วันวาน 16

กระทู้สนทนา

.


            ย้อนกลับไปตอนเด็กคุณเคยเจอเหตุการณ์อะไรที่เขย่าขวัญไหม ลุ้นระทึกขนาดไหน น่ากลัวขนาดไหน ลองนึกย้อนกลับไปเล่น ๆ ดูไหมว่า ตอนนั้นสนุกหรือน่ากลัว!

               ในสังคมชนบทจะหลีกเลี่ยงเรื่องความเชื่อลี้ลับเสียไม่ได้เลย วันวานของฉันในวัยเด็กก็เช่นกัน ‘ปอบ’ คำนี้ทุกคนจะคุ้นเคยดีใช่ไหม แม้ปัจจุบันจะมีการพัฒนาทางด้านต่าง ๆ มาไกล ทว่าเรื่องพวกนี้ก็ไม่เคยหายไปจากสังคมชนบทบ้านฉันเลย

                ปอบจะมีมากในชนบทห่างไกลความเจริญ ไม่รู้มีจริงหรือไม่จริง ทว่าก็ไม่มีใครกล้าลบหลู่ ไม่มีใครสามารถพิสูจน์ได้ มีเพียงคนที่เรียกตนเองว่า ‘หมอธรรม’ ที่พิสูจน์ให้ทุกคนรับรู้ได้ แต่ก็นั่นแหละ! เป็นการรับรู้แบบนามธรรมเหมือนเดิม

                เรื่องมีอยู่ว่า…

                ช่วงนี้เป็นช่วงฤดูทำนา คนในหมู่บ้านเกือบจะทุกหลังคาเรือนมีอาชีพทำนาเป็นหลัก ครอบครัวของบอสก็เช่นกัน ตั้งแต่ย่างเข้าสู่ฤดูทำนา เสาร์อาทิตย์บอสกับพี่ ๆ และ น้องบีมแทบจะไม่เคยได้อยู่บ้านเลย ตากับยายพาไปนาแต่เช้าเสมอ

                 ช่วงนี้กล้าที่หว่านเอาไว้โตพอสำหรับนำไปปักดำแล้ว ละแวกหมู่บ้านของเธอนิยมทำนาดำ เพราะได้ข้าวเยอะกว่านาหว่าน ตาทำนาดำทุกปี เพราะว่าจะได้ข้าวไว้กินเยอะ ๆ แม้จะต้องดูแลเอาใจใส่มากกว่านาหว่านก็ตาม

                  นาใครที่กล้ายังไม่โตก็ออกหารับจ้างรายวัน วันละสามถึงสี่ร้อยก็มี ช่วงนี้เป็นช่วงดำนา การรับจ้างถอนต้นกล้าจึงเป็นที่นิยมกันมาก บางคนกล้าของตนเองแก่พอปักดำแล้วก็ไม่ยอมถอนไปดำก็มี ขอไปรับจ้างคนอื่นก่อน เป็นเฉกเช่นนี้เสมอ การรับจ้างมีทั้งรับจ้างในหมู่บ้าน และ ต่างหมู่บ้าน แล้วแต่ใครจะจ้าง ชาวบ้านก็ไปกันหมด

                ตอนเช้าตรู่ในหมู่บ้านก็จะครึกครื้นไปด้วยเสียงรถควายเหล็กที่วิ่งตามท้องถนนแทนรถยนต์ เสียงผู้คนตะโกนทักทายคุยกัน ล้วนเป็นการทักทายเรื่องการทำนาทั้งนั้น

                 ตั้งแต่ย่างกรายเข้าสู่ฤดูทำนา เสาร์นี้เป็นเสาร์แรกที่บอสกับพี่ ๆ ไม่ได้ไปนา เนื่องจากป้าลีมาชวนยายไปรับจ้างถอนต้นกล้าที่ต่างหมู่บ้าน มีคนมาจ้างรายวัน วันละสามร้อยห้าสิบบาท ประจวบเหมาะกับต้นกล้าที่นายังไม่โตพอที่จะถอน ยายจึงตกลงไปกับป้าด้วย ส่วนตาก็ไปนาตามเคย พวกเธออยู่บ้านกันเอง

