รำลึกอดีต ตอน “ซิมปู่เกี้ย” (สะใภ้เด็ก)

รำลึกอดีต ตอน “ซิมปู่เกี้ย” (สะใภ้เด็ก หรือจะเรียกอีกอย่างว่า ลูก/สะใภ้ ก็ไม่ผิดค่ะ)
รูปซ้าย คุณแม่คาเกียว แซ่ตั้ง คืออาอึ้ม (คุณแม่) ของแม่นัน
รูปขวา คุณแม่เยียบลั้ง แซ่เจี่ย (อาแน) ซิมปู่เกี้ย

เสาร์ที่ผ่านมาแฟนเพจแม่นัน ลูกหลานต้นตระกูลผลิตภัณฑ์ จี้แซ มาเยี่ยมเยือนถึงที่ เราได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกันถึงเรื่อง “ซิมปู่เกี้ย” ทำให้แม่นันคิดถึง “อาแน” (คุณแม่ใหญ่) ที่ตกอยู่ในฐานะ “ซิมปู่เกี้ย” เด็กน้อยที่ถูกซื้อมาเลี้ยงไว้ทำงานบ้าน และเป็นสะใภ้เมื่อถึงเวลาอันควร
หมายเหตุ: รูปซ้าย คุณแม่คาเกียว แซ่ตั้ง คืออาอึ้ม (คุณแม่) ของแม่นัน  ส่วนรูปขวา คุณแม่เยียบลั้ง แซ่เจี่ย (อาแน) ซิมปู่เกี้ย

อาแน..ถูกอากงอาม่า (คุณปู่คุณย่าของแม่นัน) ซื้อมาเลี้ยงไว้ตั้งแต่ยังเป็นเด็กน้อย สมัยก่อนอากงเช่าบ้านที่ “ฮวยจุ่งล่ง” ท่าเรือกลไฟริมแม่น้ำเจ้าพระยาในสมัยนั้น เป็นทั้งที่อยู่อาศัยและโกดังเครื่องปั้นดินเผา สมัยแม่นันตัวน้อยๆ อาอึ้มพามาเที่ยวบ่อยๆ แต่ละห้องจะมีบานประตูไม้ใหญ่ประกบกันสองบาน สลักกลอนประตูโบราณ พื้นบ้านมีช่องระหว่างแผ่นไม้หนาๆ ดูอลังการน่ากลัว แต่หนูน้อยกลับชอบก้มดูน้ำกระเพื่อมไปมาผ่านร่องไม้ มันมีเสน่ห์แฝงความลึกลับอย่างบอกไม่ถูก (มโนตั้งแต่เด็กๆค่ะ)

กลับมาที่อาแนดีกว่า อาแนเป็นเด็กเงียบๆ พูดน้อย ขยัน หนักเอาเบาสู้ แน่นอนต้องเป็นที่โปรดปรานของอาม่า เมื่อถึงวัยอันควรประมาณ 13-14 จึงถูกจับเป็นสะใภ้ (ไม่เคยถามเลยว่าลูกชายตัวเองและสาวน้อยนั้นพึงพอใจกันรึเปล่า) พิธีแต่งไม่มีค่ะ จับเข้าห้องล็อคประตู ชอบไม่ชอบเดี๋ยวอารมณ์หนุ่มสาววัยกระเตาะก็พาไป แม่นันมีพี่ต่างมารดาตั้งห้าคนแน่ะ นี่ขนาดสาวน้อย (อาแน) ไม่เป็นที่พึงพอใจของอาป๊ะ (คุณพ่อของแม่นัน) นะคะ

อาแนโชคดีตรงที่อาม่ารักดั่งลูกเพราะเลี้ยงมาตั้งแต่เด็กๆ จึงเป็นสะใภ้อย่างสนิทใจ แต่คนที่น้อยใจเพราะถูกตำหนิ ถูกกระแนะกระแหนจากอาม่าบ่อยๆคือ “อาอึ้ม” (คุณแม่ของแม่นันเอง) อาอึ้มเป็นรักแท้ของอาป๊ะ แต่เป็นสะใภ้ที่อาม่าไม่ได้ต้องการ (เรื่องราวของอาอึ้ม สาวน้อยผู้น่าสงสารมีในตอนต่อไปค่ะ)

