.
เสียงไก่ขันให้ได้ยินบอกเวลาพระอาทิตย์ขึ้นของวันเสาร์ เธอกับพี่ ๆ ยังนอนซมอยู่ในที่นอน แม้จะวุ่นวายไปด้วยเสียงพูดคุยของผู้คนภายในคุ้ม เสียงรถราวิ่งตามท้องถนน อีกทั้งเสียงของยายที่บ่นพึมพำไม่หยุด แต่ว่ามันก็ไม่ได้ทำให้กระทบกับการหลับใหลของพวกเธอเลย พวกเธอไม่มีใครสนใจเสียงที่รบกวนนั่นเลยสักนิด มันยังเช้ามากไม่มีใครอยากตื่นในเวลานี้
“ลุก ๆ มาไปนาดกกล้านำยายมื้อหนิ” เสียงยายตะโกนปาว ๆ ไม่หยุด ปลุกพวกเธอให้ตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ เมื่อฤดูทำนามาถึง อย่าหวังว่าพวกเธอจะได้อยู่บ้านในวันเสาร์อาทิตย์เหมือนคนอื่น หรือได้นอนตื่นสาย ๆ พวกเธอจะต้องโดนปลุกตั้งแต่ไก่โห่แบบนี้ประจำ “สวยแล้วไทบ้านไทเมืองเพิ่นออกไปนาเมิดแล้ว จะของคานอนตื่นสวย ๆ อยู่” ยายยังไม่หยุดเอะอะถ้าหากพวกเธอยังไม่ยอมลุกจากที่นอน
“มื้อหนิบอสบ่ไปนา บอสจะไปอยู่เฮือนนำใหญ่นงค์” บอสตอบยายเสียงแหบพร่าออกมาจากในมุ้ง ร่างกายยังซ่อนอยู่ภายใต้ผ้าห่ม พี่ ๆ ยังไม่มีใครตื่นนอนสักคน
“บ่ได้! ต้องไปดกกล้าช่วยยายซุคน ให้มันแล้วไว ๆ เฮ็ดแล้วไวกะได้เล่นอยู่เฮือนไว” ยายไม่อนุญาตเธอ “ปาว บอม ลุก ๆ ปลุกน้องให้ลุก สวยแล้วยายสิฟ้าวไปเตรียมข้าวเตรียมน้ำให้คนงานหนิ จะแมนปลุกยากปลุกซาเว้ย อย่าสิลุกเด้อ” ยายคะยั้นคะยอกึ่งดุทุกคน สุดท้ายพวกเธอก็จำยอมลุกจากที่นอนทั้งง่วงกันอยู่ ทยอยเข้าห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายเตรียมตัวไปนาตามคำสั่ง
ต้นกล้าในนาของเธอตอนนี้โตพอที่จะนำไปปักดำแล้ว ตากับยายใช้วิธีทำนาดำทุกปี เพราะจะทำให้ได้ข้าวเยอะ ปีนี้ยายกับตาจ้างคนงานเหมือนเดิม ครั้นจะทำกันเองคงหลายวันกว่าจะเสร็จ กล้าที่รอดำคงแก่ก่อนได้ปักลงดินเป็นต้นข้าว
“ยายคือปลุกน้องบีมตะเช้าแถะห่วย น้องบีมอยากนอน ห่วย….” น้องบีมถามยายทั้งอ้าปากหาวไปด้วย นั่งหลับตาหัวพิงเสาบันไดบ้านรอต่อคิวเข้าห้องน้ำ
“พุ่นหืย! ปลุกลุกละยังมานั่งหลับอยู่ ตะเช้าหยัง ออกไปเบิ่งข้างนอกแน ขี้ตะเว้นเที่ยงฟ้าล่ะ” ยายพูดกับน้องบีม บอสนั่งฟังแอบค่อนขอดให้ยายเงียบ ๆ ตอนนี้พึ่งจะหกโมงเช้านิด ๆ เที่ยงที่ไหน “แต่งเอาเสื้อผ้าไปเปลี่ยนนำเด้อ ปานหนิลุงโล่กับป้าแตพาคนงานไปถ่าอยู่นาแล้ว ไปตะเช้าฟ้าวเฮ็ดฟ้าวแล้วกะบ่ได้ไปนาอีกท่อนตั้ว” ยายกล่าวกับหลานสาวคนเล็ก
“ฮือ… อี่ยายตั๋ว บีมอย่าไปเชื่ออี่ยายเด้อ ดำนาแล้วกะได้ไปนาคือเก่า” บอสที่กำลังนอนหลับตาอยู่พื้นบ้านเพื่อรอเข้าห้องน้ำพูดแทรก
“ตั๋วแม่มืงหยัง กะแม่นนั่นตั้ว” ยายมิวายต่อปากต่อคำกับเธอไปอีก “บักใดอี่ใดในห้องน้ำฟ้าวเฮ็ดแหมะ สูฮู้จักฟ้าวเป็นบ่” นอกจากจะดุเธอแล้ว ยายยังพาลไปดุพี่แป้งที่อยู่ในห้องน้ำอีกด้วย ถึงแม้ห้องน้ำที่บ้านของเธอจะมีสองห้อง ทั้งในตัวบ้านและข้างนอกถึงกระนั้นก็ยังต้องนั่งรอคิวเหมือนเดิม
