2
ผมคงต้องยอมรับกับคุณว่า ใช่แล้วครับ ผมกลับไปมีอาชีพเสริมแบบเดิมแต่คราวนี้ผมเป็นฝ่ายเลือก ผมตั้งกติกาว่าผมจะยอมพบเจอลูกค้าแต่ละคนไม่เกินสองครั้ง ไม่มีการผูกมัดใดๆ ผมเป็นนายตัวเอง ผมเลือกที่จะรับหรือไม่รับลูกค้าได้ ผมกำหนดราคาขั้นต่ำ ผมรับเงินสดและไม่รับของกำนัล
กฎเกณฑ์ที่ผมตั้ง ทำให้ผมมีแขกประปรายซึ่งผมพอใจ ผมไม่อยากหักโหม ไม่ได้ต้องการกอบโกยเงินในช่วงเวลาสั้นๆ อย่างบางคน ซึ่งส่งผลเสียต่อตัวเองและชื่อเสียง คุณต้องเข้าใจนะว่าสังคมผู้หญิงชอบซุบซิบ หนุ่มของใครเป็นแบบไหนผมเชื่อว่าพวกหล่อนต้องแชร์กันไม่มากก็น้อย
ผมไม่รับลูกค้าบ่อย ให้ผมมีเวลาดูแลตัวเอง ออกกำลังกาย ทานอาหารบำรุงสุขภาพ ไม่สูบบุหรี่และหลีกเลี่ยงการไปดื่มสังสรรค์ การดื่มกินของผมก็เพียงแค่การเข้าสังคม
ผมทำแบบนี้มาปีหนึ่งแล้ว เงินก็ไม่ขาดมือแถมยังได้เปลี่ยนงาน มีลูกค้าคนหนึ่งแนะนำให้ผมได้ทำงานโรงแรมระดับห้าดาว ผมไปเรียนภาษาเพิ่มเติมและได้ฝึกพูดคุยกับแขกโรงแรม มันก็เริ่มคล่องไปเอง นอกจากภาษาแล้วผมยังได้เรียนรู้มารยาทสังคมตามหลักสูตรอบรมของโรงแรมอีกด้วย
การได้ทำงานโรงแรมใส่สูทเครื่องแบบ เดินอยู่ในห้องแอร์ไม่ต้องไปตรากตรำอะไรมาก ทำให้คนที่ไม่ได้เจอผมนานๆ บอกว่าผมดูขาวขึ้น หล่อขึ้น ดูสะอาดเนี้ยบ นอกจากนี้ผมยังได้พบเห็นและรู้จักคนมีระดับทั้งเศรษฐี ไฮโซ และนักการเมืองที่มาเป็นแขกของโรงแรม เป็นการพัฒนาตัวเองขึ้นมาด้วยตัวผมเอง
“สวัสดีค่ะ คุณนิวหรือเปล่าคะ” เสียงไม่คุ้นและเบอร์โทร.ที่แปลกไป เป็นเรื่องปกติที่ผมจะรับสาย
“ครับ”
“อยากจะเชิญ เอ่อ มาดินเนอร์” เสียงนั้นฟังดูไม่ค่อยมั่นใจนัก ติดจะเขินๆ
“ยินดีครับ ที่ไหน เมื่อไหร่ บอกมาได้เลย” ผมรับปากทันที
วัน เวลาและสถานที่ถูกแจ้งมา พร้อมกับลงท้ายว่า “ดิฉันชื่อ ริน”
ที่เพนเฮ้าส์บนยอดตึกหรูแห่งนั้น ผมไม่เคยไปมาก่อน ก้มลงมองการแต่งตัวที่ลำลองแต่เรียบร้อยของตัวเองอีกครั้งก่อนจะผ่านยามไปขึ้นลิฟต์ ตึกนี้ดูจะมีซิเคียวลิตี้ที่แน่นหนากว่าทุกแห่งที่ผมเคยไป แต่คนที่เชิญก็จัดการให้ผมได้ผ่านเข้าไปอย่างง่ายดาย
ผมขึ้นลิฟต์ไปจนถึงชั้น 22 ออกจากลิฟต์แล้วตรงไปกดกริ่งที่ประตูไม้แกะสลักที่มีอยู่เพียงประตูเดียวของทั้งฟลอร์นั้น รอเพียงครู่ก็มีแม่บ้านในชุดเครื่องแบบสีเทาอ่อนมาเปิดให้แล้วเชื้อเชิญให้ผมไปนั่งรอที่เก้าอี้รับแขก ผมอดจะตื่นตาตื่นใจกับความโอ่โถงของเพนเฮ้าส์นี้ไม่ได้ เพราะผนังเกือบทุกด้านเป็นกระจกที่มองทะลุออกไปเห็นวิวกรุงเทพฯ ยามค่ำอันระยิบระยับงดงาม ผมเผลอตัวเดินไปที่ริมกระจก ใครคนหนึ่งยืนอยู่ที่ริมระเบียงด้านนอกหันมาเห็นผมเข้าพอดี
ผมชะงัก รู้ตัวว่าเสียมารยาทที่เดินชมบ้าน แทนที่จะนั่งรอที่เก้าอี้รับแขก
หญิงสาวผู้นั้นเปิดประตูกระจกแล้วก้าวเข้ามาภายในพร้อมกับเรียกทักขึ้นว่า
“คุณนิว”
“คุณรินนะครับ”
เธอยิ้มรับแล้วเชื้อเชิญให้ผมไปนั่งที่เก้าอี้รับแขก แม่บ้านเดินนำน้ำมาเสิร์ฟแล้วถอยออกไป
“จะดื่มเครื่องดื่มอะไรไหมคะ ไวน์?”
