พรหนึ่งประการ​ (ตอน​ 2)

กระทู้คำถาม
"องค์หญิง... องค์หญิง"

"พระองค์ทรงเป็นอย่างไรบ้างเพคะ"

เสียงเหล่านางกำนันต่างร้องเรียกเจ้าหญิงตาหวานด้วยความเป็นห่วง​

สายตาเจ้าหญิงจ้องมองเหล่าทหาร​ และนางกำนันอย่างตกใจ​ เธอไม่รู้จักใครสักคน​ เธอเลยตัดสินใจแกล้งหลับตาและเป็นลมดีกว่า

เหล่าข้าทาสนางกำนันรีบเข้ามาประคองตัวเจ้าหญิงและพาเสด็จกลับยังจุดประทับพักแรมต่อไป

****************************

ภายในจุดพักแรมค่อนข้างวุ่นวาย​ หลังจากที่พบตัวเจ้าหญิงตาหวาน​ และเธอก็ยังไม่ยอมฟื้นขึ้นมาเพื่อให้เจ้าชายใหญ่ได้ถามไถ่เกี่ยวกับเรื่องราวความเป็นมา​

จนเจ้าชายใหญ่ตัดสินพระทัยเสด็จออกเดินทางกลับพระราชวังแวะซ้ายในเช้าวันรุ่งขึ้นถัดมา​ เพื่อจะได้ให้เจ้าหญิงตาหวานได้รับการตรวจรักษาจากหมอหลวงจากในวังอีกที

ณ​ พระราชวังแวะซ้าย

เมื่อผ่านมาหลายวันร่างกายของเจ้าหญิงไม่ได้มีอาการผิดปกติ  เพียงแต่เจ้าหญิงกลายเป็นคนพูดน้อยได้แต่ยิ้ม​ จนแม่นมแม้นต้องถามไถ่อาการเพราะความเป็นห่วง​

"องค์หญิงเพคะ​ องค์หญิงมีอะไรทรงไม่สบายพระทัยหรือเปล่าเพคะ​ หม่อมฉันเห็นองค์หญิงไม่ร่าเริงเช่นแต่ก่อน​ พูดก็น้อยลง​ เสวยพระกระยาหาร​ก็น้อยลง"

"พระองค์มีเหตุอันใดจะกล่าวกับนมบ้างเพคะ"

เจ้าหญิงตาหวานหันหน้ามามองแม่นมแม้นแล้วถอนหายใจ​

"เห้อ..."

เธอจะบอกอะไรใครได้ล่ะ​ ว่าเธอไม่ใช่เจ้าหญิงตาหวาน​ เธอคือเจ้าเห็บน้อยมาจากอีกภพหนึ่ง​ มันช่างเป็นเรื่องที่น่าขันยิ่งนัก

"เปล่าจ๊ะนมแม้น​ หญิงแค่รู้สึกปวดศีรษะ​บ่อยแค่นั้นเอง​"

นมแม้นพยักหญ้าเข้าใจ​ เพราะเธอเองเคยเห็นเจ้าหญิงมีรอยแผลจากการกัดของเห็บ​บนหนังศีรษะ​ และเธอก็ได้จัดการทำลายร่างเห็บน้อยทิ้งไปเรียบร้อยแล้ว

"หากเป็นเช่นนั้น​ พระองค์ควรพักผ่อนให้มากๆ​ นะเพคะ​ อีกไม่กี่วันก็จะทรงถึงวันงานเฉลิมฉลองครบรอบวันประสูติ​ขององค์ชายหันขวา​แล้วนะเพคะ"

"พระวรกายของพระองค์จะได้หายทันนะเพคะ"

แม่นมแม้นกำชับด้วยความเป็นห่วงเป็นใย

ฝ่ายเจ้าหญิงตาหวานก็พยักหน้ารับรู้​ เธอไม่อยากจะพูดอะไรมากมาย​ เพราะภาษา​ของมนุษย​์​ หรือวิถีชีวิตของมนุษย​์มันช่างแตกต่างจากชีวิตสัตว์ตัวเล็กๆ​ เช่นเธอ