ไม่นานพี่แป้งก็ล้างหน้าอาบน้ำเสร็จ บอสให้น้องบีมเข้าไปใช้บริการก่อนตนเลย เพราะกะจะหลับต่อในช่วงที่น้องบีมล้างหน้าโดยมียายทำให้
ขณะนี้ตามท้องถนนได้ยินเสียงรถควายเหล็กวิ่งกันจ้าละหวั่นแทนรถยนต์ ฤดูทำนาแบบนี้ไม่แปลก หากจะมีรถไถนาวิ่งกันเกลื่อนถนนในหมู่บ้าน เสียงตะโกนถามคนที่ผ่านไปผ่านมาสำหรับคนที่บ้านอยู่ติดถนน ดังให้ได้ยินเป็นระยะ เป็นเช้าแห่งวันหยุดที่วุ่นวายมาก ๆ พอน้องบีมทำธุระส่วนตัวเสร็จจึงตามด้วยเธอเป็นคนถัดไป
ยายเตรียมข้าวของ เตรียมกับข้าวใส่ล้อไม้ไว้เรียบร้อย ส่วนพวกเธอก็เตรียมเสื้อผ้าไปเปลี่ยนเรียบร้อยเช่นกัน ไปนาทีไรคงไม่พ้นเล่นน้ำทุกที
วันนี้ยายจะพาไปนาโดยเดินไปตามถนน ไม่เดินลัดทุ่งไป เนื่องจากมีกับข้าวมากมายที่นำมาเลี้ยงคนงาน ครั้นจะหาบใส่ตะกร้าไม้ไผ่คงจะยกไปไม่หมด ยายจึงจัดทุกอย่างใส่ล้อ พาพวกเธอเดินไปตามถนน ระยะทางไกลหน่อย แต่ก็ไม่เสียเวลามากมายนัก
“แล้ว ๆ ยาย” พี่บอลกล่าว พวกเธอสวมชุดกางเกงขายาว เสื้อแขนยาวกันทุกคน หมวกฟางคนละใบ รองเท้าบูท สวิง อุปกรณ์สำหรับใช้หาอาหารพร้อม ทุกอย่างนำไปวางรวมกันไว้ในล้อไม้หมดแล้ว
“ยายบอสขอเงินซื้อขนมก่อนไปนาได้บ่” ก่อนไปบอสมิวายลืมเรื่องขนม
“ซื้ออิหยังอีก ยามกลางเว้นรถขายขนมกะแล่นผ่าน ขั้นรถไอศกรีมผ่านมา มืงสิบ่กินแมนบ่ ขั้นบ่กินกะไปซื้อ” ยายขู่ให้เธอเลือก นาของเธอติดถนน มักจะมีรถขายขนมต่าง ๆ วิ่งผ่านมาประจำ บอสทำท่าครุ่นคิดก่อนจะตัดสินใจ
“บ่! บ่ซื้อกะได้ ถ้ากินลูกชิ้นพ่อกดน้อเอื้อยแป้ง” บอสหันไปหาพรรคพวก พี่แป้งยักคิ้วให้เธออย่างเห็นด้วย พ่อค้าที่บอสเอ่ยชื่อมักจะขับผ่านนาของเธอเป็นประจำ ยิ่งฤดูทำนาแบบนี้ ยิ่งไม่ต้องห่วงเลยว่าจะไม่มีรถขนมขับผ่าน
“ไปนากะเสียเงิน ความแม่กับพ่อส่งเงินให้ยายเดือนละหน่อย ๆ นึง” ยายบ่นให้ “พร้อมแล้วกะมาออกไปนา ตาจูงงัวไปก่อนแล้วพุ่น อิน้อย ๆ หนิมาขึ้นล้อ หรือสิย่างนำเขาบ่” ยายสั่งน้องบีม พร้อมเตรียมเข็นล้อออกเดินทาง
“อี่ยายน้องบีมอยากกินข้าว” จู่ ๆ น้องบีมก็เอ่ยขึ้นในระหว่างที่ยายกำลังจะเข็นล้อไป หกโมงเช้ายายยังไม่พาพวกเธอกินข้าวเช้า กะไปกินที่นาพร้อมคนงานเลย แปดโมงเช้าก็พาคนงานลงนา ห้าโมงเย็นเลิกงานตามเวลาทำงานปกติ “น้องบีมอยากกินข้าวแหมะ”
“อดเอาไปกินนา มาฟ้าวไปหนิสวยแล้ว ฮอดเร็วกะได้กินเร็ว อดเอาได้บ่” ยายกล่าวโดยไม่รำคาญหลานสาวคนเล็กเลย
“บ่… อดบ่ได้” น้องบีมตอบ ทว่ากลับทำให้พวกเธอหัวเราะพรืดกันหมด แม้แต่ยายก็เม้มปากหัวเราะอึกอักให้กับน้องสาวของเธอ
“อดบ่ได้กะกินข้าวโฮยเกลือถ่าเด้อสั้น” ยายยิ้มกับคำพูดหลานสาว ถึงจะทำให้ยืดเยื้อในการเดินทางยายก็มิบ่นสักคำ ยายเปิดกระติบข้าวเหนียว ปั้นข้าวเป็นวงรีเล็ก ๆ ให้น้องบีม ตามด้วยโรยเกลือลงไปนิดหน่อยแล้วยื่นให้
