4
เริ่มแรกผมยังไม่กล้าเข้าหาวีโอล่ามากเท่าไหร่นัก
เธอคือหญิงผู้งดงาม ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง และอยู่สูงเกินกว่าที่จะมารักคนอย่างผมได้
และความกลัวนั้น ทำให้ผมไม่แน่ใจในความรู้สึกที่ตัวเองมีต่อวีโอล่า เช่นเดียวกันกับความรู้สึกของวีโอล่าที่มีต่อผม
นี่เป็นเพียงเรื่องโกหกหรือเปล่า --
เรื่องราวระหว่างเราคงจะจบลงไปนานแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะเราต้องร่วมกันเขียนบทละครสลักรักให้กลายเป็นฉบับภาพยนตร์
หลายครั้งที่กลิ่นหอมกุหลาบจากร่างของเธอ ทำให้ผมเสียสมาธิ และเผลอไขว้เขวไปกับส่วนเว้าส่วนโค้งที่อยู่ภายใต้ชุดกระโปรงนั่น
การอยู่ใกล้วีโอล่า เริ่มเป็นการท้าทายความอดทนของผม
ผมห้ามไม่ให้ตัวเองเข้าไปใกล้เธอไม่ได้แม้สักวัน และนั่นทำให้ยิ่งนานวันไป ผมก็ยิ่งมองเห็นรายละเอียดบนใบหน้าและเรือนร่างของวีโอล่าได้ชัดเจนมากขึ้น และใกล้ชิดมากขึ้น
ผมสัมผัสได้ถึงความดุดัน และเอาจริงเอาจังในดวงตาของเธอ -- สีฟ้าเข้มในดวงตานั้นทำให้ผมนึกถึงคลื่นทะเลที่พัดกระหน่ำอย่างบ้าคลั่งจากแรงพายุก็ไม่ปาน
วีโอล่าเป็นผู้หญิงที่ดำดิ่ง และลึกซึ้งในสิ่งที่ตัวเองทำ -- หลายครั้งที่เธอจุดบุหรี่ในตอนที่ใช้ความคิด และทบทวนงานของเราอย่างละเอียด บางครั้งเธอก็สูบจัดเกินไป จนสมิธ เพื่อนที่ร่วมเขียนบทละครกับผมมานาน ถึงกับแอบสบถออกมา ในตอนที่เธอไม่อยู่
“ฉันเกลียดกลิ่นบุหรี่! ฉันไม่ชอบวีโอล่าเอาเสียเลย เธอทำงานโดยไม่สูบบุหรี่ไม่ได้หรือไงกันนะ!”
ทว่าผมไม่สนใจควันบุหรี่เหล่านั้น -- ผมสนใจที่ใบหน้าของเธอเท่านั้น
ริมฝีปากอิ่มนั่นถามผมถึงที่มาของตัวละครอย่างละเอียด และน้ำเสียงที่เธอพูดบทของตัวเองออกมาก็เต็มไปด้วยอารมณ์อันรุนแรง
เสียงของเธอที่พูดตามตัวอักษรที่ผมเขียนนั้น ทำให้ผมใจสั่นขึ้นมามากกว่าเดิม
จนวันหนึ่งเธอก็ขยับเข้ามาใกล้ผมมากขึ้น -- ใกล้เสียจนผมสัมผัสได้ถึงท่อนแขนของเธอที่สัมผัสเข้ากับท่อนแขนของผม --
ผมจำได้ว่าวันนั้นผมยังได้กลิ่นกุหลาบของเธอบนแขนตนเอง แม้ว่าเวลาจะล่วงเลยจนมืดค่ำไปแล้ว -- ผมยังจำได้อีก ว่าผมยังได้กลิ่นของเธอในตอนที่ผมอาบน้ำ แล้วโน้มตัวลงนอน -- กลิ่นหอมนั่น ทำให้คืนนั้นผมฝันว่าเธอนอนอยู่ข้างผม
ผมลืมตาตื่นขึ้น แล้วไปเจอวีโอล่าที่สตูดิโออีกเช่นเดิม -- วนไปอยู่เช่นนี้ พร้อมกับความใกล้ชิดของผมกับเธอที่เพิ่มมากขึ้น
การเขียนบททำให้ทั้งผมและวีโอล่าสนิทกันมากขึ้น และได้เรียนรู้อีกฝ่ายมากขึ้น
และสิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากการใช้เวลาร่วมกับวีโอล่าก็คือ เธอคือผมในร่างหญิง
แม้แต่สมิธก็ลงความเห็นว่าแบบนั้น ตั้งแต่ตอนที่ถูกผมดึงตัวให้มาร่วมงานเขียนบทภาพยนตร์เรื่องนี้แรกๆ
