คิดถึงหมี่กึงของ "อาแน"

บันทึก 10 มีค. 65
แปลกจังสองวันนี้คิดถึงแต่ "อาแน" หรือแม่นันอยากกิน "หมี่กึง" จึงพาลให้คิดถึงแต่ใบหน้าของอาแน 
ใบหน้าโบราณ ผมขาวดอกเลา เกล้ามวยตลอดเวลา มีที่ครอบผมเป็นตาข่ายทรงกลมเบาๆ (เรียกอะไรไม่ทราบ) 
อาแนจะมีรูปร่างเล็กๆ พูดจาเบาๆช้าๆแต่ชัดถ้อยชัดคำ ...อาแนของแม่นันทำหมี่กึงอร่อยที่สุดในโลกกกก

ชักสงสัยแล้วใช่มั้ยคะ "อาแน" เกี่ยวพันอะไรกับแม่นัน
อาแน..คือคุณแม่ใหญ่ของแม่นันเองค่ะ อาป๊ะ (คุณพ่อ) มีภริยาสองคน 
อาแนคือเด็กน้อยที่ถูกอาม่า (คุณย่าของแม่นัน) ซื้อมาเลี้ยงตั้งแต่เป็นเด็กหญิงตัวเล็กๆ ให้มาทำงานบ้านงานเรือน 
อีกนัยหนึ่งเลี้ยงไว้ก็เพื่อให้มาเป็นภรรยา (คลุมถุงชน) ให้กับลูกชายตัวเอง 
แต่อาป๊ะไม่ชอบการถูกบังคับให้แต่งงานกับคนที่ตัวเองไม่ได้เลือกแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ 
ส่วนอาอึ้ม (คุณแม่แท้ๆของแม่นัน) คือภริยารักแท้ของอาป๊ะ ที่พบรักกันในสิงคโปร์ (ถ้าเล่าคือยาวนะคะ) 
แต่วันนี้แม่นันคิดถึง "อาแน" ค่ะ
จังหวะหนึ่งของชีวิตอาแนที่จับพลัดจับผลูถูกลูกชายอาอึ้ม ซึ่งก็คือพี่ชายของแม่นันเอง 
ขอร้องให้ "อาแน" มาอยู่ด้วยกันกับพวกเรา ในช่วงระยะเวลานั้นเองทำให้แม่นัน (น่าจะอยู่ในวัยประถม) 
ได้ใกล้ชิดกับอาแน ซึ่งตอนเด็กๆแม่นันจะกลัวอาแนมาก ด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึมแบบคนโบราณ ทำอะไรละเอียดละออ 
มาอยู่ที่บ้านก็จะถูที่นอนตัวเองวันละหลายๆรอบ จนพื้นกระดานแทบจะส่องแทนกระจกได้
มาหลงรัก "อาแน" ตอนไหนไม่รู้ค่ะ รู้แต่ว่าทุกๆเย็นหลังเลิกเรียนแม่นันชอบมานั่งคุยถามเรื่องเก่าๆจากอาแน 
(แม่นันชอบขอให้คนแก่เล่าเรื่องราวเก่าๆให้ฟังค่ะ) อาจจะเป็นเพราะได้ใกล้ชิดได้พูดคุยด้วยแล้ว 
อาแนไม่ได้ดุเหมือนใบหน้าเลย ที่สำคัญอาแนทำอาหารอร่อยมาก แม่นันได้ทานอาหารฝีมืออาแนอยู่หลายเมนู 
(ห้ามเล่าให้อาอึ้มฟังนะว่าลูกสาวแอบชมฝีมืออาแน) 

เมนูที่ถูกปากแม่นันมากที่สุด เห็นจะเป็นเมนูนี้ค่ะ "พะโล้หมี่กึง" 
อาแนทำหมี่กึงอร่อย อร่อยจนแม่นันอยากจะเสกให้หมี่กึงในหม้อกินเท่าไหร่ก็ไม่พร่อง (เป็นไปได้ยังไงเด็กน้อย) ....
 พอ "อาแน" ย้ายกลับไปอยู่กับลูกๆตนเองในภายหลัง แม่นันก็ไม่เคยได้ทาน "หมี่กึง" ฝีมืออาแนอีกเลย