****************************
หนึ่งเดือนต่อมา​ ณ​ พระราชวังแวะขวา

คืนงานเลี้ยงวันครบรอบวันประสูติของเจ้าชายหันขวา​ เจ้าหญิงตาหวานกับเจ้าชายใหญ่ก็มาร่วมงาน

ท่ามกลางงานเลี้ยงมีเหล่าเจ้าชาย​ เจ้าหญิงจากเมืองน้อยใหญ่มาร่วมงานอย่างคับคั่ง​

กลางห้องโถงในพระราชวังมีการเต้นรำ​ และมีมุมอาหารอันหรูหราเรียงรายให้ได้ลิ้มลองรสชาติทั้งคืน

ตรงมุมอาหารเครื่องดื่ม​ ได้มีไวน์แดงชั้นดี​ ที่ดึงดูดสายตาเจ้าหญิงตาหวาน​ เมื่อนางเห็นน้ำสีแดงในแก้วใสๆ​ ลำคอเริ่มแห้งเผือด อยากจะลิ้มลองว่ารสชาติจะหวานเช่นเดียวกับเลือดในกายที่เคยได้ดื่มกินมาหรือไม่

ตั้งแต่ออกจากป่ามาเธอก็เสวยพระ​กระยาหาร​ไม่ค่อย​ดี​ อาจจะด้วยจิตวิญญาณ​ครึ่งหนึ่งยังเป็นเจ้าเห็บน้อย​ อาหารที่เสวยเลยยังไม่ใช่รสชาติที่พึงประสงค์​

เธอเดินไปหยิบแก้วไวน์​  แล้วเดินออกมาจากห้องโถงงานเลี้ยง​ของพระราชวังแวะขวา​  ออกมายังข้างนอกงานเลี้ยง​เพื่อดื่มด่ำกับธรรมชาติของวังนี้ด้วย เธอยกแก้วไวน์ขึ้นมาดื่มอย่างรวดเร็ว​ เมื่อน้ำสีแดงได้แตะสัมผัสถูกปลายลิ้น​

แต่... รสชาติ​ที่ลิ้มลองมันไม่ใช่เลือดดั่งที่เธอปรารถนา

"พรืด.."

เธอพ่นน้ำสีแดงออกมาทันทีอย่างรวดเร็ว​ จนทำให้ริมฝีปากบางเลอะเทอะด้วยน้ำสีแดง​

เจ้าชายหันขวาได้เดินตามเจ้าหญิงออกมา​ และเห็นท่าทางเจ้าหญิงอันเป็นที่รักไม่สู้ดี​ รีบหยิบผ้าเช็ดหน้าสีขาวบาง​ มาซับหยดน้ำสีแดงที่เลอะรอบริมฝีปากบางอย่างเบามือ

เมื่อสัมผัส​จากชายหนุ่มรูปงาม​ ที่ค่อยๆ​ ซับน้ำสีแดงอย่างช้าๆ ดวงตาทั้งคู่ที่สบตากัน​ เจ้าหญิงตาหวานอยู่อาการตะลึงกับสัมผัสนั้น​ แต่เจ้าชายรูปงามที่จ้องริมฝีปากบาง​ ก็เกิดอาการร้อนรุ่มในกาย​ ลำคอเริ่มแห้ง​ อยากจะสัมผัสลิ้มลองรสจากริมฝีปากบางนั้น​ ว่าจะมีรสชาติหวานเช่นไร

เจ้าชายค่อยๆ​ โน้มใบหน้าอันหล่อเหลา​ลงมา​ แล้วใช้ริมฝีปากประทับบนริมฝีปากบางอย่างนุ่มนวล​  ค่อยๆ​ ชิมรสหวานจากปากนุ่มอย่างช้าๆ