“และนายก็คือวีโอล่าในร่างชาย”
ผมประหลาดใจที่พบว่าสมิธพูดถูก
ครั้งแรกที่ผมรู้สึกแบบนั้นกับวีโอล่า เป็นตอนที่เธอพูดขึ้นมาว่า “บทของตัวเอกจะถูกเปลี่ยนไปจากต้นฉบับไม่ได้” ในตอนที่มีคำสั่งมาจากทางผู้สร้างว่าให้ตัดบทพูดของตัวเอกไปเสีย
ผมไม่คิดว่าเธอจะยืนหยัดเพื่อบทประพันธ์ต้นฉบับของผมเสียขนาดนั้น
อันที่จริง ผมไม่คิดว่าจะมีวันที่มีคนมายืนหยัดเพื่อบทประพันธ์ของผมขนาดนี้ นอกจากตัวของผมเอง
“วีโอล่า” แซม เบิร์ช ผู้จัดการส่วนตัวของวีโอล่าปรามอย่างรวดเร็ว “ระวังคำพูดของตัวเอง เรื่องนี้ถูกสั่งมาจาก
เขาโดยตรง”
วีโอล่านิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะบอกแซมว่า “งั้น
เขาควรจะมาพูดกับเจ้าของบทประพันธ์โดยตรง”
ผู้สร้างคนนั้นปรากฏตัวขึ้นในวันเดียวกัน
ชายร่างสูงคนหนึ่งเดินเข้ามาในชุดเสื้อคลุมสีดำตัวยาว กลิ่นหอมของอำพัน และกลิ่นไหม้ของหญ้าแฝกฟุ้งไปทั่วทั้งห้องในทันทีที่เขามาถึง
ใบหน้ายาวนั้นเชิดขึ้นเล็กน้อย ท่าทีดูไว้ตัวอยู่ในที ในขณะที่ดวงตาสีเขียวมองสำรวจไปรอบๆห้องสตูดิโอแห่งนี้
เขามองผมสลับกับสมิธ จากนั้นก็หยุดลงที่ผม
“คุณคือนักเขียนที่วีโอล่าพูดถึงคนนั้น” เขาพูดออกมาเป็นประโยคแรก น้ำเสียงดูจริงจังจนแทบจะเป็นน่ากลัว
ผมขานรับกลับไป
เขาเดินเข้ามาใกล้ผม ดวงตาสีเขียวหรี่เล็กน้อย ขณะมองผมตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า -- เขามองผมอยู่นาน จากนั้นจึงโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ แล้วทำสิ่งที่แปลกประหลาดออกมา
เขา
ดมกลิ่นผม
“กลิ่นวีโอล่า” เขาพูดออกมาสั้นๆ
“แอรอน คิงส์” วีโอล่าพูดขึ้นมาจากอีกทางด้านหนึ่งของห้อง
ร่างเล็กในชุดกระโปรงสีดำเข้ารูปนั้นเดินตรงมาทางเราอย่างช้าๆ ดวงตาคู่โตจับจ้องไปทางแอรอนนิ่ง
“คุณต้องการคุยกับฉันเรื่องบทภาพยนตร์” วีโอล่าพูดราวกับจะเตือนความจำอีกฝ่าย
แอรอนไม่ได้พูดอะไร นอกจากเดินตามเธอไปนอกห้อง มือข้างหนึ่งโอบเอวของวีโอล่าอย่างแนบแน่น และนั่นทำให้ผมนิ่งชะงักไป
ท่าทีของพวกเขาดูราวกับคนที่สนิทและใกล้ชิดกันมานานแล้ว --
ตอนนั้นเองที่แอรอน คิงส์หันมามองผม
มันเป็นสายตาที่จริงจังราวกับกำลังพยายามมองทะลุไปให้ถึงจิตวิญญาณของผมก็ไม่ปาน -- ผมมองตอบเขาโดยไม่หลบสายตา -- จ้องมองกลับไปราวกับพยายามอ่านความคิดของเขา
ท่าทีของผมคล้ายจะทำให้แอรอนยิ้มออกมาเล็กน้อยที่มุมปาก -- เขาละสายตาจากผม แล้วเดินออกไปจากห้อง
เมื่อเสี้ยววินาทีนั้นผ่านพ้นไป ผมก็พบว่าตัวเองกำลังถูกสายตาของใครอื่นจ้องมองมาแทน
แซม เบิร์ชเดินเข้ามาใกล้ผมในทันที
“ฉันได้ยินมาว่านายกำลังคบหากับวีโอล่า” เขากระซิบ ราวกับต้องการให้ได้ยินเฉพาะผมกับเขา
