คนคลั่ง คืนหลอน
ล. วิลิศมาหรา
พลั่กกก...
เสียงร่างฉันหล่นกระทบพื้นดังสนั่นอยู่ท่ามกลางความเงียบสงัดของรัตติกาล เจ็บจุกตามร่างกายหลายแห่ง แต่ฉันยังแข็งใจตะเกียกตะกายลุกขึ้นยืน
หนี...ฉันจะต้องรีบหนีเดี๋ยวนี้ ก่อนที่ไอ้โรคจิตนั่นจะตามมาทัน
ฉันเพิ่งกระโดดหนีไอ้โรคจิตคนหนึ่งลงมาจากชั้นสองของตึกร้างที่ยังสร้างไม่เสร็จ ในที่แห่งไหนสักแห่งซึ่งฉันไม่รู้จัก ไม่รู้ว่ามันต้องการอะไรจากฉัน และมันพาฉันมาที่นี่ได้ด้วยวิธีไหน ทำไมฉันถึงไม่รู้ตัวเลย
จำได้ว่าหลังไปรับยาจากแพทย์ประจำตัว ฉันก็รีบขึ้นรถประจำทางเพื่อจะเดินทางกลับบ้าน แต่หลังจากขึ้นรถมาแล้ว...หลังจากนั้นล่ะ...บ้าจริง! ฉันจำอะไรตอนนั้นไม่ได้เลย จำไม่ได้ว่าตัวเองมานอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้นซีเมนต์แข็งกระด้างในตึกร้างหลังนี้ได้อย่างไร และที่นี่คือที่ไหนกัน
รู้สึกว่าถือของบางอย่างอยู่ในมือ มีอะไรลื่น ๆ ติดมือเต็มไปหมด ส่งกลิ่นคาวคละคลุ้งเข้าจมูก
พระเจ้าช่วย...มันคือกลิ่นคาวของเลือด
ยกมีดเปื้อนเลือดในมือขึ้นดู เบิกตาโตมองด้วยความตกใจ ทำไมฉันถึงมานอนถือมีดอยู่ที่นี่ได้ แล้วเลือดพวกนี้มันเป็นเลือดของใคร เป็นของสัตว์หรือของคน...รีบก้มลงสำรวจดูเนื้อตัวตัวเองโดยด่วน มันไม่ใช่เลือดของฉัน เพราะร่างกายฉันไม่ได้มีบาดแผลตรงไหนให้เลือดไหลออก
ขณะพยายามเค้นความคิดอย่างหนักอยู่นั้น พลันศีรษะก็เกิดปวดจี๊ดขึ้นมา พร้อมกับน้ำตาเริ่มเอ่อคลอเบ้า ไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับฉันกันแน่
ตั้งสติมองสำรวจไปรอบตัวใหม่ ในตึกร้างหลังนี้ไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นอีก นอกจากฉันคนเดียว ท่ามกลางแสงไฟฟ้าของเสาไฟต้นสูงข้างถนน ที่ส่องลอดซากตึกเข้ามา พอทำให้มองเห็นว่า เบื้องหน้าคือประตูเปิดออกไปสู่ระเบียงด้านนอก ส่วนด้านหลังเป็นบันไดทอดยาวลงไปชั้นล่าง ซึ่งทั้งสองทางเงียบสงัด ทีแรกฉันกะจะลงไปทางบันไดนี้ แต่ในนาทีที่ฉันกำลังครุ่นคิด ยืนหมุนไปมาอย่างตัดสินใจไม่ถูกว่าจะไปทางไหนดี พลันข่าวใหญ่ข่าวหนึ่งในระยะนี้ก็แล่นเข้ามาในสมอง...มันเป็นข่าวของฆาตกรโรคจิตที่ออกอาละวาดดักจับคนมาทำร้าย มันมักเลือกเหยื่อที่เป็นผู้ชายตัวเล็ก ไม่เป็นที่สนใจของใครมากนัก หากเขาจะหายตัวไป หรือไม่ก็เป็นผู้หญิงชอบเก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน ไม่ติดต่อสื่อสารกับใคร และเดินทางไปไหนต่อไหนตามลำพัง มันเลือกคนลักษณะนี้มาเป็นเหยื่อ อาจเป็นเพราะตำรวจไม่ค่อยใส่ใจจับคนร้ายมาดำเนินคดี และคนพวกนี้มักสู้แรงมันไม่ไหว เลยง่ายต่อการลงมือ