                  “จักแล่นไปเมื่อยไปหอบหยัง คือบ่อยู่นำเด็กน้อย” ตาบ่นอุบอิบ ไม่ค่อยอยากให้ยายไปสักเท่าไหร่ ไม่ใช่เพราะไม่อยากให้ไปทว่านาคนจ้างมันไกลต่างหาก อยู่ห่างจากหมู่บ้านของเธอสองหมู่บ้านกันเลยเชียว ทว่าตำบลเดียวกัน

               “เอ๋าสิยากหยัง มันใหญ่หาข้าวกินเป็นล่ะ อยู่ซือ ๆ บ่ได้หยัง ไปรับจ้างได้ตั้งสามร้อยห้าสิบ” ยายเถียงกับตา

                ก่อนไปยายไม่ลืมกำชับความปลอดภัยกับพี่ปาวและพี่บอมเอาไว้เด็ดขาด “ปาวกับบอมอย่าพาน้องหนีจากเฮือนเด้อ! เงินยายเอาไว้ให้ร้อยนึงพาน้องซื้อแนวมากินเที่ยง แนวกินยายกะเฮ็ดไว้ให้ในตู้ เทือมีคนแปลกหน้ามา พาน้องฟ้าวไปหายายอ้วน บ่สั่นกะฟ้าวไปหาป้าสุ่มเด้อ อย่าไปเว้านำเพิ่น” ยายกำชับพี่ปาวกับพี่บอมอย่างเด็ดขาด

                 “ยาย… ถ้าบอสไปเฮือนลุงวิทย์กับเฮือนใหญ่นงค์คือเก่าได้บ่” บอสถามยาย เพราะวันนี้ยายกำชับเด็ดขาดว่าห้ามออกจากบ้าน บอสจึงข้องใจและถามขออนุญาตว่า วันนี้หากจะไปบ้านนั้นได้ไหม

               “ไปได้! ว่าตะอย่าไปคุ้มใต้กับคุ้มดอน” คุ้มดอนก็คือคุ้มโรงเรียนบ้านของจ๋อมนั่นเอง เธอรับปากยายเป็นมั่นเป็นเหมาะ “ห้าโมงแลงยายกะมาแล้ว อย่าเฮ็ดให้กันไห้ อย่ากวนกันเข้าใจบ่ ผู้ใดฆ่ากันกวนกันยายฮู้ยายตีเลย” พวกเธอรับปากอย่างหนักแน่น จากนั้นยายก็แต่งตัวเดินไปหาป้าลีที่บ้าน เพื่อไปรับจ้างถอนต้นกล้า ไม่นานรถรับส่งก็มารับยายกับป้าและคนอื่น ๆ ไป

               ถึงพวกเธออยู่กันเองก็ไม่น่ากลัว มีป้าสุ่มอยู่ด้วยทั้งคน พี่ปาวกับพี่แป้งและพี่บอมอยู่บ้าน พี่บอลขอไปเล่นกับเพื่อน ส่วนเธอกับน้องบีมก็ขอไปเล่นที่บ้านพิมพ์กับแพรว พี่ปาวก็อนุญาตโดยง่าย

               “ยามเที่ยงมากินข้าวอยู่เฮือนเด้อ” พี่ปาวกำชับกับเธอก่อนที่เธอจะมาบ้านสองฝาแฝด

               “บ่แน่ใจ! บอสอาจอยู่กินนำใหญ่นงค์” บอสตอบ

                “แล้วแต่สั่น!” พี่ปาวไม่เซ้าซี้ จากนั้นบอสก็ชวนคอน้องบีมเดินไปบ้านสองฝาแฝดกันเลย บรรยากาศภายในคุ้มเงียบเหงา แม้แต่คุ้มของย่าก็เงียบไปหมด เพราะผู้คนแต่ละบ้านออกไปทำนากันหมด อยู่บ้านเป็นส่วนน้อย ลุงวิทย์กับป้าแพงต้นกล้ายังไม่โตพอที่จะถอน จึงยังไม่ต้องไปนาก็ได้