“ได้ครับ แล้วแต่คุณริน” ผมเริ่มชินกับเครื่องดื่มเรียกน้ำย่อยนี้แล้ว
คุณรินลุกขึ้นเดินไปที่บาร์เครื่องดื่มด้านหนึ่งของห้อง ผมเดินตามไป อยากจะช่วยมากกว่าจะนั่งเป็นแขกรอให้เจ้าของบ้านเป็นผู้มาเสิร์ฟ
“ให้ผมช่วยเปิดขวดนะครับ”
คุณรินยิ้มกว้างแล้วส่งขวดไวน์มาให้ผมช่วยจัดการให้ รอยยิ้มนั้นทำให้ผมเห็นลักยิ้มที่สองข้างแก้มของเธอ น่าเอ็นดูจริงๆ คุณรินน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับผมหรือถ้าแก่กว่าคงไม่กี่ปี นับว่าสาวที่สุดในบรรดาลูกค้าคนอื่นๆ ที่ผมเคยเจอ ผมซอยสั้นรับกับรูปศีรษะทุยๆ นั้นทำให้เธอดูเป็นสาวเท่ เสื้อผ้าชุดกางเกงลำลองอยู่กับบ้านไม่ใช่ชุดคุณนายกรุยกรายอย่างที่ผมเคยเจอ ก็ทำให้ผมรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้น่าสนใจไม่น้อย
ผมเปิดขวดไวน์แล้วรินลงในแก้วทรงสูงหนึ่งใบก่อน ผมวนแก้วให้ไวน์ได้สัมผัสกับอากาศ แล้วก้มลงดมกลิ่นด้วยท่าทางของนักชิมไวน์อาชีพ
“หอมไหมคะ” คุณรินถาม มองท่าทางของผมด้วยสายตาชื่นชม
ผมยกแก้วไวน์ขึ้นจิบแล้วตอบว่า
“หอมครับ รสชาติฟรุตตี้แบบที่ผู้หญิงชอบ” ผมบอกแล้วรินไวน์ให้คุณริน
“แล้วนิวล่ะคะ ชอบไหม”
“ชอบครับ” ผมตอบแล้วมองสบตาหวานจนคุณรินต้องหลบตาแบบเขินๆ แล้วเสหันไปทางโต๊ะอาหารซึ่งบัดนี้อาหารเย็นพร้อมแล้ว
“ไปที่โต๊ะอาหารดีกว่าค่ะ”
โต๊ะอาหารใหญ่ขนาดสิบที่นั่งนั้น ดูว่างโล่งเกินไปสำหรับคนสองคน แม่บ้านจัดวางจานอาหารที่หัวโต๊ะและทางขวามือของคนนั่งหัวโต๊ะซึ่งผมดูแล้วไม่โรแมนติกเอาเลย เหมือนหัวหน้าครอบครัวนั่งรับประทานอาหารกับลูก มันน่าจะเป็นโต๊ะสองที่นั่งมากกว่า เราสองคนยืนมอง ไม่แน่ใจว่าใครจะนั่งตรงไหน พอดีผมเหลือบไปเห็นว่าที่ริมระเบียงกว้างด้านนอก มีโต๊ะเก้าอี้ชุดเล็กตั้งอยู่ชุดหนึ่ง
“ถ้าเราออกไปนั่งทานที่โต๊ะตรงนั้นน่าจะเหมาะไหมครับ” ผมถามเป็นเชิงหารือ กลัวจะถูกหาว่าจุ้นจ้าน
“นั่นน่ะซิคะ โต๊ะนี้ใหญ่เกินไป”
“ถ้างั้น ผมจัดการเอง คุณรินอยู่เฉยๆ” ผมจัดแจงย้ายชุดถ้วยชามและอาหารว่าง ออกไปตั้งที่โต๊ะด้านนอก จนทุกอย่างเรียบร้อยแล้วจึงเชิญคุณรินมานั่ง
“แบบนี้ดีไหมครับคุณริน” ผมถามพร้อมกับเลื่อนเก้าอี้ให้สุภาพสตรีนั่งแล้วผมจึงอ้อมมานั่งตรงข้าม