มันทำกับเหยื่อทุกรายคล้าย ๆ กัน เหมือนกับมันกำลังเล่นเกม หลังจากจับตัวเหยื่อมาได้แล้ว มันจะปล่อยให้เหยื่อหนีไป แล้วถึงค่อยออกตามล่าทีหลัง ถ้ามันตามหาเหยื่อเจอ เหยื่อจะถูกมันสังหารด้วยวิธีที่เลือดเย็นอย่างวิปริตผิดมนุษย์ ด้วยการเชือนเนื้อออกทีละชิ้น ๆ ด้วยของมีคม จนกว่าเหยื่อจะสิ้นลมหายใจตาย
ฉันอาจจะกลายเป็นเหยื่อของมันไปแล้วก็ได้ ผู้หญิงเดินทางตามลำพัง เป็นคนไร้ญาติขาดมิตร ไม่ชอบติดต่อกับใคร ฉันมีทุกอย่างครบตามที่มันต้องการ...นึกถึงข่าวนี้ด้วยใจอันสั่นสะท้าน เพราะดูตามรูปการณ์แล้ว ฉันคงไม่แคล้วเข้าไปอยู่ในเกมของมันอย่างแน่นอน และตอนนี้มันก็คงตั้งใจเปิดโอกาสให้ฉันหนีไป เพื่อมันจะได้ออกตามล่า!!!
ขณะยืนอกสั่นขวัญหายอย่างไม่รู้จะจัดการกับตัวเองอย่างไรดี ก็มีเสียงฝีเท้าคนกำลังเดินขึ้นบันไดมาช้า ๆ ฉันไม่มีเวลาสงสัยว่าเป็นฝีเท้าของใคร พุ่งตัวออกไปยืนนอกระเบียงทันที ในสถานการณ์แบบนี้ ฉันไม่มีทางมั่นใจได้เลยว่า คนที่กำลังเดินขึ้นบันไดมาจะมีประสงค์ดีหรือร้ายต่อฉัน
“น่าจะซ่อนตัวอยู่ข้างบนนี้ คงหาตัวไม่ยาก ลำบากหน่อยตรงที่มันค่อนข้างมืดนี่แหละ รีบมาก็แล้วกัน...”
นั่นปะไร...เสียงมันคุยกับใครบางคนในโทรศัพท์ พวกมันกำลังตามหาใคร ถ้าไม่ใช่ฉัน แสดงว่ามันไม่ได้ทำเรื่องบัดซบนี้เพียงลำพัง แต่มันทำกันเป็นขบวนการ...ขบวนการฆาตกรโรคจิต
พอเจ้าคนปริศนาโผล่หน้าพ้นบันไดมาเท่านั้น ฉันก็ไม่เสียเวลามองว่ามันเป็นใคร รีบกระโจนลงไปยังพื้นข้างล่างอย่างไม่คิดชีวิต ไม่กลัวจะเจ็บตัว สีข้างของฉันหล่นกระทบพื้นดังถนัดถนี่ โชคยังดีที่มันไม่สูงมากนัก
ทว่าโชคร้ายที่ไอ้โรคจิตคนนั้นมันเห็นฉันเข้าเสียแล้ว และมันกำลังวิ่งลงบันไดตามมา...ฉันรีบตาลีตาเหลือกลุกขึ้นยืน ชนิดลืมอาการเจ็บจุกของตัวเอง ร่ำร้องอยู่ในใจ...พระเจ้าองค์ไหนก็ได้ช่วยลูกที ไอ้บ้านั่นมันมีปืน!!!
“หยุด! อย่าหนี...”
ตอนที่ฉันกำลังตะกายลุกขึ้นยืน มันก็ถลันเข้ามาถึงตัวเสียแล้ว พร้อมกับปืนในมือ ฉันตัดสินใจแทงมีดสวนออกไปเต็มแรง โดยไม่สนใจว่าจะแทงถูกมันตรงไหน เห็นแต่ร่างของมันร่วงผล็อยลงไปกองกับพื้น พร้อมปืนหลุดตกจากมือ ฉันคว้าปืนของมันขึ้นมาได้ ก็โกยอ้าวออกไปจากที่ตรงนั้นทันที
“แกตาย ไอ้โรคจิต!”
