JJNY : 5in1 เพื่อไทย จัดใหญ่│‘พิธา’พร้อมเป็นนายกฯ​│เอกชนห่วง'ค่าไฟแพง'│สรท.ถอยหั่นเป้าส่งออก│IMF ปรับเพิ่มการคาดการณ์ศก.

เพื่อไทย จัดใหญ่ 'แล่นสไลด์ ไปเปลี่ยนชีวิตคนเมือง' ตอกย้ำนโยบาย 20 บาท ตลอดสาย
https://www.khaosod.co.th/election-2023/news_7641277
 
 
เพื่อไทยจัดใหญ่ “แล่นสไลด์ ไปเปลี่ยนชีวิตคนเมือง” 5 พ.ค. ชวนผู้สมัคร ส.ส.​กทม.เดินทางจากบ้านถึงพารากอนด้วยขนส่งสาธารณะ  ตอกย้ำนโยบาย 20 บาท ตลอดสาย
 
2 พ.ค. 66 – ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคและผอ.ศูนย์ปฏิบัติการเลือกตั้ง ส.ส.พรรคพท.และ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขต 20 ลาดกระบัง (ยกเว้นแขวงลำปลาทิว) พรรคพท. แถลงการจัดงาน “แล่นสไลด์ ไปเปลี่ยนชีวิตคนเมือง : จากการเดินทาง สู่การสร้างมหานครเพื่อคนไทย” ในวันที่ 5 พ.ค.ตั้งแต่เวลา 15.30 น. ที่ลานพาร์คพารากอน เขตปทุมวัน
 
นายประเสริฐ กล่าวว่า เพื่อปักธงนโยบายคมนาคมของพรรคพท. ซึ่งจะเป็นนโยบายยกระดับชีวิตคนเมือง จากกรุงเทพฯ พื้นที่ปริมณฑล สู่การกระจายอำนาจทางเศรษฐกิจในระดับประเทศ พรรคพท.จึงจัดงานดังกล่าวขึ้น
 
โดยแบ่งกิจกรรมออกเป็น 2 ส่วน คือภารกิจและงานเสวนา กิจกรรมนี้เป็นการจัดงานครั้งใหญ่อีกหนึ่งครั้งก่อนปราศรัยใหญ่โค้งสุดท้ายของพรรค พท.ที่จะจัดขึ้น เพื่อสื่อสารกับคนเมือง คนกรุงเทพฯ และปริมณฑลโดยเฉพาะ ทั้งนี้ เป้าหมายสำคัญของพรรคพท.ที่มีนโยบายคิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตของคนไทยทุกคน ผ่านการเข้าใจ และเข้าถึงพื้นที่จริงของผู้สมัคร ส.ส. ทุกเขต
 
น.ส.ธีรรัตน์ กล่าวว่า กิจกรรมมี 2 ส่วนดังนี้ 

1. ส่วนของภารกิจ ผู้สมัคร ส.ส.กทม.ทั้ง 33 คน 33 เขต ต้องเดินทางจากบ้านหรือพื้นที่ทำงานของตัวเอง มายังลานพาร์คพารากอน เขตปทุมวัน เพื่อเข้าร่วมงานเสวนาให้ได้ภายในเวลา 1 ชั่วโมง 29 นาที
 
โดยจะมีการถ่ายทอดสดการเดินทางของผู้เข้าร่วมตลอดเวลาการเดินทาง ย้ำว่า ผู้สมัคร ส.ส.กทม.ทั้ง 33 คนจะเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะเท่านั้น
 
2. การพูดคุยถึงปัญหาการเดินทางของเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ เมืองที่คนจากหลากหลายพื้นที่เดินทางเข้ามาทำงาน ใช้ชีวิตและสร้างเนื้อสร้างตัว ว่าวันนี้ระบบขนส่งมวลชนสร้างปัญหาอะไรกับผู้คนบ้าง และพรรคพท.จะลดรายจ่ายส่วนนี้ได้อย่างไร และนโยบายคมนาคม โดยเฉพาะนโยบาย 20 บาทตลอดสายจะแก้ปัญหาให้คนเมืองได้อย่างไร
 
น.ส.ธีรรัตน์ กล่าวอีกว่า สำหรับผู้ร่วมสนทนา ประกอบด้วย นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคพท. และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นายดนุพร ปุณณกันต์ ประธานคณะรณรงค์หาเสียง กทม. น.ส.จิราพร สินธุไพร ผู้สมัคร ส.ส.ร้อยเอ็ด เขต 5 พรรคพท. นายวิพุธ ศรีวะอุไร ส.ก.พรรคพท.และคณะกรรมการจราจรและขนส่ง กทม.รวมทั้งตน


 
‘พิธา’ พร้อมเป็นนายกฯ​ พาประเทศไทยไม่เหมือนเดิม ใช้การเมืองแห่งความหวังสู้ วิชามารสาดโคลน
https://www.matichon.co.th/election66/news_3955975