ผมมีใจให้วีโอล่า นั่นจริงอย่างแน่นอน -- แต่สำหรับวีโอล่านั้น ผมยังไม่แน่ใจนัก
“อย่า” แซมเตือนเสียงต่ำ ดวงตาหยีเล็กจ้องมองมานิ่ง “อย่ารักกับวีโอล่า -- อย่าแม้แต่จะคิด”
คำเตือนนั้นทำให้ผมมองเขากลับไปโดยไม่หลบสายตา
“อะไรทำให้คุณกล้าสั่งผมแบบนั้น”
“นายก็รู้ว่าเพราะ
อะไร” แซมตอบ “นายรู้ดีแก่ใจดี ว่านายรักวีโอล่าไม่ได้หรอก”
ผมไม่ได้ตอบคำถามนั้น
ภายในห้องตกอยู่ในความเงียบอยู่นาน ทั้งผม สมิธ และแซมต่างไม่ได้พูดอะไรออกมา นอกจากสบตามองกัน แล้วเดินไปเดินมาภายในห้อง เฝ้ารอให้วีโอล่าและแอรอนกลับเข้ามา
หลังจากผ่านไปเกือบชั่วโมง วีโอล่าก็เดินกลับเข้ามาในห้อง พร้อมกับคำตอบว่า “เราไม่ต้องเปลี่ยนบทตัวหลัก”
แซมเป่าปากมาอย่างโล่งอก -- และนั่นทำให้ผมรู้ในทันทีว่าเขาเป็นกังวลกับการที่วีโอล่าเผชิญหน้ากับชายที่ชื่อแอรอน คิงส์
“นายไม่รู้หรือ” สมิธถามผม ในตอนที่เราปลีกตัวมาซื้อกาแฟตอนค่ำ “แอรอน คิงส์คือผู้สร้างรายใหญ่”
ผมปฏิเสธ
“เขาเป็นชายที่ทรงอิทธิพล” สมิธรับกาแฟมาจากพนักงาน “และเป็นชายทรงเสน่ห์ที่สุดในวงการ ไม่ว่าหญิงหรือชายต่างก็หลงรักเขา”
ผมคว้าถุงโดนัทมาจากเคาน์เตอร์ เดินตามสมิธออกไปนอกร้าน “
ไม่ว่าหญิงหรือชายงั้นหรือ” ผมทวน
“เขาเป็นชายผู้เป็นเจ้าของความรักทุกรูปแบบ” สมิธอธิบาย
ความรักทุกรูปแบบ -- ผมเลิกคิ้วกับคำขยายความนั่น
“เอาเป็นว่าเขารับและให้ความรักได้ทั้งกับหญิงและชาย ลือกันว่าวีโอล่าเองก็เป็นหนึ่งในคนที่เคยมีประวัติกับแอรอน คิงส์มาก่อน” สมิธบอก ก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อมองถุงขนมในมือผม “นายซื้อโดนัทไปให้ใคร”
“วีโอล่า” ผมตอบ “เธอชอบโดนัทแบบเคลือบน้ำตาลสูตรดั้งเดิม”
สมิธมองผมอย่างแปลกใจ “นายรู้จักเธอดีขนาดนี้แล้วหรือ”
ผมมองเขาแทนคำตอบ
สมิธหยุดฝีเท้าลงทันที “เอาล่ะ ฉันต้องพูดกับนายอย่างตรงไปตรงมา” เขาหันมามองผมโดยตรง “ฉันรู้ว่านายชอบวีโอล่า”
ผมพยักหน้ารับ “ใช่”
คำตอบรับนั่นทำให้สมิธมองผมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล “ลอว์เรนซ์ ฉันรักนาย” เขาบอก
“ฉันก็รักนาย สมิธ” ผมยิ้ม “นายเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน”
“ฉันรักนาย -- อาจจะน้อยกว่าโรเบิร์ต -- แต่ฉันห่วงใยนาย
จริงๆ”
“โรเบิร์ตเป็นอย่างไรบ้าง” ผมถาม
“เขาก็มีความสุขดี โดยเฉพาะกับการกิน” สมิธเม้มริมฝีปากเล็กน้อย ดูรวบรวมความกล้าในการพูดกับผมในครั้งนี้ “ให้ตายสิ มันทำให้ฉันต้องถามนายอีกครั้ง ว่านายแน่ใจแล้วหรือ ว่าวีโอล่าจะรักนายจริงๆ”
สมิธรู้ว่าผมเองก็ไม่แน่ใจในคำตอบนั้น
ตลอดเวลาหลายเดือนที่เราร่วมกันเขียนบท สมิธมองเห็นทุกอย่างอยู่ตลอดเวลา --