เมื่อเห็นถนนใหญ่อยู่ข้างหน้า ฉันก็ระเบิดหัวเราะออกมาอย่างสาสมแก่ใจ ฉันเพิ่งฆ่ามันตาย เจ้าวายร้ายในคืนสยอง แกไม่มีทางได้ฉันไปเป็นเหยื่อแน่...ไม่มีทาง
ฉันวิ่งเตลิดออกไปหาถนนใหญ่ พร้อมหัวใจที่เต้นแรงโครมคราม หอบหายใจถี่ด้วยความตื่นเต้น
รถคันหนึ่งแล่นผ่านมาพอดี ฉันไม่รอช้า ซุกปืนซ่อนไว้ในกระเป๋าเสื้อโค้ท แล้วผวาออกไปโบกมือให้เขาจอดรับ ก่อนคลานขึ้นไปนั่งบนเบาะหลังอย่างคนสติสตังไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
ขณะที่รถแล่นออกไป ฉันเหลียวมองข้างหลังอย่างหวาดระแวง กลัวว่ามันจะตามมา แต่เมื่อมองไปไม่เห็นอะไรในความมืดอีก ฉันก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่อย่างโล่งอก เบือนหน้ากลับไปทางหน้ารถ พลางงึมงำขอบคุณพระเจ้าในลำคอ
“คุณทำท่าเหมือนหนีอะไรมา”
กำลังนึกโล่งใจที่พาตัวเองหนีรอดออกมาได้อย่างหวุดหวิด แต่คำพูดของผู้ชายหลังพวงมาลัยรถ ที่ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงแปลกพิกล มันทำให้ฉันนึกสะกิดใจอย่างแรง ทำไมเขาถามราวกับรู้ความเป็นไปในตึกหลังนั้นดี และเมื่อเหลือบมองสบตากันกับเขาทางกระจกมองหลังอีกครั้ง ความรู้สึกที่ว่าตัวเองปลอดภัยแล้วก็หายวับไปทันที ฉันขยับนั่งตัวตรง นึกเอะใจในอะไรบางอย่างขึ้นมา
“เปล่า...”
ปฏิเสธเขาไปสั้น ๆ รู้สึกหวาดหวั่นจนพูดไม่ออก สังหรณ์ใจว่าจะไม่โชคดีอย่างที่ตัวเองคิด เส้นประสาททุกเส้นตื่นตัวเต็มที่ เพิ่งนึกได้เดี๋ยวนี้เอง ผู้ชายคนนี้รับฉันขึ้นรถมาด้วยท่าทางปกติธรรมดามาก ไม่ได้แสดงอาการตกอกตกใจไปกับสภาพหนีตายของฉันเลยแม้แต่น้อย ซึ่งมันผิดวิสัยของคนทั่วไป
“จะให้ไปส่งที่ไหน ดูเหมือนคุณจะบาดเจ็บมานะ เป็นอะไรมากหรือเปล่า ให้ผมช่วยไหม”
น้ำเสียงที่ถามฟังดูห้วน สายตาของเขาที่มองมาทางกระจกมองหลังแต่ละครั้ง ช่างเป็นสายตาที่เย็นชาแข็งกระด้าง ทำเอาหัวใจของฉันกระตุกวูบ ช่วยเหรอ...ช่วยเชือดฉันน่ะสิ!
