JJNY : 4in1 ล็อกเป้าปมศก. ซักฟอกรบ.│รถบรรทุกเตรียมหยุดเดิน 100%│ค้านนำเข้าหมูจากยุโรปชั่วคราว│ขึ้น"ราคาน้ำมัน"ทุกชนิด

ฝ่ายค้าน ล็อกเป้า ปมวิกฤตศก.-ปากท้อง ยื่นเปิดซักฟอกรบ. ยาวๆ 36 ชั่วโมง
https://www.matichon.co.th/politics/news_3139662
 
 
 
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 19 มกราคม ที่รัฐสภา มีการประชุมของพรรคร่วมฝ่ายค้าน เพื่อพิจารณาเรื่องการยื่นอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามมาตรา 152 โดยมี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน เป็นประธานในการประชุม พร้อมด้วย ส.ส.พรรคฝ่ายค้าน อาทิ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา เลขาธิการพรรค นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคพท. นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก.ก. พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรคประชาชาติ (ปช.) นายวิรัตน์ วรศสิริน ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย (สร.) นายนิคม บุญวิเศษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย และ นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อชาติ (พช.) เข้าร่วมประชุม
 
จากนั้นเวลา 13.00 น. ตัวแทนพรรคร่วมฝ่ายค้าน แถลงร่วมกัน โดย นพ.ชลน่าน กล่าวว่า สำหรับการยื่นญัตติเปิดอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 ที่ประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้าน มีมติที่จะยื่นญัตติร่วมกันเพียงญัตติเดียว โดยเนื้อหาสาระที่เป็นประเด็นที่จะเสนอแนะนั้นที่ประชุมมีความเห็นร่วมกันว่า เป็นเรื่องวิกฤติเศรษฐกิจ ปัญหาปากท้องของประชาชน และภาวะของแพงทั้งแผ่นดิน วิกฤติโรคระบาด ทั้งโรคระบาดคน และโรคระบาดในสัตว์ วิกฤติทางด้านการเมือง ความไม่เป็นธรรม และประเด็นอื่นๆที่เกี่ยวเนื่องกับสิ่งที่เกี่ยวกับปัญหาในการดำเนินชีวิตของพี่น้องประชาชน ไม่ว่าจะเป็นกรณีเหมืองทองอัครา ปัญหาของพี่น้องประมง ฯลฯ
 
อย่างไรก็ตาม เราให้เป็นสิทธิของพรรคร่วมฝ่ายค้านแต่ละพรรคในการนำเสนอประเด็นของตนเอง โดยเรากำหนดว่า จะยื่นญัตติในวันที่ 21 มกราคมนี้ สำหรับการอภิปรายคาดว่า จะสามารถดำเนินการได้ประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์ สิ่งที่เราต้องพูดคุยกันต่อคือเรื่องเวลาในการอภิปราย โดยเราจะหารือกับพรรคร่วมรัฐบาลว่าเราอยากขอเวลาไม่น้อยกว่า 36 ชั่วโมง
 
ด้าน นายพิธา กล่าวว่า เราจะใช้การอภิปรายตามมาตรา 152 นี้ ในการตั้งคำถามกับรัฐบาล และเป็นการเสนอแนะเพื่อให้รัฐบาลเปลี่ยนการทำงานจากเชิงรับ เป็นเชิงรุกให้ได้ ในช่วงที่เป็นรอยต่อเศรษฐกิจแบบนี้ เนื่องจากปัญหาโควิดทำให้เศรษฐกิจเปิด เศรษฐกิจปิด และเศรษฐกิจเปิด ทำให้เกิดซัพพลายช็อก ถ้ารัฐบาลไม่สามารถทำงานในเชิงรุก หรือควบคุมราคา การแก้ไขปัญหาจะทำได้ยากมากในช่วงที่ของแพงค่าแรงต่ำ แสดงว่า การทำงานของรัฐบาลที่ผ่านมา ไม่สามารถทำงานไปข้างหน้าได้จากการทำงานเช้าชาม เย็นชามของรัฐบาล ถึงเวลาที่เราต้องรื้อตะกร้าการคำนวณเงินเฟ้อให้สอดคล้องกับความเป็นจริง
 
