"อาป๊ะจ๊อขี่"
อาป๊ะ.จ๊อขี่ (ครบรอบวันตายคุณพ่อ) หลายๆท่านเริ่มคุ๊นๆกับคำนี้รึยังคะ
"จ๊อขี่" เป็นวันครบรอบวันเสียชีวิตของบรรพบุรุษในครอบครัว (Death Anniversary of family member)
คนในตระกูลตอนนี้จะมี อาตั่วแจ้ และ อาหยี่แจ้ (พี่สาวคนโตและคนรอง) ที่คอยบอก คอยนับวันสำคัญๆ
โดยเฉพาะวันไหว้ "อาป๊ะกับอาอึ้มจ๊อขี่" เพราะจะต้องจำเอาเองว่าพ่อแม่เราเสียวันไหน ตรงกับวันเดือนจีนอะไร
ตอนเด็กๆแม่นันจำได้เพียงอย่างเดียว เป็นความรู้ข้อเดียวในการนับของจีน คือการนับปีเกิด.
อาอึ้มบอกว่าคนจีนจะนับอายุเด็กตั้งแต่เดือนแรกที่อยู่ในท้องแม่เลย เพราะฉะนั้นเด็กที่เกิดมาวันแรกจะมีอายุ ๙ เดือน
(แต่คนจีนจะประมาณเป็นหนึ่งขวบไปเลย) ดั้งนั้นถ้าวันนี้..ลูกชายคนเล็กของแม่นันมีอายุ 18
ก็เท่ากับว่าอายุจริงของลูกชายแม่นันคือ อายุ 19 ปี (นับตามจีน)
อาตั่วแจ้จะทำเมนูโปรดของอาป๊ะ (คุณพ่อ) ใส่บาตรทุกเช้าวันจ๊อขี่
อาป๊ะจ๊อขี่ปีนี้นับตามจีนตรงกับวันที่ 21 กพ. (วันจีนคือ หยี่หว่วยชิวหยี)
แม่นันกำลังศึกษาจากอาตั่วแจ้เกี่ยวกับการอ่านปฏิทินจีนอยู่ เพราะเกรงว่าถ้าอาแจ้ไม่อยู่แล้ว วันต่างๆเหล่านี้จะหายตามไปด้วย ..
มาปีนี้เริ่มชัดเจนตรงที่เหลือแต่เราพี่น้อง ลูกชายลูกสาวทั้งเจ็ดคนพร้อมสะใภ้และเขยมากราบไหว้อาป๊ะ
เพราะหลานๆเริ่มติดภาระกิจนู่นนี่นั่น
แม้กระทั่งลูกชายสองคนของแม่นัน..ถึงวันนี้ก็ติดงาน..ติดเรียน ไม่สามารถมากราบไหว้กงม่าได้เหมือนเมื่อก่อน
เหมือนทุกปีคือพวกเราจะนำอาหาร ขนม เครื่องเซ่นไหว้ต่างๆ อาหารหลักๆหม้อใหญ่ๆก็ไม่พ้นฝีมืออาตั่วแจ้
แต่ปีนี้แม่นันมาค้างบ้านอาตั่วแจ้ เพื่อช่วยอาแจ้ทำอาหารไหว้อาป๊ะโดยเฉพาะ เพราะไม่อยากให้อาแจ้เดินเยอะยืนเยอะ
ใครรู้จักอาตั่วแจ้ดีจะรู้ว่านางเดินทั้งวัน ฮ่าฮ่า
วันจ๊อขี่ แต่ละปีจะต้องมีอาหาร ขนมโบราณที่มีชื่อมงคลหลักๆมาเซ่นไหว้ เพื่อความเป็นสิริมงคลของชีวิต
ไม่ว่าจะเป็นอั่งก๋วยท้อ (ขนมกุ้ยช่ายรูปหัวใจสีแดงๆ) ปีนี้เพิ่มลูกกลมๆใส่สีชมพู, ซาลาเปา, ก๊าก้วย (เปา = เก็บ,ห่อ),
เขาะชุงฉ่าย (ชุง = ยืด ยืนยาว), ขนมผักกาด/ไช้เถ่าก้วย (ไช้ = มีลาภ มีโชค) ส่วนหมู เป็ด ไก่ ปลา
และเนื้อสัตว์อื่นคือความสุข ความอุดมสมบูรณ์ ความยิ่งใหญ่ ความมีโชคลาภ
ปีนี้พิเศษสุด อาตั่วแจ้ทำวุ้นปลาคาร์ฟ (หลีฮื้อ) ตัวใหญ่สีสวย แถมอร่อยมาก เป็นของหวานมาไหว้อาป๊ะอาอึ้มด้วย
เวลาไหว้ก็จะอยู่ระหว่างเก้าโมงกว่าสิบโมงไม่ให้เกินสิบเอ็ดโมง พวกเราจะจุดธูปไหว้อาป๊ะและบรรพบุรุษกันสามรอบ
สังเกตดีๆนะคะ มีรูปอาป๊ะและอาอึ้ม แต่มีข้าวสวย ถ้วยน้ำชา และเก้าอี้ตั้ง ๗ ชุด เอ๊ะ..มาจากไหน ...
