พรหนึ่งประการ

กระทู้คำถาม
กาลครั้งหนึ่ง​ ณ​ แคว้นสามสี มีปราสาท​สูงใหญ่ตั้งอยู่อย่างสวยงาม​ ซึ่งเป็นที่ตั้งของพระราชวัง​แวะซ้าย

"องค์หญิงเล็ก​ พระองค์ต้องระมัดระวังพระองค์ด้วยนะเพคะ"

"การตามเสด็จประภาส​ป่าครั้งนี้​ อาจจะมีภยันตราย​มากมายนะเพคะ​ ในป่ารกทึบ​ มีแต่สัตว์ป่าที่ดุร้ายน่ากลัว​ พระองค์ไม่ต้องตามเสด็จจะดีกว่าไหมเพคะ"

เสียงหญิงสูงวัยพูดกล่าวกับองค์หญิงเล็ก​ ด้วยจิตใจที่กังวล​

องค์หญิงเล็กไม่เคยได้ออกจากพระราชวังแวะซ้าย​เลย เพราะเคยมีคำสาปเมื่อครั้นยังทรงพระเยาว์​ จึงทำให้เธอได้แต่อยู่ในวัง

หากเลือดในกายเจ้าหลั่งไหล​ จักสิ้นชีพไปนิจนิรันดร์​

ประโยคนี้ทำให้แม่นมแม้นใจคอ​ ไม่ค่อยสู้ดี​ เหมือนจะมีลางสังหรณ์​อะไรบางอย่าง​ แต่ก็ไม่สามารถ​พูดออกมาได้

"หญิงรู้หรอกน่า​แม่นมแม้น หญิงแค่อยากตามเสด็จกับท่านพี่ชายใหญ่​ ก่อนที่หญิงจะเข้าพระราชพิธีอภิเษกสมรส​กับองค์ชายหันขวา"

แม่นมแม้นได้แต่จ้องมององค์หญิงเล็ก​ ที่เธอเฝ้าทะนุถนอม​เลี้ยงดูมา​ อย่างเป็นห่วงเป็นใย​ แต่แล้วก็พูดอะไรไม่ออก

องค์หญิงเล็กแห่งแคว้นสามสี​ มีพระนามว่า​ เจ้าหญิงตาหวาน​ พระองค์มีรูปลักษณ์​ที่สวยสดงดงาม​  โดยเฉพาะ​ดวงตากลมโตคู่นั้น​ ที่มองดูหวานหยดย้อย​ จนผู้พบเห็นต้องใจอ่อนระทวยทุกครา ด้วยเหตุนี้องค์หญิงตาหวานจึงมีชื่อเสียงเลื่องลือไปยังทั่วแคว้นต่างๆ​

เจ้าชายจากแคว้นน้อยใหญ่ ต่างมีความปรารถนาที่จะ​ครอบครององค์หญิงเล็กไปเป็นพระชายาแห่งแคว้นของตนเอง

เจ้าชายหันขวาเป็นเจ้าชายหนุ่มที่มีพระปรีชา​สามารถ​มากล้น​ เป็นเจ้าชายเพียงผู้เดียวที่สามารถครอบครองหัวใจของเจ้าหญิงตาหวานได้

****************************

ในป่าอันรกทึบ​ และเงียบสงัด​ มีเสียงเล็กๆ​ ร้องไห้ระงม​รบกวนการทำสมาธิของท่านเทพารักษ์ที่ประจำปกปักษ์รักษา​ผืนป่าแห่งนี้

"แง...แง...แง"

เจ้าก้อนกลมตัวเล็กร้องเสียงจ้าละหวั่น​ก้องทั่วพนา​ไพร น้ำตาเปียกชื้นไปทั่วแก้มป่องทั้งสองข้าง

"ท่านพี่​นะ... ท่านพี่... ไหนบอกข้าว่า​ เจ้าขนฟูสีน้ำตาลจะพาไปท่องเที่ยวยังดินแดนลึกลับ"

