อิทัปปัจจยตา ปฏิจจสมุปบาท อะไรแว่?

เกริ่นนำ  การศึกษาพุทธศาสนาควรปล่อยวางเรื่องไร้สาระ อิทธิฤทธิ์  นรก สวรรค์ลงก่อน
เพราะเรื่องงมงายพวกนี้เป็นอุปสรรคขวางทางปัญญา  เมื่อปัญญาไม่เกิดการเข้าใจพุทธพจน์ก็ไม่มีทางเป็นไปได้
 ธรรมะเป็นเรื่องวิทยาสตร์และปรัชญา  ไม่ใช่ไสยศาสตร์  ทำดีขึ้นสวรรค์  ทำบาปตกนรก  เทวดาอวยพร  นางฟ้าอวยชัย เลอะเทอะ

เข้าใจตามนี้แล้วก็จะรู้ว่า
คำศัพท์ที่เป็นพุทธพจน์  เป็นคำง่ายๆถ้าเรารู้จักเอามาเปรียบเทียบกับสิ่งที่มีอยู่ของโลก
อย่าเอาพุทธพจน์ไปปั่นแต่งให้เป็นภาษาลิเก   เพราะพุทธพจน์เป็นภาษาที่สามารถใช้หลักวิทยาศาสตร์และปรัชญา
มาอธิบายได้ทุกคำพุทธพจน์

ก่อนจะเริ่ม   ก็ต้องยกเอาคำว่า ธรรมฐิติ  มากล่าวเสียก่อนว่า  ...ในโลกใบนี้  แม้จะไม่มีมนุษย์หรือสัตว์
ความเป็นธรรมชาติของโลกก็ยังคงมีอยู่  ธรรมชาติที่ว่า  อาทิ  ฝนตก แดดออก ภูเขาไฟระเบิด และเหตุการณ์ต่างๆ
เหล่านี้ล้วนเรียก  ตามหลักปรัชญาว่า  กฎเกณท์ทางธรรมชาติ  ที่อยู่คู่กับโลกใบนี้

เรื่องแบบนี้พระโคดมพระพุทธเจ้าเข้าใจและรู้ซึ้งเป็นอย่างดี   เมื่อรู้แล้วพระองค์จึงเอาความรู้เหล่านั้นมาสอน
ประเด็นคือในยุคโบราณพุทธกาลนั้น  ยังไม่มีคำที่ใช้กับกระบวนการทางธรรมชาติเหล่านี้
เหตุนี้พระพุทธองค์จึงทรงบัญญัติคำต่างๆขึ้น  เพื่อแยกแยะลักษณะของธรรมชาติไว้เป็นกิจจลักษณะ

คำว่า อิทัปปจยตา  จึงถูกบัญญัติขึ้น  เพื่อใช้เรียกกฎเกณ์ทางธรรมชาติของโลก
สรุปก็คือ  อิทัปปจยตา  หมายถึง กฎของธรรมชาติ

ปล.  อย่าเอาคำว่า อิทัปปจยตา  ไปใช้กับภาษาลิเกเป็นอันขาด
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่