ฉันหวาดผวาหนักยิ่งขึ้น เมื่อเห็นเขาเบาเครื่องยนต์รถลง รถทำท่าเหมือนจะหยุดวิ่ง มีบางอย่างชักจะไม่เข้าท่าเสียแล้ว
“คุณไปทำอะไรที่ถนนสาย 25 นั่นครับ คุณผู้ชาย พอจะบอกผมได้ไหม”
เขาหันมามองทางฉันแวบหนึ่ง ก่อนถามซ้ำอีก ฉันไม่สนใจในสิ่งที่เขาถาม ผู้ชายคนนี้คือคนหนึ่งในทีมฆาตกร เขารับฉันขึ้นรถมาเพื่อเอาตัวไปฆ่า และตอนนี้พวหมันคงรู้ตัวแล้วว่า หนึ่งในทีมของพวกมันถูกฉันจัดการไปแล้ว มันกำลังจะจอดรถรอฆาตกรคนอื่น ฉันตั้งท่าเตรียมพร้อมหากมันจะเข้าโจมตี...บ้าชะมัด ฉันหนีเสือมาปะจระเข้เข้าให้เสียแล้ว
มันหยุดรถรอจริง ๆ และหันหน้ามาหา นาทีนั้นเอง ฉันก็ไม่ปล่อยให้มันทันได้ตั้งตัว กระโจนเข้าตวัดแขนข้างหนึ่งล็อกคอมันไว้ติดกับพนักเบาะรถ มีดที่กำแน่นเตรียมพร้อมอยู่ในมืออีกข้าง จ้วงแทงเข้าที่หน้าอกมันจนมิดด้าม นี่ยังไม่นับปืนที่ฉันมีในครอบครองอีกหนึ่งกระบอก
แก...ไอ้พวกจิตทราม ชอบล่าคนเล่นนักเหรอ อย่าหวังว่าจะล่าเหยื่ออย่างฉันได้ง่าย ๆ !!!
ฉันคำราม ขณะร่างในเงื้อมมือฉันแอ่นกระตุกขึ้นหลายครั้ง ตามจังหวะการจ้วงแทงของฉัน ท่ามกลางเสียงวิทยุในรถที่แหวกอากาศดังขึ้นมา
“ข่าวด่วน ระวัง! คนร้ายป่วยทางจิตหลุดออกจากสถานบำบัด ทำร้ายคนไปแล้วหลายราย คนร้ายมีอาการหวาดระแวงอย่างหนัก เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังระดมควานหาตัวอยู่ คนร้ายหลบหนีมาทางถนนสายที่ 25 ขณะนี้ได้รับรายงานว่าคนร้ายได้ทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจไปอีกหนึ่งนายแล้ว คนร้ายเพศชาย ผมสีดำตาดำ ร่างเล็ก สูงประมาณห้าฟุต มีอาการป่วยหลายบุคลิก”
จบ.
คนคลั่ง คืนหลอน
ล. วิลิศมาหรา
พลั่กกก...
เสียงร่างฉันหล่นกระทบพื้นดังสนั่นอยู่ท่ามกลางความเงียบสงัดของรัตติกาล เจ็บจุกตามร่างกายหลายแห่ง แต่ฉันยังแข็งใจตะเกียกตะกายลุกขึ้นยืน
หนี...ฉันจะต้องรีบหนีเดี๋ยวนี้ ก่อนที่ไอ้โรคจิตนั่นจะตามมาทัน
ฉันเพิ่งกระโดดหนีไอ้โรคจิตคนหนึ่งลงมาจากชั้นสองของตึกร้างที่ยังสร้างไม่เสร็จ ในที่แห่งไหนสักแห่งซึ่งฉันไม่รู้จัก ไม่รู้ว่ามันต้องการอะไรจากฉัน และมันพาฉันมาที่นี่ได้ด้วยวิธีไหน ทำไมฉันถึงไม่รู้ตัวเลย
จำได้ว่าหลังไปรับยาจากแพทย์ประจำตัว ฉันก็รีบขึ้นรถประจำทางเพื่อจะเดินทางกลับบ้าน แต่หลังจากขึ้นรถมาแล้ว...หลังจากนั้นล่ะ...บ้าจริง! ฉันจำอะไรตอนนั้นไม่ได้เลย จำไม่ได้ว่าตัวเองมานอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้นซีเมนต์แข็งกระด้างในตึกร้างหลังนี้ได้อย่างไร และที่นี่คือที่ไหนกัน
รู้สึกว่าถือของบางอย่างอยู่ในมือ มีอะไรลื่น ๆ ติดมือเต็มไปหมด ส่งกลิ่นคาวคละคลุ้งเข้าจมูก
พระเจ้าช่วย...มันคือกลิ่นคาวของเลือด