                บอสกับน้องบีมเดินมาถึงบ้านพิมพ์กับแพรว ก็ไม่พ้นเล่นขายของกับดูโทรทัศน์กันตามประสาพี่น้อง ระหว่างนั้นบอสก็วิ่งข้ามไปข้ามมา ระหว่างบ้านย่ากับบ้านสองฝาแฝดด้วยความเบื่อหน่าย จนย่าต้องเอ็ดเอาไว้ วิ่งไปวิ่งมากลัวโดนรถเฉี่ยวชนเอาได้ ถึงกระนั้นเวลาก็เดินไปอย่างเชื่องช้าอยู่ดี

               บอสข้ามถนนมาบ้านของย่ารอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ สายตาของบอสมองไปเห็นต้นไม้บางชนิดที่ย่าปลูกเอาไว้ หลังบ้านของย่าบอสสังเกตว่ามีต้นไม้ชนิดหนึ่งเกิดขึ้นหลายสิบต้น ลำต้นเรียวไม่สูงมาก มีกลิ่นหอม ใบของมันก็เรียว

                 บอสเดินไปดู ลองดมดูด้วย มันมีกลิ่นหอมแปลก ๆ ด้วยความสงสัยบอสจึงถามย่าว่าต้นอะไร ย่าตอบว่า ‘ต้นว่านไฟ’ นอกจากใช้เป็นผักประกอบอาหารแล้ว คุณสมบัติพิเศษของต้นว่านไฟ คือ ‘กันปอบได้’ ไม่รู้กันได้จริงหรือไม่ ทว่าย่าบอกมาแบบนั้น

                “ใหญ่นงค์ต้นว่านไฟมันกินได้บ่?” บอสถาม  เด็ดใบของมันมาให้ย่าดูด้วย บอสมาเล่นกับย่าที่บ้าน นั่งไกวเปลมองย่าที่กำลังตัดฟางมัดหมี่อยู่ กลิ่นของมันหอมชวนติดใจ ไม่หอมเหมือนดอกไม้แต่ก็ไม่เหม็น มันน่าพิศวงแปลก ๆ

                “กินได้! แล้วไปเด็ดมันมาเล่นเฮ็ดหยัง หาเล่นของฮั้วของสวนเด้อ น้องอยู่ไส” ย่าเอ็ดเธอที่เห็นเธอเด็ดว่านไฟมาเล่น

               “น้องบีมอยู่เฮือนลุงวิทย์พุ่น เบิ่งโทรทัศน์อยู่นำอี่แฝด บอสคร้านเบิ่งเลยมาหนิ ใหญ่นงค์ว่านไฟมันกินกับหยังฮั่น” บอสถามด้วยความสนใจ ที่บ้านไม่มี ยายไม่ได้ปลูกเอาไว้ มีเพียงว่าน ‘ตูบหมูบ’ หรือ เปาะป่าที่ยายปลูกเอาไว้ตรงข้างบ้าน

              “กินกับป่น” ย่าตอบปัดรำคาญ สายตาจับจ้องที่เส้นด้ายในมือ ไม่สนใจเธอเลย

              “บอสนอกจากมันจะกินเป็นแล้ว ปอบยังย่านนำ ผู้ใดถืกปอบเข้าเอาว่านไฟไปใส่นะ มันย่านเลย” พี่กอล์ฟพูดแทรกมาจากบันไดบ้าน กำลังเดินลงมาด้านล่าง บอสทึ่งกับสิ่งที่ได้ยินเอามาก ๆ ปอบน่ากลัวบอสรู้จัก ทว่าไม่รู้เลยว่าต้นไม้ชนิดนี้กันปอบได้

               “ใหญ่นงค์แมนความอ้ายกอล์ฟอยู่บ่? ฮือ… อ้ายกอล์ฟอย่ามาตั๋วบอสหลาย” บอสค่อนขอดพี่ชายลูกพี่ลูกน้อง

              “เอ๋า! ถามใหญ่นงค์เบิ่งถะแหมะ น้อยาย!” พี่กอล์ฟหันไปหาคนช่วยยืนยัน “กะสั่นอี่ยายสิปลูกบ่! น้อยายน้อ”

                “ฮือ! ใหญ่นงค์ว่าปลูกเฮ็ดผัก มันเป็นผัก” บอสเองก็ไม่ยอม เพราะย่าพึ่งบอกไปหยก ๆ ว่าปลูกไว้ใส่น้ำพริกหรือป่นเมื่อสักครู่นี่เอง