‘พิธา’ ชวน ปชช.กาก้าวไกลให้ถล่มทลาย เปลี่ยนจากนายกฯ โพล เป็นนายกฯ​ตัวจริง เปิดโรดแม็ปรัฐบาลก้าวไกล พาปท.ไทยไม่เหมือนเดิม ประกาศใช้การเมืองแห่งความหวังสู้ วิชามารสาดโคลนใส่ก้าวไกล
 
เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม ที่ รอยัล พารากอนฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้า สยามพารากอน เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ มติชนxเดลินิวส์ ร่วมจัดดีเบตเป็นครั้งแรกในเวที “สงคราม 9 พรรค THE LAST WAR” โดยยกทัพพรรคการเมืองชั้นนำครั้งยิ่งใหญ่ ทั้งขุนพลเลือดใหม่ (Young blood) ขุนศึกตัวตึง-ตัวเก๋า และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เข้าร่วมประชันนโยบายเพื่อนับถอยหลังเข้าสู่โค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง
  
สำหรับรอบที่ 3 เวที “แม่ทัพ วิสัยทัศน์และสัญญาประชาคม”

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ตนขอบคุณผู้อ่านของเดลินิวส์และมติชน ที่ให้ความไว้วางใจตนเป็นนายกฯ จากผลโพลที่โหวตให้ตนสองครั้งซ้อน ตนจึงขอให้เวทีนี้ประกาศความพร้อมของรัฐบาลก้าวไกล และประกาศความพร้อมของนายกฯ คือนายกฯ ตัวจริงที่ชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แน่นอนว่าถ้าจะเปลี่ยนจากนายกฯ โพลให้กลายมาเป็นนายกฯ ตัวจริง เราต้องแสดงให้พี่น้องประชาชนเห็นว่าพรรคก้าวไกล พร้อมจะเป็นรัฐบาลชุดต่อไป ด้วยอุดมการณ์จากอดีตพรรคอนาคตใหม่ และประสบการณ์และประสิทธิภาพที่มี 4 ปีในสภาฯ ของพรรคก้าวไกล ตนจึงขอเสนอโรดแม็ปว่าเมื่อตนเดินเข้าทำเนียบรัฐบาลเมื่อไหร่ วาระ 100 วันแรก วาระ 1 ปีแรก และวาระรัฐบาลสมัยแรกหน้าตาเป็นอย่างไร
 
นายพิธา กล่าวว่า ประเทศไทยจะเปลี่ยนไปอย่างไรภายใต้รัฐบาลก้าวไกล โดย 100 วันแรกเราเตรียมยุทธ์ศาสตร์การเมืองดี ปากท้องดี และมีอนาคต ช่วง 100 วันแรกจะไม่พึ่งงบประมาณ และการแก้ไขกฎหมาย ใน 1 ปีแรก เมื่อเรามีเวลาและงบประมาณ และการแก้ไขกฎหมาย ก็จะสามารถเปลี่ยนแปลงในเชิงโครงสร้างได้มากขึ้น ส่วนรัฐบาลก้าวไกลสมัยแรกคือหน้าตาของประเทศไทยว่าจะเปลี่ยนไปอย่างไร เมื่อท่านเลือกพรรคก้าวไกลวันที่ 14 พฤษภาคมนี้

สำหรับวาระ 100 วันแรก คือ การเมืองดี ที่รัฐบาลก้าวไกลสามารถทำได้เลย คือการทำรัฐธรรมนูญใหม่ ที่จะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชาติไทยที่จะมีรัฐธรรมนูญของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชนสักที, เราจะสามารถทบทวนคดีการเมือง และเสนอกฎหมายนิรโทษกรรมคดีการเมือง เพื่อก้าวข้ามความขัดแย้ง, การต่อสู้กับการคอร์รัปชั่น โดยการเป็นรัฐเปิดเผย เปิดข้อมูลงบทุกบาท การใช้เอไอจับโกง, การห้ามใช้เงินหลวงโปรโมทตัวเอง, การปลดล็อกท้องถิ่น โดยการยกเลิกกฎระเบียบของกระทรวงมหาดไทยที่เป็นอุปสรรคของท้องถิ่นทั้งหมด และการสมรสเท่าเทียม
 