"ตัวข้าก็มัวแต่ตื่นเต้นดีใจ​ มาตกใจ​อีกทีก็ในช่วงเวลาที่เจ้าขนฟู​ (โบเก้)​ พาลงแช่น้ำ​ในอ่างเก็บน้ำอันกว้างใหญ่สีฟ้าคราม"

ด้วยความตื่นเต้นกับการลงไปอยู่ใต้น้ำ​ ตอนที่เจ้าโบเก้​ แช่น้ำนานๆ​ ข้าหายใจไม่ออก มันเหมือนวิญญาณ​ของข้ากำลังจะหลุดออกจากร่าง​ ข้าก็เลยคลายมือที่จับแน่นออกจากร่างกายเจ้าโบเก้

จากนั้นเจ้าโบเก้ก็กระโดดขึ้นบนบก​ สะบัดตัวอย่างแรง​ เพื่อให้น้ำที่เกาะตามขนบนตัวแห้ง

ใครจะไปคิดว่ามันจะทำให้ข้ากระเด็นผ่านประตูทะลุมิติข้า​มกาลเวลา​ ตรงต้นไม้ใหญ่ต้นนี้

"แง... แง... แง"​

เสียงร้องไห้ยังไม่ยอมหยุด

"ข้าจะมีโอกาสได้กลับไปพบกับท่านพี่อีกไหม"

"ในป่าแบบนี้ข้าจะดูดกินเลือดใครเป็นอาหาร"

"ข้าต้องตายแน่ๆ​ ใช่ไหม..."

เจ้าก้อนกลมตัวน้อยพร่ำบ่นกับตัวเองอย่างไม่หยุดหย่อน

ฝั่งท่านเทพารักษ์​ เมื่อถูกรบกวนนานๆ​ ก็ทนไม่ไหว​ จึงปรากฏ​กายต่อหน้าเจ้าก้อนกลมตัวน้อย

"เจ้าตัวเล็ก​ เหตุใดเจ้าจึงร้องไห้ไม่ยอมหยุดเช่นนี้"

"ช่างรบกวนการนั่งทำสมาธิของข้ายิ่งนัก"

เจ้าก้อนกลมตัวน้อย​ เมื่อเห็นท่านเทพารักษ์​ที่ยืนปรากฏ​กายอยู่ตรงหน้า​ ก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ได้รับฟัง

"ข้าก็ไม่รู้จะช่วยเจ้าอย่างไร​ดี​ งั้นข้าจะให้พรเจ้าหนึ่งประการ"

เจ้าก้อนกลม​ ก็จ้องมองเทพารักษ์​ พร้อมกับพยักหน้า

"เจ้าว่ามา  เจ้าต้องการอะไร"

เจ้าเห็บน้อย​ คิดอยู่สักพัก​ จึงพูดออกไปด้วยน้ำเสียงเล็กๆ

"ข้าต้องการออกไปจากผืนป่าแห่งนี้"

ท่านเทพารักษ์​ก็ยิ้มให้เจ้าเห็บน้อย​ แล้วชี้นิ้ว​ตรงมายังร่างกายเจ้าเห็บน้อย​ ลำแสงสว่างจ้าออกมาจากปลายนิ้วท่านเทพารักษ์​

เห็บน้อยมีอาการสั่นสะท้านกับลำแสง​นั้น​สักพัก​ จากนั้นร่างกายก็กลับมาปรกติ

"เจ้าจะได้ดั่งคำที่ขอ​ งั้นข้าไปล่ะ"

ร่างท่านเทพารักษ์​ค่อยๆ​ จางหายไป

เจ้าเห็บน้อยก็ค่อยๆ​ เดินไปอิงแอบตามก้อนหินและไม่ได้ร้องไห้อีกต่อไป

****************************

เช้าวันใหม่​ เจ้าหญิงตาหวานมีท่าทางที่ตื่นเต้นกับการจะได้ออกนอกพระราชวังแวะซ้าย

"น้องหญิง​ เจ้าพร้อมเสด็จหรือยัง"

องค์หญิงตาหวาน​ พยักหน้า​ พร้อมน้ำเสียงอันไพเราะ

"เพคะ​ เสด็จพี่"

