เพื่อไทย จัดใหญ่ 'แล่นสไลด์ ไปเปลี่ยนชีวิตคนเมือง' ตอกย้ำนโยบาย 20 บาท ตลอดสาย
https://www.khaosod.co.th/election-2023/news_7641277
เพื่อไทยจัดใหญ่ “แล่นสไลด์ ไปเปลี่ยนชีวิตคนเมือง” 5 พ.ค. ชวนผู้สมัคร ส.ส.กทม.เดินทางจากบ้านถึงพารากอนด้วยขนส่งสาธารณะ ตอกย้ำนโยบาย 20 บาท ตลอดสาย
2 พ.ค. 66 – ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นาย
ประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคและผอ.ศูนย์ปฏิบัติการเลือกตั้ง ส.ส.พรรคพท.และ น.ส.
ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขต 20 ลาดกระบัง (ยกเว้นแขวงลำปลาทิว) พรรคพท. แถลงการจัดงาน “
แล่นสไลด์ ไปเปลี่ยนชีวิตคนเมือง : จากการเดินทาง สู่การสร้างมหานครเพื่อคนไทย” ในวันที่ 5 พ.ค.ตั้งแต่เวลา 15.30 น. ที่ลานพาร์คพารากอน เขตปทุมวัน
นาย
ประเสริฐ กล่าวว่า เพื่อปักธงนโยบายคมนาคมของพรรคพท. ซึ่งจะเป็นนโยบายยกระดับชีวิตคนเมือง จากกรุงเทพฯ พื้นที่ปริมณฑล สู่การกระจายอำนาจทางเศรษฐกิจในระดับประเทศ พรรคพท.จึงจัดงานดังกล่าวขึ้น
โดยแบ่งกิจกรรมออกเป็น 2 ส่วน คือภารกิจและงานเสวนา กิจกรรมนี้เป็นการจัดงานครั้งใหญ่อีกหนึ่งครั้งก่อนปราศรัยใหญ่โค้งสุดท้ายของพรรค พท.ที่จะจัดขึ้น เพื่อสื่อสารกับคนเมือง คนกรุงเทพฯ และปริมณฑลโดยเฉพาะ ทั้งนี้ เป้าหมายสำคัญของพรรคพท.ที่มีนโยบายคิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตของคนไทยทุกคน ผ่านการเข้าใจ และเข้าถึงพื้นที่จริงของผู้สมัคร ส.ส. ทุกเขต
น.ส.
ธีรรัตน์ กล่าวว่า กิจกรรมมี 2 ส่วนดังนี้
1. ส่วนของภารกิจ ผู้สมัคร ส.ส.กทม.ทั้ง 33 คน 33 เขต ต้องเดินทางจากบ้านหรือพื้นที่ทำงานของตัวเอง มายังลานพาร์คพารากอน เขตปทุมวัน เพื่อเข้าร่วมงานเสวนาให้ได้ภายในเวลา 1 ชั่วโมง 29 นาที
โดยจะมีการถ่ายทอดสดการเดินทางของผู้เข้าร่วมตลอดเวลาการเดินทาง ย้ำว่า ผู้สมัคร ส.ส.กทม.ทั้ง 33 คนจะเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะเท่านั้น
2. การพูดคุยถึงปัญหาการเดินทางของเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ เมืองที่คนจากหลากหลายพื้นที่เดินทางเข้ามาทำงาน ใช้ชีวิตและสร้างเนื้อสร้างตัว ว่าวันนี้ระบบขนส่งมวลชนสร้างปัญหาอะไรกับผู้คนบ้าง และพรรคพท.จะลดรายจ่ายส่วนนี้ได้อย่างไร และนโยบายคมนาคม โดยเฉพาะนโยบาย 20 บาทตลอดสายจะแก้ปัญหาให้คนเมืองได้อย่างไร
น.ส.
ธีรรัตน์ กล่าวอีกว่า สำหรับผู้ร่วมสนทนา ประกอบด้วย นาย
เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคพท. และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นาย
ดนุพร ปุณณกันต์ ประธานคณะรณรงค์หาเสียง กทม. น.ส.
