ปีที่ ๒๐.... อาอึ้มจ๊อขี่
อาอึ้มคนนี้ล่ะค่ะที่แม่นันคิดถึงหนักหนา..อาอึ้มคนนี้ที่สร้างแรงบันดาลใจให้แม่นันสานต่อรสมือขนมผักกาด
๒๐ ปีแล้วที่ท่านจากไปเท่ากับอายุพี่ภูมิ (ลูกชายคนโต) ของลูกสาวคนนี้ .นึกถึงทีไรอยากร้องไห้ทุกทีค่ะ
เพราะตอนลูกอยู่ในท้อง แม่นันตั้งใจอย่างดิบดีว่าจะสอนให้ลูกพูดฟังภาษาจีน
แล้วทุกอาทิตย์ที่พาหลานไปเยี่ยมอาม่า อาม่าจะได้สนทนากับหลาน อาม่าคงมีความสุขมาก ...
แอบจินตนาการเวลาพวกเค้าสนทนากัน เป็นภาพที่น่ารักที่สุด..
จ๊อขี่ คือวันครบรอบวันตายของคนจีน ถ้านับตามปฏิทินจีน วันที่จะไม่ตรงกันทุกปีค่ะ อาตั่วแจ้ (พี่สาวคนโต) จะเป็นคนแจ้งให้น้องๆทั้งเจ็ดทราบว่า
ตรงกับวันไหน พวกเราพี่น้องก็จะไปรวมตัวกันที่บ้านอาเฮีย (พี่ชาย)
รูปพ่อแม่จะต้องตั้งไว้ที่บ้านลูกชายคนโต เพราะคนจีนถือว่าลูกชายคนโตต้องเป็นหลักของบ้านเวลาท่านจากไป
พวกเราต่างคนต่างนำอาหารไปไหว้อาอึ้ม และบรรพบุรุษที่สูญเสียไปแล้ว
สมัยที่อาตั่วแจ้ยังแข็งแรง อาแจ้มักจะรับอาสาเป็นคนทำอาหารคาวหวานที่อาป๊ะ อาอึ้ม (คุณพ่อคุณแม่) ชอบ
แล้วก็พ่วงด้วยเมนูอาหารที่น้องๆชอบอีกหลายๆหม้อ อาตั่วแจ้ทำอาหารอร่อย โดยเฉพาะเขาะชุงฉ่าย (ต้มผักขม) และต้มพะโล้
ยังไม่รวมแกงไก่ และต้มอะไรอีกหม้อที่แอบอยู่ในครัวค่ะ ทำทีหม้อใหญ่มากค่ะ *แม่นันถ่ายทอดวิทยายุทธสองเมนูนี้แรกมาได้นานแล้ว*
ปัจจุบันอาตั่วแจ้สุขภาพไม่ค่อยดี พวกเราจึงใช้วิธีสั่งจากร้านอาหารมาไหว้แทน แต่สุดท้ายพอได้ยินน้องๆบ่นคิดถึงเมนูนู้น เมนูนี้
นางก็อดไม่ได้ที่จะทำให้น้องๆทานค่ะ ปีนี้ก็อย่างที่เห็นสองหม้อใหญ่ของโปรดน้องๆ
อีกหนึ่งเมนูที่พี่ภูมิชอบมากๆ และอาตั่วอี๊ก็มักจะทำเอาใจหลานคนนี้เสมอคือ "สลัดผลไม้" อาตั่วแจ้ทำน้ำสลัดได้อร่อยมากกกกกก
แต่ทำไมปีนี้ไม่มี (ถ้าบ่นก่อนหน้านี้สักวัน วันนี้คงได้เห็นจานใหญ่ๆวางอยู่บนโต๊ะค่ะ)
ครอบครัวจีนถือวันนี้เป็นวันที่สำคัญมากวันหนึ่ง เพราะเป็นรวมตัวของลูกๆหลานๆ ...
สมัยก่อนจะมีลูกหลานของฝั่งอาแน (แม่ใหญ่ หรือภรรยาหลวงของอาป๊ะ) มาเคารพท่านในวันนี้ด้วย แต่ปัจจุบันล้มหายตายจากกันไปบ้างแล้ว
จึงเหลือแต่พวกเราพี่น้อง ซึงโชคดีที่พี่น้องเรารักกันมาก อาตั่วแจ้เป็นหลักยึดให้พวกเรา..