“ดีจังเลยค่ะ” เธอชม ดวงตาเป็นประกายถูกใจ
“คือผมคงไม่ได้จุ้นจ้านเกินไปนะครับ”
“ใครว่าคะ ฉันว่าคุณช่างคิดดีออก นั่งริมระเบียงแบบนี้ ได้ชมวิวไปด้วย”
“โรแมนติกดีนะครับ”
คุณรินยิ้มแล้วเสจิบไวน์แก้เขิน
แค่เวลาที่ได้พูดคุยกันไม่นาน ท่าทางเขินๆ และบางครั้งดูจะพยายามระงับความตื่นเต้นของคุณรินทำให้ผมอยากจะเดาว่านี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่หล่อนเรียกใช้บริการผู้ชายอย่างผม
อาหารวันนี้เป็นอาหารตะวันตกแบบ full course สเต็กเนื้อสันอย่างดีนุ่มชุ่มลิ้น เครื่องเคียงและของหวานรสเลิศถูกทะยอยนำมาเสิร์ฟโดยแม่บ้านคนเดิม ผมเรียนรู้การใช้ส้อมมีดจากการได้เข้าร้านอาหารหรูๆ กับคุณแก้ว น่าขอบคุณที่เธอสอนทุกอย่างเกี่ยวกับมารยาทการเข้าสังคมโดยเฉพาะมายาทบนโต๊ะอาหารให้ผม
และในตอนนี้ เมื่อผมอยู่ต่อหน้าผู้หญิงอีกคนซึ่งเธอก็พยายามจับสังเกตกิริยามารยาทบนโต๊ะอาหารของผมอยู่เช่นนี้ ผมคิดว่าผมได้คะแนนเต็มร้อย
เสร็จจากดินเนอร์ เราย้ายมาจิบไวน์กันต่อที่โซฟาในห้องนั่งเล่น ที่มีเครื่องเสียงชั้นเยี่ยมส่งเสียงเพลงเบาๆ สร้างบรรยากาศการสนทนาให้น่ารื่นรมย์
“คุณรินดื่มไวน์เก่งนะครับ” ผมชวนคุยพร้อมกับนั่งลงข้างๆ อย่างตั้งใจให้แนบชิด
“เรียกรินเถอะค่ะ” เธอบอกพร้อมกับเสขยับตัวออกไปรินไวน์ ผมรู้สึกได้ว่าเธอถือตัว
“ฉันดื่มไม่เก่งหรอกค่ะ หมดแก้วนี้ก็ไม่ไหวแล้ว” แล้วเธอก็หาวออกมาจนต้องรีบปิดปากแล้วแก้ตัวอย่างอายๆ ว่า “แย่จริง หาวออกมาแบบนี้ อย่าเข้าใจผิดนะคะว่าไล่แขก”
ผมหัวเราะเอ็นดู แล้วแซวว่า
“หนังท้องตึง หนังตาก็หย่อนใช่ไหมครับ”
“ไม่ใช่ค่ะ” เธอรีบปฏิเสธ “น่าจะเป็นเพราะดื่มไวน์นี่ต่างหาก”
เราสองคนต่างหัวเราะ เป็นบรรยากาศที่น่ารื่นรมย์ไม่น้อย ผมชอบแบบนี้ เธอไม่ทำให้ผมรู้สึกว่าผมกำลังทำงานให้เธอ
ผู้ชายขายตัว (2)
ผมคงต้องยอมรับกับคุณว่า ใช่แล้วครับ ผมกลับไปมีอาชีพเสริมแบบเดิมแต่คราวนี้ผมเป็นฝ่ายเลือก ผมตั้งกติกาว่าผมจะยอมพบเจอลูกค้าแต่ละคนไม่เกินสองครั้ง ไม่มีการผูกมัดใดๆ ผมเป็นนายตัวเอง ผมเลือกที่จะรับหรือไม่รับลูกค้าได้ ผมกำหนดราคาขั้นต่ำ ผมรับเงินสดและไม่รับของกำนัล