จิราพร สินธุไพร ผู้สมัคร ส.ส.ร้อยเอ็ด เขต 5 พรรคพท. นาย
วิพุธ ศรีวะอุไร ส.ก.พรรคพท.และคณะกรรมการจราจรและขนส่ง กทม.รวมทั้งตน
‘พิธา’ พร้อมเป็นนายกฯ พาประเทศไทยไม่เหมือนเดิม ใช้การเมืองแห่งความหวังสู้ วิชามารสาดโคลน
https://www.matichon.co.th/election66/news_3955975
‘พิธา’ ชวน ปชช.กาก้าวไกลให้ถล่มทลาย เปลี่ยนจากนายกฯ โพล เป็นนายกฯตัวจริง เปิดโรดแม็ปรัฐบาลก้าวไกล พาปท.ไทยไม่เหมือนเดิม ประกาศใช้การเมืองแห่งความหวังสู้ วิชามารสาดโคลนใส่ก้าวไกล
เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม ที่ รอยัล พารากอนฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้า สยามพารากอน เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ มติชนxเดลินิวส์ ร่วมจัดดีเบตเป็นครั้งแรกในเวที “
สงคราม 9 พรรค THE LAST WAR” โดยยกทัพพรรคการเมืองชั้นนำครั้งยิ่งใหญ่ ทั้งขุนพลเลือดใหม่ (Young blood) ขุนศึกตัวตึง-ตัวเก๋า และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เข้าร่วมประชันนโยบายเพื่อนับถอยหลังเข้าสู่โค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง
สำหรับรอบที่ 3 เวที “แม่ทัพ วิสัยทัศน์และสัญญาประชาคม”
นาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ตนขอบคุณผู้อ่านของเดลินิวส์และมติชน ที่ให้ความไว้วางใจตนเป็นนายกฯ จากผลโพลที่โหวตให้ตนสองครั้งซ้อน ตนจึงขอให้เวทีนี้ประกาศความพร้อมของรัฐบาลก้าวไกล และประกาศความพร้อมของนายกฯ คือนายกฯ ตัวจริงที่ชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แน่นอนว่าถ้าจะเปลี่ยนจากนายกฯ โพลให้กลายมาเป็นนายกฯ ตัวจริง เราต้องแสดงให้พี่น้องประชาชนเห็นว่าพรรคก้าวไกล พร้อมจะเป็นรัฐบาลชุดต่อไป ด้วยอุดมการณ์จากอดีตพรรคอนาคตใหม่ และประสบการณ์และประสิทธิภาพที่มี 4 ปีในสภาฯ ของพรรคก้าวไกล ตนจึงขอเสนอโรดแม็ปว่าเมื่อตนเดินเข้าทำเนียบรัฐบาลเมื่อไหร่ วาระ 100 วันแรก วาระ 1 ปีแรก และวาระรัฐบาลสมัยแรกหน้าตาเป็นอย่างไร
นาย
พิธา กล่าวว่า ประเทศไทยจะเปลี่ยนไปอย่างไรภายใต้รัฐบาลก้าวไกล โดย 100 วันแรกเราเตรียมยุทธ์ศาสตร์การเมืองดี ปากท้องดี และมีอนาคต ช่วง 100 วันแรกจะไม่พึ่งงบประมาณ และการแก้ไขกฎหมาย ใน 1 ปีแรก เมื่อเรามีเวลาและงบประมาณ และการแก้ไขกฎหมาย ก็จะสามารถเปลี่ยนแปลงในเชิงโครงสร้างได้มากขึ้น ส่วนรัฐบาลก้าวไกลสมัยแรกคือหน้าตาของประเทศไทยว่าจะเปลี่ยนไปอย่างไร เมื่อท่านเลือกพรรคก้าวไกลวันที่ 14 พฤษภาคมนี้
สำหรับวาระ 100 วันแรก คือ การเมืองดี ที่รัฐบาลก้าวไกลสามารถทำได้เลย คือการทำรัฐธรรมนูญใหม่ ที่จะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชาติไทยที่จะมีรัฐธรรมนูญของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชนสักที, เราจะสามารถทบทวนคดีการเมือง และเสนอกฎหมายนิรโทษกรรมคดีการเมือง เพื่อก้าวข้ามความขัดแย้ง, การต่อสู้กับการคอร์รัปชั่น โดยการเป็นรัฐเปิดเผย เปิดข้อมูลงบทุกบาท การใช้เอไอจับโกง, การห้ามใช้เงินหลวงโปรโมทตัวเอง, การปลดล็อกท้องถิ่น โดยการยกเลิกกฎระเบียบของกระทรวงมหาดไทยที่เป็นอุปสรรคของท้องถิ่นทั้งหมด และการสมรสเท่าเทียม
นาย
