สังโยชน์ ใครว่ากิเลส?

นักก๊อปปี้ตำรามักจะพร่ำในบอร์ดแห่งนี้ว่าสังโยชน์คือกิเลส  แล้วก็มโนสาเร่ไปเป็นฟุ้งเป็นแควว่า...
ถ้าละสังโยชน์3จะเป็นโสดาบัน  ฯลฯ    คือมันเป็นอะไรที่น่าชวนหัวสิ้นดี
ก็ไม่ว่ากันเพราะคำพูดที่ผมกล่าว  มันก็เป็นพวกนักก๊อปปี้ตำราไม่ได้มีปัญญาคิดเอง 
เนื้อที่ไปก๊อปปี้มาล้วนไปเอามาจากพวกมหาเปรียญท่องตำราหรือนักเรียนพระ
แค่เกริ่นนำให้รู้ว่า  นักเรียนพระก็คือนักเรียนไม่ใช่อริยะ  ก็เหมือนนักเรียนธรรมดาทั่วไปเท่านั้นเอง
เรื่องของแก่นธรรมบรรยายกับเรื่องท่องบ่นตำรา...เป็นอะไรที่ต้องบอกว่า  คนละเรื่อง

-เข้าเรื่องคำว่า"สังโยชน์"นั้นก่อเกิดมาจาก     สิ่งที่พระพุทธองค์บัญญัติขึ้นจากธรรมชาติในกายใจของมนุษย์
ซึ่งถ้าบอกว่าเป็นธรรมชาติแล้ว  นั้นหมายความว่าเป็นสิ่งที่มนุษย์ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
เมื่อมันหลีกเลี่ยงไม่ได้  การไปเหมาว่ามันเป็นกิเลส  มันจึงเป็นอะไรที่อ่อนด้อยทางความคิด
และยิ่งบอกว่าละได้จะเป็นโสดาหรืออรหันต์ยิ่งไปกันใหญ่

อันว่าสังโยชน์มันเป็นที่มาของพุทธพจน์   ถ้าเราจะพูดแบบภาษาไทยก็ว่า " อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด
เพราะทุกสิ่งอย่างมันเกิดตามเหตุตามปัจจัยและดับไปตามเหตุปัจจัยนั้นๆ"

แล้วอะไรละที่เป็นเหตุที่ทำให้เกิดสังโยชน์  นั้นก็คือ  เมื่อกาย-ใจหรือหนึ่งในปสาททั้งห้าของเรา
ไปกระทบกับวัตถุธรรมภายนอก เช่น ภาพ เสียง  กลิ่น รสหรือสัมผัส  เหล่านี้

เมื่อเกิดการกระทบของกาย-ใจและวัตถุธรรมภายนอก.....สังโยชน์จะเกิดตามธรรมชาติหรือเรียกว่าเกิดโดยอัตโนมัติ
ซึ่งสิ่งที่เกิดเรียกว่าสังโยชน์   แต่แบ่งเป็นสองลักษณะคือ อย่างหนึ่งเป็นเหตุและอีกอย่างเป็นผล

สังโยชน์ในส่วนของเหตุเรียกว่า....โอรัมภาคิยสังโยชน์  (๑)
สังโยชน์ในส่วนของผลเรียกว่า....อุทธัมภาคิยสังโยชน์  (๒)

(๑)  เป็นเหตุให้เกิด(๒)

ยังมีต่อ...
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 13
เอาเพลงมาฝากให้เจ้าที่เจ้าทาง  หรืออีกนัยก็คือปู่โสมเฝ้าห้องศาสนา
ให้ถือว่าเป็นการแสดงการคารวะ  ขออนุญาตใช้พื้นที่  
ถ้ารู้ว่ามีอารมณ์พุ่งพร่านขึ้นมา
ก็หยุดฟังดนตรีในคลิป  จะได้ไม่เกิดอาการเส้นเลือดในสมองแตก
ด้วยความเป็นห่วง  กลัวไม่มีใครเฝ้าห้อง
ฮ่าฮ่าฮ่า


คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่