"เช็งเม้ง" (เทศกาลกตัญญู) สาร์ทที่ 3/8 ของปี 2566

บันทึก "เช็งเม้ง" (เทศกาลกตัญญู) สาร์ทที่ 3/8 ของปี 2566
ก่อนอื่นต้องขออภัยที่มาตั้งกระทู้เอาวันสุดท้ายหรือวันจริง (5 มย.) ของการไหว้เชงเม้ง  มาดูความหมายของวันเช็งเม้งกันค่ะ

เทศกาลเช็งเม้งคือสาร์ทที่ 3/8 ของปี  เวลาติดปีกจริงๆ วันเช็งเม้งปีนี้ตรงกับวันพุธที่ 5 เมย. 66 (วันจีน 5 เดือน 3)
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
หลายๆบ้านเดินทางกันไปไหว้เช็งเม้งกันล่วงหน้าแล้วใช่มั้ยคะ บ้านแม่นันไปมาเมื่อ 28 มีค. นี้ค่ะ ออกเดินทางกันแต่เช้าเลยค่ะ ไม่ได้กลัวรถติด แต่กลัวร้อน อิอิ ตรงกับวันธรรมดา ทั้งสุสานหงส์ซัว บ้านบึง เห็นมีครอบครัวแม่นันอยู่ครอบครัวเดียว แต่หลายๆครอบครัวก็ไปวันตรงคือ 5 เมย. ของทุกปีค่ะ 
การเซ่นไหว้บรรพบุรุษที่ล่วงลับของลูกหลานจีนจริงๆ เริ่มไหว้กันได้ตั้งแต่วัน "ชุงฮุง" (วันเริ่มไหว้บรรพบุรุษ) ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นวันที่ประตู 3 ภพเปิด (ตามปฏิทินปีนี้"ชุงฮุง"ตรงกับวันที่ 21 มีนาคม) ลูกหลานสามารถเริ่มเดินทางไปไหว้ได้จนถึงวันเช็งเม้ง (5 เมษายน)
เชงเม้งแปลว่าช่วงเวลาแห่งความแจ่มใสรื่นรมย์ (มิน่าพวกเราถึงได้มีความสุขมากๆในวันเชงเม้งของทุกปี) แต่หลายปีมานี้ไม่น่ารื่นรมย์เลยค่ะ โควิดเริ่มซา..ฝุ่น pm2.5 ตามมาอีก
ตามแผ่นป้าย คุณพ่อกิมเฮง แซ่ลี่ (อาป๊ะของแม่นัน) มาจาก ตำบลเชียะกัง นครโผวเล้ง เมืองเก๊กเอี๊ย ในมณฑลกวางตุ้ง ( 廣東省揭陽市普寧市赤崗鎮赤崗山村 ) เป็นเขตที่มีคนแซ่ลี่อาศัยอยู่อย่างหนาแน่นที่สุดแห่งหนึ่งในแถบโผวเล้งค่ะ

วันเชงเม้ง วันสำคัญมากวันหนึ่งของครอบครัวคนจีน อาป๊ะ (คุณพ่อ) จากแม่นันไปตั้งแต่แม่นันมีอายุเพียงสี่ขวบ แม่นันจำเรื่องราวตอนไปไหว้อาป๊ะที่สุสานครั้งแรกๆไม่ได้หรอก ถ้าอาแจ้ไม่เล่าให้ฟัง สมัยที่อาป๊ะเสีย เมื่อเสร็จพิธีกงเต็กแล้ว ลูกหลานได้ทำพิธีฝังศพท่านที่สุสาน (ฮวงซุ้ยหรือฮวงจุ้ย) ในจังหวัดนครปฐม สมัยก่อนบรรพบุรุษที่ถูกฝังใหม่ๆจะต้องรอเวียนมาบรรจบครบสามปีก่อน ลูกหลานถึงจะไปกราบเคารพศพในวันเชงเม้งที่สุสานได้ ดังนั้นการไปเชงเม้งครั้งแรกของแม่นันก็น่าจะเป็นตอนเจ็ดขวบ.. และครอบครัวเราก็ไปเชงเม้งกันทุกปีตั้งแต่นั้นมา ซึ่งการไปเชงเม้งที่สุสานในความรู้สึกของเด็กๆมันช่างเป็นอะไรที่ตื่นเต้น สนุกสนานมากวันหนึ่ง พวกเราจะตื่นแต่เช้าโดยไม่ต้องมีใครปลุกเลย เพราะเมื่อถึงฮวงจุ้ยของอาป๊ะแล้วพวกเราก็จะได้ปีนป่ายไปบนหลุมฝังศพเพื่อนำกระดาษสีสายรุ้งและธงเล็กๆสีต่างๆขึ้นไปปักเพื่อความสวยงาม เหมือนเรากำลังตกแต่งบ้านคุณพ่อของเราเอง แถมก่อนกลับพวกเราก็จะได้เผากระดาษเงินกระดาษทองไปให้ท่านใช้อีก