               “มันกะกันได้อยู่นั่นล่ะ มันกะย่านอยู่ ใบหนาดพร้อมมันย่าน ให้มืงไปเด็ดมาเล่นคัก ๆ สิบ่มีไว้กันปอบ” เหมือนย่าจะได้โอกาสกำหลาบเธอไปในตัว

               บอสทำหน้าไม่สบอารมณ์ให้พี่ชายที่เถียงแพ้ จากนั้นก็นั่งไกวเปลอย่างสบายใจ เพราะไม่มีคนแย่ง ส่วนพี่กอล์ฟก็เพียงลงมาเข้าห้องน้ำเท่านั้น แล้วก็กลับขึ้นบ้านไปดูทีวีเหมือนเดิม เสียงทีวีดังลงมาให้ได้ยินถึงด้านล่างกันเลย

                เวลาผ่านไปใกล้ถึงเที่ยงวัน วันนี้บอสรู้สึกอยากกลับไปกินข้าวที่บ้านมาก ๆ คิดเอาไว้แล้วว่าถ้าถึงเวลาเที่ยงจะชวนน้องบีมกลับบ้าน พอย่าชวนกินข้าวบอสก็ขอตัวกลับเลย อยากไปกินข้าวเป็นเพื่อนพี่ ๆ ที่บ้าน

                “ใหญ่นงค์บอสเมือกินข้าวอยู่เฮือนก่อนเด้อ เดี๋ยวบอสมาใหม่” บอสลงจากเปล บอกกล่าวลาย่าก่อนกลับ

               “เมือกะเมือท่อนตั้ว! ถ้าบ่กินข้าวนำ ข้ามทางเบิ่งรถดี ๆ แนล่ะ เอิ้นน้องเมือกินข้าวนำ” ย่าเองก็ไม่ได้รั้งไว้ถ้าเธอจะกลับ

                “จ้า!” จากนั้นบอสก็เดินข้ามถนนไปยังบ้านสองฝาแฝดเพื่อไปชวนน้องบีมกลับบ้าน จากนั้นก็พากันกอดคอกันเดินกลับบ้านของตนเอง มาถึงพี่ปาวกำลังหาสำรับออกมาพอดี

                “บอสมาพอดีเลย ไปซื้อตำบักหุ่งเฮือนยายกันแนนาง กินบ่! เอาข้าวปุ้นนำเด้อ ปั่นจักรยานไปจังฮอดเร็ว” มาถึงบอสก็โดนพี่ปาวเรียกใช้เลย ทว่าบอสก็ไม่อิดออด

               ยายไม่อยู่บอสจึงไม่กล้าอิดออดกับพี่ ๆ ยอมทำตามคำสั่งโดยง่าย บอสรับเงินแล้วรีบปั่นจักรยานไปร้านค้าของยายกันทันที ไม่นานก็กลับมา แล้วพวกเธอก็ลงมือกินข้าวเที่ยงพร้อมหน้าพร้อมตากันหกคนพี่น้อง

                พอกินข้าวเสร็จก็แยกย้ายกันอีก แต่ว่าช่วงบ่ายนี้กลับไม่มีใครไปเล่นที่อื่นเลย ต่างพากันอยู่บ้านครบทุกคน บอส น้องบีม พี่บอล และ พี่แป้งต่างพากันเล่นไล่จับกันบนกี่ทอผ้าของยาย เสียงหัวเราะเสียงกรี๊ดดังไปทั่วคุ้ม กี่ของยายก็โยกไปตามแรงขยับของพวกเธอ โดยไม่กลัวกี่ยายจะพังเลย

             “ห้ามตกกี่! ผู้ใดตกกี่ผู้นั้นเป็นหนอนล้า” พี่บอลออกกฎในการเล่น

               “ถ่าเบิ่งกี่อี่ยายพังมันจะถืกค้อนอี่ยายถ่าเบิ่ง!” พี่ปาวเตือนแต่พวกเธอก็ไม่มีใครฟัง ยังคงเล่นสนุกกันต่อไป วิ่งไล่จับบนกี่ของยายสนุกจะตาย โดยเฉพาะน้องบีม ที่ชอบแอบโหนกี่ยายประจำ