น้องสาวของเธอรับไปด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม เคี้ยวข้าวเปล่ากับเกลืออย่างอร่อย “ไปย่างบาดหนิ ย่างออกก่อนยายเลยซุมใหญ่ สวยแล้วลุงโล่กับคนงานถ่าโดนแล้วปานหนิ”
“ยายเบิ่งบอมสิยู่ให้ อี่ยายย่างออกก่อนเลย” พี่บอมอาสาอีกทั้งพี่บอลด้วยที่มาช่วยกันเข็น เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย พวกเธอก็ออกเดินทาง จุดหมายปลายทางคือนาของพวกเธอเอง
ยายและพวกเธอเดินเท้าไปตามถนน ผู้คนในหมู่บ้านต่างเตรียมตัวลงนากันหมด มีเสียงทักทายพูดคุยกับยายไม่ขาดระยะ รถควายเหล็กวิ่งผ่านหน้าไปหลายคัน บอสมองตามด้วยความอิจฉา ถ้าได้นั่งควายเหล็กไปคงไม่เมื่อย กว่าจะถึงนาก็เหนื่อยอยู่ไม่น้อย ยังดีที่อากาศยามเช้าเย็นสบาย ไม่ร้อน ไม่เป็นปัญหาในการเดินทาง
เพียงชั่วครู่โชคก็เข้าข้างเธอ ระหว่างที่กำลังเดินออกนอกหมู่บ้านมุ่งหน้าไปยังที่นา รถควายเหล็กพ่อชัยขับผ่านมาพอดี เส้นทางไปนาของพ่อชัยต้องผ่านนาของเธออยู่แล้ว ใช้เส้นทางเดียวกัน พ่อชัยกับภรรยาพร้อมกับลูก ๆ สองคนจอดรถควายเหล็กดักหน้าพวกเธอแล้วชวนขึ้นรถไปด้วย
“เด็กน้อยไปนำบ่หนิ ดำนาบ่ยาย” แม่นุชผู้เป็นภรรยาเอ่ยชวนพวกเธอและคุยกับยายไปพร้อม ๆ กัน พวกเธอไม่กล้าขึ้นในทันที หันไปมองยายเพื่อขออนุญาต
“ไปแหมะนั่งรถไปนำแม่นุชก่อนยาย ยายสิยู่ไปนำก้นหรอก” ยายอนุญาตพวกเธอ บอสยิ้ม อย่างน้อยระหว่างครึ่งทางก็จะได้ไม่เมื่อยเดิน พอยายอนุญาตพวกเธอก็รีบวิ่งขึ้นรถควายเหล็กพ่อชัยกันเลย “ดำนาตั้ว จ้างคนสิบคนนึง ดำมื้อใด” ยายตอบและถามคำถามไปในตัว
“มื้ออื่นมื้อฮือพุ่นล่ะ น้อย ๆ นั่นนั่งล้อไปนำยายบ่ คือบ่มาขั้นสะลี่นำมู” แม่นุชทักน้องบีม เพราะยังเห็นนั่งอยู่ในล้อไม้ของยายอยู่เลย
“บ่น้องบีมนั่งไปนำยาย” น้องบีมตอบ
“ไปโลดมันบ่ไปหรอก” ยายกล่าว พอจบการสนทนาแล้ว พ่อชัยก็พาขับรถควายเหล็กมุ่งหน้าไปก่อน ยายกับน้องบีมเข็นล้อเดินตามหลังมา ครู่เดียวพ่อชัยก็พาขับมาถึงนาของเธอ
มาถึงเห็นเพียงตานั่งรอบนเถียงนาอยู่คนเดียว ลุงโล่กับป้าแตและคนงานยังมาไม่ถึงเลย พวกเธอไม่ลืมที่จะขอบคุณพ่อชัยกับแม่นุชที่มาส่ง ก่อนจะพากันเดินไปหาตา
ช่วงเช้าบรรยากาศในนาเย็นสบายมาก ท้องฟ้าโปร่งไม่ค่อยมีเมฆ ทว่าพอตอนบ่ายคล้อยมาฝนคงตก เพราะเป็นแบบนี้มาหลายวันแล้ว หันมองไปยังท้องทุ่งนากว้าง เห็นต้นกล้าเขียวขจีเป็นบริเวณกว้าง อีกหน่อยก็คงถูกถอนไปปักดำ ในตานามีน้ำขังเกือบทุกตา นี่แหละเป็นช่วงโอกาสที่ชาวนาจะต้องรีบดำนา เพราะถ้าฝนทิ้งช่วง ไม่มีน้ำลำบากต้องสูบน้ำจากลำห้วย หรือไม่ได้ดำเลย ก็ต้องรอฝนมาอีกรอบ
นาใกล้ ๆ กัน บ้างก็ดำนาเสร็จแล้ว บ้างก็ทำนาหว่าน นกกระยางขาวบินโฉบเฉี่ยวอยู่บนท้องฟ้า ไกล ๆ ให้เห็น และกลุ่มนกที่จับกลุ่มกันบนบนท้องฟ้า บรรยากาศท้องทุ่งนาเงียบและสงบมาก ไม่นานยายกับน้องบีมก็เข็นล้อมาถึง