เขารู้ว่าผมกับวีโอล่าเหมือนกันมากแค่ไหน และเขาก็รู้อีกด้วยว่าความรู้สึกที่ผมมีให้วีโอล่านั้น อาจจะ --
อันตรายเกินไป
“เธออาจจะเป็นผู้หญิงของแอรอน คิงส์” สมิธเตือนอย่างตรงไปตรงมา “และทุกคนรู้ ว่าแอรอน คิงส์ไม่เคยใช้คนรักร่วมกับใคร ลอว์เรนซ์ มันมีเหตุผลที่ทำไมเขาถึงกลายเป็นคนทรงอำนาจในวงการนี้ได้เร็วขนาดนี้ -- ฉันไม่อยากเห็นนายมีปัญหา เพราะไปหลงรักผู้หญิงผิดคน -- ฉันไม่อยากเห็นนายต้องเจ็บปวด เพราะไปหลงรักผู้หญิงที่ไม่ได้รักนาย”
“ฉันรักเขา” เสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากเบื้องหน้าเรา
ผมและสมิธหันไปตามเสียงนั้น ก่อนจะพบว่าวีโอล่ากำลังยืนมองเราอยู่ที่หน้าอาคาร
เธอกระชับเสื้อคลุม แล้วเดินเข้ามาใกล้เรามากขึ้น จากนั้นจึงย้ำออกมาว่า “ฉันรักคุณ ลอว์เรนซ์”
ผมนิ่งตะลึงกับคำสารภาพที่ตรงไปตรงมานั่น
“และฉันไม่ใช่ผู้หญิงของแอรอน คิงส์” วีโอล่าบอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ใบหน้างามมองตรงมาทางผมอย่างเปิดเผย “ฉันไม่ใช่ผู้หญิงของเขา”
ทว่าสายตาที่มองกัน และท่าทีสนิทสนมที่แสดงออกมาระหว่างเธอกับแอรอนนั้น กลับทำให้ผมคลางแคลงใจ
ผมคงจะไม่เชื่อคำพูดของวีโอล่า ถ้าไม่ใช่เพราะคืนนั้นผมเห็นเธอล้างมือในห้องน้ำสตูดิโออย่างรุนแรงจนเลือดออก
ผมรั้งเธอออกมาจากห้องน้ำหญิงอย่างรวดเร็ว รีบควานหาผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าเสื้อคลุมตัวเองออกมาเช็ดเลือดให้เธออย่างเบามือ
วีโอล่ามองท่าทีของผมเงียบๆ ก่อนจะถามออกมาว่า “คุณยังไม่กลับหรือ”
ผมส่ายหน้า
“คุณแอบตามฉันมาหรือ”
ใช่ -- ผมตอบคำถามนั้นในใจ
แต่ผมกลับตอบเธอไปว่า “ประตูห้องน้ำเปิดอยู่น่ะ”
ผมรู้ว่าผมตอบไม่ตรงคำถาม แต่ผมก็ไม่สนใจที่จะตอบเธอด้วยคำตอบอื่น นอกจากพยายามเช็ดเลือดจากแผลบนมือของเธอ
วีโอล่าเองก็ไม่ได้คาดคั้นเอาคำตอบจากผม เธอจับมือผมแน่น -- แน่นเสียจนทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมองเธอ
ตอนนั้นเองที่ผมเห็นว่าใบหน้าของวีโอล่าดูเศร้าจนน่าใจหาย
“ฉันไม่ชอบสัมผัสของเขา” เธอกระซิบออกมา
อะไรบางอย่างทำให้ผมรู้ว่าเขาคนนั้นคือแอรอน คิงส์
ผมจับมือเธอแน่น “ไม่เป็นไร” ผมบอกเสียงเบา “ผมจะเช็ดเลือดให้คุณเอง”
คำว่าไม่เป็นไร ราวกับจะปลอบประโลมให้เธอสงบลง -- ใบหน้างามดูผ่อนคลายเล็กน้อย ก่อนที่จะไว้วางใจให้ผมอยู่เคียงข้างเธอ
วันนั้นวีโอล่าอาจจะไม่ได้บอกความจริงผมเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเธอและแอรอน -- แต่ถึงอย่างนั้นแล้วเธอก็ไม่ได้โกหกผม ในตอนที่บอกว่ารักผม
และนั่นทำให้เรื่องของเรายังคงดำเนินต่อไปหลังจากคืนวันนั้น