ยกมีดเปื้อนเลือดในมือขึ้นดู เบิกตาโตมองด้วยความตกใจ ทำไมฉันถึงมานอนถือมีดอยู่ที่นี่ได้ แล้วเลือดพวกนี้มันเป็นเลือดของใคร เป็นของสัตว์หรือของคน...รีบก้มลงสำรวจดูเนื้อตัวตัวเองโดยด่วน มันไม่ใช่เลือดของฉัน เพราะร่างกายฉันไม่ได้มีบาดแผลตรงไหนให้เลือดไหลออก
ขณะพยายามเค้นความคิดอย่างหนักอยู่นั้น พลันศีรษะก็เกิดปวดจี๊ดขึ้นมา พร้อมกับน้ำตาเริ่มเอ่อคลอเบ้า ไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับฉันกันแน่
ตั้งสติมองสำรวจไปรอบตัวใหม่ ในตึกร้างหลังนี้ไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นอีก นอกจากฉันคนเดียว ท่ามกลางแสงไฟฟ้าของเสาไฟต้นสูงข้างถนน ที่ส่องลอดซากตึกเข้ามา พอทำให้มองเห็นว่า เบื้องหน้าคือประตูเปิดออกไปสู่ระเบียงด้านนอก ส่วนด้านหลังเป็นบันไดทอดยาวลงไปชั้นล่าง ซึ่งทั้งสองทางเงียบสงัด ทีแรกฉันกะจะลงไปทางบันไดนี้ แต่ในนาทีที่ฉันกำลังครุ่นคิด ยืนหมุนไปมาอย่างตัดสินใจไม่ถูกว่าจะไปทางไหนดี พลันข่าวใหญ่ข่าวหนึ่งในระยะนี้ก็แล่นเข้ามาในสมอง...มันเป็นข่าวของฆาตกรโรคจิตที่ออกอาละวาดดักจับคนมาทำร้าย มันมักเลือกเหยื่อที่เป็นผู้ชายตัวเล็ก ไม่เป็นที่สนใจของใครมากนัก หากเขาจะหายตัวไป หรือไม่ก็เป็นผู้หญิงชอบเก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน ไม่ติดต่อสื่อสารกับใคร และเดินทางไปไหนต่อไหนตามลำพัง มันเลือกคนลักษณะนี้มาเป็นเหยื่อ อาจเป็นเพราะตำรวจไม่ค่อยใส่ใจจับคนร้ายมาดำเนินคดี และคนพวกนี้มักสู้แรงมันไม่ไหว เลยง่ายต่อการลงมือ
มันทำกับเหยื่อทุกรายคล้าย ๆ กัน เหมือนกับมันกำลังเล่นเกม หลังจากจับตัวเหยื่อมาได้แล้ว มันจะปล่อยให้เหยื่อหนีไป แล้วถึงค่อยออกตามล่าทีหลัง ถ้ามันตามหาเหยื่อเจอ เหยื่อจะถูกมันสังหารด้วยวิธีที่เลือดเย็นอย่างวิปริตผิดมนุษย์ ด้วยการเชือนเนื้อออกทีละชิ้น ๆ ด้วยของมีคม จนกว่าเหยื่อจะสิ้นลมหายใจตาย
ฉันอาจจะกลายเป็นเหยื่อของมันไปแล้วก็ได้ ผู้หญิงเดินทางตามลำพัง เป็นคนไร้ญาติขาดมิตร ไม่ชอบติดต่อกับใคร ฉันมีทุกอย่างครบตามที่มันต้องการ...นึกถึงข่าวนี้ด้วยใจอันสั่นสะท้าน เพราะดูตามรูปการณ์แล้ว ฉันคงไม่แคล้วเข้าไปอยู่ในเกมของมันอย่างแน่นอน และตอนนี้มันก็คงตั้งใจเปิดโอกาสให้ฉันหนีไป เพื่อมันจะได้ออกตามล่า!!!
ขณะยืนอกสั่นขวัญหายอย่างไม่รู้จะจัดการกับตัวเองอย่างไรดี ก็มีเสียงฝีเท้าคนกำลังเดินขึ้นบันไดมาช้า ๆ ฉันไม่มีเวลาสงสัยว่าเป็นฝีเท้าของใคร พุ่งตัวออกไปยืนนอกระเบียงทันที ในสถานการณ์แบบนี้ ฉันไม่มีทางมั่นใจได้เลยว่า คนที่กำลังเดินขึ้นบันไดมาจะมีประสงค์ดีหรือร้ายต่อฉัน
“น่าจะซ่อนตัวอยู่ข้างบนนี้ คงหาตัวไม่ยาก ลำบากหน่อยตรงที่มันค่อนข้างมืดนี่แหละ รีบมาก็แล้วกัน...”