ตอนอาอึ้มยังอยู่อาอึ้มเล่าให้ฟังว่าเราจะเชิญบรรพบุรุษที่เสียชีวิตไปแล้วของตระกูลเรามาไว้ที่เดียวกัน
เวลาครบวันไหว้ใดๆ เราก็จะได้จุดธูปกราบไหว้บรรพบุรุษทุกคนพร้อมกัน
ดั้งนั้นเก้าอี้เจ็ดตัวนี้ตอนนี้ มีไว้ให้ อาป๊ะ อาอึ้ม อาแน (คุณพ่อคุณแม่และคุณแม่ใหญ่) อากงอาม่า (คุณปู่คุณย่า) อานึ้ง (สามีอาหยี่แจ้)
และอาโฮ่ว (พี่ชายคนที่ ๗) อาเฮียโฮ่วเสียชีวิตตั้งแต่เด็กๆ สืบเนื่องจากโรคกระเพาะทางเดินอาหาร "อาอึ้มเคยเล่าให้ฟัง"
ระหว่างจุดธูปไหว้ เหมือนเดิมค่ะ ความเป็นเด็กยังมีอยู่ในตัวพวกเราต่อหน้าพ่อแม่
แต่ละคนก็แย่งกันอวดอาหารที่นำมาไหว้..."อาป๊ะ อาอึ้มอ่า กิมยิก อั้วชาไช้เถ่าก้วยตั่วๆปั๊ว
เซียวหู่อาตั่วแจ้ปู่โล่ว ปู่ชุงไฉ่ ตุ่งตังกวยเหลาะหนั่มโม่ง ไหล่ไป่ "
(คุณพ่อ คุณแม่ขา วันนี้หนูผัดขนมผักกาดจานใหญ่ๆ แถมช่วยอาตัวแจ้ต้มขาหมูพะโล้ ต้มผักขม และฟักตุ๋นมะนาวดองมาไหว้ด้วยนะคะ)
แค่เป็นมือช่วยก็ยังจะอวด ฮ่าฮ่า
"อาอึ้มอ่า อั๋วไก๊ ต๊อ หอเจี้ยะ. อั้ว ปู่ ตือโต๋ว เหลาะ โห่วเจีย พังพัง ไหล่ โหะหลื่อ"
(คุณแม่ขา ของหนูอร่อยกว่า หนูต้มกระเพาะหมูใส่พริกไทยเยอะๆที่แม่ชอบมาให้) อาโหง่วแจ้เกทับ
อาหารส่วนใหญ่ก็ฝีมืออาตั่วแจ้ทั้งนั้น แต่ทำไมเสียงน้องๆขี้อวดดังเหลือเกิน
แล้วเสียงสาวๆก็แย่งกันอวดของ แย่งกันขอพร
"ซาไก๊ หลักไก๊ เจี๊ย เจี่ย นา อาอึ้ม อาป๊ะ โอย" สามตัว หกตัว ตรงๆนะคะคุณพ่อคุณแม่ขา ฮ่าๆๆๆ ก็จะสนุกสนานกันไปครึ่งวันค่ะ ....
มีเพียงอาตั่วแจ้ที่หัวเราะพร้อมส่ายหน้าในความบ้าบอของพวกน้องๆ....
หลังจากจุดธูปกราบไหว้ครบสามรอบ ก็จะลาอาหารบนโต๊ะ และนำกระดาษเงินกระดาษทองไปเผาให้บรรพบุรุษ
ก่อนเผาต้องเปิดทางด้วย "อ่วงแซจี๊" หรือใบเบิกทาง เพื่อเป็นการเปิดทางให้ลูกหลานได้ส่งเงินทอง ข้าวของเครื่องใช้ไปให้บรรพบุรุษ
ในขณะเดียวกันบรรพบุรุษก็จะได้รับรู้ว่าลูกหลานยังคงปรองดองกันดีอยู่รึเปล่า (แม่นันสรุปเอาตามที่ตัวเองเข้าใจค่ะ)
ระหว่างที่เผากระดาษกันอยู่ แม่นันปลีกตัวเองออกมาปฏิบัติในสิ่งเล็กๆน้อยๆที่พี่ๆอาจจะหลงลืมไปบางครั้ง
คือการแบ่งข้าวสวย กับข้าวอย่างละชิ้นสองชิ้น ขนมพร้อมเครื่องดื่ม (น้ำชา) ใส่ภาชนะไปวางไว้ตามมุมตึกให้สัมพเวสีที่ผ่านไปมา ....