องค์หญิงตาหวานอยู่ในอาการตะลึงกับสัมผัสที่ได้รับจากพระคู่หมั้น​ ร่างกายก็ยังคงยืนแข็งทื่อ​ มือทั้งสองข้างเริ่มเย็นเฉียบ

ด้วยร่างกายครึ่งหนึ่งยังมีความเป็นมนุษย​์​ สัมผัสอันอ่อนนุ่มทำให้หญิงสาวเคลิบเคลิ้มตาม  และอีกครึ่งหนึ่งคือวิญญาณ​เจ้าเห็บน้อย​ ด้วยกลิ่นกายของมนุษย​์ที่ได้สัมผัส​ ทำให้เจ้าหญิงตาหวานได้กัดยังริมฝีปากเจ้าชายอย่างแรง​ หวังจะดูดกินเลือดในกายชายหนุ่ม

"โอ๊ย!!"

เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังขึ้น​ ร่างทั้งสองก็ผละออกจากกัน

"น้องหญิงทรงกัดพี่ทำไมเพคะ"

เจ้าชายหันขวาร้องถามหญิงสาวอันเป็นที่รักทันที​ นิ้วมือเรียวยาวก็ลูบสัมผัสริมฝีปากตน​ ที่มีเลือดไหลออกมา

"หญิง... หญิง"

"หญิงขออภัยองค์ชายเพคะ​ เมื่อกี้หญิงตกใจ"

เจ้าชายหันขวา​รู้สึกผิดกับความมักง่ายของตนเอง จึงรีบขอโทษขอโพยกับเจ้าหญิงตาหวานทันที

"มันไม่ใช่ความผิดของน้องหญิงหรอกเพคะ​ ตัวพี่เองที่เป็นฝ่ายผิด  พี่ต้องข้ออภัยน้องหญิง​ ที่เมื่อกี้พี่ได้ล่วงเกินน้องหญิงไป"

เจ้าหญิงตาหวานได้แต่เพียงพยักหน้า​ และไม่พูดอันใดต่อไป

เจ้าชายหันขวาก็ได้เอาผ้าเช็ดหน้าผืนที่ซับริมปากเจ้าหญิงมาซับเลือดจากริมฝีปากตนแทน

"น้องหญิงเพคะ"

เจ้าชายได้เรียกเจ้าหญิง​ เมื่อเห็นว่าหญิงสาวกำลังจะเดินจากไป​ อันที่จริงเจ้าชายดูพฤติกรรม​ของเจ้าหญิงตาหวานออกว่าเปลี่ยนไป​ หลังเสด็จกลับมาจากการประพาส​ป่ากับเจ้าชายใหญ่ครั้งนั้น

"เดือนหน้าพี่จะเสร็จ​ประพาส​ป่ากับท่านพี่ชายใหญ่​ น้องหญิงอยากตามไปด้วยไหมเพคะ"

เจ้าหญิงเงียบสักพัก​ แล้วก็ยิ้ม ก่อนตอบ

"พระองค์ทรง​อยากให้หม่อมฉันเสด็จด้วยไหมเพคะ​ แต่พี่ชายใหญ่คงไม่อนุญาต"

เจ้าชายหันขวายิ้มและพูด

"เดี๋ยวพี่จะทูลขอกับท่านพี่ชายใหญ่เอง"

หญิงสาวพยักหน้า​ และเดินเข้าไปยังห้องโถงของงานเลี้ยงในพระราชวังพร้อมกับเจ้าชาย

****************************

ณ​ ผืนป่าใหญ่

หลังจากที่ร่างกายเจ้าหญิงตาหวานถูกผู้อื่นครอบครองไป​ วิญญาณ​ของเจ้าหญิงก็ยังคงวนเวียน​อยู่แถวๆ​ ต้นไม้ใหญ่​ ที่มีท่านเทพารักษ์​สิงสถิต​อยู่​ และท่านเทพารักษ์​ก็รับรู้ได้ถึงความทุกข์​ใจของเจ้าหญิง​ตาหวาน​ เธอเป็นผู้มีบุญญา​ธิการ​ แต่ด้วยคำสาปที่มีมาตั้งแต่เยาว์วัย​ จึงไม่อาจหลีกเลี่ยงจากโชคชะตา​ได้

