สลักรัก The Last Masterpiece ตอนที่ 7

7
“อย่าขยับ” ผมพูดขึ้นในตอนเช้าวันหนึ่ง

วีโอล่าขยับตัวเล็กน้อย ใบหน้างามค่อยๆหันมาทางผม จนเรือนผมสีทองพลิ้วสยายไปทั่วกรอบหน้า และกลิ่นกุหลาบจางๆฟุ้งกระจายไปทั่วหมอนสีขาว ดวงตาคู่โตกะพริบสองสามครั้ง ก่อนที่จะสบตามองผม ที่กำลังท้าวศีรษะมองเธออยู่ก่อนแล้ว

“อรุณสวัสดิ์ค่ะ” เธอส่งยิ้มหวานละลายมาให้

ผมพูดขึ้นมาอีกว่า “อย่าขยับ”

อาการสะลึมสะลือ และคำพูดของผมยิ่งทำให้วีโอล่ามึนงงมากกว่าเดิม

“ผมกำลังจดจำคุณ” ผมบอกเสียงเบา ยังคงพินิจมองใบหน้าเธออย่างช้าๆ “คุณสวยเหลือเกิน วีโอล่า”

คำชมของผมทำให้เธอหน้าแดงระเรื่อขึ้นมาอย่างชัดเจน

“ผมทำให้คุณเขินอายหรือ” ผมถาม รู้สึกประหลาดใจขึ้นมา -- และนั่นทำให้ผมนึกขึ้นได้ ว่าผมไม่เคยเห็นมุมนี้ของวีโอล่ามาก่อน

วีโอล่าเป็นหญิงร่างเล็ก น่าทะนุถนอม หากแต่ดูทรนง และสง่างามในทุกครั้งที่ขยับกาย โดดเด่นเกินกว่าที่จะถูกมองข้ามไปได้ ต่อให้เธอจะไม่ใช่คนสูงใหญ่ก็ตาม

วีโอล่าเป็นจุดสนใจของผู้คนอยู่เสมอ ทุกสายตาในงานเลี้ยง หรือกลุ่มนักข่าวมักจะจับจ้องมายังเธอแต่เพียงผู้เดียว

ผู้ชายทุกคนนิ่งคอยอย่างใจจดใจจ่อ ราวกับว่าการได้รับรอยยิ้มจากเธอ หรือการที่ถูกเธอปรายตามองมานั้น ช่างเป็นรางวัลอันแสนหวานที่ทำให้หัวใจของพวกเขาสามารถกลับมาเต้นรัวเร็วได้อีกครั้ง หลังจากที่มันหยุดเต้นไปนาน จนแทบจะเฉาตายกลายเป็นซากหินในอกซ้ายของพวกเขาไปแล้วก็ไม่ปาน

ในทางตรงกันข้าม พวกผู้หญิงต่างไม่ชอบรอยยิ้ม หรือสายตาของวีโอล่าเลยสักนิด -- มันเจิดจ้ามากเกิน และงดงามมากเกินกว่าที่พวกหล่อนจะสามารถพยายามเบี่ยงสายตาคนรักของตนเองให้ละมาจากวีโอล่าได้

วีโอล่า --

เธอเป็นเจ้าของใบหน้าที่งดงาม ดวงตาคู่โตสีฟ้าเจิดจ้า และเรือนผมสีทองเปล่งประกาย -- สำหรับผมแล้ว บางครั้งวีโอล่าดูไม่เหมือนมนุษย์หญิงสาวทั่วไปที่ผมพบเจอมา แต่เธอดูเป็นมากกว่านั้น

ในบางครั้งเธอทำให้ผมนึกถึงรูปสลักหินอ่อนขึ้นมาจริงๆ

เธอสวยงาม มีเสน่ห์ดึงดูด -- หากแต่อะไรบางอย่างในความงามนั้น กลับทำให้ผมสัมผัสได้ถึงความลึกลับ และแข็งกระด้าง --

ผมสัมผัสได้ว่ามันเกี่ยวข้องกับชายที่ชื่อแอรอน คิงส์

เราเคยทะเลาะกันเรื่องผู้ชายคนนี้มาก่อนแล้ว และผมไม่คิดที่จะทะเลาะกับเธออีก -- เราต่างไม่พูดถึงมัน ราวกับว่ามันถูกฝังลืมไปนานแล้ว ทว่าส่วนหนึ่งในใจผม ยังคงกลัวในสิ่งที่นีน่า และสมิธเคยเตือนเอาไว้