ยายเตรียมกับข้าวไว้รอคนงาน ทั้งของคาวและของหวาน เครื่องดื่มชูกำลังพร้อม พี่ปาวเป็นลูกมือช่วยยายเตรียมกับข้าว สถานที่นั่งกินข้าวเช้าก็คือลานดินใต้ร่มไผ่ เพราะบนเถียงนาบรรจุคนสิบกว่าคนไม่พอ สักพักลุงโล่ก็พาคนงานมาถึง คนงานที่จ้างมาล้วนก็เป็นคนในหมู่บ้านรู้จักกันทั้งนั้น
เจ็ดโมงเช้าพอดีที่คนงานมาถึง ยายไม่ประวิงเวลา ชวนทุกคนให้มากินข้าวเช้ากันก่อนเลย ยายกะให้แล้วเสร็จภายในวันนี้ถ้าเป็นไปได้ อย่างมากก็ไม่เกินพรุ่งนี้ พอถึงเวลาแปดโมงเช้าค่อยลงมือทำงาน ทุกคนต่างเข้ามานั่งล้อมวงทานข้าว ตากับลุงโล่และป้าแตนั่งรวมกับคนงาน ส่วนยายและพวกเธอแยกมานั่งกินข้าวบนเถียงนาต่างหาก ไม่อยากให้พวกเธอเกะกะ
“กินข้าวแล้วลงไปทางลุ่มนำยาย เอาสาดพาน้องไปปูเล่นอยู่พุ่น อยู่เถียงบ่มีไผมันมิด” ยายบอกกับพวกเธอทั้งป้อนข้าวน้องบีมไปด้วย
“น้องบีมดกกล้านำอี่ยายเด้อ” น้องบีมเสนอตัว ยายพยักหน้าให้ ต่างคนต่างกินข้าวเช้ากันอย่างอร่อย
“ดกเก่ง ๆ ช่วยยายให้มันแล้วใส่เที่ยงเลย” สองยายหลานคุยกัน น้องบีมพยักหน้าตกลง ส่วนพวกเธอต่างก็กินข้าวกันไปไม่ได้ใส่ใจนัก
แปดโมงเช้าถึงเวลาลงนา ช่วงแรกยายนำคนงานไปถอนต้นกล้ากันก่อน ลุงโล่เป็นคนนำควายเหล็กไปไถนาเตรียมดินรอ พอถอนกล้าได้พอประมาณ ยายก็แบ่งคนงานส่วนหนึ่งนำกล้าไปปักดำ ส่วนยายยังคงพาคนงานบางส่วนถอนกล้าให้เสร็จ
อากาศยามสายยังเย็นสบาย แม้จะเริ่มมีแดดบ้างแล้ว ทว่าก็ยังมีลมพัดให้ความเย็นอยู่เป็นระยะ ๆ ช่วงเช้าแบบนี้ยังไม่มีใครลงเล่นน้ำในตานา พี่บอมกับพี่บอลถือสวิงไปหาจับตั๊กแตน ส่วนพวกเธอที่เหลือปูเสื่อนั่งเล่นใต้ร่มต้นสะเดาของยาย นั่งมองยายกับคนงานทำงาน เสียงวิทยุธานินทร์ของยายที่กำลังเปิดขับกล่อมไล่ความเหนื่อยล้า ดังมาถึงตรงนี้ให้พวกเธอได้ยินได้ฟังไปด้วย
น้องบีมอยู่ไม่นิ่ง เที่ยววิ่งไปหายายที่ตานาอยู่เรื่อย ๆ สุดท้ายก็ไม่พ้นเล่นโคลน เล่นน้ำในตานาอยู่คนเดียว ช่วงเช้าแบบนี้บอสยังไม่อยากเล่นน้ำเลย ปล่อยให้น้องบีมเล่นไปก่อนคนเดียว คนงานหลายคนต่างพูดแซวน้องบีมกันใหญ่ เอ็นดูในความเล่นโคลนตมของน้องสาวเธอ ซึ่งยายก็ไม่ห้าม ปล่อยให้เล่นได้ตามสบาย
“เอื้อยปาวไปเอาบักซิดานาป้าเดือนปะเฮา“ บอสมองไปยังนาป้าเดือนที่อยู่ไม่ไกลนัก กลางนาของป้าจะมีต้นฝรั่งขี้นกที่เกิดเองตามธรรมชาติอยู่หนึ่งต้น ทุก ๆ ปีจะออกดอกออกผลให้กินเยอะมาก มองไปไกล ๆ เห็นพี่บอมกับพี่บอลกำลังแกว่งสวิงหาตั๊กแตนกันกลางแดดด้วย“เอื้อยแป้งไปบ่เฮา”
“หื้อคร้านไป แดด สูสิไปกะไปติล่ะ เบิ่งบักสองโตนั่นมันไล่ตั๊กแตนตากแดดแนเป็นหยัง” พี่ปาวปฏิเสธ แถมยังมิวายแซวพี่ชายกับน้องชายทั้งสองคนด้วย ถึงแม้พี่ปาวกับพี่บอมจะเรียนชั้นเดียวกัน ทว่าพี่บอมก็มีศักดิ์เป็นพี่ชายคนโตของบ้าน
วันวาน 21
.