ขณะที่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า รัฐบาลได้สร้างปัญหาสังคมอย่างรุนแรง ท่านอาจจะมองเป็นเรื่องเล็ก แต่ความจริงเป็นเรื่องใหญ่ ท่านทำลายความรู้ โดยการเอางบฯการศึกษาออกไปจำนวนมาก รัฐบาลปิดการศึกษาอย่างสิ้นเชิง แต่กลับทำอะไรก็ได้เพื่อให้นายทุนอยู่ได้ ขณะที่ความทุกข์ของประชาชนที่เกิดจากการที่รัฐบาลมุ่งการเมืองเพื่อประโยชน์ของตนเองเกินไป การอภิปรายครั้งนี้ พรรคฝ่ายค้าน จึงเตรียมข้อมูลที่จะเสนอแนะต่อรัฐบาล และอยากเรียนพี่น้องประชาชนว่า การอภิปรายครั้งนี้เป็นวาระของประชาชนอย่างแท้จริง



รถบรรทุก เตรียมงัดมาตรการเด็ดขาดหยุดเดินรถแบบ 100%
https://www.pptvhd36.com/news/เศรษฐกิจ/164747

สหพันธ์การขนส่งทางบกฯ เตรียมประชุม 21 ม.ค.นี้ หารือมาตรการหยุดวิ่งรถบรรทุกขนส่งสินค้า 400,000 คัน
 
นายวสุเชษฐ์ โสภณเสถียร นายกสมาคมผู้ประกอบการรถขนส่งทั่วไทย หนึ่งในสมาชิกสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย บอกว่า ข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลให้ลดราคาน้ำมัน ยังไม่ล้มเลิก เพราะที่ผ่านมารัฐบาลยังไม่ลงมาแก้ไขปัญหาอย่างจริงใจ มีแต่การลงมาสร้างภาพ แถลงข่าวลดราคาน้ำมันได้ 2-3 วัน แล้วก็เงียบหายไป โดยในวันที่ 21 มกราคมนี้ สหพันธ์จะประชุมเตรียมความพร้อมจัดกิจกรรมอีกครั้ง เพื่อกำหนดวัน เวลา รูปแบบ จำนวนรถที่เข้าร่วมอีกครั้ง เพราะที่ผ่านมาได้ชะลอแผนการจัดกิจกรรมออกไปด้วยสถานการณ์โควิด-19 ยังคงรุนแรง
 
นายวสุเชษฐ์ บอกด้วยว่า ทุกวันนี้ประชาชนต้องเจอกับข้าวของแพง เพราะต้นทุนค่าขนส่งแพงมาก ที่ผ่านมาทางสหพันธ์ฯ หยุดวิ่งรถไป 50% หรือ 200,000 คัน เนื่องจากแบกรับต้นทุนไม่ไหว เพราะหากขึ้นค่าขนส่ง ราคาสินค้าก็ขึ้นตาม ผลกระทบก็วนกลับมาที่ประชาชนอีก จึงขอให้รัฐบาลลงมาแก้ไขที่ต้นเหตุอย่างจริงจัง หากขอกันดีๆ แล้วไม่ได้รับการเหลียวแล ก็อาจต้องใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดครั้งสุดท้าย คือ การหยุดเดินรถแบบ 100% หรือ 400,000 คัน เพราะทุกวันนี้อยู่กันไม่ไหวจริงๆ
 
ขณะที่ ดร.ชินวุฒิ์ เตชานุวัตร์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยด้านเศรษฐกิจ และตลาดการเงิน ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ EIC บอกว่า ราคาน้ำมันที่สูงขึ้น เป็นปัจจัยสำคัญที่กดดันเงินเฟ้อของไทยปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง และยังถูกซ้ำเติมด้วยราคาหารอาหารสดที่แพงขึ้น ดังนั้นจึงมองว่า รัฐบาลควรออกมาตรการลดค่าครองชีพให้กับประชาชน ทั้งมาตรการคนละครึ่ง บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ มาตรการอุดหนุนราคาพลังงาน ยังมีความจำเป็นอยู่มากในช่วง 3-6 เดือนข้างหน้า เพื่อไม่ให้ประชาชนต้องแบกรับผลกระทบค่าครองที่รุนแรงเกินไป

ด้านนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ได้ขยับมาตรการคนละครึ่ง 4 ให้เริ่มเร็วขึ้นในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ นี้ เพื่อลดค่าครองชีพให้กับประชาชน ส่วนวงเงินที่จะให้กำลังประเมินตามสถานการณ์อยู่ แต่หากสถานการณ์โควิดยังอ่อนไหว ก็พร้อมจะขยายระยะเวลามาตรการ และเพิ่มวงเงินเข้าไปให้เป็นอัตโนมัติ โดยช่วงแรกอาจให้ก้อนหนึ่งก่อน แต่หากจำเป็นก็ใส่เงินเพิ่มได้เหมือนครั้งก่อน
 