นั่นปะไร...เสียงมันคุยกับใครบางคนในโทรศัพท์ พวกมันกำลังตามหาใคร ถ้าไม่ใช่ฉัน แสดงว่ามันไม่ได้ทำเรื่องบัดซบนี้เพียงลำพัง แต่มันทำกันเป็นขบวนการ...ขบวนการฆาตกรโรคจิต
พอเจ้าคนปริศนาโผล่หน้าพ้นบันไดมาเท่านั้น ฉันก็ไม่เสียเวลามองว่ามันเป็นใคร รีบกระโจนลงไปยังพื้นข้างล่างอย่างไม่คิดชีวิต ไม่กลัวจะเจ็บตัว สีข้างของฉันหล่นกระทบพื้นดังถนัดถนี่ โชคยังดีที่มันไม่สูงมากนัก
ทว่าโชคร้ายที่ไอ้โรคจิตคนนั้นมันเห็นฉันเข้าเสียแล้ว และมันกำลังวิ่งลงบันไดตามมา...ฉันรีบตาลีตาเหลือกลุกขึ้นยืน ชนิดลืมอาการเจ็บจุกของตัวเอง ร่ำร้องอยู่ในใจ...พระเจ้าองค์ไหนก็ได้ช่วยลูกที ไอ้บ้านั่นมันมีปืน!!!
“หยุด! อย่าหนี...”
ตอนที่ฉันกำลังตะกายลุกขึ้นยืน มันก็ถลันเข้ามาถึงตัวเสียแล้ว พร้อมกับปืนในมือ ฉันตัดสินใจแทงมีดสวนออกไปเต็มแรง โดยไม่สนใจว่าจะแทงถูกมันตรงไหน เห็นแต่ร่างของมันร่วงผล็อยลงไปกองกับพื้น พร้อมปืนหลุดตกจากมือ ฉันคว้าปืนของมันขึ้นมาได้ ก็โกยอ้าวออกไปจากที่ตรงนั้นทันที
“แกตาย ไอ้โรคจิต!”
เมื่อเห็นถนนใหญ่อยู่ข้างหน้า ฉันก็ระเบิดหัวเราะออกมาอย่างสาสมแก่ใจ ฉันเพิ่งฆ่ามันตาย เจ้าวายร้ายในคืนสยอง แกไม่มีทางได้ฉันไปเป็นเหยื่อแน่...ไม่มีทาง
ฉันวิ่งเตลิดออกไปหาถนนใหญ่ พร้อมหัวใจที่เต้นแรงโครมคราม หอบหายใจถี่ด้วยความตื่นเต้น
รถคันหนึ่งแล่นผ่านมาพอดี ฉันไม่รอช้า ซุกปืนซ่อนไว้ในกระเป๋าเสื้อโค้ท แล้วผวาออกไปโบกมือให้เขาจอดรับ ก่อนคลานขึ้นไปนั่งบนเบาะหลังอย่างคนสติสตังไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
ขณะที่รถแล่นออกไป ฉันเหลียวมองข้างหลังอย่างหวาดระแวง กลัวว่ามันจะตามมา แต่เมื่อมองไปไม่เห็นอะไรในความมืดอีก ฉันก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่อย่างโล่งอก เบือนหน้ากลับไปทางหน้ารถ พลางงึมงำขอบคุณพระเจ้าในลำคอ
“คุณทำท่าเหมือนหนีอะไรมา”
กำลังนึกโล่งใจที่พาตัวเองหนีรอดออกมาได้อย่างหวุดหวิด แต่คำพูดของผู้ชายหลังพวงมาลัยรถ ที่ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงแปลกพิกล มันทำให้ฉันนึกสะกิดใจอย่างแรง ทำไมเขาถามราวกับรู้ความเป็นไปในตึกหลังนั้นดี และเมื่อเหลือบมองสบตากันกับเขาทางกระจกมองหลังอีกครั้ง ความรู้สึกที่ว่าตัวเองปลอดภัยแล้วก็หายวับไปทันที ฉันขยับนั่งตัวตรง นึกเอะใจในอะไรบางอย่างขึ้นมา
“เปล่า...”