กฎเกณฑ์ที่ผมตั้ง ทำให้ผมมีแขกประปรายซึ่งผมพอใจ ผมไม่อยากหักโหม ไม่ได้ต้องการกอบโกยเงินในช่วงเวลาสั้นๆ อย่างบางคน ซึ่งส่งผลเสียต่อตัวเองและชื่อเสียง คุณต้องเข้าใจนะว่าสังคมผู้หญิงชอบซุบซิบ หนุ่มของใครเป็นแบบไหนผมเชื่อว่าพวกหล่อนต้องแชร์กันไม่มากก็น้อย
ผมไม่รับลูกค้าบ่อย ให้ผมมีเวลาดูแลตัวเอง ออกกำลังกาย ทานอาหารบำรุงสุขภาพ ไม่สูบบุหรี่และหลีกเลี่ยงการไปดื่มสังสรรค์ การดื่มกินของผมก็เพียงแค่การเข้าสังคม
ผมทำแบบนี้มาปีหนึ่งแล้ว เงินก็ไม่ขาดมือแถมยังได้เปลี่ยนงาน มีลูกค้าคนหนึ่งแนะนำให้ผมได้ทำงานโรงแรมระดับห้าดาว ผมไปเรียนภาษาเพิ่มเติมและได้ฝึกพูดคุยกับแขกโรงแรม มันก็เริ่มคล่องไปเอง นอกจากภาษาแล้วผมยังได้เรียนรู้มารยาทสังคมตามหลักสูตรอบรมของโรงแรมอีกด้วย
การได้ทำงานโรงแรมใส่สูทเครื่องแบบ เดินอยู่ในห้องแอร์ไม่ต้องไปตรากตรำอะไรมาก ทำให้คนที่ไม่ได้เจอผมนานๆ บอกว่าผมดูขาวขึ้น หล่อขึ้น ดูสะอาดเนี้ยบ นอกจากนี้ผมยังได้พบเห็นและรู้จักคนมีระดับทั้งเศรษฐี ไฮโซ และนักการเมืองที่มาเป็นแขกของโรงแรม เป็นการพัฒนาตัวเองขึ้นมาด้วยตัวผมเอง
“สวัสดีค่ะ คุณนิวหรือเปล่าคะ” เสียงไม่คุ้นและเบอร์โทร.ที่แปลกไป เป็นเรื่องปกติที่ผมจะรับสาย
“ครับ”
“อยากจะเชิญ เอ่อ มาดินเนอร์” เสียงนั้นฟังดูไม่ค่อยมั่นใจนัก ติดจะเขินๆ
“ยินดีครับ ที่ไหน เมื่อไหร่ บอกมาได้เลย” ผมรับปากทันที
วัน เวลาและสถานที่ถูกแจ้งมา พร้อมกับลงท้ายว่า “ดิฉันชื่อ ริน”
ที่เพนเฮ้าส์บนยอดตึกหรูแห่งนั้น ผมไม่เคยไปมาก่อน ก้มลงมองการแต่งตัวที่ลำลองแต่เรียบร้อยของตัวเองอีกครั้งก่อนจะผ่านยามไปขึ้นลิฟต์ ตึกนี้ดูจะมีซิเคียวลิตี้ที่แน่นหนากว่าทุกแห่งที่ผมเคยไป แต่คนที่เชิญก็จัดการให้ผมได้ผ่านเข้าไปอย่างง่ายดาย
ผมขึ้นลิฟต์ไปจนถึงชั้น 22 ออกจากลิฟต์แล้วตรงไปกดกริ่งที่ประตูไม้แกะสลักที่มีอยู่เพียงประตูเดียวของทั้งฟลอร์นั้น รอเพียงครู่ก็มีแม่บ้านในชุดเครื่องแบบสีเทาอ่อนมาเปิดให้แล้วเชื้อเชิญให้ผมไปนั่งรอที่เก้าอี้รับแขก ผมอดจะตื่นตาตื่นใจกับความโอ่โถงของเพนเฮ้าส์นี้ไม่ได้ เพราะผนังเกือบทุกด้านเป็นกระจกที่มองทะลุออกไปเห็นวิวกรุงเทพฯ ยามค่ำอันระยิบระยับงดงาม ผมเผลอตัวเดินไปที่ริมกระจก ใครคนหนึ่งยืนอยู่ที่ริมระเบียงด้านนอกหันมาเห็นผมเข้าพอดี