สลักรัก The Last Masterpiece ตอนที่ 4
เธอคือหญิงผู้งดงาม ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง และอยู่สูงเกินกว่าที่จะมารักคนอย่างผมได้
และความกลัวนั้น ทำให้ผมไม่แน่ใจในความรู้สึกที่ตัวเองมีต่อวีโอล่า เช่นเดียวกันกับความรู้สึกของวีโอล่าที่มีต่อผม
นี่เป็นเพียงเรื่องโกหกหรือเปล่า --
เรื่องราวระหว่างเราคงจะจบลงไปนานแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะเราต้องร่วมกันเขียนบทละครสลักรักให้กลายเป็นฉบับภาพยนตร์
หลายครั้งที่กลิ่นหอมกุหลาบจากร่างของเธอ ทำให้ผมเสียสมาธิ และเผลอไขว้เขวไปกับส่วนเว้าส่วนโค้งที่อยู่ภายใต้ชุดกระโปรงนั่น
การอยู่ใกล้วีโอล่า เริ่มเป็นการท้าทายความอดทนของผม
ผมห้ามไม่ให้ตัวเองเข้าไปใกล้เธอไม่ได้แม้สักวัน และนั่นทำให้ยิ่งนานวันไป ผมก็ยิ่งมองเห็นรายละเอียดบนใบหน้าและเรือนร่างของวีโอล่าได้ชัดเจนมากขึ้น และใกล้ชิดมากขึ้น
ผมสัมผัสได้ถึงความดุดัน และเอาจริงเอาจังในดวงตาของเธอ -- สีฟ้าเข้มในดวงตานั้นทำให้ผมนึกถึงคลื่นทะเลที่พัดกระหน่ำอย่างบ้าคลั่งจากแรงพายุก็ไม่ปาน
วีโอล่าเป็นผู้หญิงที่ดำดิ่ง และลึกซึ้งในสิ่งที่ตัวเองทำ -- หลายครั้งที่เธอจุดบุหรี่ในตอนที่ใช้ความคิด และทบทวนงานของเราอย่างละเอียด บางครั้งเธอก็สูบจัดเกินไป จนสมิธ เพื่อนที่ร่วมเขียนบทละครกับผมมานาน ถึงกับแอบสบถออกมา ในตอนที่เธอไม่อยู่
“ฉันเกลียดกลิ่นบุหรี่! ฉันไม่ชอบวีโอล่าเอาเสียเลย เธอทำงานโดยไม่สูบบุหรี่ไม่ได้หรือไงกันนะ!”
ทว่าผมไม่สนใจควันบุหรี่เหล่านั้น -- ผมสนใจที่ใบหน้าของเธอเท่านั้น
ริมฝีปากอิ่มนั่นถามผมถึงที่มาของตัวละครอย่างละเอียด และน้ำเสียงที่เธอพูดบทของตัวเองออกมาก็เต็มไปด้วยอารมณ์อันรุนแรง
เสียงของเธอที่พูดตามตัวอักษรที่ผมเขียนนั้น ทำให้ผมใจสั่นขึ้นมามากกว่าเดิม
จนวันหนึ่งเธอก็ขยับเข้ามาใกล้ผมมากขึ้น -- ใกล้เสียจนผมสัมผัสได้ถึงท่อนแขนของเธอที่สัมผัสเข้ากับท่อนแขนของผม --
ผมจำได้ว่าวันนั้นผมยังได้กลิ่นกุหลาบของเธอบนแขนตนเอง แม้ว่าเวลาจะล่วงเลยจนมืดค่ำไปแล้ว -- ผมยังจำได้อีก ว่าผมยังได้กลิ่นของเธอในตอนที่ผมอาบน้ำ แล้วโน้มตัวลงนอน -- กลิ่นหอมนั่น ทำให้คืนนั้นผมฝันว่าเธอนอนอยู่ข้างผม
ผมลืมตาตื่นขึ้น แล้วไปเจอวีโอล่าที่สตูดิโออีกเช่นเดิม -- วนไปอยู่เช่นนี้ พร้อมกับความใกล้ชิดของผมกับเธอที่เพิ่มมากขึ้น
การเขียนบททำให้ทั้งผมและวีโอล่าสนิทกันมากขึ้น และได้เรียนรู้อีกฝ่ายมากขึ้น
และสิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากการใช้เวลาร่วมกับวีโอล่าก็คือ เธอคือผมในร่างหญิง
แม้แต่สมิธก็ลงความเห็นว่าแบบนั้น ตั้งแต่ตอนที่ถูกผมดึงตัวให้มาร่วมงานเขียนบทภาพยนตร์เรื่องนี้แรกๆ
