จับตาหนี้เสียนอนแบงก์พุ่ง ครัวเรือนเปราะบาง รายได้ไม่ฟื้น ค่าครองชีพสูง
https://www.dailynews.co.th/news/1238677/
ธปท.จับตาสินเชื่อบุคคลไม่มีหลักประกันกลุ่มนอนแบงก์ เสี่ยงด้อยคุณภาพเพียบ หลังตัวเลขไตรมาสแรก ตกชั้นหนี้เสียพุ่ง 3.4% เหตุรายได้ไม่ฟื้น ครัวเรือนเปราะบาง ค่าครองชีพสูง
“ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)” ได้เปิดรายงานเสถียรภาพระบบการเงินไทยในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา พบว่าโดยรวมมีเสถียรภาพดี แต่ระยะข้างหน้าต้องติดตาม คุณภาพสินเชื่อเพราะการฟื้นตัวของแต่ละภาคเศรษฐกิจที่ยังมีความแตกต่างกัน โดยเฉพาะคุณภาพสินเชื่อของลูกหนี้รายย่อยและลูกหนี้ธุรกิจบางกลุ่มที่อาจเปราะบางมากขึ้น จากรายได้ที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ และมีภาระหนี้อยู่ในระดับสูง ซึ่งมาจากภาระต้นทุนและค่าครองชีพที่ปรับสูงขึ้น ทำให้ความสามารถในการชำระหนี้ของภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจด้อยลง และอาจกระทบคุณภาพสินเชื่อรายย่อยได้
ทั้งนี้สินเชื่อขยายตัวต่อเนื่องจากสินเชื่อธุรกิจเป็นสำคัญ ขณะที่สินเชื่อรายย่อยขยายตัวชะลอลง สอดคล้องกับความเชื่อมั่นครัวเรือนที่ปรับลดลงภายใต้การระบาดของโควิด -19 ส่วนหนี้ด้อยคุณภาพ หรือเอ็นพีแอลในระบบธนาคารพาณิชย์ทรงตัวเป็นผลมาจากการปรับโครงสร้างหนี้และมาตรการช่วยลูกหนี้ ขณะที่มีเงินกองทุน เงินสำรอง และสภาพคล่องสูงสามารถรองรับผลกระทบจากความไม่แน่นอนของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจได้
อย่างไรก็ตามต้องเฝ้าติดตามเอ็นพีแอลของสินเชื่อนอนแบงก์ เพราะเริ่มเห็นมีแนวโน้มคุณภาพสินเชื่อด้อยลง จากข้อมูลไตรมาสแรกปี 65 สินเชื่อรวมมีเอ็นพีแอล 2.4% และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน จากหนี้ค้างชำระตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไปเพิ่มขึ้นเป็น 3.4% จากเดิมต่ำกว่า 3% ของสินเชื่อรวม
ส่วนเอ็นพีแอลบัตรเครดิตกลุ่มนอนแบงก์อยู่ที่ 1.8% และสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกันของนอนแบงก์ 1.5% ซึ่งถือว่ายังทรงตัวจากช่วงก่อนหน้า โดยนอนแบงก์ขนาดใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์กลุ่มธุรกิจการเงิน 10 แห่งในภาพรวมยังมีความมั่นคง ความสามารถในการทำกำไรโดยรวมอยู่ในเกณฑ์ดี
ขณะที่ในไตรมาส 2 ที่ผ่านมาภาคครัวเรือนยังเปราะบางต่อเนื่อง จากภาระหนี้ที่สูงและค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นจากภาวะเงินเฟ้อ โดยเฉพาะครัวเรือนรายได้ต่ำที่เปราะบางกว่ากลุ่มรายได้อื่นๆ เนื่องจากรายได้ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ โดยล่าสุดเริ่มเห็นสัญญาณด้อยลงเล็กน้อยของคุณภาพสินเชื่อบัตรเครดิตและส่วนบุคคล ส่วนภาคธุรกิจขนาดใหญ่ฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง แต่ได้รับแรงกดดันจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรม โดยต้องติดตามการฟื้นตัวของธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวและธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น
ด้านธุรกิจเอสเอ็มอีมีสัญญาณการฟื้นตัวของรายได้ภายหลังจากการเปิดประเทศ แต่ยังมีความเสี่ยงจากปัญหาความสามารถในการชำระหนี้ โดยเฉพาะธุรกิจที่ได้รับแรงกดดันจากต้นทุนที่สูงขึ้น ส่วนภาคอสังหาริมทรัพย์ ผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นและกลับมาเร่งเปิดโครงการอาคารชุดใหม่ต่อเนื่อง ขณะที่อุปสงค์ทยอยฟื้นตัวตามเศรษฐกิจและแรงสนับสนุนจากนโยบายภาครัฐ โดยต้องติดตามความต่อเนื่องของกำลังซื้อที่อยู่อาศัยที่อาจได้รับผลกระทบจากค่าครองชีพและแนวโน้มทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อปริมาณอุปทานคงค้างในระยะข้างหน้า