อาตั่วแจ้เล่าว่า อาแนชอบทำอาหาร ทำขนม อาแนจะมีหน้าที่ทำอาหารเลี้ยงคนทั้งบ้าน รวมทั้งคนงานด้วย เวลามีเทศกาลที อาตั่วแจ้จะถูกอาแนเกณฑ์มาช่วยงานด้วย โดยเฉพาะเทศกาลไหว้พระจันทร์จะเป็นช่วงเวลาที่โกลาหลและเหนื่อยที่สุด เพราะเด็กๆคนงานจะต้องวิ่งเข้าวิ่งออกคอยนำเจ้าถาดถั่วเขียวหลบแดดตากแดดบริเวณลานกว้างๆหน้าบ้านเป็นเวลาหกเจ็ดวัน นึกภาพตามนะคะ เวลาแดดดีๆทุกคนจะต้องลำเลียงถาดถั่วเขียวหลายสิบถาดไปเรียงบนลานหน้าบ้าน พอแดดหมดก็ต้องลำเลียงเจ้าถาดพวกนี้กลับมาไว้บนแคร่ที่ทำไว้ในบ้าน เกิดวันไหนฝนตกถั่วเริ่มชื้นก็ต้องยืดวันนำออกตากแดดอีก ทำแบบนี้สลับกันจนกว่าถั่วจะแห้งได้ที่ (ใครที่เคยอาศัยอยู่ฮวยจุ่งล่งจะนึกภาพบริเวณลานกว้างๆออกค่ะ บริเวณนั้นตอนกลางวันแดดจะเปรี้ยงมาก) จึงเหมาะแก่การตากถั่วเป็นที่สุด

อาตั่วแจ้ว่า นอกจากการทำอาหารทำขนมแล้ว อาแนยังชอบทำงานบ้านเป็นชีวิตจิตใจ “ทั้งขัดทั้งถูจนขึ้นเงาเหมือนลงแว๊ก” ประโยคนี้แม่นันเชื่อค่ะ แม่นันเคยได้ใกล้ชิดกับอาแนอยู่พักหนึ่ง ตอนนั้นแม่นันอยู่มัธยมแล้ว แม่นันเห็นอาแนกวาดถูทั้งวัน โดยเฉพาะที่นอนตัวเอง ถูแล้วถูอีก ไม่รู้จะถูไปทำไม แต่รสมือการทำ “หมี่กึง” ของอาแน ทำเอาแม่นันติดอกติดใจจนถึงทุกวันนี้

ลองสังเกตชื่อแซ่ของอาแนใต้ภาพสิคะ (นางเยียบลั้ง แซ่เจี่ย) ย้อนไปวันที่อาแนถูกอากงซื้อมาเลี้ยง เด็กคนนั้นจะได้ใช้นามสกุลเดียวกับสามี 
อากงตั้งชื่อให้ว่า “กิมลั้ง แซ่ลี้” แต่ด้วยความบังเอิญอย่างเหลือเกิน อาตั่วกู๋ตั่วกิ๋ม (สองสามีภรรยา) เดินทางมาจากเมืองจีน ได้มาพบกับอาแน ซึ่งแซ่เดิมคือ “แซ่เจี่ย” เหมือนกับตัวเอง ซักกันไปมาจึงทราบว่า “นางกิมลั้ง” คือนางเยียบลั้ง แซ่เจี่ย น้องสาวแท้ๆของตัวเองที่ถูกขายมาตั้งแต่เด็ก อาแนจึงดีใจและอุ่นใจขึ้นเยอะที่มีญาติมาอยู่เมืองไทยด้วย ตั้งแต่นั้นจึงมีการไปมาหาสู่กันตลอด

อาตั่วแจ้เล่าว่า อาอึ้ม (คุณแม่ของพวกเรา) ตัดพ้อขึ้นมาในวันหนึ่ง..ว่า
“อาแนอู่ฮกขี่ เฮียหม่วยไหล่เสี่ยมล้อเซียหงอ” (อาแนมีวาสนา พี่น้องได้มาเจอกันที่เมืองไทย)
“อาอึ้มไก่แป่ไอ๊ต่อซิงกาปอ อึ่มไจแกเหยียะกู้ เจี๊ยไหล่เซียหงอ” (พ่อแม่อาอึ้มอยู่สิงคโปร์ เมื่อไหร่จะได้มาพบกันก็ไม่รู้)

...แม่นันฟังแล้วน้ำตารื้นอีกแล้วค่ะ... คิดถึงอาอึ้ม ตั้งแต่จากอ้อมอกพ่อแม่ที่สิงคโปร์มา ก็ไม่เคยได้กลับไปอีกเลย.. แม่นันก็ไม่เคยได้เห็นหน้าอาหงั่วกงหงั่วม่า (คุณตาคุณยาย) เช่นกันค่ะ...

มีเด็กน้อยมากมายสมัยนั้นที่ถูกขายมาเป็น “ซิมปู่เกี้ย”..แต่ไม่ได้โชคดีเหมือนอาแนทุกคน..

เพื่อนๆมีประสบการณ์ในครอบครัว มาแบ่งปันเรื่องราวกันนะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่