วีโอล่าเป็นผู้หญิงของแอรอน คิงส์ -- และส่วนหนึ่งในตัวเธอจะยังเป็นของแอรอนอยู่เสมอ

หลายครั้งที่เธอตื่นกลัวในตอนที่ผมเดินเข้ามาทางด้านหลังเธออย่างเงียบๆ -- ผมจำได้ว่าสายตาของเธอที่มองมานั้นเปลี่ยนไปจากเดิม ราวกับกำลังหวาดกลัวในอะไรบางอย่าง ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นสงบลงเมื่อเห็นเป็นผม

ตอนนั้นเองที่ผมรู้ว่ามีความลับระหว่างวีโอล่ากับแอรอนที่มากกว่าที่ผมคิด

และครั้งหนึ่งผมเคยพยายามถามวีโอล่าถึงเรื่องนั้น แต่วีโอล่าปฏิเสธที่จะบอกผมอย่างตรงไปตรงมา

ผมมองเธอนิ่ง -- รอคอยให้เธอพูดอะไรออกมามากกว่านั้น

วีโอล่าไม่ได้พูดอะไรออกมา

นั่นเป็นอีกสิ่งหนึ่งเกี่ยวกับวีโอล่า -- ความเย็นชา แข็งกระด้าง และดำมืดที่อยู่ภายใต้ความงามนั่น

ผมคิดว่านั่นคงเป็นเสน่ห์ที่ทำให้ทุกคนสนใจในตัวของวีโอล่า

ใครๆต่างก็อยากจะรู้จักเธอ และเข้าถึงตัวตนของเธอมากกว่ารอยยิ้มนั้น

ใครๆต่างก็อยากรู้ว่าอะไรอยู่ในใจของเธอ และความคิดของเธอคนนี้

ผมไม่รู้ว่าเธอทำแบบนั้นได้อย่างไร แต่เธอเป็นแบบนั้นอยู่เสมอ

“บางครั้งคุณทำให้ฉันนึกถึงรูปสลักหินอ่อนขึ้นมาจริงๆ” เสียงของวีโอล่าดังขึ้น ฉุดรั้งให้ผมหวนกลับมาสู่เตียงนอนนี้อีกครั้ง

ผมสบตามองเธออยู่นาน ก่อนที่จะถามกลับไปว่า “ทำไมคุณพูดแบบนั้นกัน”

วีโอล่าไล่ข้อมือไปตามสันจมูกของผมเบาๆ

คราวนี้เป็นเธอที่พินิจมองผม “คุณงดงาม” เธอกระซิบ “แต่คุณโดดเดี่ยว และ --” เธอนิ่งหาคำพูด “เหน็บหนาวเกินไป”

โดดเดี่ยว และเหน็บหนาวหรือ --

ผมยิ้มออกมา คว้ามือเธอ แล้วจุมพิตที่กลางฝ่ามือนั่นอย่างแนบแน่น

“ผมอบอุ่นพอหรือยัง”

วีโอล่าส่ายหน้า ริมฝีปากอิ่มยิ้มกว้างกว่าเดิม “ไม่ค่ะ” เธอตอบเสียงเบา

ผมขยับตัว ดึงเธอเข้ามาใกล้ แล้วกอดเธอแน่นขึ้น “ผมอบอุ่นพอหรือยัง”

วีโอล่าส่ายหน้าอีก

ผมรั้งใบหน้างามนั้นเข้ามาใกล้ มองเข้าไปในดวงตาสีฟ้าคู่นั้น จนรู้สึกราวกับกำลังจมหายไปในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ก็ไม่ปาน

แวบนั้นผมรู้สึกเหมือนเราต่างเป็นรูปปั้นหินอ่อนที่โดดเดี่ยว และเหน็บหนาว -- ที่เพิ่งหากันเจอ

บางทีนั้นอาจจะเป็นเหตุผล ว่าทำไมผมกับเธอถึงร่วมงานบทละครภาพยนตร์เรื่องนี้กันได้ดีอย่างน่าเหลือเชื่อ