จากนั้นขบวนเสด็จก็มุ่งหน้าไปยังป่าใหญ่ที่รกทึบ

ผ่านไปหลายเพลา​ ขบวนเสด็จก็มาถึงที่หมาย​ องค์หญิงเล็ก​ กับองค์ชายใหญ่ก็ต่างเข้าที่พำนักของตนเอง

องค์หญิงตาหวาน​ เกิดความรู้สึกเบื่อหน่าย​ กับการที่ต้องอยู่ในที่พำนัก​ ด้วยความที่มีนิสัยซุกซน​มาตั้งแต่ทรงพระเยาว์​ ก็เลยวางเล่ห์​กล​อุบาย หลอกล่อเหล่านางกำนัน

"กว่าจะถึงเวลาเสวยพระกระยาหาร​ คงอีกนาน​ เราหาอะไรสนุกๆ​ ทำดีกว่า"

จากนั้นองค์หญิงตาหวานก็วางแผนให้เล่านางกำนันเอาผ้าสีดำมาผูกปิดตา และนับหนึ่งถึงร้อย​ แล้วตนจะไปหาที่ซ่อนแอบ

"หนึ่ง... สอง... สาม..."

ในการออกเสด็จ​ประภาสป่าครั้งนี้​ องค์หญิงตาหวานแต่งองค์ทรงเครื่องเป็นบุรุษ ดังนั้นการวิ่ง​ การเดิน จึงทำให้คล่องแคล่วว่องไวกว่าปรกติ

องค์หญิงอยากจะออกไปจากจุดพำนักนี้​ เลยใช้ก้อนหินโยนเข้าทางป่าด้านหนึ่ง​ เพื่อให้เกิดเสียงดัง​ จากนั้นเหล่าทหารตรงจุดนั้นก็พากันวิ่งออกไปดูทางต้นเสียงนั้น

เมื่อได้โอกาสองค์หญิงก็รีบวิ่งเข้าไปทางป่าอีกฝั่งหนึ่งทันที​ และเดินชมป่าไปอย่างสุนทรีย์

"ใครจะคิดว่าการเดินป่าคนเดียวแบบนี้​ ช่างมีความสุขยิ่งนัก"

ในใจของนางคิดแค่ว่าจะเดินเล่นสักพัก​ แล้วค่อยกลับ​ แต่พอเดินไปเรื่อยๆ​ ก็รู้สึกเหนื่อยล้า​ และเริ่มหาทางออกไม่เจอ​ ผืนป่าใหญ่รอบด้านเหมือนกันไปหมด

"นั่งพักสักหน่อย​คงจะดี"

ทางฟากฝั่งจุดพักแรม​ องค์ชายใหญ่กับเหล่าทหาร​ และนางกำนันต่างวุ่นวาย​ ตามหาองค์หญิง​ตาหวาน

"พวกเจ้าช่างทำงานได้สับเพล่ายิ่งนัก​ ป่านฉะนี้น้องหญิงของข้าจะเกิดเหตุเภทภัย​ ร้าย-ดี อย่างไรบ้างก็ไม่รู้"

"หากพวกเจ้าตามหาน้องหญิงของข้าไม่พบ​ พวกเจ้าเตรียมตัวหัวหลุดออกจากบ่ากันได้เลย!!!"

องค์ชายใหญ่ตรัสด้วยอารมณ์​กริ้วโกรธ

เหล่าทหารและนางกำนันต่างรีบพากันค้นหาตัวองค์หญิงตาหวานอย่างหวาดกลัว​ กลัวที่หัวจะหลุดออกจากบ่า

****************************

แสงสีทองของท้องฟ้าเริ่มสาดส่องผ่านทะลุใบไม้ลงมายังพื้นหญ้า​ มวลอากาศเริ่มเย็น​ลง บ่งบอกว่าความมืดใกล้จะมาเยือนในไม่ช้า

ร่างกายขององค์หญิงตาหวาน​ที่พิงพนักกับต้นไม้ใหญ่​ หลับใหลอย่างไม่รู้ว่ารอบตัวกำลังมีมัจจุราช​คืบคลานเข้ามาอย่างช้าๆ