               พอนาฬิกาคืบคลานเข้าสู่บ่ายสองโมง ก็มีเรื่องที่พวกเธอไม่คาดคิดเกิดขึ้น ในขณะพวกเธอกำลังเล่นสนุกเพลิดเพลินกันอยู่นั้น ก็มีรถกระบะของใครไม่รู้ขับเข้ามาในซอย และ เลี้ยวเข้ามาจอดที่บริเวณหน้าบ้านของป้าลี เสียงพูดคุยกันของคนที่กระบะหลังเสียงดังทว่าก็ฟังไม่ได้ศัพท์ บอสคุ้นเสียงของใครบางคนมาก ‘นั่นคือเสียงของยายนั่นเอง’

                 พอมีแขกมาพวกเธอก็เลิกเล่นกัน หันไปให้ความสนใจกับแขกที่มาใหม่ว่าเกิดอะไรขึ้น รถกระบะคันนั้นจอดสนิท คนที่กระบะหลังมีสามคน สองคนในนั้นคือยาย และ ลุงเขียวสามีป้าลี ลุงเขียวรีบเปิดบ้านอย่างร้อนรน จากนั้นคนขับรถและผู้หญิงที่มาด้วยก็เดินไปกระบะหลัง พร้อมลุงเขียวเดินกลับมาอุ้มใครบางคนเข้าไปในบ้าน คน ๆ นั้นคือ ‘ป้าลีเอง’

                ยายรีบเดินจ้ำอ้าวมาที่บ้านอย่างลนลาน แววตาบอกถึงความกังวลมากที่สุด “บอม! บักบอมไปไส” ยายถามหาหลานชายคนโต

            “บอมอยู่หนิยาย” พี่บอมรีบวิ่งออกมาหายายที่หน้าบ้าน

              “ออกไปนาไปฮับตาเข้ามาเฮือนไป บอกว่าป้าลีเป็นหยังบุหนิ อยู่ซือ ๆ กะวินแล้วเป็นลมว่าจังสิเด้อ เข้ามาเดี๋ยวหนิล่ะว่าสิ ยายบอกว่าสิ!” เพราะพี่บอมขับมอเตอร์ไซค์เป็น พี่บอมตัวสูงและอยู่ ป.6 แล้ว ยายจึงไว้ใจให้ขับมอเตอร์ไซค์

               พอยายไหว้วานพี่บอมเสร็จ ยายก็กลับไปบ้านป้าลีทันที ไม่เปิดโอกาสให้พวกเธอได้ถามเลยว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พวกเธอก็วิ่งตามไปดูเหตุการณ์ว่าเกิดอะไรขึ้นเอง ส่วนพี่บอมขับมอเตอร์ไซค์ไปนาเพื่อไปรับตาแล้ว ไม่นานพี่บอมก็พาตากลับมาถึงบ้าน จอดรถส่งตาที่บ้านป้าลี ซึ่งก็อยู่ใกล้ ๆ กัน อยู่คุ้มเดียวกันกับบ้านของเธอ

                บอสกับพี่ ๆ ทั้งสี่คนอีกทั้งน้องบีมตามไปดูป้าลีที่บ้าน เห็นป้าลีนอนอยู่บนที่นอน ลุงเขียวคอยเอาพิมเสนให้ดมอยู่เรื่อย ๆ มีเสียงครางของป้าเบา ๆ บอสมองเห็นสภาพของป้าแล้วสงสารที่สุด สักพักลูกชายทั้งสองคนของป้าก็มาถึง

               พอตามาถึงตาเดินเข้าไปใกล้ ๆ ลูกสาว นั่งมองนิ่ง ๆ ก่อนจะถามขึ้น “มืงเป็นจังใดเดี๋ยวหนิลี” ตาถามลูกสาวคนเล็กที่เกิดกับภรรยาคนแรกของตน

               สิ่งที่แปลกคือ ตอนตาเดินเข้ามาในบ้านป้า บอสแอบเห็นป้าลีมองตาด้วยหางตาแว่บหนึ่ง แล้วก็หลบสายตาทำเป็นหลับต่อ จากนั้นก็ครวญครางเหมือนเดิม บอสเห็นแล้วดูหลอนพิลึก

              “ฮือ… ฮือ… ข่อยเมือย” ป้าตอบผู้เป็นพ่อเบา ๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่