พิธา กล่าวว่า เมื่อการเมืองดีแล้ว เราสามารถทำให้ปากท้องดีได้ภายใน 100 วันเช่นเดียวกัน เพราะเราเล็งเห็นว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นสิ่งจำเป็น เราจึงเสนอนโยบายหวยใบเสร็จ, การเปิดเจรจาการลงทุนเป้าหมาย, ค่าแรงขั้นต่ำวันละ 450 บาท, ลดค่าไฟ 70 สตางค์, การช่วยเหลือเอสเอ็มอีจ่ายประกันสังคม 6 เดือน และสุราก้าวหน้า ทั้งนี้ อยากให้เลือกพรรคก้าวไกลให้เยอะๆ เพราะเราจะส่งน.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อแก้ไขปัญหาให้พี่น้องเกษตรกร นอกจากนี้ เราจะปฏิวัติการศึกษา ที่ผ่านมาเราเรียนมากได้น้อย แต่ต่อไปจะเป็นเรียนเน้นได้มาก เราสามารถให้ครูเลือกนอนเวร และมีสิทธิมนุษยชนในโรงเรียนได้, คืนศักดิ์ศรีไทยในเวทีโลก และการมีสุขภาพดีทั้งกายและใจ
นาย
พิธา กล่าวว่า ใน 1 ปีแรก จะมีเวลาแก้ไขกฎหมาย และเข้าไปบริหารงบประมาณได้ โดยเรามีร่างกฎหมาย 45 ฉบับที่เตรียมไว้แล้ว เพื่อรับรองให้เรามีอำนาจทางนิติบัญญัติ เพื่อแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชน แบ่งเป็นร่างกฎหมายการเมือง 11 ฉบับ สิทธิเสรีภาพ 8 ฉบับ ปฏิรูประบบราชการ 6 ฉบับ ปฏิรูปที่ดิน 8 ฉบับ บริหารสาธารณะ 4 ฉบับ แรงงาน 2 ฉบับ เศรษฐกิจ 4 ฉบับ และสิ่งแวดล้อม 2 ฉบับ ส่วนงบประมาณในปีแรก โดยเราต้องการรื้องบประมาณปี 2567 และจะเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษี ทำให้ได้เงินรวม 2.5 แสนล้านบาท นอกจากนี้ จะมี 3 บิ๊กแบงคือ การปลดล็อกเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด ผ่านกฎหมายยกเลิกการเกณฑ์ทหาร และการรื้อฟื้นคดีสลายการชุมนุมปี 2553 เพื่อคืนความยุติธรรมให้พี่น้องคนเสื้อแดง
นาย
พิธา กล่าวว่า ภายใน 4 ปี เราจะเห็นประเทศไทยที่ไม่เหมือนเดิม เพราะจะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่จะมีการยกเลิกการเกณฑ์ทหาร การมีเลือกตั้งผู้ว่าฯ ทุกจังหวัดครั้งแรก และครั้งแรกที่จะเปลี่ยนที่จะที่ดินของนายทุนขุนศึกศักดินา มาเป็นที่ดินของพี่น้องประชาชน ครั้งแรกที่จะมีการคมนาคมในทุกพื้นที่ ครั้งแรกที่น้ำประปาดื่มได้ ครั้งแรกที่เราจะมีสุขภาพดีทั้งกายและใจ นี่คือความฝันของตนในฐานะหัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกฯ ที่อยากเห็นประเทศไทยดีกว่าเดิม ให้การเมืองดี ปากท้องดี และมีอนาคตไปด้วยกัน ทั้งหมดคือทางรอดของประเทศไทย ถ้าท่านฝันเหมือนอย่างที่เราฝัน วันที่ 14 พฤษภาคม เลือกก้าวไกลให้ถล่มทลายเปลี่ยนประเทศไทยไปด้วย
โดยคำถามแรกจากกองบรรณาธิการ ถามว่า จนถึงวันนี้ ขึ้นเวทีดีเบตไปแล้วกี่ครั้ง คิดว่ามากที่สุดหรือไม่ และจากผลโพลมติชน-เดลินิวส์ ทำให้มั่นใจมากยิ่งขึ้นหรือไม่ นาย
พิธา กล่าวว่า การขึ้นดีเบตมากที่สุดไม่สำคัญเท่าเหมาะที่สุด เพราะการที่เราจะบริหารแคมเปญเลือกตั้ง และการพบปะพี่น้องประชาชน ทำให้ชอบและเชื่อเราได้ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการดีเบตอย่างเดียว เพราะเบสิกของการบริหารแคมเปญคือ ออนแอร์ ออนเน็ต ออนกราวน์ และออนไซต์ การที่มีพี่น้องประชาชนมาหาเรา แล้วถามว่านโยบายนี้ทำอย่างไร ไม่ใช่แค่การมาจับไม้จับมือและสนับสนุนอย่างเดียว มาพูดในสิ่งที่ทำให้พวกเขานอนไม่หลับ และมีกระดิ่งในใจเขาดัง เพราะมีพรรคการเมืองที่ใส่ใจเขาผ่าน 300 นโยบาย นี่ต่างหากคือสิ่งที่สำคัญ เรื่องโพลเป็นสิ่งที่สำคัญ แต่ไม่ใช่ทุกอย่าง
ส่วนคำถามที่สองจากกองบรรณาธิการ ถามว่า ถึงจุดนี้ยืนยันได้แล้วไหมว่า พร้อมเป็นนายกฯ และคิดว่าจะมีใครมาขวางเส้นทางของคุณและพรรคก้าวไกลหรือไม่ นาย
