.
หลังสงกรานต์ผ่านไป กลับเข้าสู่สภาวะปกติ สภาวะชีวิตที่โดนควบคุมหรือเปล่า! ควบคุมไปด้วยหน้าที่การงาน หัวหน้าลูกน้อง หรือ แม้กระทั่งถูกควบคุมด้วยการเรียนหนังสือ แต่ว่าวันนี้วันวานจะพาย้อนกลับไปในชีวิตช่วงวัยเด็ก ที่คิดว่าอิสระมากที่สุด ชีวิตที่ควบคุมโดยครอบครัวเท่านั้น
ไม่ได้ให้ติดอยู่กับอดีต ผ่านมาแล้วผ่านไป แต่เราลองมองย้อนดูความสุขเล็ก ๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงวัยเด็กกัน ในขณะที่ชีวิตปัจจุบัน วัยผู้ใหญ่มันวุ่นวายมากมาย มาลองย้อนกลับไปหาความสุขกันดีไหม อาจจะช่วยให้ตัวเรายิ้มได้ไม่มากก็น้อย
แต่ว่า! ให้มองย้อนกลับไปหาเฉพาะวันวานที่เป็นความสุขเท่านั้น ส่วนเรื่องที่ไม่ดีจงปล่อยให้มันตายไปกับอดีตน่ะดีแล้ว ตอนเด็ก ๆ ตัวเล็ก ๆ คุณเคยรับจ้างทำอะไรบ้าง แล้วได้ค่าจ้างเท่าไหร่กัน
เรื่องมีอยู่ว่า….
อีกตั้งหลายวันกว่าจะเปิดเทอม บอสเริ่มรู้สึกเบื่อเข้าแล้ว อยากเปิดเทอมแล้ว อยากเจอเพื่อน ๆ แต่ไม่เหงา เพราะพี่ ๆ กลับมาอยู่บ้านกันพร้อมหน้าพร้อมตาเลย บ้านของบอสในเวลานี้จึงไม่เงียบอีกแล้ว เทศกาลสงกรานต์จบไป พ่อกับแม่กลับไปทำงาน ทุกคนกลับเข้าสู่ชีวิตปกติ
วันนี้น้องบีมไปเล่นกับเพื่อนวัยเดียวกันตั้งแต่เช้า ไม่เล่นกับเธอเช่นเคย พี่สาวพี่ชายต่างอยู่กันคนละมุมของบ้าน ยายไม่ให้พี่ปาวกับพี่แป้งไปบ้านคุ้มใต้ ส่วนพี่บอมกับพี่บอลยายก็ไม่ให้ไปบ้านเช่นกัน ให้เล่นที่บ้าน แต่พี่ชายก็แอบไปเล่นที่อื่นเหมือนเดิม
เมื่อทุกคนไม่มีที่ไป โทรทัศน์จึงเป็นทางออกแห่งการขจัดความเบื่อ ทว่ายกเว้นบอสคนเดียว! ที่ไม่สามารถกำจัดความเบื่อออกไปจากใจได้ บอสอยากไปเล่น ไปเล่นที่ไม่ใช่บ้านของสองฝาแฝด หรือ บ้านของย่า แต่ยายก็ไม่ให้ไปอยู่ดี เพราะฉะนั้นแล้วถ้าอยากหายเบื่อมีทางเลือกเดียว คือ แอบไป! หรือไม่ก็ยอมไปเล่นกับสองฝาแฝดเหมือนเช่นทุกวัน
“ยายบอสไปเล่นนำใหญ่นงค์ก่อนเด้อ” สาย ๆ ของวันบอสขอยายไปบ้านย่า สุดท้ายก็แพ้ให้กับความเบื่อจนได้ ไปเล่นกับสองฝาแฝดเหมือนเดิม เพียงแค่ยกชื่อของย่ามาอ้างเท่านั้น
“มืงอย่าลงไปคุ้มใต้กับคุ้มโรงเรียนเด้อหนิ รถตู้จับไปจอตาเด้! ขั้นบอกบ่ฟังลักไปเล่นกูแส่ฮีดเลยถ่าเบิ่ง” ยายห้ามแกมขู่ไปในตัว
“เอ้อ!!! บ่ไปหรอก ย่านตะคนไปหลาย” บอสตอบทำหน้าหงุดหงิดให้ยาย ทว่าภายในใจไม่คิดจะกลัวคำขู่เลยด้วยซ้ำถ้าจะไป ในใจตอนนี้คิดจะชวนพิมพ์กับแพรวไปเล่นกับจ๋อม ซึ่งบ้านของจ๋อมอยู่คุ้มโรงเรียนนู่น หรือไม่ก็อาจไม่ไป
“แล่นไปหาตะเล่น อยู่ติดเฮือนจักเทือแน เฮือนจะของกะมีบ่จักอยู่” ยายบ่นให้อีก มือก็กวาดหน้าบ้านไปด้วย ยายนุ่งเพียงผ้าถุงเปลือยท่อนบนเพราะอากาศร้อน โชว์นมให้บอสเห็น ซึ่งบอสเห็นจนชินตาแล้ว
“ บ่! บอสคร้านอยู่ มันบ่มวนนั่นเด้ มีมูจังมวน” บอสเถียงยายอีก แต่ยายไม่เถียงกลับก้มหน้าก้มตากวาดหน้าบ้านต่อให้เสร็จ
พอขอยายแล้วบอสก็เดินไปบ้านหาพี่สาวฝาแฝดเลย ไม่สนใจยายอีกต่อไป วันนี้ไม่ขอเงินค่าขนมยายด้วย เนื่องจากก่อนแม่จะกลับไปกรุงเทพ แม่ให้เงินบอสกับน้องบีมคนละหนึ่งร้อยบาท บอสจึงไม่ขอเงินกับยาย บอสทั้งเดินทั้งกระโดดไปตามทางอย่างสบายใจ