ผมชะงัก รู้ตัวว่าเสียมารยาทที่เดินชมบ้าน แทนที่จะนั่งรอที่เก้าอี้รับแขก
หญิงสาวผู้นั้นเปิดประตูกระจกแล้วก้าวเข้ามาภายในพร้อมกับเรียกทักขึ้นว่า
“คุณนิว”
“คุณรินนะครับ”
เธอยิ้มรับแล้วเชื้อเชิญให้ผมไปนั่งที่เก้าอี้รับแขก แม่บ้านเดินนำน้ำมาเสิร์ฟแล้วถอยออกไป
“จะดื่มเครื่องดื่มอะไรไหมคะ ไวน์?”
“ได้ครับ แล้วแต่คุณริน” ผมเริ่มชินกับเครื่องดื่มเรียกน้ำย่อยนี้แล้ว
คุณรินลุกขึ้นเดินไปที่บาร์เครื่องดื่มด้านหนึ่งของห้อง ผมเดินตามไป อยากจะช่วยมากกว่าจะนั่งเป็นแขกรอให้เจ้าของบ้านเป็นผู้มาเสิร์ฟ
“ให้ผมช่วยเปิดขวดนะครับ”
คุณรินยิ้มกว้างแล้วส่งขวดไวน์มาให้ผมช่วยจัดการให้ รอยยิ้มนั้นทำให้ผมเห็นลักยิ้มที่สองข้างแก้มของเธอ น่าเอ็นดูจริงๆ คุณรินน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับผมหรือถ้าแก่กว่าคงไม่กี่ปี นับว่าสาวที่สุดในบรรดาลูกค้าคนอื่นๆ ที่ผมเคยเจอ ผมซอยสั้นรับกับรูปศีรษะทุยๆ นั้นทำให้เธอดูเป็นสาวเท่ เสื้อผ้าชุดกางเกงลำลองอยู่กับบ้านไม่ใช่ชุดคุณนายกรุยกรายอย่างที่ผมเคยเจอ ก็ทำให้ผมรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้น่าสนใจไม่น้อย
ผมเปิดขวดไวน์แล้วรินลงในแก้วทรงสูงหนึ่งใบก่อน ผมวนแก้วให้ไวน์ได้สัมผัสกับอากาศ แล้วก้มลงดมกลิ่นด้วยท่าทางของนักชิมไวน์อาชีพ
“หอมไหมคะ” คุณรินถาม มองท่าทางของผมด้วยสายตาชื่นชม
ผมยกแก้วไวน์ขึ้นจิบแล้วตอบว่า
“หอมครับ รสชาติฟรุตตี้แบบที่ผู้หญิงชอบ” ผมบอกแล้วรินไวน์ให้คุณริน
“แล้วนิวล่ะคะ ชอบไหม”
“ชอบครับ” ผมตอบแล้วมองสบตาหวานจนคุณรินต้องหลบตาแบบเขินๆ แล้วเสหันไปทางโต๊ะอาหารซึ่งบัดนี้อาหารเย็นพร้อมแล้ว
“ไปที่โต๊ะอาหารดีกว่าค่ะ”
โต๊ะอาหารใหญ่ขนาดสิบที่นั่งนั้น ดูว่างโล่งเกินไปสำหรับคนสองคน แม่บ้านจัดวางจานอาหารที่หัวโต๊ะและทางขวามือของคนนั่งหัวโต๊ะซึ่งผมดูแล้วไม่โรแมนติกเอาเลย เหมือนหัวหน้าครอบครัวนั่งรับประทานอาหารกับลูก มันน่าจะเป็นโต๊ะสองที่นั่งมากกว่า เราสองคนยืนมอง ไม่แน่ใจว่าใครจะนั่งตรงไหน พอดีผมเหลือบไปเห็นว่าที่ริมระเบียงกว้างด้านนอก มีโต๊ะเก้าอี้ชุดเล็กตั้งอยู่ชุดหนึ่ง