พิธา กล่าวว่า ในเรื่องการจะมีใครมาขวางเส้นทางหรือไม่ เราตระหนักแต่ไม่ตระหนก เพราะเรารู้ดีว่า เมื่อเราจุดไฟในสายลมติดแล้ว เมื่อสายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงมาแล้ว ผู้มีอำนาจและการเมืองแบบเก่าไม่สามาถที่จะจัดการเราได้ เขาจะสาดโคลนสกปรกมาให้เรา เขาจะเล่นวิชามารต่างๆ
มาจัดการเหมือนที่เขาเคยรังแกอดีตพรรคอนาคตใหม่ แต่เราจะสู้ด้วยความจริงใจ และสร้างสรรค์ ด้วยการเมืองแห่งความหวัง โคลนสาดโคลนไม่ช่วยอะไร ความมืดไล่ความมืดไม่ได้ ต้องเอาความสว่างไล่ความมืด ฉะนั้นเราต้องไม่หลงกล และเอาสมาธิไปทำงานในช่วงโค้งสุดท้าย เดินหน้าหาเสียงอย่างเต็มที่ เพื่อเตรียมความพร้อมของการเป็นนายกฯ เพราะตนเข้าใจคนวัยของคนที่เกิดมาก่อนตน และหลังตน รวมถึงเรื่องต่างประเทศ พื้นที่ชนบทในต่างจังหวัด ภาครัฐ ภาคเอกชน ทำให้ตนเป็นนายกฯ ได้
ภาคเอกชนห่วง 'ค่าไฟแพง' ฉุดขีดความสามารถการแข่งขัน
https://www.nationtv.tv/economy-business/378914075
ประธานกิติมศักดิ์กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท.
ศุภรัตน์ ศิริสุวรรณางกูร ระบุ ผลกระทบค่าไฟแพงส่งผลต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ค่อนข้างมาก ซึ่งก่อนหน้านี้ ส.อ.ท.จะมีการเจรจาและยื่นข้อเสนอต่อภาครัฐในการควบคุมต้นทุนค่าไฟฟ้า เพื่อรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมไทย เพราะเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านแล้วไทยแพงกว่ามาก
โดยกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์มีมาตรการรับมือกับค่าไฟฟ้าและพลังงานที่สูงขึ้นด้วยการออกแบบโรงงานที่รับแสงจากดวงอาทิตย์ลดการใช้หลอดไฟ การเพิ่มสัดส่วนการใช้โซลาร์เซลล์ รวมทั้งดำเนินมาตรการในการประหยัดไฟฟ้าทั้งในโรงงานและสำนักงานขาย อาทิ เปิดพัดควบคู่กับการเปิดแอร์เพื่อลดการใช้พลังงาน
แม้ว่าอุตสาหกรรมจะเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นหลายด้าน แต่การตัดสินใจขึ้นราคารถยนต์อาจจะชะลอไปก่อน เนื่องจากในตลาดมีการแข่งขันราคาค่อนข้างสูง
อุตฯเซรามิก ‘โอด’ ต้นทุนค่าไฟพุ่ง30%
ขณะที่ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมเซรามิก ส.อ.ท.
อธึก เชิดเกียรติศักดิ์ ระบุ ภาพรวมอุตสาหกรรมเซรามิกมีต้นทุนค่าไฟฟ้าคิดเป็น 20-30% ของต้นทุนทั้งหมด ซึ่งค่าไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นมาตั้งแต่ช่วงต้นปีทำให้อุตสาหกรรมมีต้นทุนเพิ่มขึ้นจากเดิมราว 30% ทั้งนี้ เบื้องต้นหลายโรงงานรับมือกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นนี้ด้วยการเริ่มหันมาใช้ไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์
อย่างไรก็ตามการลงทุนติดตั้งโซลาร์เซลล์เองถือเป็นการลงทุนขนาดใหญ่ทั้งยังเป็นพลังงานที่มีความไม่แน่นอน โดยความต้องการไฟฟ้าทุก 1 เมกะวัตต์ จะต้องลงทุนถึง 30 ล้านบาท ทำให้บริษัทส่วนมากเลือกที่จะให้มีผู้ลงทุนมาติดตั้งให้แล้วซื้อไฟจากผู้ติดตั้งอีกต่อนึง ซึ่งตรงนี้ในช่วงแรกสามารถประหยัดต้นทุนลงได้ถึง 10% แต่ปัจจุบันลดลงเหลือแค่ 5% เนื่องจากการคิดราคาไฟฟ้ายังคงอิงค่าไฟหลวง ซึ่งยังมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น
JJNY : 5in1 เพื่อไทย จัดใหญ่│‘พิธา’พร้อมเป็นนายกฯ│เอกชนห่วง'ค่าไฟแพง'│สรท.ถอยหั่นเป้าส่งออก│IMF ปรับเพิ่มการคาดการณ์ศก.