“ระบบธนาคารพาณิชย์มีความเข้มแข็ง เงินกองทุน เงินสำรองและสภาพคล่องอยู่ในระดับสูง สหกรณ์ออมทรัพย์ ที่มีสภาพคล่องส่วนเกินยังขยายการลงทุนในสินทรัพย์ทางการเงินอย่างต่อเนื่อง และอาจได้รับผลกระทบหากตลาดการเงินมีความผันผวนสูงขึ้น ขณะที่ตลาดการเงินผันผวนเพิ่มขึ้นจากความไม่แน่นอนของการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของประเทศเศรษฐกิจหลักและไทย รวมถึงความกังวลผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยคาดว่าจะผันผวนต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง”
แบกต้นทุนไม่ไหว! ชาวนาบางระกำ ร้องรัฐฯ ช่วยค่าส่วนต่าง 1,500 บาท/ไร่ หลังปุ๋ย-ยาแพงขึ้น
https://ch3plus.com/news/economy/morning/300386
วันที่ 10 ก.ค. เมื่อเวลา 13.30 น. ชาวนาในพื้นที่ อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก ได้รวมตัวกันเพื่อยื่นหนังสือกับ นาย
นิยม ช่างพินิจ ส.ส.พรรคเพื่อไทย เพื่อผ่านไปยังพลเอก
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในการความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ได้รับความเดือดร้อน
เนื่องจากราคาผลผลิตตกต่ำ ตันทุนในการผลิตที่สูงมาก ไม่ว่าจะเป็นราคาน้ำมัน ปุ๋ย ยา ราคาแพงขึ้น ทำให้เกษตรกรต้องรับภาระค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น มีรายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย ได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก จึงขอให้รัฐบาลโดยการนำของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ให้การช่วยเหลือชาวนาไทยเป็นการด่วน เพื่อเป็นการชับน้ำตาให้กับเกษตรกร
จึงขอให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์การเกษตรและรัฐบาล ให้การช่วยเหลือให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่ได้รับความเดือดร้อน ดังนี้
1. เพิ่มค่าบริหารจัดการลดต้นทุนการผลิตจากไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 20 ไร่ เป็นไร่ละ 1,500 บาท
2. การช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวไร่ละ 1,500 บาท ไม่เกิน 20 ไร่
ตัวแทนชาวนา กล่าวว่า ในวันนี้ชาวนา ได้รับความเดือดร้อน อย่างมากทั้งปัจจัยต้นทุนการผลิตก็มีราคาที่แพง ไม่ว่าจะเป็น น้ำมัน ปุ๋ย และยาฆ่าแมลง ชาวนาบางคนก็ต้องไปกู้หนี้ยืมสิน มาลงทุน อยากให้รัฐบาลมาช่วยเหลือชาวนาอย่างจริงจัง โดยเฉพาะค่าส่วนต่างราคาข้าวเพิ่มขึ้นเป็นไร่ละ 1,500 บาท ไม่เกิน 20 ไร่ ทั้งนี้เพื่อให้ชาวนาได้มีกำลังใจมากขึ้น
ด้านนาย
นิยม ช่างพินิจ ส.ส.พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า อยากให้รัฐบาล มาช่วยเหลือเกษตรกร โดยเฉพาะชาวนา ได้จ่ายค่าส่วนต่างเพิ่มขึ้นจากเดิม 1,000 บาท เป็น 1,500 บาท ต่อ 20 ไร่ ซึ่งตรงนี้ถือว่าช่วยเหลือชาวนาได้มาก ซึ่งภาครัฐหากต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ ตรงจุดนี้ถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญ ในการพัฒนาประเทศ ซึ่งตนเองก็จะนำเรื่องดังกล่าวสะท้อนปัญหาของชาวนาไปถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อให้ช่วยเหลือชาวนา ไม่ใช่แค่อำเภอบางระกำ แต่เป็นชาวนา ทั่วประเทศ
รับชมผ่านยูทูปได้ที่ :
https://youtu.be/wpjj9RLxYXg
เพื่อไทย เปิดตัว 21 ว่าที่ผู้สมัครส.ส.กทม. ‘เดียร์’ชิงเขตจตุจักร สุรชาติ ลงพื้นที่เดิม
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7155994
เพื่อไทย เปิดตัว 21 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. ‘เดียร์ ขัตติยา’ลงชิงเขตจตุจักร เดินหน้าแลนด์สไลด์ ชูธงประชาธิปไตยที่ดินได้ จี้‘บิ๊กตู่’ คืนอำนาจประชาชน
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 11 ก.ค.2565 ที่พรรคเพื่อไทย นพ.
ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยนาย
ประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมาและเลขาธิการพรรค นาง
พวงเพ็ชร ชุนละเอียด รองประธานยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง นาย
พิชัย นริพทะพันธ์ รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง นาย
วิชาญ มีนชัยนันท์ ประธานภาค กทม. และน.ส.
ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม. และโฆษกพรรค ร่วมกันแถลงเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. จำนวน 21 คน ที่จะมาเป็นตัวแทนของพรรค ทำงานร่วมกับประชาชนในแต่ละพื้นที่
นพ.
ชลน่าน กล่าวว่า การเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. ของพรรคในวันนี้ เพื่อบอกกับประชาชนว่า พรรคพร้อมทำงาน นำพาทุกคนให้พ้นวิกฤต ด้วยการนำเสนอบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ ที่จะเป็นผู้แทนของประชาชนมาทำงานในระดับประเทศ และหลังจากนี้จะมีการเปิดตัวในภาคอีสาน ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ โดยตั้งใจจะดำเนินการให้เสร็จในช่วง 2-3 เดือนนี้ จากนั้นตัวแทนของพรรคจะลงไปทำงานในพื้นที่ เพื่อบอกกับประชาชนว่านโยบายของพรรคพื่อไทย เป็นประชาธิปไตยที่กินได้ และเป็นความหวังและอนาคตของพี่น้องประชาชน
นพ.
ชลน่าน กล่าวว่า การเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. ในวันนี้ 21 คน จากทั้งหมดที่พื้นที่ กทม.จะมี 33 เขตเลือกตั้ง ซึ่งในส่วนที่เหลือยังรอความชัดเจนในการแบ่งพื้นที่เขตเลือกตั้งของ กกต. อีกทั้งยังมีผู้ที่สนใจเสนอตัวเป็นตัวแทนพรรคจำนวนมาก พรรคจึงจะพิจารณาผู้ที่เหมาะสมโดยละเอียดอีกครั้ง
ด้านนายวิชาญ กล่าวว่า จากความมุ่งมั่น ลงพื้นที่ดูแลประชาชนตั้งแต่ประเทศเจอกับวิกฤตโควิด-19 จนถึงวันนี้ ทำให้ผลการเลือกตั้ง ส.ก.ที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยได้รับความไววางใจจากประชาชน และได้ที่นั่งในสภา กทม. มากที่สุดเป็นอันดับ 1 ทั้งนี้ หลังเลือกตั้ง ส.ก. 1 เดือน พรรคไม่ได้หยุดทำงานเพื่อประชาชน โดย ส.ก.ของพรรคได้เข้าไปทำหน้าที่พิจารณางบประมาณของ กทม. พร้อมนำเสนอนโยบายที่พรรคเพื่อไทยได้เคยหาเสียงไว้ในการเลือกตั้ง ส.ก. แล้ว
นาง
พวงเพ็ชร กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยพร้อมดูแลประชาชน กทม. คู่ขนานกันระหว่าง ส.ส และ ส.ก เพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน ซึ่งไม่ว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นเมื่อไร ภายใต้กติกาแบบไหน พรรคเพื่อไทยเราก็พร้อมสู้ทุกรูปแบบ และการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. แสดงถึงความพร้อมเข้าสู่การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นเป็นอย่างดี สอดคล้องกับเสียงสะท้อนของประชาชนที่ต้องการความเปลี่ยนแปลงและรอโอกาสได้ใช้สิทธิใช้เสียงในการเลือกตั้งเพื่อให้ได้ผู้แทนฯ และ รัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศ
จึงขอเรียกร้องไปยังพล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ให้พิจารณาคืนให้อำนาจให้ประชาชน ให้ได้มีโอกาสเลือกรัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศและแก้ไขปัญหาให้ประชาชน พรรคเพื่อไทยพร้อมอาสามาแก้ไขวิกฤตประเทศ ขอให้ประชาชนเลือกพรรคเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์ในการเลือกตั้งเพื่อให้เราได้มาร่วมกันแก้ไขวิกฤตปัญหาในครั้งนี้
รายชื่อว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ทั้ง 21 คน ประกอบด้วย
1. นาย
พลัฏฐ์ ศิริกุลพิสุทธิ์ เขตสัมพันธวงศ์
2. น.ส.