ตอนแม่นันเด็กๆ แม่นันมักจะถามอาอึ้มเวลาเห็นอะไรที่แปลกในความรู้สึกของตัวเอง อาอึ้มก็จะอธิบายให้ฟังอย่างใจเย็น
ซึ่งแม่นันว่า... มันเป็นประเพณีที่สวยงามมากค่ะ
...เมื่อเสร็จพิธีเซ่นไหว้แล้วก็จะนั่งทานพร้อมหน้ากัน อาแจ้นำมีดมาหั่นวุ้นปลาคาร์ฟแบ่งกันคนละชิ้น
"โห..ปลาตัวนี้เนื้อสดอร่อยจริงๆ" 55 แป้บเดียวหมดตัว ขายดีจริง อาตั่วแจ้ยิ้มแก้มปริ (คนอะไรทำอาหารคาวหวานล้วนอร่อย)
ทานอาหารกันอิ่ม ก็จะแบ่งอาหารที่ทำมาหม้อใหญ่ๆ ขนมมงคล ก้วย เปา คนละชุดนำกลับบ้าน
เมื่อก่อนแม่นันจะทำขนมผักกาดทีละหลายๆแพ็คแจกให้ทุกคนนำกลับไปทานที่บ้านด้วย
ยังจำได้ว่าโชคดีเคยทำให้อาซ้อ (สะใภ้ของแม่ใหญ่) ด้วย แต่ปัจจุบันท่านเสียชีวิตไปแล้ว ..
ปีนี้แม่นันนำมาผัดขึ้นโต๊ะไหว้เลยค่ะ เพราะคิดถึงวันแรกที่อาอึ้มจูงมือไปซื้อ "ชาไช้เถ่าก้วย" กับอาแปะปากซอย
ทำให้หนูน้อยในวันนั้นหลงหัวปักหัวปำ..
...."อาอึ้ม..กิมยิก.อั้ว.ชาไช้เถ่าก้วย.ไหล่ไป่เหลี่ยว" (คุณแม่ขา วันนี้หนูผัดขนมผักกาดมาไหว้แล้วนะคะ)
"จ๊อขี่" วันครบรอบวันเสียชีวิตของบรรพชน
อาป๊ะ.จ๊อขี่ (ครบรอบวันตายคุณพ่อ) หลายๆท่านเริ่มคุ๊นๆกับคำนี้รึยังคะ
คนในตระกูลตอนนี้จะมี อาตั่วแจ้ และ อาหยี่แจ้ (พี่สาวคนโตและคนรอง) ที่คอยบอก คอยนับวันสำคัญๆ
วันจ๊อขี่ แต่ละปีจะต้องมีอาหาร ขนมโบราณที่มีชื่อมงคลหลักๆมาเซ่นไหว้ เพื่อความเป็นสิริมงคลของชีวิต
เวลาไหว้ก็จะอยู่ระหว่างเก้าโมงกว่าสิบโมงไม่ให้เกินสิบเอ็ดโมง พวกเราจะจุดธูปไหว้อาป๊ะและบรรพบุรุษกันสามรอบ
ระหว่างจุดธูปไหว้ เหมือนเดิมค่ะ ความเป็นเด็กยังมีอยู่ในตัวพวกเราต่อหน้าพ่อแม่
หลังจากจุดธูปกราบไหว้ครบสามรอบ ก็จะลาอาหารบนโต๊ะ และนำกระดาษเงินกระดาษทองไปเผาให้บรรพบุรุษ
...เมื่อเสร็จพิธีเซ่นไหว้แล้วก็จะนั่งทานพร้อมหน้ากัน อาแจ้นำมีดมาหั่นวุ้นปลาคาร์ฟแบ่งกันคนละชิ้น
ทานอาหารกันอิ่ม ก็จะแบ่งอาหารที่ทำมาหม้อใหญ่ๆ ขนมมงคล ก้วย เปา คนละชุดนำกลับบ้าน