“คือกระโดดแถะอี่น้องบอส คือบ่ยางเอาซือ ๆ บ่ฮ้อนบ่ ไปเล่นนำฝาแฝดบ่” ระหว่างทางก่อนถึงบ้านของย่ากับสองฝาแฝดต้องผ่านบ้านของป้าก่อน ป้าเอ่ยถามเธอ เป็นปกติทุกครั้งที่เดินผ่าน ถ้ามาเจอป้าพอดีป้ามักจะถามไถ่เสมอ
“แมน! หมูอี้ดไปไส” บอสตอบพร้อมถามหาน้องสาว หมูเป็นรุ่นน้องของบอสสองปี บอสชอบเติมชื่อให้น้องสาวคนนี้เสมอเป็น ‘หมูอี้ด’ รวมทั้งสองฝาแฝดด้วยที่เรียกตาม ถึงหมูอี้ดจะเป็นรุ่นน้องของบอสสองปี แต่หมูอี้ดมีพี่สาวโตกว่าบอสสามปี
“มันกะอยู่หนิแหล่วสิไปเล่นไส เบิ่งจะโทรทัศน์เมิดมื้อเมิดเว๊น น้องไปไส?” ป้าถามเพราะทุก ๆ เห็นมาด้วยกัน
“น้องบีมไปเล่นเฮือนยายเหี่ยน” บอสตอบ หยุดคุยกับป้าครู่เดียวก็ขอตัว ก่อนไปป้าเอาข้าวโพดข้าวเหนียวต้มให้ด้วย วานให้ถือไปให้ย่าด้วย จากบ้านของป้ามายังบ้านของย่าห่างกันไม่กี่หลัง อยู่ภายในบริเวณคุ้มเดียวกัน เดินมาครู่เดียวก็ถึง
บอสเดินมาถึงบ้านของสองฝาแฝด ทีแรกบอสคิดว่าจะเข้าไปหาพี่ ๆ เลยค่อยเอาข้าวโพดไปให้ย่า ทว่าภายในใจมันดันสั่งให้ไปหาย่าก่อนดีกว่า บอสจึงหักเลี้ยวตัวอัตโนมัติ ข้ามถนนไปหาย่าเลย จากจะเดินเข้าบ้านไปหาสองฝาแฝดอยู่แล้ว ในมือก็ถือถุงข้างโพดต้มอยู่
“โอ้ย!!! ผีบ้าเอ้ย มาฮอดแล้วสิเข้ามากะบ่เข้ามา” ป้าแพงเห็นแล้วแซวเข้า แต่เธอไม่สนใจ ทำหูทวนลมข้ามถนนไปหาย่าที่บ้านเลย
เมื่อข้ามถนนมาได้แล้ว บอสค่อย ๆ หย่องเบามาหาย่าที่กำลังนั่งเคี้ยวหมากอยู่บนแคร่ใต้ถุนบ้าน “ใหญ่นงค์!! ฮ่า…” เมื่อมาถึงตัวบอสเรียกย่าเสียงดังกะให้ตกใจ แต่ย่าดันไม่ตกใจเสียอย่างนั้น หั่นหน้ามาโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น แถมยังเยาะเย้ยบอสไปอีก
“มาจาดคนหยังว่ะ ไผสิตื่น!” ย่าพูดปนยิ้ม ซึ่งเป็นรอยยิ้มแห่งการเยาะเย้ยถากทางมาก
“อะ… ป้าตาลเอาข้าวโพดมาให้ ข้าวโพดข้าวเด้หนิ” บอสนำถึงข้าวโพดวางบนแคร่ข้าง ๆ ย่า พร้อมแกะกินฝักหนึ่งด้วย เป็นข้าวโพดข้าวเหนียวที่ป้าปลูกเอง ฝักแน่นเนื้อหวานมากอร่อยดี
“น้องไปไส? คือบ่มานำกัน” ย่าถามหาน้องบีมอีกคน
“ไปเล่นนำหลานยายเหี่ยน” บอสตอบ เดินนั่งไกวเปลแทะข้าวโพดอย่างเอร็ดอร่อย ระหว่างที่นั่งไกวเปลอยู่นั้น บอสมองเห็นว่าข้าง ๆ บ้านของย่ามีกองดินสามกอง ย่าสั่งดินมาทำอะไรกัน “ใหญ่นงค์เอาดินลงเฮ็ดหยังน่ะ”
“เอามาถมข้างโอ่งนั่นเด้ มันหล่มฝนตกมาน้ำห่ง” ย่าตอบ “มากะดีคือกัน ขนดินให้แนเด้อ”
“พุ่น! ว่าตะบอสมายามใด ใหญ่นงค์มาใช้ตะบอสแถะว่ะ อ้ายกอล์ฟกับอ้ายโจไปไสคือบ่ใช้” บอสค่อนขอดย่าด้วยความขี้เกียจ
“ใช้อีหยัง! คนหัวกะใช้กะว่าใช้ดู จ้างสิบบาทขนนำกันกับอ้าย” ย่ายังยัดเยียดให้อีก ทั้งคุยกับเธอทั้งเคี้ยวหมากไปด้วย ขณะนี้ก็ได้ยินเสียงโทรทัศน์ดังมาจากบนบ้าน ไม่ต้องถามเลยว่าใคร พี่ชายทั้งสองคนนั่นแหละ เก้าโมงของวันนี้แดดจ้ายิ่งกว่าเที่ยง