https://www.khaosod.co.th/election-2023/news_7641277
เพื่อไทยจัดใหญ่ “แล่นสไลด์ ไปเปลี่ยนชีวิตคนเมือง” 5 พ.ค. ชวนผู้สมัคร ส.ส.กทม.เดินทางจากบ้านถึงพารากอนด้วยขนส่งสาธารณะ ตอกย้ำนโยบาย 20 บาท ตลอดสาย
2 พ.ค. 66 – ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคและผอ.ศูนย์ปฏิบัติการเลือกตั้ง ส.ส.พรรคพท.และ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขต 20 ลาดกระบัง (ยกเว้นแขวงลำปลาทิว) พรรคพท. แถลงการจัดงาน “แล่นสไลด์ ไปเปลี่ยนชีวิตคนเมือง : จากการเดินทาง สู่การสร้างมหานครเพื่อคนไทย” ในวันที่ 5 พ.ค.ตั้งแต่เวลา 15.30 น. ที่ลานพาร์คพารากอน เขตปทุมวัน
นายประเสริฐ กล่าวว่า เพื่อปักธงนโยบายคมนาคมของพรรคพท. ซึ่งจะเป็นนโยบายยกระดับชีวิตคนเมือง จากกรุงเทพฯ พื้นที่ปริมณฑล สู่การกระจายอำนาจทางเศรษฐกิจในระดับประเทศ พรรคพท.จึงจัดงานดังกล่าวขึ้น
โดยแบ่งกิจกรรมออกเป็น 2 ส่วน คือภารกิจและงานเสวนา กิจกรรมนี้เป็นการจัดงานครั้งใหญ่อีกหนึ่งครั้งก่อนปราศรัยใหญ่โค้งสุดท้ายของพรรค พท.ที่จะจัดขึ้น เพื่อสื่อสารกับคนเมือง คนกรุงเทพฯ และปริมณฑลโดยเฉพาะ ทั้งนี้ เป้าหมายสำคัญของพรรคพท.ที่มีนโยบายคิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตของคนไทยทุกคน ผ่านการเข้าใจ และเข้าถึงพื้นที่จริงของผู้สมัคร ส.ส. ทุกเขต
น.ส.ธีรรัตน์ กล่าวว่า กิจกรรมมี 2 ส่วนดังนี้
1. ส่วนของภารกิจ ผู้สมัคร ส.ส.กทม.ทั้ง 33 คน 33 เขต ต้องเดินทางจากบ้านหรือพื้นที่ทำงานของตัวเอง มายังลานพาร์คพารากอน เขตปทุมวัน เพื่อเข้าร่วมงานเสวนาให้ได้ภายในเวลา 1 ชั่วโมง 29 นาที
โดยจะมีการถ่ายทอดสดการเดินทางของผู้เข้าร่วมตลอดเวลาการเดินทาง ย้ำว่า ผู้สมัคร ส.ส.กทม.ทั้ง 33 คนจะเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะเท่านั้น
2. การพูดคุยถึงปัญหาการเดินทางของเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ เมืองที่คนจากหลากหลายพื้นที่เดินทางเข้ามาทำงาน ใช้ชีวิตและสร้างเนื้อสร้างตัว ว่าวันนี้ระบบขนส่งมวลชนสร้างปัญหาอะไรกับผู้คนบ้าง และพรรคพท.จะลดรายจ่ายส่วนนี้ได้อย่างไร และนโยบายคมนาคม โดยเฉพาะนโยบาย 20 บาทตลอดสายจะแก้ปัญหาให้คนเมืองได้อย่างไร
น.ส.ธีรรัตน์ กล่าวอีกว่า สำหรับผู้ร่วมสนทนา ประกอบด้วย นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคพท. และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นายดนุพร ปุณณกันต์ ประธานคณะรณรงค์หาเสียง กทม. น.ส.จิราพร สินธุไพร ผู้สมัคร ส.ส.ร้อยเอ็ด เขต 5 พรรคพท. นายวิพุธ ศรีวะอุไร ส.ก.พรรคพท.และคณะกรรมการจราจรและขนส่ง กทม.รวมทั้งตน
‘พิธา’ พร้อมเป็นนายกฯ พาประเทศไทยไม่เหมือนเดิม ใช้การเมืองแห่งความหวังสู้ วิชามารสาดโคลน
https://www.matichon.co.th/election66/news_3955975
‘พิธา’ ชวน ปชช.กาก้าวไกลให้ถล่มทลาย เปลี่ยนจากนายกฯ โพล เป็นนายกฯตัวจริง เปิดโรดแม็ปรัฐบาลก้าวไกล พาปท.ไทยไม่เหมือนเดิม ประกาศใช้การเมืองแห่งความหวังสู้ วิชามารสาดโคลนใส่ก้าวไกล
เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม ที่ รอยัล พารากอนฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้า สยามพารากอน เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ มติชนxเดลินิวส์ ร่วมจัดดีเบตเป็นครั้งแรกในเวที “สงคราม 9 พรรค THE LAST WAR” โดยยกทัพพรรคการเมืองชั้นนำครั้งยิ่งใหญ่ ทั้งขุนพลเลือดใหม่ (Young blood) ขุนศึกตัวตึง-ตัวเก๋า และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เข้าร่วมประชันนโยบายเพื่อนับถอยหลังเข้าสู่โค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง
สำหรับรอบที่ 3 เวที “แม่ทัพ วิสัยทัศน์และสัญญาประชาคม”
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ตนขอบคุณผู้อ่านของเดลินิวส์และมติชน ที่ให้ความไว้วางใจตนเป็นนายกฯ จากผลโพลที่โหวตให้ตนสองครั้งซ้อน ตนจึงขอให้เวทีนี้ประกาศความพร้อมของรัฐบาลก้าวไกล และประกาศความพร้อมของนายกฯ คือนายกฯ ตัวจริงที่ชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แน่นอนว่าถ้าจะเปลี่ยนจากนายกฯ โพลให้กลายมาเป็นนายกฯ ตัวจริง เราต้องแสดงให้พี่น้องประชาชนเห็นว่าพรรคก้าวไกล พร้อมจะเป็นรัฐบาลชุดต่อไป ด้วยอุดมการณ์จากอดีตพรรคอนาคตใหม่ และประสบการณ์และประสิทธิภาพที่มี 4 ปีในสภาฯ ของพรรคก้าวไกล ตนจึงขอเสนอโรดแม็ปว่าเมื่อตนเดินเข้าทำเนียบรัฐบาลเมื่อไหร่ วาระ 100 วันแรก วาระ 1 ปีแรก และวาระรัฐบาลสมัยแรกหน้าตาเป็นอย่างไร
นายพิธา กล่าวว่า ประเทศไทยจะเปลี่ยนไปอย่างไรภายใต้รัฐบาลก้าวไกล โดย 100 วันแรกเราเตรียมยุทธ์ศาสตร์การเมืองดี ปากท้องดี และมีอนาคต ช่วง 100 วันแรกจะไม่พึ่งงบประมาณ และการแก้ไขกฎหมาย ใน 1 ปีแรก เมื่อเรามีเวลาและงบประมาณ และการแก้ไขกฎหมาย ก็จะสามารถเปลี่ยนแปลงในเชิงโครงสร้างได้มากขึ้น ส่วนรัฐบาลก้าวไกลสมัยแรกคือหน้าตาของประเทศไทยว่าจะเปลี่ยนไปอย่างไร เมื่อท่านเลือกพรรคก้าวไกลวันที่ 14 พฤษภาคมนี้
สำหรับวาระ 100 วันแรก คือ การเมืองดี ที่รัฐบาลก้าวไกลสามารถทำได้เลย คือการทำรัฐธรรมนูญใหม่ ที่จะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชาติไทยที่จะมีรัฐธรรมนูญของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชนสักที, เราจะสามารถทบทวนคดีการเมือง และเสนอกฎหมายนิรโทษกรรมคดีการเมือง เพื่อก้าวข้ามความขัดแย้ง, การต่อสู้กับการคอร์รัปชั่น โดยการเป็นรัฐเปิดเผย เปิดข้อมูลงบทุกบาท การใช้เอไอจับโกง, การห้ามใช้เงินหลวงโปรโมทตัวเอง, การปลดล็อกท้องถิ่น โดยการยกเลิกกฎระเบียบของกระทรวงมหาดไทยที่เป็นอุปสรรคของท้องถิ่นทั้งหมด และการสมรสเท่าเทียม
นายพิธา กล่าวว่า เมื่อการเมืองดีแล้ว เราสามารถทำให้ปากท้องดีได้ภายใน 100 วันเช่นเดียวกัน เพราะเราเล็งเห็นว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นสิ่งจำเป็น เราจึงเสนอนโยบายหวยใบเสร็จ, การเปิดเจรจาการลงทุนเป้าหมาย, ค่าแรงขั้นต่ำวันละ 450 บาท, ลดค่าไฟ 70 สตางค์, การช่วยเหลือเอสเอ็มอีจ่ายประกันสังคม 6 เดือน และสุราก้าวหน้า ทั้งนี้ อยากให้เลือกพรรคก้าวไกลให้เยอะๆ เพราะเราจะส่งน.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อแก้ไขปัญหาให้พี่น้องเกษตรกร นอกจากนี้ เราจะปฏิวัติการศึกษา ที่ผ่านมาเราเรียนมากได้น้อย แต่ต่อไปจะเป็นเรียนเน้นได้มาก เราสามารถให้ครูเลือกนอนเวร และมีสิทธิมนุษยชนในโรงเรียนได้, คืนศักดิ์ศรีไทยในเวทีโลก และการมีสุขภาพดีทั้งกายและใจ