“และนายก็คือวีโอล่าในร่างชาย”
ผมประหลาดใจที่พบว่าสมิธพูดถูก
ครั้งแรกที่ผมรู้สึกแบบนั้นกับวีโอล่า เป็นตอนที่เธอพูดขึ้นมาว่า “บทของตัวเอกจะถูกเปลี่ยนไปจากต้นฉบับไม่ได้” ในตอนที่มีคำสั่งมาจากทางผู้สร้างว่าให้ตัดบทพูดของตัวเอกไปเสีย
ผมไม่คิดว่าเธอจะยืนหยัดเพื่อบทประพันธ์ต้นฉบับของผมเสียขนาดนั้น
อันที่จริง ผมไม่คิดว่าจะมีวันที่มีคนมายืนหยัดเพื่อบทประพันธ์ของผมขนาดนี้ นอกจากตัวของผมเอง
“วีโอล่า” แซม เบิร์ช ผู้จัดการส่วนตัวของวีโอล่าปรามอย่างรวดเร็ว “ระวังคำพูดของตัวเอง เรื่องนี้ถูกสั่งมาจากเขาโดยตรง”
วีโอล่านิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะบอกแซมว่า “งั้นเขาควรจะมาพูดกับเจ้าของบทประพันธ์โดยตรง”
ผู้สร้างคนนั้นปรากฏตัวขึ้นในวันเดียวกัน
ชายร่างสูงคนหนึ่งเดินเข้ามาในชุดเสื้อคลุมสีดำตัวยาว กลิ่นหอมของอำพัน และกลิ่นไหม้ของหญ้าแฝกฟุ้งไปทั่วทั้งห้องในทันทีที่เขามาถึง
ใบหน้ายาวนั้นเชิดขึ้นเล็กน้อย ท่าทีดูไว้ตัวอยู่ในที ในขณะที่ดวงตาสีเขียวมองสำรวจไปรอบๆห้องสตูดิโอแห่งนี้
เขามองผมสลับกับสมิธ จากนั้นก็หยุดลงที่ผม
“คุณคือนักเขียนที่วีโอล่าพูดถึงคนนั้น” เขาพูดออกมาเป็นประโยคแรก น้ำเสียงดูจริงจังจนแทบจะเป็นน่ากลัว
ผมขานรับกลับไป
เขาเดินเข้ามาใกล้ผม ดวงตาสีเขียวหรี่เล็กน้อย ขณะมองผมตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า -- เขามองผมอยู่นาน จากนั้นจึงโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ แล้วทำสิ่งที่แปลกประหลาดออกมา
เขาดมกลิ่นผม
“กลิ่นวีโอล่า” เขาพูดออกมาสั้นๆ
“แอรอน คิงส์” วีโอล่าพูดขึ้นมาจากอีกทางด้านหนึ่งของห้อง
ร่างเล็กในชุดกระโปรงสีดำเข้ารูปนั้นเดินตรงมาทางเราอย่างช้าๆ ดวงตาคู่โตจับจ้องไปทางแอรอนนิ่ง
“คุณต้องการคุยกับฉันเรื่องบทภาพยนตร์” วีโอล่าพูดราวกับจะเตือนความจำอีกฝ่าย
แอรอนไม่ได้พูดอะไร นอกจากเดินตามเธอไปนอกห้อง มือข้างหนึ่งโอบเอวของวีโอล่าอย่างแนบแน่น และนั่นทำให้ผมนิ่งชะงักไป
ท่าทีของพวกเขาดูราวกับคนที่สนิทและใกล้ชิดกันมานานแล้ว --
ตอนนั้นเองที่แอรอน คิงส์หันมามองผม
มันเป็นสายตาที่จริงจังราวกับกำลังพยายามมองทะลุไปให้ถึงจิตวิญญาณของผมก็ไม่ปาน -- ผมมองตอบเขาโดยไม่หลบสายตา -- จ้องมองกลับไปราวกับพยายามอ่านความคิดของเขา
ท่าทีของผมคล้ายจะทำให้แอรอนยิ้มออกมาเล็กน้อยที่มุมปาก -- เขาละสายตาจากผม แล้วเดินออกไปจากห้อง
เมื่อเสี้ยววินาทีนั้นผ่านพ้นไป ผมก็พบว่าตัวเองกำลังถูกสายตาของใครอื่นจ้องมองมาแทน
แซม เบิร์ชเดินเข้ามาใกล้ผมในทันที
“ฉันได้ยินมาว่านายกำลังคบหากับวีโอล่า” เขากระซิบ ราวกับต้องการให้ได้ยินเฉพาะผมกับเขา