ตอนแรกที่บอสมาที่นี่เพื่อจะตบตายายแล้วแอบไปหาจ๋อมที่บ้าน พอไป ๆ มา ๆ ก็นึกไม่อยากไปแล้ว อยู่ขนดินรับจ้างย่าดีกว่า ได้เงินตั้งสิบบาท จะได้ไม่ต้องเอาเงินที่แม่ให้ไปซื้อขนมกิน เอาเงินที่ย่าจ้างซื้อแทน ส่วนเงินของแม่ค่อยเอาไปซื้อขนมกินวันพรุ่งนี้
“บอสไปเอิ้นอี่แฝดมาขนซอยนำเด้อใหญ่นงค์ เอาบ่? ใหญ่นงค์จ้างมันนำบ่” บอสถามย่า อยากให้พี่สาวสองคนได้เงินค่าจ้างด้วย จะได้เอาไปซื้อขนมกินด้วยกัน จะได้ไม่ต้องมาขอแบ่งตนเองกินด้วย
“จ้าง… ไปเอิ้นมาโลด! มาขนซอยกันให้มันเร็ว ๆ” ย่าไม่ห้าม
“จ้างบอสอิหลิล้า!!!! คนละสิบบาทน่ะ” บอสย้ำ ลุกจากเปลเตรียมเดินไปชวนพี่สาวสองฝาแฝดมาช่วยขนดินด้วยกัน
“เสี่ยวมืงบ่เดี๋ยวหนิ หะฟ้าวไปเอิ้นเอื้อยมาขนซอยกันให้มันแล้ว ข้ามหนทางเบิ่งรถก่อนแนล่ะ” โดนย่าเอ็ดไปที จากนั้นบอสก็ลุกจากเปลเดินข้ามถนนไปบ้านลุงวิทย์ ชวนพี่สาวสองคนมาขนดินรับจ้างย่าด้วยกัน
ข้ามถนนมาถึง บอสเดินไปยังหน้าบ้านหาพิมพ์กับแพรว เป็นไปตามคาดการณ์เอาไว้ว่า ทั้งสองคนดูรายการโทรทัศน์อยู่ในบ้าน “แฝดไปขนดินรับจ้างใหญ่นงค์บ่ เราจ้างคนละสิบบาท” บอสยืนไหล่พิงประตูบ้านพูดกับพี่ ๆ ไม่ยอมเดินเข้าไปหา
ทั้งสองคนหันมามองบอสเป็นสายตาเดียวกัน “เราจ้างบ่?” แพรวถาม
“แมน! ขนบ่? มืงบ่ขนกะซาง กูจะขนเอาเงินสิบบาทกับอ้ายโจกับอ้ายกอล์ฟ” บอสพูดปนยิ้ม ไม่สนว่าพี่สาวทั้งสองคนจะทำด้วยไหม แต่บอสจะทำ! “ขั้นจะขนกะมาแหมะ ใหญ่นงค์บอกว่าเฮ็ดตอนหนิล่ะ กูไปก่อนเด๊อ” พูดจบบอสกำลังจะหันหลังกลับ ต้องหยุดชะงักกับเสียงเรียก
“บอสถ่ากูนำ กูกะขน” พิมพ์เอาด้วย พูดพร้อมลุกขึ้นเดินมาหาเธอ
“ไปนำ!” แพรวอีกคนที่พอเห็นพิมพ์เอาด้วย ตนเองก็เอาด้วย พวกเธอสามคนพี่น้องเดินข้ามถนนกลับไปบ้านหาย่าเพื่อทำงานขนดินแลกเงิน
“ใหญ่นงค์มาแล้ว” เมื่อเดินข้ามมาถึงบอสก็เรียกย่าเลย มองไปตรงกองเดินเห็นพี่โจกับพี่กอล์ฟเริ่มขนดินกันแล้ว
“ไป… นี่กะคุคนละอัน! เอามาเทลงข้างโอ่งแดงหนิเด้อ” ย่านำคุถังใบขนาดพอดีมาให้พวกเธอคนละอัน ให้พวกเธอทำงาน “เอาให้มันแล้วมื้อหนิเลยเด้อ ดินหน่อย ๆ นึง”
เมื่อพวกเธอรับอุปกรณ์การทำงานมาแล้ว ก็เริ่มลงมือกันเลย โดยพี่โจเป็นคนใช้จอบตักดินใส่คุถังให้แต่ละคนเอง จากนั้นก็หิ้วดินไปเทใส่ตำแหน่งที่ย่าบอก ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากกองดินเลย จึงแลดูไม่เป็นปัญหากับพวกเธอ ยกคุถังที่มีดินในนั้นได้สบาย
พวกเธอทำไปเล่นไปคุยกันไปไม่เหนื่อยด้วยซ้ำ กลับสนุกมากกว่า เสียงหัวเราะของแพรวดังเป็นที่หนึ่ง แล้วย่าก็ไม่ได้มายืนคุมด้วย ได้แค่ไหนก็เอาแค่นั้น เพราะลุงบินกับป้าต้อยก็มาทำต่อให้เสร็จอยู่ดี
“โอย!!! อ้ายโจแหมะ ห่วย! คือตักให้บอสหลายแถะบอสกะหนักเป็น!” บอสบ่นพี่ชาย ถึงจะสนุกแต่ก็เริ่มเมื่อยบ้างแล้ว บอสรู้สึกว่าพี่โจจะใส่ดินให้เยอะกว่าเดิมขึ้นเรื่อย ๆ แบบลืมตัวหรืออย่างไร
“ให้หลายอีหยัง อ้ายกะตักให้ซำเก่า” พี่โจปฏิเสธปนหัวเราะ ขณะนี้บอสนั่งไถลไปกับดินเลย ไม่ห่วงตัวเปื้อนอะไรทั้งสิ้น รวมทั้งสองฝาแฝดด้วย ที่นั่งคลุกไปกับดินเช่นกัน “สามตัก!”