ปฏิเสธเขาไปสั้น ๆ รู้สึกหวาดหวั่นจนพูดไม่ออก สังหรณ์ใจว่าจะไม่โชคดีอย่างที่ตัวเองคิด เส้นประสาททุกเส้นตื่นตัวเต็มที่ เพิ่งนึกได้เดี๋ยวนี้เอง ผู้ชายคนนี้รับฉันขึ้นรถมาด้วยท่าทางปกติธรรมดามาก ไม่ได้แสดงอาการตกอกตกใจไปกับสภาพหนีตายของฉันเลยแม้แต่น้อย ซึ่งมันผิดวิสัยของคนทั่วไป
“จะให้ไปส่งที่ไหน ดูเหมือนคุณจะบาดเจ็บมานะ เป็นอะไรมากหรือเปล่า ให้ผมช่วยไหม”
น้ำเสียงที่ถามฟังดูห้วน สายตาของเขาที่มองมาทางกระจกมองหลังแต่ละครั้ง ช่างเป็นสายตาที่เย็นชาแข็งกระด้าง ทำเอาหัวใจของฉันกระตุกวูบ ช่วยเหรอ...ช่วยเชือดฉันน่ะสิ!
ฉันหวาดผวาหนักยิ่งขึ้น เมื่อเห็นเขาเบาเครื่องยนต์รถลง รถทำท่าเหมือนจะหยุดวิ่ง มีบางอย่างชักจะไม่เข้าท่าเสียแล้ว
“คุณไปทำอะไรที่ถนนสาย 25 นั่นครับ คุณผู้ชาย พอจะบอกผมได้ไหม”
เขาหันมามองทางฉันแวบหนึ่ง ก่อนถามซ้ำอีก ฉันไม่สนใจในสิ่งที่เขาถาม ผู้ชายคนนี้คือคนหนึ่งในทีมฆาตกร เขารับฉันขึ้นรถมาเพื่อเอาตัวไปฆ่า และตอนนี้พวหมันคงรู้ตัวแล้วว่า หนึ่งในทีมของพวกมันถูกฉันจัดการไปแล้ว มันกำลังจะจอดรถรอฆาตกรคนอื่น ฉันตั้งท่าเตรียมพร้อมหากมันจะเข้าโจมตี...บ้าชะมัด ฉันหนีเสือมาปะจระเข้เข้าให้เสียแล้ว
มันหยุดรถรอจริง ๆ และหันหน้ามาหา นาทีนั้นเอง ฉันก็ไม่ปล่อยให้มันทันได้ตั้งตัว กระโจนเข้าตวัดแขนข้างหนึ่งล็อกคอมันไว้ติดกับพนักเบาะรถ มีดที่กำแน่นเตรียมพร้อมอยู่ในมืออีกข้าง จ้วงแทงเข้าที่หน้าอกมันจนมิดด้าม นี่ยังไม่นับปืนที่ฉันมีในครอบครองอีกหนึ่งกระบอก
แก...ไอ้พวกจิตทราม ชอบล่าคนเล่นนักเหรอ อย่าหวังว่าจะล่าเหยื่ออย่างฉันได้ง่าย ๆ !!!
ฉันคำราม ขณะร่างในเงื้อมมือฉันแอ่นกระตุกขึ้นหลายครั้ง ตามจังหวะการจ้วงแทงของฉัน ท่ามกลางเสียงวิทยุในรถที่แหวกอากาศดังขึ้นมา
“ข่าวด่วน ระวัง! คนร้ายป่วยทางจิตหลุดออกจากสถานบำบัด ทำร้ายคนไปแล้วหลายราย คนร้ายมีอาการหวาดระแวงอย่างหนัก เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังระดมควานหาตัวอยู่ คนร้ายหลบหนีมาทางถนนสายที่ 25 ขณะนี้ได้รับรายงานว่าคนร้ายได้ทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจไปอีกหนึ่งนายแล้ว คนร้ายเพศชาย ผมสีดำตาดำ ร่างเล็ก สูงประมาณห้าฟุต มีอาการป่วยหลายบุคลิก”