ผมมีใจให้วีโอล่า นั่นจริงอย่างแน่นอน -- แต่สำหรับวีโอล่านั้น ผมยังไม่แน่ใจนัก
“อย่า” แซมเตือนเสียงต่ำ ดวงตาหยีเล็กจ้องมองมานิ่ง “อย่ารักกับวีโอล่า -- อย่าแม้แต่จะคิด”
คำเตือนนั้นทำให้ผมมองเขากลับไปโดยไม่หลบสายตา
“อะไรทำให้คุณกล้าสั่งผมแบบนั้น”
“นายก็รู้ว่าเพราะอะไร” แซมตอบ “นายรู้ดีแก่ใจดี ว่านายรักวีโอล่าไม่ได้หรอก”
ผมไม่ได้ตอบคำถามนั้น
ภายในห้องตกอยู่ในความเงียบอยู่นาน ทั้งผม สมิธ และแซมต่างไม่ได้พูดอะไรออกมา นอกจากสบตามองกัน แล้วเดินไปเดินมาภายในห้อง เฝ้ารอให้วีโอล่าและแอรอนกลับเข้ามา
หลังจากผ่านไปเกือบชั่วโมง วีโอล่าก็เดินกลับเข้ามาในห้อง พร้อมกับคำตอบว่า “เราไม่ต้องเปลี่ยนบทตัวหลัก”
แซมเป่าปากมาอย่างโล่งอก -- และนั่นทำให้ผมรู้ในทันทีว่าเขาเป็นกังวลกับการที่วีโอล่าเผชิญหน้ากับชายที่ชื่อแอรอน คิงส์
“นายไม่รู้หรือ” สมิธถามผม ในตอนที่เราปลีกตัวมาซื้อกาแฟตอนค่ำ “แอรอน คิงส์คือผู้สร้างรายใหญ่”
ผมปฏิเสธ
“เขาเป็นชายที่ทรงอิทธิพล” สมิธรับกาแฟมาจากพนักงาน “และเป็นชายทรงเสน่ห์ที่สุดในวงการ ไม่ว่าหญิงหรือชายต่างก็หลงรักเขา”
ผมคว้าถุงโดนัทมาจากเคาน์เตอร์ เดินตามสมิธออกไปนอกร้าน “ไม่ว่าหญิงหรือชายงั้นหรือ” ผมทวน
“เขาเป็นชายผู้เป็นเจ้าของความรักทุกรูปแบบ” สมิธอธิบาย
ความรักทุกรูปแบบ -- ผมเลิกคิ้วกับคำขยายความนั่น
“เอาเป็นว่าเขารับและให้ความรักได้ทั้งกับหญิงและชาย ลือกันว่าวีโอล่าเองก็เป็นหนึ่งในคนที่เคยมีประวัติกับแอรอน คิงส์มาก่อน” สมิธบอก ก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อมองถุงขนมในมือผม “นายซื้อโดนัทไปให้ใคร”
“วีโอล่า” ผมตอบ “เธอชอบโดนัทแบบเคลือบน้ำตาลสูตรดั้งเดิม”
สมิธมองผมอย่างแปลกใจ “นายรู้จักเธอดีขนาดนี้แล้วหรือ”
ผมมองเขาแทนคำตอบ
สมิธหยุดฝีเท้าลงทันที “เอาล่ะ ฉันต้องพูดกับนายอย่างตรงไปตรงมา” เขาหันมามองผมโดยตรง “ฉันรู้ว่านายชอบวีโอล่า”
ผมพยักหน้ารับ “ใช่”
คำตอบรับนั่นทำให้สมิธมองผมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล “ลอว์เรนซ์ ฉันรักนาย” เขาบอก
“ฉันก็รักนาย สมิธ” ผมยิ้ม “นายเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน”
“ฉันรักนาย -- อาจจะน้อยกว่าโรเบิร์ต -- แต่ฉันห่วงใยนายจริงๆ”
“โรเบิร์ตเป็นอย่างไรบ้าง” ผมถาม
“เขาก็มีความสุขดี โดยเฉพาะกับการกิน” สมิธเม้มริมฝีปากเล็กน้อย ดูรวบรวมความกล้าในการพูดกับผมในครั้งนี้ “ให้ตายสิ มันทำให้ฉันต้องถามนายอีกครั้ง ว่านายแน่ใจแล้วหรือ ว่าวีโอล่าจะรักนายจริงๆ”
สมิธรู้ว่าผมเองก็ไม่แน่ใจในคำตอบนั้น
ตลอดเวลาหลายเดือนที่เราร่วมกันเขียนบท สมิธมองเห็นทุกอย่างอยู่ตลอดเวลา --