“สามตักกะแมนอยู่ ตะว่าตักใหญ่กว่าเก่านั่นเด้!” บอสยังค่อนขอดพี่ชายไม่หยุด เพราะรอบที่แล้วหนักมาก
“ไป ๆ เอารอบหนิไปเทก่อน รอบหน้าอ้ายตักให้หน่อย ๆ” พี่โจยอมรับผิดปนรอยยิ้ม พอบอสรับดินแล้ว บอสก็ลากคุถังไปกับพื้น ยกไม่ขึ้นเพราะหนักความจริงไม่หนักเท่าไหร่เมื่อยมากกว่า ดินเทกระจายไปตามทางที่ลากไปย่าก็ไม่เอ็ด ปล่อยพวกเธอทำกันไป
“ป้าด!!!! คนงานขนดินมาหลายแถะยาย แล้วมื้อหนิล้า” ป้าเอ๋ลูกย่าน้อยแซวพวกเธอ “พุ้นคนงานผู้นึงเกลือกขี้ดินไปนำทางแล้วพุ่น” ป้าเอ๋พูดถึงเธอ ทำเอาทุกคนหันมามองเธอ และ หัวเราะกันใหญ่ รวมทั้งเธอด้วยที่หัวเราะตัวเอง
“ใช้มันเฮ็ดถ่าเขาซือ ๆ หนิแหล่ว มืงสิไปไส” ย่าตอบหลานสาว ย่านั่งมองพวกเธอทำที่แคร่ใต้ถุนบ้าน ปล่อยพวกเธอทำได้ตามอัธยาศัย
“ไปร้านค้าตั้ว เจ้ามาบ่ไปนครพนมนำเขา ไปเที่ยว! ทีแรกยายน้อยกะว่าสิบ่ไปเด๊ ข่อยว่าไปโลดไปหาเที่ยวบ้านลูกเขยสั่นหรอก” ป้าเอ๋ยืนคุยกับย่า พูดถึงครอบครัวของครูกิ๋ม สามีของครูกิ๋มเป็นคนจังหวัดนครพนม
“บ่ไปกูคร้านนั่งรถ เขามาชวนอยู่นั่นแหล่ว สิมามื้อใดหั่น” ย่าถามถึงคนเป็นพี่สาว
“สองสามมื้อกะมาแล้ว ยายน้อยว่ากูบ่อยู่โดนดิบ่แมนบ้านกูว่าสั่น” ป้าเอ๋นินทาผู้เป็นแม่ของตนเองปนหัวเราะ ก่อนจะขอตัวจากย่าไปทำธุระต่อ “คนงานเอาให้มันแล้วเด้อมื้อหนิ” ก่อนไปป้าเอ๋มิวายหันมาแซวพวกเธออีกรอบ
“จ้า!” พวกเธอสามคน ยกเว้นพี่กอล์ฟกับพี่โจ พร้อมใจกันรับปากอย่างพร้อมเพียง
“มาเกลือกขี้ดินคักแท้!!!! ล่ะคลานไปนำขี้ดินอยู่เฮ้ย ลุกขึ้นเฮ็ดดี ๆ แนเป็นหยัง” ย่าท้วง แต่ก็แค่ทักไม่ได้ออกคำสั่งอะไร นาทีนี้พวกเธอสามคนยกเว้นพี่กอล์ฟ ต่างไถลลากคุถังไปกับดินเพราะเริ่มเมื่อยแล้ว ดูผลลัพธ์ก็ทำงานได้เยอะพอสมควร ส่วนมากจะเป็นพี่กอล์ฟทำเสียมากกว่า “ได้บ่น้อเงินสิบบาทมื้อหนิ”
“ได้! ฮ่วยอี่ใหญ่ว่าจ้างล่ะน้อ ต้องจ่ายบอสกับอี่แฝดกับอ้ายโจอ้ายกอล์ฟล้า” บอสทำหน้ามุ่ยกลัวไม่ได้ค่าจ้าง “เว้าละต้องเป็นเว้า บ่พันคืนคำ!”