“ถ้าเราออกไปนั่งทานที่โต๊ะตรงนั้นน่าจะเหมาะไหมครับ” ผมถามเป็นเชิงหารือ กลัวจะถูกหาว่าจุ้นจ้าน
“นั่นน่ะซิคะ โต๊ะนี้ใหญ่เกินไป”
“ถ้างั้น ผมจัดการเอง คุณรินอยู่เฉยๆ” ผมจัดแจงย้ายชุดถ้วยชามและอาหารว่าง ออกไปตั้งที่โต๊ะด้านนอก จนทุกอย่างเรียบร้อยแล้วจึงเชิญคุณรินมานั่ง
“แบบนี้ดีไหมครับคุณริน” ผมถามพร้อมกับเลื่อนเก้าอี้ให้สุภาพสตรีนั่งแล้วผมจึงอ้อมมานั่งตรงข้าม
“ดีจังเลยค่ะ” เธอชม ดวงตาเป็นประกายถูกใจ
“คือผมคงไม่ได้จุ้นจ้านเกินไปนะครับ”
“ใครว่าคะ ฉันว่าคุณช่างคิดดีออก นั่งริมระเบียงแบบนี้ ได้ชมวิวไปด้วย”
“โรแมนติกดีนะครับ”
คุณรินยิ้มแล้วเสจิบไวน์แก้เขิน
แค่เวลาที่ได้พูดคุยกันไม่นาน ท่าทางเขินๆ และบางครั้งดูจะพยายามระงับความตื่นเต้นของคุณรินทำให้ผมอยากจะเดาว่านี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่หล่อนเรียกใช้บริการผู้ชายอย่างผม
อาหารวันนี้เป็นอาหารตะวันตกแบบ full course สเต็กเนื้อสันอย่างดีนุ่มชุ่มลิ้น เครื่องเคียงและของหวานรสเลิศถูกทะยอยนำมาเสิร์ฟโดยแม่บ้านคนเดิม ผมเรียนรู้การใช้ส้อมมีดจากการได้เข้าร้านอาหารหรูๆ กับคุณแก้ว น่าขอบคุณที่เธอสอนทุกอย่างเกี่ยวกับมารยาทการเข้าสังคมโดยเฉพาะมายาทบนโต๊ะอาหารให้ผม
และในตอนนี้ เมื่อผมอยู่ต่อหน้าผู้หญิงอีกคนซึ่งเธอก็พยายามจับสังเกตกิริยามารยาทบนโต๊ะอาหารของผมอยู่เช่นนี้ ผมคิดว่าผมได้คะแนนเต็มร้อย
เสร็จจากดินเนอร์ เราย้ายมาจิบไวน์กันต่อที่โซฟาในห้องนั่งเล่น ที่มีเครื่องเสียงชั้นเยี่ยมส่งเสียงเพลงเบาๆ สร้างบรรยากาศการสนทนาให้น่ารื่นรมย์
“คุณรินดื่มไวน์เก่งนะครับ” ผมชวนคุยพร้อมกับนั่งลงข้างๆ อย่างตั้งใจให้แนบชิด
“เรียกรินเถอะค่ะ” เธอบอกพร้อมกับเสขยับตัวออกไปรินไวน์ ผมรู้สึกได้ว่าเธอถือตัว
“ฉันดื่มไม่เก่งหรอกค่ะ หมดแก้วนี้ก็ไม่ไหวแล้ว” แล้วเธอก็หาวออกมาจนต้องรีบปิดปากแล้วแก้ตัวอย่างอายๆ ว่า “แย่จริง หาวออกมาแบบนี้ อย่าเข้าใจผิดนะคะว่าไล่แขก”
ผมหัวเราะเอ็นดู แล้วแซวว่า
“หนังท้องตึง หนังตาก็หย่อนใช่ไหมครับ”
“ไม่ใช่ค่ะ” เธอรีบปฏิเสธ “น่าจะเป็นเพราะดื่มไวน์นี่ต่างหาก”
เราสองคนต่างหัวเราะ เป็นบรรยากาศที่น่ารื่นรมย์ไม่น้อย ผมชอบแบบนี้ เธอไม่ทำให้ผมรู้สึกว่าผมกำลังทำงานให้เธอ