หลายปีให้หลังเราจึงได้ย้ายศพอาป๊ะมาอยู่ที่สุสานหงส์ซัว บ้านบึง หลังจากอาแน (แม่ใหญ่) และอาอึ้ม (คุณแม่) เสียชีวิตตามไป เราจึงได้นำศพท่านมาไว้ที่เดียวกัน ลูกหลานจีนมักจะซื้อที่เผื่อไว้ให้คู่สามีภรรยาค่ะ บางบ้านซื้อเผื่อสมาชิกทุกคนไว้เลยก็มีค่ะ

ทุกปีเมื่อเรากำหนดวันเดินทางไปสุสานของที่บ้านได้แล้ว สิ่งแรกที่อาโหง่วแจ้ต้องดูแลคือ ติดต่อคนทำความสะอาดสุสานของที่นั่น แจ้งว่าเราจะเดินทางไปวันไหน เพื่อให้เค้าเตรียมกางเต๊นท์ ทำความสะอาด (บ้าน) หรือบนหลุมฝังศพและบริเวณโดยรอบให้สะอาด แม่นันเห็นสองสามีภรรยา (คนทำความสะอาด) มาหลายสิบปี ปีนี้ถ้าเจออีกครั้งน่าจะชราไปเยอะ หรือไม่ปีนี้อาแจ้โทรไปอาจจะไม่เจอแล้วก็เป็นได้
การไหว้ก็จะมีตามลำดับก่อนหลัง อย่างเช่นที่สุสานหงส์ซัวจะมีศาลแป๊ะกงม่า (ศาลตายาย) ตั้งอยู่บริเวณด้านล่างทางก่อนขึ้นสุสานให้เราได้กราบไหว้ก่อน
การเตรียมของไหว้บรรพบุรุษ เราจะต้องเตรียมของคาวหนึ่งชุดไว้ไหว้วิญญาณที่ดูแลที่แห่งนี้ด้วย เรียกว่า "โทวตี่กง"  จะอยู่ด้านข้างของประตูทางเข้าบ้านหลังนี้ จากนั้นลูกหลานก็จะจุดธูปไหว้ขอเชิญดวงวิญญาณบรรพบุรุษให้ลงมารับประทานอาหารที่ลูกหลานเตรียมไว้ให้ อ้อ..ขนมไฮไลท์ของเทศกาลเช็งเม้งคือ จูชังเปี้ย หรือจือชังเปีย ซึ่งจะมีทำขายเพียงปีละครั้ง อร่อยมากๆ เค็มๆหวานๆแต่อร่อยจนแม่นันต้องรอที่จะได้กินทุกเช็งเม้ง
(เจ็กนี้เจ็กฉื่อ = ปีละหนึ่งครั้ง)

มีการอธิฐานขอขมา ขอพร จบด้วยขอความโชคดีให้แก่ลูกหลาน ให้ถูกล็อตเตอรี่ชุดใหญ่ๆ ขอพรเป็นภาษาจีนกันเสียงดัง สนุกสนาน..(หลายๆบ้านคงเป็นเหมือนกัน เค้าถึงเรียกว่าวันรื่นรมย์ไงคะ) .