นายพิธา กล่าวว่า เมื่อการเมืองดีแล้ว เราสามารถทำให้ปากท้องดีได้ภายใน 100 วันเช่นเดียวกัน เพราะเราเล็งเห็นว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นสิ่งจำเป็น เราจึงเสนอนโยบายหวยใบเสร็จ, การเปิดเจรจาการลงทุนเป้าหมาย, ค่าแรงขั้นต่ำวันละ 450 บาท, ลดค่าไฟ 70 สตางค์, การช่วยเหลือเอสเอ็มอีจ่ายประกันสังคม 6 เดือน และสุราก้าวหน้า ทั้งนี้ อยากให้เลือกพรรคก้าวไกลให้เยอะๆ เพราะเราจะส่งน.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อแก้ไขปัญหาให้พี่น้องเกษตรกร นอกจากนี้ เราจะปฏิวัติการศึกษา ที่ผ่านมาเราเรียนมากได้น้อย แต่ต่อไปจะเป็นเรียนเน้นได้มาก เราสามารถให้ครูเลือกนอนเวร และมีสิทธิมนุษยชนในโรงเรียนได้, คืนศักดิ์ศรีไทยในเวทีโลก และการมีสุขภาพดีทั้งกายและใจ

นายพิธา กล่าวว่า ใน 1 ปีแรก จะมีเวลาแก้ไขกฎหมาย และเข้าไปบริหารงบประมาณได้ โดยเรามีร่างกฎหมาย 45 ฉบับที่เตรียมไว้แล้ว เพื่อรับรองให้เรามีอำนาจทางนิติบัญญัติ เพื่อแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชน แบ่งเป็นร่างกฎหมายการเมือง 11 ฉบับ สิทธิเสรีภาพ 8 ฉบับ ปฏิรูประบบราชการ 6 ฉบับ ปฏิรูปที่ดิน 8 ฉบับ บริหารสาธารณะ 4 ฉบับ แรงงาน 2 ฉบับ เศรษฐกิจ 4 ฉบับ และสิ่งแวดล้อม 2 ฉบับ ส่วนงบประมาณในปีแรก โดยเราต้องการรื้องบประมาณปี 2567 และจะเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษี ทำให้ได้เงินรวม 2.5 แสนล้านบาท นอกจากนี้ จะมี 3 บิ๊กแบงคือ การปลดล็อกเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด ผ่านกฎหมายยกเลิกการเกณฑ์ทหาร และการรื้อฟื้นคดีสลายการชุมนุมปี 2553 เพื่อคืนความยุติธรรมให้พี่น้องคนเสื้อแดง
 
นายพิธา กล่าวว่า ภายใน 4 ปี เราจะเห็นประเทศไทยที่ไม่เหมือนเดิม เพราะจะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่จะมีการยกเลิกการเกณฑ์ทหาร การมีเลือกตั้งผู้ว่าฯ ทุกจังหวัดครั้งแรก และครั้งแรกที่จะเปลี่ยนที่จะที่ดินของนายทุนขุนศึกศักดินา มาเป็นที่ดินของพี่น้องประชาชน ครั้งแรกที่จะมีการคมนาคมในทุกพื้นที่ ครั้งแรกที่น้ำประปาดื่มได้ ครั้งแรกที่เราจะมีสุขภาพดีทั้งกายและใจ นี่คือความฝันของตนในฐานะหัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกฯ ที่อยากเห็นประเทศไทยดีกว่าเดิม ให้การเมืองดี ปากท้องดี และมีอนาคตไปด้วยกัน ทั้งหมดคือทางรอดของประเทศไทย ถ้าท่านฝันเหมือนอย่างที่เราฝัน วันที่ 14 พฤษภาคม เลือกก้าวไกลให้ถล่มทลายเปลี่ยนประเทศไทยไปด้วย 
 
โดยคำถามแรกจากกองบรรณาธิการ ถามว่า จนถึงวันนี้ ขึ้นเวทีดีเบตไปแล้วกี่ครั้ง คิดว่ามากที่สุดหรือไม่ และจากผลโพลมติชน-เดลินิวส์ ทำให้มั่นใจมากยิ่งขึ้นหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า การขึ้นดีเบตมากที่สุดไม่สำคัญเท่าเหมาะที่สุด เพราะการที่เราจะบริหารแคมเปญเลือกตั้ง และการพบปะพี่น้องประชาชน ทำให้ชอบและเชื่อเราได้ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการดีเบตอย่างเดียว เพราะเบสิกของการบริหารแคมเปญคือ ออนแอร์ ออนเน็ต ออนกราวน์ และออนไซต์ การที่มีพี่น้องประชาชนมาหาเรา แล้วถามว่านโยบายนี้ทำอย่างไร ไม่ใช่แค่การมาจับไม้จับมือและสนับสนุนอย่างเดียว มาพูดในสิ่งที่ทำให้พวกเขานอนไม่หลับ และมีกระดิ่งในใจเขาดัง เพราะมีพรรคการเมืองที่ใส่ใจเขาผ่าน 300 นโยบาย นี่ต่างหากคือสิ่งที่สำคัญ เรื่องโพลเป็นสิ่งที่สำคัญ แต่ไม่ใช่ทุกอย่าง
 