“ผมรักคุณ” ผมกระซิบ แล้วจุมพิตเธอ “ผมรักคุณ --”

วีโอล่าตอบรับจุมพิตของผม

“ฉันรักคุณ” เธอกระซิบกลับมา

“ทำไมคุณถึงรักผม” ผมได้ยินตัวเองถามออกไป “ทำไมต้องเป็นผม --”

วีโอล่าดูประหลาดใจ “ฉันรักคุณที่เป็นตัวคุณ” เธอบอก “คุณเท่านั้นที่ฉันอยากจะรัก บทละครของคุณเท่านั้นที่ฉันอยากจะรัก -- ทั้งหมดที่เป็นคุณเท่านั้น ที่ฉันอยากจะรัก --” เธอยิ้ม “นั่นไม่มากพอหรือ ลอว์เรนซ์”

ผมจะขออะไรมากกว่านี้ได้อีก

“คุณเท่านั้นที่ผมอยากจะรัก” ผมกระซิบตอบ “บทละครที่มีคุณเท่านั้น ที่ผมอยากจะเขียน” ผมแนบหน้าผากเข้ากับหน้าผากของเธอ “คุณคือบทละครของผม -- สลักรักของผม”

กลิ่นกุหลาบจากร่างของวีโอล่าคล้ายจะหอมฟุ้งมากกว่าเดิม จนทำให้ผมเผลอหลงละเมอไปชั่วขณะ

และในห้วงภวังค์นั้นเอง ที่ผมได้ยินเสียงของตัวเองดังขึ้นมาว่า “แต่งงานกับผมเถอะ วีโอล่า”

วีโอล่าจ้องมองผมนิ่ง

“เป็นวีโอล่า เพรสลีย์ของผม” ผมบอกเธอ “แต่งงานกับผม เป็นสลักรักของผมตลอดไป วีโอล่า”

วีโอล่ายังคงจ้องมองผมอยู่เช่นนั้น -- อย่างยาวนาน -- จนกระทั่งในที่สุดเธอก็กระซิบออกมาว่า “ตกลงค่ะ” เธอยิ้ม

ผมยิ้มกว้างกว่าเดิม

พลันสัมผัสที่ผมได้รับจากตัวเธอก็เปลี่ยนไป

ผิวอันนุ่มลื่นนั้นไม่ใช่เพียงผิวของหญิงคนอื่น หากแต่เป็นผิวของหญิงที่ผมรัก และกำลังจะเป็นภรรยาของผม

ดวงตาสีฟ้าเจิดจ้า และรอยยิ้มหวานนั้นไม่ได้มอบให้ใครอื่น หากแต่มอบให้แก่ผม -- ผมเพียงคนเดียวเท่านั้น

ผมผู้กำลังจะเป็นสามีของเธอ

ผมคือชายที่เธอเปิดใจให้เข้าไปถึงความลับที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังความงามนั้น

ผมคือชายที่เธออนุญาตให้สัมผัสได้ถึงด้านที่เธอไม่เคยเปิดเผยให้ใครได้สัมผัสมาก่อน

และเหตุผลที่ผมพูดออกมาแบบนี้ นั่นไม่ใช่เพราะว่าผมได้เป็นสามีของเธอเท่านั้น หากแต่เป็นเพราะเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่กี่วันหลังจากนั้นต่างหาก

“ผมต้องไปเจอพ่อกับแม่คุณ” ผมบอก

“ใช่ ฉันต้องแนะนำคุณกับพ่อแม่ก่อนที่เราจะแต่งงานกัน” วีโอล่าเห็นด้วย “ฉันขอโทษด้วย มันจะอึดอัดมาก -- แต่คุณต้องเจอกับพ่อแม่ฉันก่อน” เธอนิ่งไปเล็กน้อย “พวกเราควรไปทานอาหารค่ำด้วยกัน”

“ผมอยากไปเจอพ่อกับแม่คุณ” ผมยืนยัน “มันจะเป็นมื้อค่ำที่ดีมาก -- เราจะมีช่วงเวลาที่ดีมาก”

และมื้อค่ำที่ว่านั่นก็คือมื้อค่ำวันคริสต์มาส

มื้อค่ำคริสต์มาสที่กลายเป็นมื้อนรก --
และผมมองไม่เห็นสัญญาณเตือนเลยสักนิด --
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่