จุฑาพร เกตุราทร เขตบางรัก
3. น.ส.
นวลละออง ศรีชุมพล เขตวัฒนา
4. นาย
ประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ เขตห้วยขวาง
5. น.ส.
ขัตติยา สวัสดิผล เขตจตุจักร
6. นาย
พชร ธรรมล เขตราชเทวี
7. นาย
รัฐพงษ์ ระหงษ์ เขตบางซื่อ
8. นาย
สุรชาติ เทียนทอง เขตหลักสี่
9. นาย
สุธนพจน์ กิจธนาภิทักษ์ เขตดอนเมือง
10. นาย
อนุสรณ์ ปั้นทอง เขตบางเขน
11. นาย
พงศกร รัตนเรืองวัฒนา เขตบางกะปิ
12. นาย
พลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ เขตคันนายาว
13. นาย
วิชาญ มีนชัยนันท์ เขตมีนบุรี
14. นาย
จิรายุ ห่วงทรัพย์ เขตคลองสามวา
15. นาย
ไพโรจน์ อิสระเสรีพงษ์ เขตหนองจอก
16. น.ส.
ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ เขตลาดกระบัง
17. นาย
กวีวงศ์ อยู่วิจิตร เขตบางนา
18. นาย
ศิลปวิชญ์ น้อยสมมิตร เขตคลองสาน
19. นาย
ศรัณยสัณฑ์ วีรกุลสุนทร เขตจอมทอง
20. นาย
วัน อยู่บำรุง เขตหนองแขม
และ 21. นาง
สุภาภรณ์ คงวุฒิปัญญา เขตภาษีเจริญ
JJNY : จับตาหนี้เสียนอนแบงก์พุ่ง│ชาวนาบางระกำร้องรัฐฯช่วย│พท.เปิดตัว21ว่าที่ผู้สมัครส.ส.กทม.│ประยุทธ์งดจ้อ หลัง3แกนแป้ก
https://www.dailynews.co.th/news/1238677/
ธปท.จับตาสินเชื่อบุคคลไม่มีหลักประกันกลุ่มนอนแบงก์ เสี่ยงด้อยคุณภาพเพียบ หลังตัวเลขไตรมาสแรก ตกชั้นหนี้เสียพุ่ง 3.4% เหตุรายได้ไม่ฟื้น ครัวเรือนเปราะบาง ค่าครองชีพสูง
“ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)” ได้เปิดรายงานเสถียรภาพระบบการเงินไทยในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา พบว่าโดยรวมมีเสถียรภาพดี แต่ระยะข้างหน้าต้องติดตาม คุณภาพสินเชื่อเพราะการฟื้นตัวของแต่ละภาคเศรษฐกิจที่ยังมีความแตกต่างกัน โดยเฉพาะคุณภาพสินเชื่อของลูกหนี้รายย่อยและลูกหนี้ธุรกิจบางกลุ่มที่อาจเปราะบางมากขึ้น จากรายได้ที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ และมีภาระหนี้อยู่ในระดับสูง ซึ่งมาจากภาระต้นทุนและค่าครองชีพที่ปรับสูงขึ้น ทำให้ความสามารถในการชำระหนี้ของภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจด้อยลง และอาจกระทบคุณภาพสินเชื่อรายย่อยได้
ทั้งนี้สินเชื่อขยายตัวต่อเนื่องจากสินเชื่อธุรกิจเป็นสำคัญ ขณะที่สินเชื่อรายย่อยขยายตัวชะลอลง สอดคล้องกับความเชื่อมั่นครัวเรือนที่ปรับลดลงภายใต้การระบาดของโควิด -19 ส่วนหนี้ด้อยคุณภาพ หรือเอ็นพีแอลในระบบธนาคารพาณิชย์ทรงตัวเป็นผลมาจากการปรับโครงสร้างหนี้และมาตรการช่วยลูกหนี้ ขณะที่มีเงินกองทุน เงินสำรอง และสภาพคล่องสูงสามารถรองรับผลกระทบจากความไม่แน่นอนของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจได้
อย่างไรก็ตามต้องเฝ้าติดตามเอ็นพีแอลของสินเชื่อนอนแบงก์ เพราะเริ่มเห็นมีแนวโน้มคุณภาพสินเชื่อด้อยลง จากข้อมูลไตรมาสแรกปี 65 สินเชื่อรวมมีเอ็นพีแอล 2.4% และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน จากหนี้ค้างชำระตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไปเพิ่มขึ้นเป็น 3.4% จากเดิมต่ำกว่า 3% ของสินเชื่อรวม
ส่วนเอ็นพีแอลบัตรเครดิตกลุ่มนอนแบงก์อยู่ที่ 1.8% และสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกันของนอนแบงก์ 1.5% ซึ่งถือว่ายังทรงตัวจากช่วงก่อนหน้า โดยนอนแบงก์ขนาดใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์กลุ่มธุรกิจการเงิน 10 แห่งในภาพรวมยังมีความมั่นคง ความสามารถในการทำกำไรโดยรวมอยู่ในเกณฑ์ดี