 
สมาคมผู้เลี้ยงฯ ค้านนำเข้าหมูจากยุโรปชั่วคราว หวั่นส่งมากเกินกำหนด ทำอาชีพคนไทยล่มสลาย
https://www.matichon.co.th/economy/news_3140376

เกษตรกร ค้านนำเข้าเนื้อหมู-ชิ้นส่วน-แปรรูปจากต่างประเทศ เสี่ยงโรค-อาชีพล่มสลาย
 
น.สพ.วิวัฒน์ พงษ์วิวัฒนชัย อุปนายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ กล่าวถึงข้อเสนอให้นำเข้าเนื้อสุกรเพื่อเพิ่มปริมาณในประเทศ โดยเฉพาะจากประเทศในแถบยุโรป ว่าสมาคมฯและเกษตรกรคัดค้านเรื่องนี้ เพราะนอกจากจะมีความเสี่ยงเรื่องโรคต่างถิ่นที่อาจปนเปื้อนเข้ามากระทบกับฝูงสุกรของไทยแล้ว ผู้เลี้ยงยังทราบดีว่าหากเปิดรับให้ทางยุโรปนำสุกรเข้ามาในไทยได้ ย่อมมีความเสี่ยงที่จะต้องเปิดรับเนื้อสุกรจากยุโรปตลอดไป และมีโอกาสที่จะส่งเข้ามาไม่จำกัด แม้จะมีการกำหนดปริมาณไว้ชัดเจน แต่ในทางปฏิบัติประเทศผู้ส่งออกจะส่งมาเกินกว่าที่กำหนด ซึ่งประเด็นนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว ดังเช่น ประเทศเวียดนาม ที่เลือกแก้ปัญหาขาดแคลนสุกรด้วยการนำเข้า โดยหวังว่าจะได้บริโภคเนื้อสุกรราคาถูกในช่วงแรก แต่กลับได้บริโภคในราคาแพง และมีการแยกชนชั้นระหว่างสินค้านำเข้าและสินค้าในประเทศ ไม่ใช่สินค้าราคาถูกอย่างที่หวัง ปัจจุบันเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรชาวเวียดนนาม ต้องรับภาระขาดทุนจากภาวะสุกรล้นตลาดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
 
ที่สำคัญ การนำเข้าเนื้อสุกร ชิ้นส่วน และสุกรแปรรูปจากต่างประเทศ มาพยุงราคา เป็นการทำลายกลไกการเลี้ยงสุกรในประเทศ เพราะสุกรนำเข้าราคาถูกกว่าสุกรไทยมาก จากต้นทุนการเลี้ยงที่ต่ำกว่ามาก เนื่องจากรัฐบาลของต่างประเทศให้การอุดหนุนต้นทุนการเลี้ยง จึงสามารถขายสุกรในราคาถูกได้ ขณะที่ประเทศไทย คนเลี้ยงสุกรต้องแบกรับภาระต้นทุนการเลี้ยงที่พุ่งสูงเองทั้งหมด แต่กลับไม่สามารถขายสุกรในราคาที่สะท้อนต้นทุนได้ หากยอมให้สุกรนอกเข้ามา เกษตรกรไม่สามารถแข่งขันด้านราคาได้ ก็จะทิ้งอาชีพและเลิกเลี้ยงสุกรกันไปหมด ถึงวันนั้นความมั่นคงทางอาหารของประเทศต้องถูกทำลาย
 
“ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องพิจารณาเรื่องนี้อย่างรอบคอบที่สุด หากจำเป็นต้องนำเข้าเนื้อสุกร สมาคมฯ ต้องทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลเรื่องนี้เท่านั้น เพื่อกำหนดจำนวนและชิ้นส่วนที่จะนำเข้ามา ไม่ให้กระทบกับผู้เลี้ยงในประเทศ รวมทั้งเก็บค่าธรรมเนียม (Surcharge) สำหรับนำไปช่วยเหลือผู้เลี้ยงสุกรรายย่อย” น.สพ.วิวัฒน์ กล่าว
 
อุปนายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันผู้เลี้ยงสุกรทั่วประเทศ ร่วมกันยืนราคาสุกรมีชีวิตหน้าฟาร์มไว้ไม่เกิน 110 บาท/กก. ไปจนถึงเทศกาลตรุษจีน เพื่อลดภาระผู้บริโภค ส่วนทางแก้ที่เหมาะสมของเรื่องนี้คือ ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด หากสุกรมีน้อย ราคาสูงขึ้น ก็จะกดดันให้ความต้องการบริโภคลดลง ตามกลไกตลาด ในที่สุดปริมาณและการบริโภคจะกลับสู่สมดุลเอง โดยที่ไม่ต้องมาควบคุมให้เสียเวลา../
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่