เสียงไก่ขันให้ได้ยินบอกเวลาพระอาทิตย์ขึ้นของวันเสาร์ เธอกับพี่ ๆ ยังนอนซมอยู่ในที่นอน แม้จะวุ่นวายไปด้วยเสียงพูดคุยของผู้คนภายในคุ้ม เสียงรถราวิ่งตามท้องถนน อีกทั้งเสียงของยายที่บ่นพึมพำไม่หยุด แต่ว่ามันก็ไม่ได้ทำให้กระทบกับการหลับใหลของพวกเธอเลย พวกเธอไม่มีใครสนใจเสียงที่รบกวนนั่นเลยสักนิด มันยังเช้ามากไม่มีใครอยากตื่นในเวลานี้
“ลุก ๆ มาไปนาดกกล้านำยายมื้อหนิ” เสียงยายตะโกนปาว ๆ ไม่หยุด ปลุกพวกเธอให้ตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ เมื่อฤดูทำนามาถึง อย่าหวังว่าพวกเธอจะได้อยู่บ้านในวันเสาร์อาทิตย์เหมือนคนอื่น หรือได้นอนตื่นสาย ๆ พวกเธอจะต้องโดนปลุกตั้งแต่ไก่โห่แบบนี้ประจำ “สวยแล้วไทบ้านไทเมืองเพิ่นออกไปนาเมิดแล้ว จะของคานอนตื่นสวย ๆ อยู่” ยายยังไม่หยุดเอะอะถ้าหากพวกเธอยังไม่ยอมลุกจากที่นอน
“มื้อหนิบอสบ่ไปนา บอสจะไปอยู่เฮือนนำใหญ่นงค์” บอสตอบยายเสียงแหบพร่าออกมาจากในมุ้ง ร่างกายยังซ่อนอยู่ภายใต้ผ้าห่ม พี่ ๆ ยังไม่มีใครตื่นนอนสักคน
“บ่ได้! ต้องไปดกกล้าช่วยยายซุคน ให้มันแล้วไว ๆ เฮ็ดแล้วไวกะได้เล่นอยู่เฮือนไว” ยายไม่อนุญาตเธอ “ปาว บอม ลุก ๆ ปลุกน้องให้ลุก สวยแล้วยายสิฟ้าวไปเตรียมข้าวเตรียมน้ำให้คนงานหนิ จะแมนปลุกยากปลุกซาเว้ย อย่าสิลุกเด้อ” ยายคะยั้นคะยอกึ่งดุทุกคน สุดท้ายพวกเธอก็จำยอมลุกจากที่นอนทั้งง่วงกันอยู่ ทยอยเข้าห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายเตรียมตัวไปนาตามคำสั่ง
ต้นกล้าในนาของเธอตอนนี้โตพอที่จะนำไปปักดำแล้ว ตากับยายใช้วิธีทำนาดำทุกปี เพราะจะทำให้ได้ข้าวเยอะ ปีนี้ยายกับตาจ้างคนงานเหมือนเดิม ครั้นจะทำกันเองคงหลายวันกว่าจะเสร็จ กล้าที่รอดำคงแก่ก่อนได้ปักลงดินเป็นต้นข้าว
“ยายคือปลุกน้องบีมตะเช้าแถะห่วย น้องบีมอยากนอน ห่วย….” น้องบีมถามยายทั้งอ้าปากหาวไปด้วย นั่งหลับตาหัวพิงเสาบันไดบ้านรอต่อคิวเข้าห้องน้ำ
“พุ่นหืย! ปลุกลุกละยังมานั่งหลับอยู่ ตะเช้าหยัง ออกไปเบิ่งข้างนอกแน ขี้ตะเว้นเที่ยงฟ้าล่ะ” ยายพูดกับน้องบีม บอสนั่งฟังแอบค่อนขอดให้ยายเงียบ ๆ ตอนนี้พึ่งจะหกโมงเช้านิด ๆ เที่ยงที่ไหน “แต่งเอาเสื้อผ้าไปเปลี่ยนนำเด้อ ปานหนิลุงโล่กับป้าแตพาคนงานไปถ่าอยู่นาแล้ว ไปตะเช้าฟ้าวเฮ็ดฟ้าวแล้วกะบ่ได้ไปนาอีกท่อนตั้ว” ยายกล่าวกับหลานสาวคนเล็ก
“ฮือ… อี่ยายตั๋ว บีมอย่าไปเชื่ออี่ยายเด้อ ดำนาแล้วกะได้ไปนาคือเก่า” บอสที่กำลังนอนหลับตาอยู่พื้นบ้านเพื่อรอเข้าห้องน้ำพูดแทรก
“ตั๋วแม่มืงหยัง กะแม่นนั่นตั้ว” ยายมิวายต่อปากต่อคำกับเธอไปอีก “บักใดอี่ใดในห้องน้ำฟ้าวเฮ็ดแหมะ สูฮู้จักฟ้าวเป็นบ่” นอกจากจะดุเธอแล้ว ยายยังพาลไปดุพี่แป้งที่อยู่ในห้องน้ำอีกด้วย ถึงแม้ห้องน้ำที่บ้านของเธอจะมีสองห้อง ทั้งในตัวบ้านและข้างนอกถึงกระนั้นก็ยังต้องนั่งรอคิวเหมือนเดิม