ขณะที่ในไตรมาส 2 ที่ผ่านมาภาคครัวเรือนยังเปราะบางต่อเนื่อง จากภาระหนี้ที่สูงและค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นจากภาวะเงินเฟ้อ โดยเฉพาะครัวเรือนรายได้ต่ำที่เปราะบางกว่ากลุ่มรายได้อื่นๆ เนื่องจากรายได้ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ โดยล่าสุดเริ่มเห็นสัญญาณด้อยลงเล็กน้อยของคุณภาพสินเชื่อบัตรเครดิตและส่วนบุคคล ส่วนภาคธุรกิจขนาดใหญ่ฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง แต่ได้รับแรงกดดันจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรม โดยต้องติดตามการฟื้นตัวของธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวและธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น
ด้านธุรกิจเอสเอ็มอีมีสัญญาณการฟื้นตัวของรายได้ภายหลังจากการเปิดประเทศ แต่ยังมีความเสี่ยงจากปัญหาความสามารถในการชำระหนี้ โดยเฉพาะธุรกิจที่ได้รับแรงกดดันจากต้นทุนที่สูงขึ้น ส่วนภาคอสังหาริมทรัพย์ ผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นและกลับมาเร่งเปิดโครงการอาคารชุดใหม่ต่อเนื่อง ขณะที่อุปสงค์ทยอยฟื้นตัวตามเศรษฐกิจและแรงสนับสนุนจากนโยบายภาครัฐ โดยต้องติดตามความต่อเนื่องของกำลังซื้อที่อยู่อาศัยที่อาจได้รับผลกระทบจากค่าครองชีพและแนวโน้มทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อปริมาณอุปทานคงค้างในระยะข้างหน้า
“ระบบธนาคารพาณิชย์มีความเข้มแข็ง เงินกองทุน เงินสำรองและสภาพคล่องอยู่ในระดับสูง สหกรณ์ออมทรัพย์ ที่มีสภาพคล่องส่วนเกินยังขยายการลงทุนในสินทรัพย์ทางการเงินอย่างต่อเนื่อง และอาจได้รับผลกระทบหากตลาดการเงินมีความผันผวนสูงขึ้น ขณะที่ตลาดการเงินผันผวนเพิ่มขึ้นจากความไม่แน่นอนของการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของประเทศเศรษฐกิจหลักและไทย รวมถึงความกังวลผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยคาดว่าจะผันผวนต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง”
แบกต้นทุนไม่ไหว! ชาวนาบางระกำ ร้องรัฐฯ ช่วยค่าส่วนต่าง 1,500 บาท/ไร่ หลังปุ๋ย-ยาแพงขึ้น
https://ch3plus.com/news/economy/morning/300386
วันที่ 10 ก.ค. เมื่อเวลา 13.30 น. ชาวนาในพื้นที่ อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก ได้รวมตัวกันเพื่อยื่นหนังสือกับ นายนิยม ช่างพินิจ ส.ส.พรรคเพื่อไทย เพื่อผ่านไปยังพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในการความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ได้รับความเดือดร้อน
เนื่องจากราคาผลผลิตตกต่ำ ตันทุนในการผลิตที่สูงมาก ไม่ว่าจะเป็นราคาน้ำมัน ปุ๋ย ยา ราคาแพงขึ้น ทำให้เกษตรกรต้องรับภาระค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น มีรายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย ได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก จึงขอให้รัฐบาลโดยการนำของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ให้การช่วยเหลือชาวนาไทยเป็นการด่วน เพื่อเป็นการชับน้ำตาให้กับเกษตรกร
จึงขอให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์การเกษตรและรัฐบาล ให้การช่วยเหลือให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่ได้รับความเดือดร้อน ดังนี้