ส่วนคำถามที่สองจากกองบรรณาธิการ ถามว่า ถึงจุดนี้ยืนยันได้แล้วไหมว่า พร้อมเป็นนายกฯ และคิดว่าจะมีใครมาขวางเส้นทางของคุณและพรรคก้าวไกลหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ในเรื่องการจะมีใครมาขวางเส้นทางหรือไม่ เราตระหนักแต่ไม่ตระหนก เพราะเรารู้ดีว่า เมื่อเราจุดไฟในสายลมติดแล้ว เมื่อสายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงมาแล้ว ผู้มีอำนาจและการเมืองแบบเก่าไม่สามาถที่จะจัดการเราได้ เขาจะสาดโคลนสกปรกมาให้เรา เขาจะเล่นวิชามารต่างๆ
มาจัดการเหมือนที่เขาเคยรังแกอดีตพรรคอนาคตใหม่ แต่เราจะสู้ด้วยความจริงใจ และสร้างสรรค์ ด้วยการเมืองแห่งความหวัง โคลนสาดโคลนไม่ช่วยอะไร ความมืดไล่ความมืดไม่ได้ ต้องเอาความสว่างไล่ความมืด ฉะนั้นเราต้องไม่หลงกล และเอาสมาธิไปทำงานในช่วงโค้งสุดท้าย เดินหน้าหาเสียงอย่างเต็มที่ เพื่อเตรียมความพร้อมของการเป็นนายกฯ เพราะตนเข้าใจคนวัยของคนที่เกิดมาก่อนตน และหลังตน รวมถึงเรื่องต่างประเทศ พื้นที่ชนบทในต่างจังหวัด ภาครัฐ ภาคเอกชน ทำให้ตนเป็นนายกฯ ได้
 

 
ภาคเอกชนห่วง 'ค่าไฟแพง' ฉุดขีดความสามารถการแข่งขัน
https://www.nationtv.tv/economy-business/378914075
 
ประธานกิติมศักดิ์กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท. ศุภรัตน์ ศิริสุวรรณางกูร ระบุ ผลกระทบค่าไฟแพงส่งผลต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ค่อนข้างมาก ซึ่งก่อนหน้านี้ ส.อ.ท.จะมีการเจรจาและยื่นข้อเสนอต่อภาครัฐในการควบคุมต้นทุนค่าไฟฟ้า เพื่อรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมไทย เพราะเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านแล้วไทยแพงกว่ามาก
 
โดยกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์มีมาตรการรับมือกับค่าไฟฟ้าและพลังงานที่สูงขึ้นด้วยการออกแบบโรงงานที่รับแสงจากดวงอาทิตย์ลดการใช้หลอดไฟ การเพิ่มสัดส่วนการใช้โซลาร์เซลล์ รวมทั้งดำเนินมาตรการในการประหยัดไฟฟ้าทั้งในโรงงานและสำนักงานขาย อาทิ เปิดพัดควบคู่กับการเปิดแอร์เพื่อลดการใช้พลังงาน
  
แม้ว่าอุตสาหกรรมจะเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นหลายด้าน แต่การตัดสินใจขึ้นราคารถยนต์อาจจะชะลอไปก่อน เนื่องจากในตลาดมีการแข่งขันราคาค่อนข้างสูง
 
อุตฯเซรามิก ‘โอด’ ต้นทุนค่าไฟพุ่ง30%
 
ขณะที่ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมเซรามิก ส.อ.ท. อธึก เชิดเกียรติศักดิ์ ระบุ ภาพรวมอุตสาหกรรมเซรามิกมีต้นทุนค่าไฟฟ้าคิดเป็น 20-30% ของต้นทุนทั้งหมด ซึ่งค่าไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นมาตั้งแต่ช่วงต้นปีทำให้อุตสาหกรรมมีต้นทุนเพิ่มขึ้นจากเดิมราว 30% ทั้งนี้ เบื้องต้นหลายโรงงานรับมือกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นนี้ด้วยการเริ่มหันมาใช้ไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์
  
อย่างไรก็ตามการลงทุนติดตั้งโซลาร์เซลล์เองถือเป็นการลงทุนขนาดใหญ่ทั้งยังเป็นพลังงานที่มีความไม่แน่นอน โดยความต้องการไฟฟ้าทุก 1 เมกะวัตต์ จะต้องลงทุนถึง 30 ล้านบาท ทำให้บริษัทส่วนมากเลือกที่จะให้มีผู้ลงทุนมาติดตั้งให้แล้วซื้อไฟจากผู้ติดตั้งอีกต่อนึง ซึ่งตรงนี้ในช่วงแรกสามารถประหยัดต้นทุนลงได้ถึง 10% แต่ปัจจุบันลดลงเหลือแค่ 5% เนื่องจากการคิดราคาไฟฟ้ายังคงอิงค่าไฟหลวง ซึ่งยังมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่