นายพิธา กล่าวว่า ใน 1 ปีแรก จะมีเวลาแก้ไขกฎหมาย และเข้าไปบริหารงบประมาณได้ โดยเรามีร่างกฎหมาย 45 ฉบับที่เตรียมไว้แล้ว เพื่อรับรองให้เรามีอำนาจทางนิติบัญญัติ เพื่อแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชน แบ่งเป็นร่างกฎหมายการเมือง 11 ฉบับ สิทธิเสรีภาพ 8 ฉบับ ปฏิรูประบบราชการ 6 ฉบับ ปฏิรูปที่ดิน 8 ฉบับ บริหารสาธารณะ 4 ฉบับ แรงงาน 2 ฉบับ เศรษฐกิจ 4 ฉบับ และสิ่งแวดล้อม 2 ฉบับ ส่วนงบประมาณในปีแรก โดยเราต้องการรื้องบประมาณปี 2567 และจะเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษี ทำให้ได้เงินรวม 2.5 แสนล้านบาท นอกจากนี้ จะมี 3 บิ๊กแบงคือ การปลดล็อกเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด ผ่านกฎหมายยกเลิกการเกณฑ์ทหาร และการรื้อฟื้นคดีสลายการชุมนุมปี 2553 เพื่อคืนความยุติธรรมให้พี่น้องคนเสื้อแดง
นายพิธา กล่าวว่า ภายใน 4 ปี เราจะเห็นประเทศไทยที่ไม่เหมือนเดิม เพราะจะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่จะมีการยกเลิกการเกณฑ์ทหาร การมีเลือกตั้งผู้ว่าฯ ทุกจังหวัดครั้งแรก และครั้งแรกที่จะเปลี่ยนที่จะที่ดินของนายทุนขุนศึกศักดินา มาเป็นที่ดินของพี่น้องประชาชน ครั้งแรกที่จะมีการคมนาคมในทุกพื้นที่ ครั้งแรกที่น้ำประปาดื่มได้ ครั้งแรกที่เราจะมีสุขภาพดีทั้งกายและใจ นี่คือความฝันของตนในฐานะหัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกฯ ที่อยากเห็นประเทศไทยดีกว่าเดิม ให้การเมืองดี ปากท้องดี และมีอนาคตไปด้วยกัน ทั้งหมดคือทางรอดของประเทศไทย ถ้าท่านฝันเหมือนอย่างที่เราฝัน วันที่ 14 พฤษภาคม เลือกก้าวไกลให้ถล่มทลายเปลี่ยนประเทศไทยไปด้วย
โดยคำถามแรกจากกองบรรณาธิการ ถามว่า จนถึงวันนี้ ขึ้นเวทีดีเบตไปแล้วกี่ครั้ง คิดว่ามากที่สุดหรือไม่ และจากผลโพลมติชน-เดลินิวส์ ทำให้มั่นใจมากยิ่งขึ้นหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า การขึ้นดีเบตมากที่สุดไม่สำคัญเท่าเหมาะที่สุด เพราะการที่เราจะบริหารแคมเปญเลือกตั้ง และการพบปะพี่น้องประชาชน ทำให้ชอบและเชื่อเราได้ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการดีเบตอย่างเดียว เพราะเบสิกของการบริหารแคมเปญคือ ออนแอร์ ออนเน็ต ออนกราวน์ และออนไซต์ การที่มีพี่น้องประชาชนมาหาเรา แล้วถามว่านโยบายนี้ทำอย่างไร ไม่ใช่แค่การมาจับไม้จับมือและสนับสนุนอย่างเดียว มาพูดในสิ่งที่ทำให้พวกเขานอนไม่หลับ และมีกระดิ่งในใจเขาดัง เพราะมีพรรคการเมืองที่ใส่ใจเขาผ่าน 300 นโยบาย นี่ต่างหากคือสิ่งที่สำคัญ เรื่องโพลเป็นสิ่งที่สำคัญ แต่ไม่ใช่ทุกอย่าง
ส่วนคำถามที่สองจากกองบรรณาธิการ ถามว่า ถึงจุดนี้ยืนยันได้แล้วไหมว่า พร้อมเป็นนายกฯ และคิดว่าจะมีใครมาขวางเส้นทางของคุณและพรรคก้าวไกลหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ในเรื่องการจะมีใครมาขวางเส้นทางหรือไม่ เราตระหนักแต่ไม่ตระหนก เพราะเรารู้ดีว่า เมื่อเราจุดไฟในสายลมติดแล้ว เมื่อสายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงมาแล้ว ผู้มีอำนาจและการเมืองแบบเก่าไม่สามาถที่จะจัดการเราได้ เขาจะสาดโคลนสกปรกมาให้เรา เขาจะเล่นวิชามารต่างๆ