1. เพิ่มค่าบริหารจัดการลดต้นทุนการผลิตจากไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 20 ไร่ เป็นไร่ละ 1,500 บาท
2. การช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวไร่ละ 1,500 บาท ไม่เกิน 20 ไร่
ตัวแทนชาวนา กล่าวว่า ในวันนี้ชาวนา ได้รับความเดือดร้อน อย่างมากทั้งปัจจัยต้นทุนการผลิตก็มีราคาที่แพง ไม่ว่าจะเป็น น้ำมัน ปุ๋ย และยาฆ่าแมลง ชาวนาบางคนก็ต้องไปกู้หนี้ยืมสิน มาลงทุน อยากให้รัฐบาลมาช่วยเหลือชาวนาอย่างจริงจัง โดยเฉพาะค่าส่วนต่างราคาข้าวเพิ่มขึ้นเป็นไร่ละ 1,500 บาท ไม่เกิน 20 ไร่ ทั้งนี้เพื่อให้ชาวนาได้มีกำลังใจมากขึ้น
ด้านนายนิยม ช่างพินิจ ส.ส.พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า อยากให้รัฐบาล มาช่วยเหลือเกษตรกร โดยเฉพาะชาวนา ได้จ่ายค่าส่วนต่างเพิ่มขึ้นจากเดิม 1,000 บาท เป็น 1,500 บาท ต่อ 20 ไร่ ซึ่งตรงนี้ถือว่าช่วยเหลือชาวนาได้มาก ซึ่งภาครัฐหากต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ ตรงจุดนี้ถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญ ในการพัฒนาประเทศ ซึ่งตนเองก็จะนำเรื่องดังกล่าวสะท้อนปัญหาของชาวนาไปถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อให้ช่วยเหลือชาวนา ไม่ใช่แค่อำเภอบางระกำ แต่เป็นชาวนา ทั่วประเทศ
รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/wpjj9RLxYXg
เพื่อไทย เปิดตัว 21 ว่าที่ผู้สมัครส.ส.กทม. ‘เดียร์’ชิงเขตจตุจักร สุรชาติ ลงพื้นที่เดิม
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7155994
เพื่อไทย เปิดตัว 21 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. ‘เดียร์ ขัตติยา’ลงชิงเขตจตุจักร เดินหน้าแลนด์สไลด์ ชูธงประชาธิปไตยที่ดินได้ จี้‘บิ๊กตู่’ คืนอำนาจประชาชน
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 11 ก.ค.2565 ที่พรรคเพื่อไทย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมาและเลขาธิการพรรค นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รองประธานยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง นายพิชัย นริพทะพันธ์ รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ประธานภาค กทม. และน.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม. และโฆษกพรรค ร่วมกันแถลงเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. จำนวน 21 คน ที่จะมาเป็นตัวแทนของพรรค ทำงานร่วมกับประชาชนในแต่ละพื้นที่
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า การเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. ของพรรคในวันนี้ เพื่อบอกกับประชาชนว่า พรรคพร้อมทำงาน นำพาทุกคนให้พ้นวิกฤต ด้วยการนำเสนอบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ ที่จะเป็นผู้แทนของประชาชนมาทำงานในระดับประเทศ และหลังจากนี้จะมีการเปิดตัวในภาคอีสาน ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ โดยตั้งใจจะดำเนินการให้เสร็จในช่วง 2-3 เดือนนี้ จากนั้นตัวแทนของพรรคจะลงไปทำงานในพื้นที่ เพื่อบอกกับประชาชนว่านโยบายของพรรคพื่อไทย เป็นประชาธิปไตยที่กินได้ และเป็นความหวังและอนาคตของพี่น้องประชาชน