วันวาน 12
.
หลังสงกรานต์ผ่านไป กลับเข้าสู่สภาวะปกติ สภาวะชีวิตที่โดนควบคุมหรือเปล่า! ควบคุมไปด้วยหน้าที่การงาน หัวหน้าลูกน้อง หรือ แม้กระทั่งถูกควบคุมด้วยการเรียนหนังสือ แต่ว่าวันนี้วันวานจะพาย้อนกลับไปในชีวิตช่วงวัยเด็ก ที่คิดว่าอิสระมากที่สุด ชีวิตที่ควบคุมโดยครอบครัวเท่านั้น
ไม่ได้ให้ติดอยู่กับอดีต ผ่านมาแล้วผ่านไป แต่เราลองมองย้อนดูความสุขเล็ก ๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงวัยเด็กกัน ในขณะที่ชีวิตปัจจุบัน วัยผู้ใหญ่มันวุ่นวายมากมาย มาลองย้อนกลับไปหาความสุขกันดีไหม อาจจะช่วยให้ตัวเรายิ้มได้ไม่มากก็น้อย
แต่ว่า! ให้มองย้อนกลับไปหาเฉพาะวันวานที่เป็นความสุขเท่านั้น ส่วนเรื่องที่ไม่ดีจงปล่อยให้มันตายไปกับอดีตน่ะดีแล้ว ตอนเด็ก ๆ ตัวเล็ก ๆ คุณเคยรับจ้างทำอะไรบ้าง แล้วได้ค่าจ้างเท่าไหร่กัน
เรื่องมีอยู่ว่า….
อีกตั้งหลายวันกว่าจะเปิดเทอม บอสเริ่มรู้สึกเบื่อเข้าแล้ว อยากเปิดเทอมแล้ว อยากเจอเพื่อน ๆ แต่ไม่เหงา เพราะพี่ ๆ กลับมาอยู่บ้านกันพร้อมหน้าพร้อมตาเลย บ้านของบอสในเวลานี้จึงไม่เงียบอีกแล้ว เทศกาลสงกรานต์จบไป พ่อกับแม่กลับไปทำงาน ทุกคนกลับเข้าสู่ชีวิตปกติ
วันนี้น้องบีมไปเล่นกับเพื่อนวัยเดียวกันตั้งแต่เช้า ไม่เล่นกับเธอเช่นเคย พี่สาวพี่ชายต่างอยู่กันคนละมุมของบ้าน ยายไม่ให้พี่ปาวกับพี่แป้งไปบ้านคุ้มใต้ ส่วนพี่บอมกับพี่บอลยายก็ไม่ให้ไปบ้านเช่นกัน ให้เล่นที่บ้าน แต่พี่ชายก็แอบไปเล่นที่อื่นเหมือนเดิม
เมื่อทุกคนไม่มีที่ไป โทรทัศน์จึงเป็นทางออกแห่งการขจัดความเบื่อ ทว่ายกเว้นบอสคนเดียว! ที่ไม่สามารถกำจัดความเบื่อออกไปจากใจได้ บอสอยากไปเล่น ไปเล่นที่ไม่ใช่บ้านของสองฝาแฝด หรือ บ้านของย่า แต่ยายก็ไม่ให้ไปอยู่ดี เพราะฉะนั้นแล้วถ้าอยากหายเบื่อมีทางเลือกเดียว คือ แอบไป! หรือไม่ก็ยอมไปเล่นกับสองฝาแฝดเหมือนเช่นทุกวัน
“ยายบอสไปเล่นนำใหญ่นงค์ก่อนเด้อ” สาย ๆ ของวันบอสขอยายไปบ้านย่า สุดท้ายก็แพ้ให้กับความเบื่อจนได้ ไปเล่นกับสองฝาแฝดเหมือนเดิม เพียงแค่ยกชื่อของย่ามาอ้างเท่านั้น
“มืงอย่าลงไปคุ้มใต้กับคุ้มโรงเรียนเด้อหนิ รถตู้จับไปจอตาเด้! ขั้นบอกบ่ฟังลักไปเล่นกูแส่ฮีดเลยถ่าเบิ่ง” ยายห้ามแกมขู่ไปในตัว
“เอ้อ!!! บ่ไปหรอก ย่านตะคนไปหลาย” บอสตอบทำหน้าหงุดหงิดให้ยาย ทว่าภายในใจไม่คิดจะกลัวคำขู่เลยด้วยซ้ำถ้าจะไป ในใจตอนนี้คิดจะชวนพิมพ์กับแพรวไปเล่นกับจ๋อม ซึ่งบ้านของจ๋อมอยู่คุ้มโรงเรียนนู่น หรือไม่ก็อาจไม่ไป
“แล่นไปหาตะเล่น อยู่ติดเฮือนจักเทือแน เฮือนจะของกะมีบ่จักอยู่” ยายบ่นให้อีก มือก็กวาดหน้าบ้านไปด้วย ยายนุ่งเพียงผ้าถุงเปลือยท่อนบนเพราะอากาศร้อน โชว์นมให้บอสเห็น ซึ่งบอสเห็นจนชินตาแล้ว
“ บ่! บอสคร้านอยู่ มันบ่มวนนั่นเด้ มีมูจังมวน” บอสเถียงยายอีก แต่ยายไม่เถียงกลับก้มหน้าก้มตากวาดหน้าบ้านต่อให้เสร็จ
พอขอยายแล้วบอสก็เดินไปบ้านหาพี่สาวฝาแฝดเลย ไม่สนใจยายอีกต่อไป วันนี้ไม่ขอเงินค่าขนมยายด้วย เนื่องจากก่อนแม่จะกลับไปกรุงเทพ แม่ให้เงินบอสกับน้องบีมคนละหนึ่งร้อยบาท บอสจึงไม่ขอเงินกับยาย บอสทั้งเดินทั้งกระโดดไปตามทางอย่างสบายใจ