ถ้าแม่นันเงียบไปก็แสดงว่าหมดรุ่นเราแล้วค่ะ ลูกหลานคงสานต่อไม่เป็น...
ในวันครบรอบนี้ แต่ละปีจะต้องมีอาหาร ขนมโบราณที่มีชื่อมงคลมาเซ่นไหว้ เพื่อความเป็นสิริมงคลของชีวิต
ไม่ว่าจะเป็นอั่งก๋วยท้อ (ขนมกุ้ยช่ายรูปหัวใจสีแดงๆ) ซาลาเปา (เปา = เก็บ,ห่อ), เขาะชุงฉ่าย (ชุง = ยืด ยืนยาว),
ขนมผักกาด/ไช้เถ่าก้วย (ไช้ = มีลาภ มีโชค) ส่วนหมู เป็ด ไก่ ปลา และเนื้อสัตว์อื่นคือความสุข ความอุดมสมบูรณ์ ความยิ่งใหญ่ ความมีโชคลาภ
...เมื่อเสร็จพิธีเซ่นไหว้แล้วก็จะแบ่งกันคนละเล็กละน้อยนำกลับไปเพื่อความเป็นสิริมงคล
เมื่อก่อนแม่นันจะทำขนมผักกาดทีละหลายๆแพ็คแจกให้ทุกคนนำกลับไปทานที่บ้านด้วย
ยังจำได้ว่าโชคดีเคยทำให้อาซ้อ (สะใภ้ของแม่ใหญ่) ด้วย แต่ปัจจุบันท่านเสียชีวิตไปแล้ว
..ปีนี้แม่นันติดภาระกิจเยอะ ถาดกลมใหญ่นี้มาทำเอาตอนตีหนึ่งของวันนี้ เรียกว่าเหนื่อยแบบปลื้มปริ่มที่ได้ทำไหว้อาอึ้มค่ะ
ได้แบ่งให้นำกลับบ้านกันคนละชิ้น ..ถือว่าเป็น "ขนมผักกาดรสมือแม่" ที่ลูกๆทุกคนถวิลหาจริงๆค่ะ
ก่อนจะแยกย้ายกลับก็จะ "น้องเล็ก..ขนมผักกาดได้ครบทุกคนมั้ย อย่าลืมของแจ้นร้า" "น้องเล็ก ใส่ถุงให้อาแจ้รึยัง"
"น้องเล็ก..ของแจ้ขอชิ้นใหญ่ๆนะ" น้องเล็ก น้องเล็ก น้องเล็ก ..... คิดถึงแม่ค่ะ ถ้าท่านอยู่คงดีใจ...
ปีนี้หลานๆโตเป็นหนุ่มเป็นสาว มีงานมีงานกันหมด...ต่างคนต่างติดภาระกิจ (ติดงาน ติดแฟน ติดเรียน)
เหลือเพียงลูกๆและหลานบางคนที่มาได้เท่านั้น พวกเราพ่อแม่สองสมัย สมัยโบราณและสมัยใหม่..
ถือว่าโชคดีที่ได้สานต่อวัฒนธรรมเก่าๆ ในขณะเดียวกันก็ได้เรียนรู้เทคโนโลยี่และความสมัยใหม่ในตัวของลูกหลาน ....
ร่างกายอาจจะชราลงแต่สมองเราพัฒนาขึ้น...
*ฟังดูแม่นันใช้ภาษาเรียกพ่อเรียกแม่แปลกๆมั้ยคะ เคยถามท่านว่าทำไมพวกเราถึงเรียกพ่อแม่ว่า "อาป๊ะ กับ อาอึ้ม"
ท่านบอกว่า ให้เรียกตามที่พี่สาวคนโตหัดออกเสียงเรียกท่านครั้งแรก "ลูกจะออกเสียงว่าอย่างไรก็มีความหมายกับท่านทั้งนั้น"
จึงเป็นที่มาของ "อาป๊ะ อาอึ้ม" ค่ะ
อีกไม่กี่วันก็ถึงวันตรุษจีนอีกแล้ว เวลาติดปีกจริงๆค่ะ ไว้จะมาเล่าความเป็นจีนๆให้ฟังอีกนะคะ
อาอึ้มจ๊อขี่ (ครบรอบวันตายปีที่ 20 ของคุณแม่)