กินเจเมื่อหลายปีที่ผ่านมา. แม่นันคิดถึงหมี่กึงอาแนมาก แต่อาแนไม่อยู่แล้วใครจะมาสอนให้ล่ะคะ 
แม่นันก็หาอา YOU สิคะ หาจนงง ทำแล้วไม่ได้ดั่งใจสักที ต้องจับสูตรนี้นิดผสมสูตรนั้นหน่อย จนกลายมาเป็นสูตรตัวเองค่ะ 
สงสัยแม่นันจะได้ความเรื่องเยอะมาจากอาแน เวลาทำอะไรก็อยากทำให้ออกมาดีๆ 
พอทำหมี่กึงก็อยากทดลองว่าจะได้ตัวโปรตีนกลูเตนเพียวๆที่ออกมาจากแป้งสาลี (แป้งขนมปัง) 
ว่าจะได้เปอร์เซนต์ตามที่ระบุบนถุงแป้งรึเปล่า

สูตรนี้แม่นันนำมาต้มพะโล้เรียบร้อย คิดถึงอาแนเลย ใช่ค่ะ..หมี่กึง.เวลาต้ม..ตุ๋นนานๆแล้วต้องเห็นเป็นเส้นกลูเตนเหี่ยวๆหยักๆแบบนี้ค่ะ 
ถ้าต้มนานเท่าไหร่ผิวหมี่กึงก็ยังเรียบกริ๊บเหมือนเดิม แสดงว่ายังมีแป้งเคลือบอยู่มาก ทำให้ผิวเค้าใส ลื่นเหนียว 
ทานแล้วไม่ได้ผิวสัมผัส ไม่ได้รสสัมผัส แต่ถ้าทานแล้ว อยากทานอีก แสดงว่า "มาถูกทางแล้ว" ค่า
มาดูวิธีทำหมี่กึงกันค่ะ (เราใช้แป้งสาลีชนิดที่นำมาทำขนมปังนะคะ)
วิธีผสมแป้ง
- ผสมแป้งขนมปัง 500 ก. และ เกลือ 1 ชช. ตะล่อมเข้าด้วยกัน
- ค่อยๆใส่น้ำในปริมาณ 1 3/4 ถ้วยตวง หรือใส่น้ำพอปริ่มแป้ง
- ค่อยๆ นวดจนส่วนผสมเข้ากันดี- คลุมด้วยผ้าขาวบางชุบน้ำ พักไว้ 1-2 ชม. (แม่นันพักไว้ 2 ชม.ค่ะ)
 
วิธีล้างแป้งที่หมักไว้
- นำแป้งที่หมักพักไว้ ล้างในนำสะอาด 1 - 5 ครั้ง หรือจนกว่าน้ำจะใส ดมดูไม่มีกลิ่นแป้ง (ดูการสาธิตในคลิปจะเข้าใจกว่าค่ะ)

- จากนั้นพักแป้งไว้ในตะกร้า หรือตะแกรงให้สะเด็ดน้ำ หาอะไรหนักๆมาทับไว้ ปล่อยให้สะเด็ดน้ำประมาณ 30 นาที 
ค่อยนำมาขึ้นรูป
วฺิธีขึ้นรูปหมี่กึง
- ตัดแป้งออกเป็นเส้น ค่อยๆยืดแป้งออก จากนั้นพันกับตะเกียบให้เป็นขด จนครบทุกเส้น


- นำหมี่กึงที่ขึ้นรูปแล้ว มาต้มจนสุก พักในน้ำเย็นไว้ ก่อนนำมาปรุงเป็นเมนูต่างๆค่ะ

เขียนมาซะยาว เชื่อว่าทำไม่ถูกแน่ มาดูคลิปวิธีทำกันค่ะคลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
ไว้จะนำสูตรพะโล้หมี่กึงมาให้กันค่ะ ลองทำดูนะคะ จะได้หมี่กึงโฮมเมด ที่ภูมิใจสุดๆ
เรื่องราวของอาแนยังมีให้เล่าอีกเยอะค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่