“คือกระโดดแถะอี่น้องบอส คือบ่ยางเอาซือ ๆ บ่ฮ้อนบ่ ไปเล่นนำฝาแฝดบ่” ระหว่างทางก่อนถึงบ้านของย่ากับสองฝาแฝดต้องผ่านบ้านของป้าก่อน ป้าเอ่ยถามเธอ เป็นปกติทุกครั้งที่เดินผ่าน ถ้ามาเจอป้าพอดีป้ามักจะถามไถ่เสมอ
“แมน! หมูอี้ดไปไส” บอสตอบพร้อมถามหาน้องสาว หมูเป็นรุ่นน้องของบอสสองปี บอสชอบเติมชื่อให้น้องสาวคนนี้เสมอเป็น ‘หมูอี้ด’ รวมทั้งสองฝาแฝดด้วยที่เรียกตาม ถึงหมูอี้ดจะเป็นรุ่นน้องของบอสสองปี แต่หมูอี้ดมีพี่สาวโตกว่าบอสสามปี
“มันกะอยู่หนิแหล่วสิไปเล่นไส เบิ่งจะโทรทัศน์เมิดมื้อเมิดเว๊น น้องไปไส?” ป้าถามเพราะทุก ๆ เห็นมาด้วยกัน
“น้องบีมไปเล่นเฮือนยายเหี่ยน” บอสตอบ หยุดคุยกับป้าครู่เดียวก็ขอตัว ก่อนไปป้าเอาข้าวโพดข้าวเหนียวต้มให้ด้วย วานให้ถือไปให้ย่าด้วย จากบ้านของป้ามายังบ้านของย่าห่างกันไม่กี่หลัง อยู่ภายในบริเวณคุ้มเดียวกัน เดินมาครู่เดียวก็ถึง
บอสเดินมาถึงบ้านของสองฝาแฝด ทีแรกบอสคิดว่าจะเข้าไปหาพี่ ๆ เลยค่อยเอาข้าวโพดไปให้ย่า ทว่าภายในใจมันดันสั่งให้ไปหาย่าก่อนดีกว่า บอสจึงหักเลี้ยวตัวอัตโนมัติ ข้ามถนนไปหาย่าเลย จากจะเดินเข้าบ้านไปหาสองฝาแฝดอยู่แล้ว ในมือก็ถือถุงข้างโพดต้มอยู่
“โอ้ย!!! ผีบ้าเอ้ย มาฮอดแล้วสิเข้ามากะบ่เข้ามา” ป้าแพงเห็นแล้วแซวเข้า แต่เธอไม่สนใจ ทำหูทวนลมข้ามถนนไปหาย่าที่บ้านเลย
เมื่อข้ามถนนมาได้แล้ว บอสค่อย ๆ หย่องเบามาหาย่าที่กำลังนั่งเคี้ยวหมากอยู่บนแคร่ใต้ถุนบ้าน “ใหญ่นงค์!! ฮ่า…” เมื่อมาถึงตัวบอสเรียกย่าเสียงดังกะให้ตกใจ แต่ย่าดันไม่ตกใจเสียอย่างนั้น หั่นหน้ามาโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น แถมยังเยาะเย้ยบอสไปอีก
“มาจาดคนหยังว่ะ ไผสิตื่น!” ย่าพูดปนยิ้ม ซึ่งเป็นรอยยิ้มแห่งการเยาะเย้ยถากทางมาก
“อะ… ป้าตาลเอาข้าวโพดมาให้ ข้าวโพดข้าวเด้หนิ” บอสนำถึงข้าวโพดวางบนแคร่ข้าง ๆ ย่า พร้อมแกะกินฝักหนึ่งด้วย เป็นข้าวโพดข้าวเหนียวที่ป้าปลูกเอง ฝักแน่นเนื้อหวานมากอร่อยดี
“น้องไปไส? คือบ่มานำกัน” ย่าถามหาน้องบีมอีกคน
“ไปเล่นนำหลานยายเหี่ยน” บอสตอบ เดินนั่งไกวเปลแทะข้าวโพดอย่างเอร็ดอร่อย ระหว่างที่นั่งไกวเปลอยู่นั้น บอสมองเห็นว่าข้าง ๆ บ้านของย่ามีกองดินสามกอง ย่าสั่งดินมาทำอะไรกัน “ใหญ่นงค์เอาดินลงเฮ็ดหยังน่ะ”
“เอามาถมข้างโอ่งนั่นเด้ มันหล่มฝนตกมาน้ำห่ง” ย่าตอบ “มากะดีคือกัน ขนดินให้แนเด้อ”
“พุ่น! ว่าตะบอสมายามใด ใหญ่นงค์มาใช้ตะบอสแถะว่ะ อ้ายกอล์ฟกับอ้ายโจไปไสคือบ่ใช้” บอสค่อนขอดย่าด้วยความขี้เกียจ
“ใช้อีหยัง! คนหัวกะใช้กะว่าใช้ดู จ้างสิบบาทขนนำกันกับอ้าย” ย่ายังยัดเยียดให้อีก ทั้งคุยกับเธอทั้งเคี้ยวหมากไปด้วย ขณะนี้ก็ได้ยินเสียงโทรทัศน์ดังมาจากบนบ้าน ไม่ต้องถามเลยว่าใคร พี่ชายทั้งสองคนนั่นแหละ เก้าโมงของวันนี้แดดจ้ายิ่งกว่าเที่ยง