เมื่อพิธีไหว้เสร็จสิ้น จะต้องมีการยกอาหารคาวหวานขึ้นลา ประมาณว่าบรรพบุรุษได้รับอาหารคาวหวานเรียบร้อยแล้ว เรา..ลูกหลานก็จะยกกระดาษเงินกระดาษทอง ยกอาหารทุกจานหรือแตะบนขอบจานอาหารแต่ละจานต่อๆกัน พร้อมบอกลาและแน่นอนขอพรอีกไม่รู้จบ อาหารที่ถูกลาแล้วลูกหลานก็จะทานต่อได้

การบอกลาอีกวิธีหนึ่งที่จะทำให้บรรพบุรุษรับรู้ได้จากร่องรอยการมาไหว้ของลูกหลานคือ เมื่อยกอาหารลาเรียบร้อยแล้ว ลูกหลานจะแกะหอยแครงหรือที่คนจีนเรียกว่า "ฮัม" และอาหารทีมีเปลือกอื่นๆ ทานกันตรงนั้น แล้วโยนเปลือกลงบริเวณด้านหลังแท่นที่เรากราบไหว้ ให้บรรพบุรุษรับรู้ว่าปีนี้ลูกหลานได้มากราบไหว้แล้วนะ บางครอบครัวของตระกูลติดธุระมาพร้อมกันไม่ได้ ก็จะมาก่อนล่วงหน้าหนึ่งหรือสองวัน เมื่อลูกหลานที่เหลือมาถึงเห็นเศษเปลือกหอยโยนไว้ ก็จะเข้าใจได้โดยทันทีว่าบ้านนั้นมาถึงก่อนหน้านี้แล้ว ปัจจุบันลดน้อยจนไม่ค่อยเห็นแล้วค่ะ แต่ความเชื่อยังมีอยู่แน่นอน

**ความหมายของการนำหอยแครง鳥蛤 (เตี่ยจิวอ่านออกเสียง 蛤 ฮัม หรือ กับ/กัก)​ มาเซ่นไหว้บรรพบุรุษนั้นเรียกว่า "骨肉相见​หรือ肉与骨相遇​
(กุ๊กเน็ก​ เซียงเกี่ยง​ หรือ​ เน๊กอุ่ยกุก​ เซียหงอ = กระดูกกับเนื้อมาพบกัน​
เปลือกหอยแครง (กุก骨กระดูก)​ = ผู้ล่วงลับ,
เนื้อหอยแครง (เน็กหรือบะ肉)​ =ลูก, หลาน, เหลนที่มีชีวิตอยู่ (ที่มาเซ่นไหว้ในวันนี้)
骨肉相见 กุ๊กเน็กเซียงเกี่ยง = เนื้อและกระดูดมาพบกัน​

หอยแครง(ฮัม)​ มีองค์ประกอบคือ..
1)เปลือก​หอยมีลักษณะแข็ง (เปรียบเหมือนบ้าน​ การโอบกอด)​ = กุก骨: บรรพบุรุษผู้วายชนน์ปกป้อง​ คุ้มครองเหล่าลูกหลาน
2)เลือดหอยแครง​ : สายเลือดแห่งตระกูลแซ่ (姓氏族血脉)​
3)เนื้อ​หอย肉 : ลูก​ หลาน​ เหลน​**

เมื่อลาแล้ว ลูกหลานก็จะนำกระดาษเงินกระดาษทอง บ้างมีรองเท้า รถยนต์ ทีวี พัดลมจำลอง ทำมาจากกระดาษมาเผาส่งไปให้บรรพบุรุษได้ใช้ ได้อำนวยความสะดวก โดยจะต้องเผากระดาษที่เรียกว่าใบเบิกทางไปก่อน ตามด้วยเงินทอง ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ แล้วจึงจบลงด้วยการจุดประทัด ถือว่ายิ่งจุดเยอะยิ่งดีจะได้ดังไปถึงสวรรค์บอกให้บรรพบุรุษได้รับรู้ว่าลูกหลานมาถึงแล้วนะ แต่ปัจจุบันก็ลดไปเยอะเช่นกันค่ะ เพราะรุ่นลูกรุ่นหลานก็จะคอยเตือนถึงภัยที่จะตามมากับอากาศ

เดินทางปลอดภัยกันทุกท่าน และดูแลสุขภาพกันด้วยนะคะ

อ่าน เทศกาลประจำปี 2566 "เตี่ยจิวสี่นี้โป๊ยโจ่ย" ตรุษ-สารทแปดเทศกาลสำคัญของชาวจีนแต้จิ๋ว
https://www.facebook.com/nanhomemade/posts/576078291201637

ขอบคุณผู้ใหญ่ใจดี คุณพลพัธน์ ภาษิตา ศิลปี และเพื่อนผปค (ผู้ถอดคำแปลบนแผ่นป้ายให้)
**ขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติม (ความหมายของ ฮัม) จากคุณ @Komes Kun กลุ่มจีนโบราณ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่