ไม่นานพี่แป้งก็ล้างหน้าอาบน้ำเสร็จ บอสให้น้องบีมเข้าไปใช้บริการก่อนตนเลย เพราะกะจะหลับต่อในช่วงที่น้องบีมล้างหน้าโดยมียายทำให้
ขณะนี้ตามท้องถนนได้ยินเสียงรถควายเหล็กวิ่งกันจ้าละหวั่นแทนรถยนต์ ฤดูทำนาแบบนี้ไม่แปลก หากจะมีรถไถนาวิ่งกันเกลื่อนถนนในหมู่บ้าน เสียงตะโกนถามคนที่ผ่านไปผ่านมาสำหรับคนที่บ้านอยู่ติดถนน ดังให้ได้ยินเป็นระยะ เป็นเช้าแห่งวันหยุดที่วุ่นวายมาก ๆ พอน้องบีมทำธุระส่วนตัวเสร็จจึงตามด้วยเธอเป็นคนถัดไป
ยายเตรียมข้าวของ เตรียมกับข้าวใส่ล้อไม้ไว้เรียบร้อย ส่วนพวกเธอก็เตรียมเสื้อผ้าไปเปลี่ยนเรียบร้อยเช่นกัน ไปนาทีไรคงไม่พ้นเล่นน้ำทุกที
วันนี้ยายจะพาไปนาโดยเดินไปตามถนน ไม่เดินลัดทุ่งไป เนื่องจากมีกับข้าวมากมายที่นำมาเลี้ยงคนงาน ครั้นจะหาบใส่ตะกร้าไม้ไผ่คงจะยกไปไม่หมด ยายจึงจัดทุกอย่างใส่ล้อ พาพวกเธอเดินไปตามถนน ระยะทางไกลหน่อย แต่ก็ไม่เสียเวลามากมายนัก
“แล้ว ๆ ยาย” พี่บอลกล่าว พวกเธอสวมชุดกางเกงขายาว เสื้อแขนยาวกันทุกคน หมวกฟางคนละใบ รองเท้าบูท สวิง อุปกรณ์สำหรับใช้หาอาหารพร้อม ทุกอย่างนำไปวางรวมกันไว้ในล้อไม้หมดแล้ว
“ยายบอสขอเงินซื้อขนมก่อนไปนาได้บ่” ก่อนไปบอสมิวายลืมเรื่องขนม
“ซื้ออิหยังอีก ยามกลางเว้นรถขายขนมกะแล่นผ่าน ขั้นรถไอศกรีมผ่านมา มืงสิบ่กินแมนบ่ ขั้นบ่กินกะไปซื้อ” ยายขู่ให้เธอเลือก นาของเธอติดถนน มักจะมีรถขายขนมต่าง ๆ วิ่งผ่านมาประจำ บอสทำท่าครุ่นคิดก่อนจะตัดสินใจ
“บ่! บ่ซื้อกะได้ ถ้ากินลูกชิ้นพ่อกดน้อเอื้อยแป้ง” บอสหันไปหาพรรคพวก พี่แป้งยักคิ้วให้เธออย่างเห็นด้วย พ่อค้าที่บอสเอ่ยชื่อมักจะขับผ่านนาของเธอเป็นประจำ ยิ่งฤดูทำนาแบบนี้ ยิ่งไม่ต้องห่วงเลยว่าจะไม่มีรถขนมขับผ่าน
“ไปนากะเสียเงิน ความแม่กับพ่อส่งเงินให้ยายเดือนละหน่อย ๆ นึง” ยายบ่นให้ “พร้อมแล้วกะมาออกไปนา ตาจูงงัวไปก่อนแล้วพุ่น อิน้อย ๆ หนิมาขึ้นล้อ หรือสิย่างนำเขาบ่” ยายสั่งน้องบีม พร้อมเตรียมเข็นล้อออกเดินทาง
“อี่ยายน้องบีมอยากกินข้าว” จู่ ๆ น้องบีมก็เอ่ยขึ้นในระหว่างที่ยายกำลังจะเข็นล้อไป หกโมงเช้ายายยังไม่พาพวกเธอกินข้าวเช้า กะไปกินที่นาพร้อมคนงานเลย แปดโมงเช้าก็พาคนงานลงนา ห้าโมงเย็นเลิกงานตามเวลาทำงานปกติ “น้องบีมอยากกินข้าวแหมะ”
“อดเอาไปกินนา มาฟ้าวไปหนิสวยแล้ว ฮอดเร็วกะได้กินเร็ว อดเอาได้บ่” ยายกล่าวโดยไม่รำคาญหลานสาวคนเล็กเลย
“บ่… อดบ่ได้” น้องบีมตอบ ทว่ากลับทำให้พวกเธอหัวเราะพรืดกันหมด แม้แต่ยายก็เม้มปากหัวเราะอึกอักให้กับน้องสาวของเธอ
“อดบ่ได้กะกินข้าวโฮยเกลือถ่าเด้อสั้น” ยายยิ้มกับคำพูดหลานสาว ถึงจะทำให้ยืดเยื้อในการเดินทางยายก็มิบ่นสักคำ ยายเปิดกระติบข้าวเหนียว ปั้นข้าวเป็นวงรีเล็ก ๆ ให้น้องบีม ตามด้วยโรยเกลือลงไปนิดหน่อยแล้วยื่นให้