ตอนแรกที่บอสมาที่นี่เพื่อจะตบตายายแล้วแอบไปหาจ๋อมที่บ้าน พอไป ๆ มา ๆ ก็นึกไม่อยากไปแล้ว อยู่ขนดินรับจ้างย่าดีกว่า ได้เงินตั้งสิบบาท จะได้ไม่ต้องเอาเงินที่แม่ให้ไปซื้อขนมกิน เอาเงินที่ย่าจ้างซื้อแทน ส่วนเงินของแม่ค่อยเอาไปซื้อขนมกินวันพรุ่งนี้
“บอสไปเอิ้นอี่แฝดมาขนซอยนำเด้อใหญ่นงค์ เอาบ่? ใหญ่นงค์จ้างมันนำบ่” บอสถามย่า อยากให้พี่สาวสองคนได้เงินค่าจ้างด้วย จะได้เอาไปซื้อขนมกินด้วยกัน จะได้ไม่ต้องมาขอแบ่งตนเองกินด้วย
“จ้าง… ไปเอิ้นมาโลด! มาขนซอยกันให้มันเร็ว ๆ” ย่าไม่ห้าม
“จ้างบอสอิหลิล้า!!!! คนละสิบบาทน่ะ” บอสย้ำ ลุกจากเปลเตรียมเดินไปชวนพี่สาวสองฝาแฝดมาช่วยขนดินด้วยกัน
“เสี่ยวมืงบ่เดี๋ยวหนิ หะฟ้าวไปเอิ้นเอื้อยมาขนซอยกันให้มันแล้ว ข้ามหนทางเบิ่งรถก่อนแนล่ะ” โดนย่าเอ็ดไปที จากนั้นบอสก็ลุกจากเปลเดินข้ามถนนไปบ้านลุงวิทย์ ชวนพี่สาวสองคนมาขนดินรับจ้างย่าด้วยกัน
ข้ามถนนมาถึง บอสเดินไปยังหน้าบ้านหาพิมพ์กับแพรว เป็นไปตามคาดการณ์เอาไว้ว่า ทั้งสองคนดูรายการโทรทัศน์อยู่ในบ้าน “แฝดไปขนดินรับจ้างใหญ่นงค์บ่ เราจ้างคนละสิบบาท” บอสยืนไหล่พิงประตูบ้านพูดกับพี่ ๆ ไม่ยอมเดินเข้าไปหา
ทั้งสองคนหันมามองบอสเป็นสายตาเดียวกัน “เราจ้างบ่?” แพรวถาม
“แมน! ขนบ่? มืงบ่ขนกะซาง กูจะขนเอาเงินสิบบาทกับอ้ายโจกับอ้ายกอล์ฟ” บอสพูดปนยิ้ม ไม่สนว่าพี่สาวทั้งสองคนจะทำด้วยไหม แต่บอสจะทำ! “ขั้นจะขนกะมาแหมะ ใหญ่นงค์บอกว่าเฮ็ดตอนหนิล่ะ กูไปก่อนเด๊อ” พูดจบบอสกำลังจะหันหลังกลับ ต้องหยุดชะงักกับเสียงเรียก
“บอสถ่ากูนำ กูกะขน” พิมพ์เอาด้วย พูดพร้อมลุกขึ้นเดินมาหาเธอ
“ไปนำ!” แพรวอีกคนที่พอเห็นพิมพ์เอาด้วย ตนเองก็เอาด้วย พวกเธอสามคนพี่น้องเดินข้ามถนนกลับไปบ้านหาย่าเพื่อทำงานขนดินแลกเงิน
“ใหญ่นงค์มาแล้ว” เมื่อเดินข้ามมาถึงบอสก็เรียกย่าเลย มองไปตรงกองเดินเห็นพี่โจกับพี่กอล์ฟเริ่มขนดินกันแล้ว
“ไป… นี่กะคุคนละอัน! เอามาเทลงข้างโอ่งแดงหนิเด้อ” ย่านำคุถังใบขนาดพอดีมาให้พวกเธอคนละอัน ให้พวกเธอทำงาน “เอาให้มันแล้วมื้อหนิเลยเด้อ ดินหน่อย ๆ นึง”
เมื่อพวกเธอรับอุปกรณ์การทำงานมาแล้ว ก็เริ่มลงมือกันเลย โดยพี่โจเป็นคนใช้จอบตักดินใส่คุถังให้แต่ละคนเอง จากนั้นก็หิ้วดินไปเทใส่ตำแหน่งที่ย่าบอก ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากกองดินเลย จึงแลดูไม่เป็นปัญหากับพวกเธอ ยกคุถังที่มีดินในนั้นได้สบาย
พวกเธอทำไปเล่นไปคุยกันไปไม่เหนื่อยด้วยซ้ำ กลับสนุกมากกว่า เสียงหัวเราะของแพรวดังเป็นที่หนึ่ง แล้วย่าก็ไม่ได้มายืนคุมด้วย ได้แค่ไหนก็เอาแค่นั้น เพราะลุงบินกับป้าต้อยก็มาทำต่อให้เสร็จอยู่ดี
“โอย!!! อ้ายโจแหมะ ห่วย! คือตักให้บอสหลายแถะบอสกะหนักเป็น!” บอสบ่นพี่ชาย ถึงจะสนุกแต่ก็เริ่มเมื่อยบ้างแล้ว บอสรู้สึกว่าพี่โจจะใส่ดินให้เยอะกว่าเดิมขึ้นเรื่อย ๆ แบบลืมตัวหรืออย่างไร
“ให้หลายอีหยัง อ้ายกะตักให้ซำเก่า” พี่โจปฏิเสธปนหัวเราะ ขณะนี้บอสนั่งไถลไปกับดินเลย ไม่ห่วงตัวเปื้อนอะไรทั้งสิ้น รวมทั้งสองฝาแฝดด้วย ที่นั่งคลุกไปกับดินเช่นกัน “สามตัก!”
