาชนด้วยการทยอยเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ทั่วประเทศ เพื่อให้ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ได้ลงพื้นที่ทำงานและสร้างความมั่นใจให้กับพี่น้องประชาชนได้อย่างเต็มที่ เราไม่หวั่นไหวต่อกระบวนการใดๆ ที่จ้องทำลายพรรค พท.ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใด เพราะพท.ยังคงได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากประชาชนมากขึ้น สะท้อนได้จากคะแนนความนิยมของพี่น้องชาวอีสานผ่านอีสานโพลล่าสุดเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคมที่ผ่านมา
 
ในคำถามที่ว่า ถ้ามีการเลือกตั้งใหม่ อยากให้ใครเป็นนายกรัฐมนตรีเพื่อมาฟื้นฟูเศรษฐกิจ ซึ่งพบว่ากลุ่มตัวอย่างสนับสนุนให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เป็นนายกรัฐมนตรี ในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 19.8% จากเดิมอยู่ที่ 10.7% โดยทั้งคะแนน และอันดับดีกว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่อยู่มา 8 ปี แต่ชาวอีสานให้มาที่ 14.4% เท่านั้น
 
“กี่สารพัดวิธีที่ผู้มีอำนาจหวังจะล้มทำลายพรรคเพื่อไทย พี่น้องประชาชนรู้เห็นทุกอย่าง อย่าดูถูกประชาชน วันนี้พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีที่มีแต่นั่งร้านเป็น ส.ว. 250 คน คอยดันหลังให้เท่านั้น แต่ประชาชนทั้งประเทศ ไม่ยอมรับท่านอีกต่อไป ต่อให้กติกาจะบิดเบี้ยว ต่อให้ท่านลงพื้นที่เพื่อหวังคะแนนเสียง ก็ไร้ความหมาย เพราะศรัทธาประชาชนติดลบไปแล้วจากการกระทำของท่านตลอด 8 ปีที่ผ่านมา” น.ส.ธีรรัตน์ กล่าว
  

 
รอลุ้นได้เลย!! "พิธา" แจ้ง อีกไม่นาน "ก้าวไกล" จะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
https://siamrath.co.th/n/364519

วันที่ 12 ก.ค.65- นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Pita Limjaroenrat – พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ระบุว่า...
 
ในเร็วๆนี้ พรรคก้าวไกลจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
 
ผมเลยอยากเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ด้วยการขอเชิญชวนให้ทุกคนมาร่วมกันออกแบบ #มาสคอตก้าวไกล
ออกไอเดียกันมาได้เต็มที่เลยครับ
 
กติการการร่วมกิจกรรม
1. แนบรูปวาดมาสคอตใต้คอมเม้นโพสต์ หรือส่งมาที่อีเมล weareallcampaigners@moveforwardparty.org
2. ประกาศผลมาสคอตที่ได้รับคัดเลือกวันที่ 1 ส.ค. 65
3. ทางพรรคก้าวไกลจะติดต่อไปยังเจ้าของผลงาน เพื่อประสานรายละเอียดต่อไป

https://www.facebook.com/timpitaofficial/posts/pfbid0UyqjQHFhirNAgvDLJYwb1jWk96howy8wRYAKTEukdgaJTfH38y9bBLDTes4T1Sayl


 
ผวาค่าไฟพุ่ง 5 บ.ซ้ำเติมธุรกิจ สินค้าขึ้นพรวดอีกระลอก
https://www.matichon.co.th/economy/news_3448604
 
ผวาค่าไฟพุ่ง 5 บ.ซ้ำเติมธุรกิจ สินค้าขึ้นพรวดอีกระลอก
 
สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) อยู่ระหว่างพิจารณาทบทวน และปรับเพิ่มค่าไฟฟ้าผันแปร (ค่าเอฟที) งวดเดือนกันยายน-ธันวาคม 2565 ซึ่งมีแนวโน้มพุ่งสูงถึง 90-100 สตางค์ต่อหน่วย อาจทำให้ค่าไฟฟ้าต้องปรับเพิ่มสูงถึงเกือบ 5 บาทต่อหน่วยในช่วงดังกล่าว

เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภานายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย กล่าวถึงผลกระทบในเรื่องนี้ว่า ต้องยอมรับว่าขณะนี้อยู่ภายใต้สภาวะวิกฤตเศรษฐกิจที่ไม่เคยมีมาก่อน ซ้อนจากโควิด-19 เชื้อกลายพันธุ์ ตามมาด้วยพลังงานแพงและขาดแคลนในบางประเทศ เพราะสงครามรัสเซียและยูเครน รวมถึงเงินบาทอ่อนค่าลงแบบรุนแรง ซึ่งค่าไฟฟ้าก็ถูกกระทบจากปัญหาเหล่านี้ ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
 
นายธนิตกล่าวว่า ราคาน้ำมันแบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่ 1.ส่วนของอุตสาหกรรม ซึ่งมักมีการทำข้อตกลงกับผู้ผลิตไฟฟ้าไว้อย่างชัดเจนว่าจะปรับขึ้นที่เท่าใด ช่วงใดบ้าง และ 2.คนทั่วไป ที่ต้องใช้ไฟฟ้าตามราคาที่กำหนดจากรัฐบาล ซึ่งราคาจะแปรผันตามต้นทุนผลิตไฟฟ้า อาทิ น้ำมันแพงขึ้น การผลิตไฟฟ้ามีราคาสูงขึ้น การนำเข้าวัตถุดิบเข้ามาด้วยราคาที่แพงมากขึ้นเพราะค่าเงินบาทอ่อนค่า จึงต้องจ่ายเงินเพิ่มขึ้น ทำให้จากนี้ไปจะเห็นราคาสินค้าปรับขึ้นอย่างต่อเนื่องแบบที่ไม่สามารถตรึงราคาไว้ได้ เพราะต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นในทุกส่วน และอาจเกิดการลดกำลังการผลิต หรือผลิตเพื่อส่งออกแทน ซึ่งผลกระทบจะทำให้สินค้าในประเทศขาดแคลน ต้องระมัดระวังปัญหานี้ให้ดี
 
“หากเราแทรกแซงกลไกตลาดจะทำให้สินค้าบางรายการหายไป ลงไปอยู่ใต้ดินแทน คนที่มีเงิน มีศักยภาพในการจ่ายได้สูงก็จะหาซื้อสินค้าได้ แต่คนที่ไม่มีเงินจ่ายก็ไม่มีสินค้าใช้ ทำให้ผู้ที่ถูกกระทบหลักๆ เป็นชาวบ้านแน่นอน” นายธนิตกล่าว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่