น้องสาวของเธอรับไปด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม เคี้ยวข้าวเปล่ากับเกลืออย่างอร่อย “ไปย่างบาดหนิ ย่างออกก่อนยายเลยซุมใหญ่ สวยแล้วลุงโล่กับคนงานถ่าโดนแล้วปานหนิ”
“ยายเบิ่งบอมสิยู่ให้ อี่ยายย่างออกก่อนเลย” พี่บอมอาสาอีกทั้งพี่บอลด้วยที่มาช่วยกันเข็น เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย พวกเธอก็ออกเดินทาง จุดหมายปลายทางคือนาของพวกเธอเอง
ยายและพวกเธอเดินเท้าไปตามถนน ผู้คนในหมู่บ้านต่างเตรียมตัวลงนากันหมด มีเสียงทักทายพูดคุยกับยายไม่ขาดระยะ รถควายเหล็กวิ่งผ่านหน้าไปหลายคัน บอสมองตามด้วยความอิจฉา ถ้าได้นั่งควายเหล็กไปคงไม่เมื่อย กว่าจะถึงนาก็เหนื่อยอยู่ไม่น้อย ยังดีที่อากาศยามเช้าเย็นสบาย ไม่ร้อน ไม่เป็นปัญหาในการเดินทาง
เพียงชั่วครู่โชคก็เข้าข้างเธอ ระหว่างที่กำลังเดินออกนอกหมู่บ้านมุ่งหน้าไปยังที่นา รถควายเหล็กพ่อชัยขับผ่านมาพอดี เส้นทางไปนาของพ่อชัยต้องผ่านนาของเธออยู่แล้ว ใช้เส้นทางเดียวกัน พ่อชัยกับภรรยาพร้อมกับลูก ๆ สองคนจอดรถควายเหล็กดักหน้าพวกเธอแล้วชวนขึ้นรถไปด้วย
“เด็กน้อยไปนำบ่หนิ ดำนาบ่ยาย” แม่นุชผู้เป็นภรรยาเอ่ยชวนพวกเธอและคุยกับยายไปพร้อม ๆ กัน พวกเธอไม่กล้าขึ้นในทันที หันไปมองยายเพื่อขออนุญาต
“ไปแหมะนั่งรถไปนำแม่นุชก่อนยาย ยายสิยู่ไปนำก้นหรอก” ยายอนุญาตพวกเธอ บอสยิ้ม อย่างน้อยระหว่างครึ่งทางก็จะได้ไม่เมื่อยเดิน พอยายอนุญาตพวกเธอก็รีบวิ่งขึ้นรถควายเหล็กพ่อชัยกันเลย “ดำนาตั้ว จ้างคนสิบคนนึง ดำมื้อใด” ยายตอบและถามคำถามไปในตัว
“มื้ออื่นมื้อฮือพุ่นล่ะ น้อย ๆ นั่นนั่งล้อไปนำยายบ่ คือบ่มาขั้นสะลี่นำมู” แม่นุชทักน้องบีม เพราะยังเห็นนั่งอยู่ในล้อไม้ของยายอยู่เลย
“บ่น้องบีมนั่งไปนำยาย” น้องบีมตอบ
“ไปโลดมันบ่ไปหรอก” ยายกล่าว พอจบการสนทนาแล้ว พ่อชัยก็พาขับรถควายเหล็กมุ่งหน้าไปก่อน ยายกับน้องบีมเข็นล้อเดินตามหลังมา ครู่เดียวพ่อชัยก็พาขับมาถึงนาของเธอ
มาถึงเห็นเพียงตานั่งรอบนเถียงนาอยู่คนเดียว ลุงโล่กับป้าแตและคนงานยังมาไม่ถึงเลย พวกเธอไม่ลืมที่จะขอบคุณพ่อชัยกับแม่นุชที่มาส่ง ก่อนจะพากันเดินไปหาตา
ช่วงเช้าบรรยากาศในนาเย็นสบายมาก ท้องฟ้าโปร่งไม่ค่อยมีเมฆ ทว่าพอตอนบ่ายคล้อยมาฝนคงตก เพราะเป็นแบบนี้มาหลายวันแล้ว หันมองไปยังท้องทุ่งนากว้าง เห็นต้นกล้าเขียวขจีเป็นบริเวณกว้าง อีกหน่อยก็คงถูกถอนไปปักดำ ในตานามีน้ำขังเกือบทุกตา นี่แหละเป็นช่วงโอกาสที่ชาวนาจะต้องรีบดำนา เพราะถ้าฝนทิ้งช่วง ไม่มีน้ำลำบากต้องสูบน้ำจากลำห้วย หรือไม่ได้ดำเลย ก็ต้องรอฝนมาอีกรอบ
นาใกล้ ๆ กัน บ้างก็ดำนาเสร็จแล้ว บ้างก็ทำนาหว่าน นกกระยางขาวบินโฉบเฉี่ยวอยู่บนท้องฟ้า ไกล ๆ ให้เห็น และกลุ่มนกที่จับกลุ่มกันบนบนท้องฟ้า บรรยากาศท้องทุ่งนาเงียบและสงบมาก ไม่นานยายกับน้องบีมก็เข็นล้อมาถึง