“สามตักกะแมนอยู่ ตะว่าตักใหญ่กว่าเก่านั่นเด้!” บอสยังค่อนขอดพี่ชายไม่หยุด เพราะรอบที่แล้วหนักมาก
“ไป ๆ เอารอบหนิไปเทก่อน รอบหน้าอ้ายตักให้หน่อย ๆ” พี่โจยอมรับผิดปนรอยยิ้ม พอบอสรับดินแล้ว บอสก็ลากคุถังไปกับพื้น ยกไม่ขึ้นเพราะหนักความจริงไม่หนักเท่าไหร่เมื่อยมากกว่า ดินเทกระจายไปตามทางที่ลากไปย่าก็ไม่เอ็ด ปล่อยพวกเธอทำกันไป
“ป้าด!!!! คนงานขนดินมาหลายแถะยาย แล้วมื้อหนิล้า” ป้าเอ๋ลูกย่าน้อยแซวพวกเธอ “พุ้นคนงานผู้นึงเกลือกขี้ดินไปนำทางแล้วพุ่น” ป้าเอ๋พูดถึงเธอ ทำเอาทุกคนหันมามองเธอ และ หัวเราะกันใหญ่ รวมทั้งเธอด้วยที่หัวเราะตัวเอง
“ใช้มันเฮ็ดถ่าเขาซือ ๆ หนิแหล่ว มืงสิไปไส” ย่าตอบหลานสาว ย่านั่งมองพวกเธอทำที่แคร่ใต้ถุนบ้าน ปล่อยพวกเธอทำได้ตามอัธยาศัย
“ไปร้านค้าตั้ว เจ้ามาบ่ไปนครพนมนำเขา ไปเที่ยว! ทีแรกยายน้อยกะว่าสิบ่ไปเด๊ ข่อยว่าไปโลดไปหาเที่ยวบ้านลูกเขยสั่นหรอก” ป้าเอ๋ยืนคุยกับย่า พูดถึงครอบครัวของครูกิ๋ม สามีของครูกิ๋มเป็นคนจังหวัดนครพนม
“บ่ไปกูคร้านนั่งรถ เขามาชวนอยู่นั่นแหล่ว สิมามื้อใดหั่น” ย่าถามถึงคนเป็นพี่สาว
“สองสามมื้อกะมาแล้ว ยายน้อยว่ากูบ่อยู่โดนดิบ่แมนบ้านกูว่าสั่น” ป้าเอ๋นินทาผู้เป็นแม่ของตนเองปนหัวเราะ ก่อนจะขอตัวจากย่าไปทำธุระต่อ “คนงานเอาให้มันแล้วเด้อมื้อหนิ” ก่อนไปป้าเอ๋มิวายหันมาแซวพวกเธออีกรอบ
“จ้า!” พวกเธอสามคน ยกเว้นพี่กอล์ฟกับพี่โจ พร้อมใจกันรับปากอย่างพร้อมเพียง
“มาเกลือกขี้ดินคักแท้!!!! ล่ะคลานไปนำขี้ดินอยู่เฮ้ย ลุกขึ้นเฮ็ดดี ๆ แนเป็นหยัง” ย่าท้วง แต่ก็แค่ทักไม่ได้ออกคำสั่งอะไร นาทีนี้พวกเธอสามคนยกเว้นพี่กอล์ฟ ต่างไถลลากคุถังไปกับดินเพราะเริ่มเมื่อยแล้ว ดูผลลัพธ์ก็ทำงานได้เยอะพอสมควร ส่วนมากจะเป็นพี่กอล์ฟทำเสียมากกว่า “ได้บ่น้อเงินสิบบาทมื้อหนิ”
“ได้! ฮ่วยอี่ใหญ่ว่าจ้างล่ะน้อ ต้องจ่ายบอสกับอี่แฝดกับอ้ายโจอ้ายกอล์ฟล้า” บอสทำหน้ามุ่ยกลัวไม่ได้ค่าจ้าง “เว้าละต้องเป็นเว้า บ่พันคืนคำ!”