เขารู้ว่าผมกับวีโอล่าเหมือนกันมากแค่ไหน และเขาก็รู้อีกด้วยว่าความรู้สึกที่ผมมีให้วีโอล่านั้น อาจจะ -- อันตรายเกินไป
“เธออาจจะเป็นผู้หญิงของแอรอน คิงส์” สมิธเตือนอย่างตรงไปตรงมา “และทุกคนรู้ ว่าแอรอน คิงส์ไม่เคยใช้คนรักร่วมกับใคร ลอว์เรนซ์ มันมีเหตุผลที่ทำไมเขาถึงกลายเป็นคนทรงอำนาจในวงการนี้ได้เร็วขนาดนี้ -- ฉันไม่อยากเห็นนายมีปัญหา เพราะไปหลงรักผู้หญิงผิดคน -- ฉันไม่อยากเห็นนายต้องเจ็บปวด เพราะไปหลงรักผู้หญิงที่ไม่ได้รักนาย”
“ฉันรักเขา” เสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากเบื้องหน้าเรา
ผมและสมิธหันไปตามเสียงนั้น ก่อนจะพบว่าวีโอล่ากำลังยืนมองเราอยู่ที่หน้าอาคาร
เธอกระชับเสื้อคลุม แล้วเดินเข้ามาใกล้เรามากขึ้น จากนั้นจึงย้ำออกมาว่า “ฉันรักคุณ ลอว์เรนซ์”
ผมนิ่งตะลึงกับคำสารภาพที่ตรงไปตรงมานั่น
“และฉันไม่ใช่ผู้หญิงของแอรอน คิงส์” วีโอล่าบอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ใบหน้างามมองตรงมาทางผมอย่างเปิดเผย “ฉันไม่ใช่ผู้หญิงของเขา”
ทว่าสายตาที่มองกัน และท่าทีสนิทสนมที่แสดงออกมาระหว่างเธอกับแอรอนนั้น กลับทำให้ผมคลางแคลงใจ
ผมคงจะไม่เชื่อคำพูดของวีโอล่า ถ้าไม่ใช่เพราะคืนนั้นผมเห็นเธอล้างมือในห้องน้ำสตูดิโออย่างรุนแรงจนเลือดออก
ผมรั้งเธอออกมาจากห้องน้ำหญิงอย่างรวดเร็ว รีบควานหาผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าเสื้อคลุมตัวเองออกมาเช็ดเลือดให้เธออย่างเบามือ
วีโอล่ามองท่าทีของผมเงียบๆ ก่อนจะถามออกมาว่า “คุณยังไม่กลับหรือ”
ผมส่ายหน้า
“คุณแอบตามฉันมาหรือ”
ใช่ -- ผมตอบคำถามนั้นในใจ
แต่ผมกลับตอบเธอไปว่า “ประตูห้องน้ำเปิดอยู่น่ะ”
ผมรู้ว่าผมตอบไม่ตรงคำถาม แต่ผมก็ไม่สนใจที่จะตอบเธอด้วยคำตอบอื่น นอกจากพยายามเช็ดเลือดจากแผลบนมือของเธอ
วีโอล่าเองก็ไม่ได้คาดคั้นเอาคำตอบจากผม เธอจับมือผมแน่น -- แน่นเสียจนทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมองเธอ
ตอนนั้นเองที่ผมเห็นว่าใบหน้าของวีโอล่าดูเศร้าจนน่าใจหาย
“ฉันไม่ชอบสัมผัสของเขา” เธอกระซิบออกมา
อะไรบางอย่างทำให้ผมรู้ว่าเขาคนนั้นคือแอรอน คิงส์
ผมจับมือเธอแน่น “ไม่เป็นไร” ผมบอกเสียงเบา “ผมจะเช็ดเลือดให้คุณเอง”
คำว่าไม่เป็นไร ราวกับจะปลอบประโลมให้เธอสงบลง -- ใบหน้างามดูผ่อนคลายเล็กน้อย ก่อนที่จะไว้วางใจให้ผมอยู่เคียงข้างเธอ
วันนั้นวีโอล่าอาจจะไม่ได้บอกความจริงผมเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเธอและแอรอน -- แต่ถึงอย่างนั้นแล้วเธอก็ไม่ได้โกหกผม ในตอนที่บอกว่ารักผม
และนั่นทำให้เรื่องของเรายังคงดำเนินต่อไปหลังจากคืนวันนั้น