ยายเตรียมกับข้าวไว้รอคนงาน ทั้งของคาวและของหวาน เครื่องดื่มชูกำลังพร้อม พี่ปาวเป็นลูกมือช่วยยายเตรียมกับข้าว สถานที่นั่งกินข้าวเช้าก็คือลานดินใต้ร่มไผ่ เพราะบนเถียงนาบรรจุคนสิบกว่าคนไม่พอ สักพักลุงโล่ก็พาคนงานมาถึง คนงานที่จ้างมาล้วนก็เป็นคนในหมู่บ้านรู้จักกันทั้งนั้น
เจ็ดโมงเช้าพอดีที่คนงานมาถึง ยายไม่ประวิงเวลา ชวนทุกคนให้มากินข้าวเช้ากันก่อนเลย ยายกะให้แล้วเสร็จภายในวันนี้ถ้าเป็นไปได้ อย่างมากก็ไม่เกินพรุ่งนี้ พอถึงเวลาแปดโมงเช้าค่อยลงมือทำงาน ทุกคนต่างเข้ามานั่งล้อมวงทานข้าว ตากับลุงโล่และป้าแตนั่งรวมกับคนงาน ส่วนยายและพวกเธอแยกมานั่งกินข้าวบนเถียงนาต่างหาก ไม่อยากให้พวกเธอเกะกะ
“กินข้าวแล้วลงไปทางลุ่มนำยาย เอาสาดพาน้องไปปูเล่นอยู่พุ่น อยู่เถียงบ่มีไผมันมิด” ยายบอกกับพวกเธอทั้งป้อนข้าวน้องบีมไปด้วย
“น้องบีมดกกล้านำอี่ยายเด้อ” น้องบีมเสนอตัว ยายพยักหน้าให้ ต่างคนต่างกินข้าวเช้ากันอย่างอร่อย
“ดกเก่ง ๆ ช่วยยายให้มันแล้วใส่เที่ยงเลย” สองยายหลานคุยกัน น้องบีมพยักหน้าตกลง ส่วนพวกเธอต่างก็กินข้าวกันไปไม่ได้ใส่ใจนัก
แปดโมงเช้าถึงเวลาลงนา ช่วงแรกยายนำคนงานไปถอนต้นกล้ากันก่อน ลุงโล่เป็นคนนำควายเหล็กไปไถนาเตรียมดินรอ พอถอนกล้าได้พอประมาณ ยายก็แบ่งคนงานส่วนหนึ่งนำกล้าไปปักดำ ส่วนยายยังคงพาคนงานบางส่วนถอนกล้าให้เสร็จ
อากาศยามสายยังเย็นสบาย แม้จะเริ่มมีแดดบ้างแล้ว ทว่าก็ยังมีลมพัดให้ความเย็นอยู่เป็นระยะ ๆ ช่วงเช้าแบบนี้ยังไม่มีใครลงเล่นน้ำในตานา พี่บอมกับพี่บอลถือสวิงไปหาจับตั๊กแตน ส่วนพวกเธอที่เหลือปูเสื่อนั่งเล่นใต้ร่มต้นสะเดาของยาย นั่งมองยายกับคนงานทำงาน เสียงวิทยุธานินทร์ของยายที่กำลังเปิดขับกล่อมไล่ความเหนื่อยล้า ดังมาถึงตรงนี้ให้พวกเธอได้ยินได้ฟังไปด้วย
น้องบีมอยู่ไม่นิ่ง เที่ยววิ่งไปหายายที่ตานาอยู่เรื่อย ๆ สุดท้ายก็ไม่พ้นเล่นโคลน เล่นน้ำในตานาอยู่คนเดียว ช่วงเช้าแบบนี้บอสยังไม่อยากเล่นน้ำเลย ปล่อยให้น้องบีมเล่นไปก่อนคนเดียว คนงานหลายคนต่างพูดแซวน้องบีมกันใหญ่ เอ็นดูในความเล่นโคลนตมของน้องสาวเธอ ซึ่งยายก็ไม่ห้าม ปล่อยให้เล่นได้ตามสบาย
“เอื้อยปาวไปเอาบักซิดานาป้าเดือนปะเฮา“ บอสมองไปยังนาป้าเดือนที่อยู่ไม่ไกลนัก กลางนาของป้าจะมีต้นฝรั่งขี้นกที่เกิดเองตามธรรมชาติอยู่หนึ่งต้น ทุก ๆ ปีจะออกดอกออกผลให้กินเยอะมาก มองไปไกล ๆ เห็นพี่บอมกับพี่บอลกำลังแกว่งสวิงหาตั๊กแตนกันกลางแดดด้วย“เอื้อยแป้งไปบ่เฮา”
“หื้อคร้านไป แดด สูสิไปกะไปติล่ะ เบิ่งบักสองโตนั่นมันไล่ตั๊กแตนตากแดดแนเป็นหยัง” พี่ปาวปฏิเสธ แถมยังมิวายแซวพี่ชายกับน้องชายทั้งสองคนด้วย ถึงแม้พี่ปาวกับพี่บอมจะเรียนชั้นเดียวกัน ทว่าพี่บอมก็มีศักดิ์เป็นพี่ชายคนโตของบ้าน