เจ้าก้อนกลมค่อยๆ​ คืบคลานขึ้นไปยังร่างกายของหญิงสาว​ จนไปถึงยังศีรษะที่มีผมสีดำปกคลุมอยู่

"เจ้ามนุษย์​นี่ช่างมีรูปร่างเหมือนกับเจ้านายเจ้าขนฟูเลย​นะ​ แต่การแต่งตัวแปลกๆ"

"แต่ตอนนี้ข้าหิว​ ข้าไม่ได้กินอะไรมาหลายวันแล้ว  นอกจากหยดน้ำค้างจากใบหญ้า"

"ข้าจะลองชิมเลือดจากเจ้ามนุษย์​ยุคนี้สักหน่อย​ ว่าจะอร่อยเท่าเลือดเจ้าขนฟูสีน้ำตาลไหม"

เจ้าเห็บน้อยก็ใช้ฟันอันแหลมคมกัดเข้ายังหนังศีรษะ​ของเจ้าหญิงรูปงาม

ร่างกายของหญิงสาวหารู้ไม่​ว่า​ วิญญาณ​นั้นได้หลุดล่องลอยออกจากร่าง​กาย โดยไม่มีวันหวนกลับมาอีกเลย

เธอแค่เหนื่อยจากการเดินทาง​ เลยนั่งพักพิงต้นไม้ใหญ่​ ด้วยความเหนื่อยหล้า​ เลยทำให้หลับใหลอย่างไม่รู้ตัว

"โอ้...เลือดนี้ช่างมีรสชาติหวานยิ่งนัก​ ข้าไม่เคยรู้มาก่อนว่า​ เลือดของมนุษย​์จะอร่อยแบบนี้"

เจ้าเห็บน้อยดื่มด่ำเลือดอย่างมีความสุข​

ด้วยความอิ่ม​เอม เลยทำให้หลับไป​ หารู้ไม่ว่าวิญญาณ​ของตนได้ถูกเคลื่อนย้ายไปยังอีกร่างหนึ่งโดยไม่รู้ตัว

****************************

ความมืดเริ่มคืบคลาน​เข้ามาอย่างช้าๆ เหล่าทหารและนางกำนันก็ตะโกนร้องเรียก​เสียงดังกึกก้องไปทั่วผืนป่าใหญ่

"องค์หญิง... องค์หญิง"

"ได้ยินไหมเพคะ"

"องค์หญิงทรงออกมาเถิดเพคะ​ พวกหม่อมฉันยอมแพ้แล้วเพคะ"

"มืดแล้ว​ อันตรายมาก​ ทรงออกมาได้แล้วเพคะ... ฮื้อๆ"

เสียงเหล่านางกำนันตะโกนร้องเรียก​พร้อมเสียงร่ำไห้

ร่างกายหญิงงามเริ่มขยับ​ตัว เพราะเสียงที่ดังมาเป็นระยะ​ เธอค่อยๆ​ ลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ

"ทำไมภาพที่ข้าเห็น​ มันถึงดูกว้างไกลเช่นนี้"

"เกิดอะไรขึ้นกับข้า"

เจ้าเห็บน้อยค่อยๆ​ เลื่อนสายตามองดูยังรูปร่างของตนเอง

"ไม่จริง!!..."

"ข้ามาอยู่ในร่างเจ้ามนุษย์​คนนั้นได้อย่างไร"

"กรี๊ด​ดด....."

เสียงร้องด้วยความตกใจก็ดังลั่นทั่วป่า​ เหล่าทหารและนางกำนันต่างก็พากันวิ่งมาทางเสียงนั้น

_________________________

ใกล้จะถึงปีใหม่แล้ว​ ทุกคนคงอยากจะขอพรกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์​ อยากให้ทั้งตนเอง​ และผู้อื่นสมหวัง​กันแล้วใช่ไหมคะ

นี่คือที่มาของการแต่งนิทานเรื่อง​ พรหนึ่งประการ แต่งไปแต่งมาก็สับสนกับคำราชาศัพท์​ ก็คงค่อยๆ​ ปรับปรุงแก้ไขกันต่อไปค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่