มาจัดการเหมือนที่เขาเคยรังแกอดีตพรรคอนาคตใหม่ แต่เราจะสู้ด้วยความจริงใจ และสร้างสรรค์ ด้วยการเมืองแห่งความหวัง โคลนสาดโคลนไม่ช่วยอะไร ความมืดไล่ความมืดไม่ได้ ต้องเอาความสว่างไล่ความมืด ฉะนั้นเราต้องไม่หลงกล และเอาสมาธิไปทำงานในช่วงโค้งสุดท้าย เดินหน้าหาเสียงอย่างเต็มที่ เพื่อเตรียมความพร้อมของการเป็นนายกฯ เพราะตนเข้าใจคนวัยของคนที่เกิดมาก่อนตน และหลังตน รวมถึงเรื่องต่างประเทศ พื้นที่ชนบทในต่างจังหวัด ภาครัฐ ภาคเอกชน ทำให้ตนเป็นนายกฯ ได้
ภาคเอกชนห่วง 'ค่าไฟแพง' ฉุดขีดความสามารถการแข่งขัน
https://www.nationtv.tv/economy-business/378914075
ประธานกิติมศักดิ์กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท. ศุภรัตน์ ศิริสุวรรณางกูร ระบุ ผลกระทบค่าไฟแพงส่งผลต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ค่อนข้างมาก ซึ่งก่อนหน้านี้ ส.อ.ท.จะมีการเจรจาและยื่นข้อเสนอต่อภาครัฐในการควบคุมต้นทุนค่าไฟฟ้า เพื่อรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมไทย เพราะเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านแล้วไทยแพงกว่ามาก
โดยกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์มีมาตรการรับมือกับค่าไฟฟ้าและพลังงานที่สูงขึ้นด้วยการออกแบบโรงงานที่รับแสงจากดวงอาทิตย์ลดการใช้หลอดไฟ การเพิ่มสัดส่วนการใช้โซลาร์เซลล์ รวมทั้งดำเนินมาตรการในการประหยัดไฟฟ้าทั้งในโรงงานและสำนักงานขาย อาทิ เปิดพัดควบคู่กับการเปิดแอร์เพื่อลดการใช้พลังงาน
แม้ว่าอุตสาหกรรมจะเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นหลายด้าน แต่การตัดสินใจขึ้นราคารถยนต์อาจจะชะลอไปก่อน เนื่องจากในตลาดมีการแข่งขันราคาค่อนข้างสูง
อุตฯเซรามิก ‘โอด’ ต้นทุนค่าไฟพุ่ง30%
ขณะที่ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมเซรามิก ส.อ.ท. อธึก เชิดเกียรติศักดิ์ ระบุ ภาพรวมอุตสาหกรรมเซรามิกมีต้นทุนค่าไฟฟ้าคิดเป็น 20-30% ของต้นทุนทั้งหมด ซึ่งค่าไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นมาตั้งแต่ช่วงต้นปีทำให้อุตสาหกรรมมีต้นทุนเพิ่มขึ้นจากเดิมราว 30% ทั้งนี้ เบื้องต้นหลายโรงงานรับมือกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นนี้ด้วยการเริ่มหันมาใช้ไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์
อย่างไรก็ตามการลงทุนติดตั้งโซลาร์เซลล์เองถือเป็นการลงทุนขนาดใหญ่ทั้งยังเป็นพลังงานที่มีความไม่แน่นอน โดยความต้องการไฟฟ้าทุก 1 เมกะวัตต์ จะต้องลงทุนถึง 30 ล้านบาท ทำให้บริษัทส่วนมากเลือกที่จะให้มีผู้ลงทุนมาติดตั้งให้แล้วซื้อไฟจากผู้ติดตั้งอีกต่อนึง ซึ่งตรงนี้ในช่วงแรกสามารถประหยัดต้นทุนลงได้ถึง 10% แต่ปัจจุบันลดลงเหลือแค่ 5% เนื่องจากการคิดราคาไฟฟ้ายังคงอิงค่าไฟหลวง ซึ่งยังมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น