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า การเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. ในวันนี้ 21 คน จากทั้งหมดที่พื้นที่ กทม.จะมี 33 เขตเลือกตั้ง ซึ่งในส่วนที่เหลือยังรอความชัดเจนในการแบ่งพื้นที่เขตเลือกตั้งของ กกต. อีกทั้งยังมีผู้ที่สนใจเสนอตัวเป็นตัวแทนพรรคจำนวนมาก พรรคจึงจะพิจารณาผู้ที่เหมาะสมโดยละเอียดอีกครั้ง
ด้านนายวิชาญ กล่าวว่า จากความมุ่งมั่น ลงพื้นที่ดูแลประชาชนตั้งแต่ประเทศเจอกับวิกฤตโควิด-19 จนถึงวันนี้ ทำให้ผลการเลือกตั้ง ส.ก.ที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยได้รับความไววางใจจากประชาชน และได้ที่นั่งในสภา กทม. มากที่สุดเป็นอันดับ 1 ทั้งนี้ หลังเลือกตั้ง ส.ก. 1 เดือน พรรคไม่ได้หยุดทำงานเพื่อประชาชน โดย ส.ก.ของพรรคได้เข้าไปทำหน้าที่พิจารณางบประมาณของ กทม. พร้อมนำเสนอนโยบายที่พรรคเพื่อไทยได้เคยหาเสียงไว้ในการเลือกตั้ง ส.ก. แล้ว
นางพวงเพ็ชร กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยพร้อมดูแลประชาชน กทม. คู่ขนานกันระหว่าง ส.ส และ ส.ก เพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน ซึ่งไม่ว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นเมื่อไร ภายใต้กติกาแบบไหน พรรคเพื่อไทยเราก็พร้อมสู้ทุกรูปแบบ และการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. แสดงถึงความพร้อมเข้าสู่การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นเป็นอย่างดี สอดคล้องกับเสียงสะท้อนของประชาชนที่ต้องการความเปลี่ยนแปลงและรอโอกาสได้ใช้สิทธิใช้เสียงในการเลือกตั้งเพื่อให้ได้ผู้แทนฯ และ รัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศ
จึงขอเรียกร้องไปยังพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ให้พิจารณาคืนให้อำนาจให้ประชาชน ให้ได้มีโอกาสเลือกรัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศและแก้ไขปัญหาให้ประชาชน พรรคเพื่อไทยพร้อมอาสามาแก้ไขวิกฤตประเทศ ขอให้ประชาชนเลือกพรรคเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์ในการเลือกตั้งเพื่อให้เราได้มาร่วมกันแก้ไขวิกฤตปัญหาในครั้งนี้
รายชื่อว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ทั้ง 21 คน ประกอบด้วย
1. นายพลัฏฐ์ ศิริกุลพิสุทธิ์ เขตสัมพันธวงศ์
2. น.ส.จุฑาพร เกตุราทร เขตบางรัก
3. น.ส.นวลละออง ศรีชุมพล เขตวัฒนา
4. นายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ เขตห้วยขวาง
5. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล เขตจตุจักร
6. นายพชร ธรรมล เขตราชเทวี
7. นายรัฐพงษ์ ระหงษ์ เขตบางซื่อ
8. นายสุรชาติ เทียนทอง เขตหลักสี่
9. นายสุธนพจน์ กิจธนาภิทักษ์ เขตดอนเมือง
10. นายอนุสรณ์ ปั้นทอง เขตบางเขน
11. นายพงศกร รัตนเรืองวัฒนา เขตบางกะปิ
12. นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ เขตคันนายาว
13. นายวิชาญ มีนชัยนันท์ เขตมีนบุรี
14. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ เขตคลองสามวา
15. นายไพโรจน์ อิสระเสรีพงษ์ เขตหนองจอก
16. น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ เขตลาดกระบัง
17. นายกวีวงศ์ อยู่วิจิตร เขตบางนา
18. นายศิลปวิชญ์ น้อยสมมิตร เขตคลองสาน
19. นายศรัณยสัณฑ์ วีรกุลสุนทร เขตจอมทอง
20. นายวัน อยู่บำรุง เขตหนองแขม
และ 21. นางสุภาภรณ์ คงวุฒิปัญญา เขตภาษีเจริญ