ท่านเทพารักษ์​ได้ปรากฏกายต่อหน้าเจ้าหญิงตาหวาน​ และกล่าว

"หากเจ้ายังเดินวนเวียนอยู่เช่นนี้​ มันก็ไม่สามารถ​ช่วยอะไรเจ้าได้"

เจ้าหญิงได้หันไปมองยังท่านเทพารักษ์​นางนั่งลงและก้มลง​กราบ​ เพราะรับรู้ว่าท่านเทพารักษ์​เป็นผู้ใด

"ข้าหมดปัญญา​ ข้าไม่รู้จักทำเช่นไรดี"

ท่านเทพารักษ์​พยักหน้าเข้าใจ​ และพูดออกไป

"เมื่อถึงเวลาทุกอย่างจะคลี่คลายเอง"

"ตัวข้าเองเป็นเทพที่ปกปักรักษา​ผืนป่าใหญ่แห่งนี้​ สามารถ​ช่วยชีวิตหนึ่งได้​ แค่ให้สมปรารถนา​ดั่งพรหนึ่งประการ​ ต่อหนึ่งชีวิตที่ได้ร้องขอ"

"ตัวเจ้ามีความปรารถนา​ที่จะขอพรหนึ่งประการจากข้าหรือไม่"

เจ้าหญิง​ตาหวานยืนนิ่งใช้ความคิดสักพักแล้วพยักหน้า

"ข้ามีความปรารถนา​ที่จะได้รับพรนั้น"

ท่านเทพารักษ์​ก็ถามกลับมา

"เจ้าต้องการอะไร"

เจ้าหญิงตาหวานตอบด้วยน้ำเสียงอันไพเราะ

"ข้าอยากกลับไปอยู่กับครอบครัวของข้า"

ท่านเทพารักษ์​พยักหน้าเข้าใจสิ่งที่นางร้องขอ​ นั่นคือการขอกลับไปมีชีวิตอีกครั้ง​ แต่ด้วยเจ้าหญิงตาหวานเคยต้องคำสาปจากแม่มดร้ายเมื่อครั้นยังทรงพระเยาว์

หากเลือดในกายเจ้าหลั่งไหล จักสิ้นชีพไปนิจนิรันดร์

ท่านเทพารักษ์​จึงพูดออกไปว่า

"ข้าจะช่วยให้เจ้าสมปรารถนา​กับพรหนึ่งประการนั้น​ หากแต่เจ้าต้องล้างคำสาปนั้นด้วยตนเอง"

"เจ้าจักต้องบำเพ็ญ​เพียรนั่งสมาธิ​อยู่ในผืนป่าแห่งนี้เป็นเวลา​ 100 วัน​ เมื่อถึงวันนั้นทุกอย่างจะคลี่คลายเอง"

ท่านเทพารักษ์​ก็ใช้นิ้วชี้ลงไปยังใบหน้าเจ้าหญิง​ตาหวาน​ ลำแสงสีทองก็เลื่อนผ่านจากปลายนิ้วไปยังร่างกายหญิงสาว​ หญิงสาวมีอาการสั่นสะท้านสักพัก​ จากนั้นร่างกายก็หยุดนิ่ง

เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ​ ร่างท่านเทพารักษ์​ก็ค่อยๆ​ จางหายไป

เจ้าหญิงตาหวานก็บำเพ็ญเพียรนั่งสมาธิ​ยังใต้ต้นไม้ใหญ่เพื่อรอคอยให้ครบกำหนดเวลา​ 100​ วัน

****************************

วันเสด็จประพาส​ป่า

ทุกคนออกเดินทางอย่างพร้อมเพรียง​กัน​ หากแต่รอบนี้เวลาเจ้าหญิงตาหวานเสด็จไปทางไหน​ จะมีเหล่านางสนมกำนันติดตามด้วยตลอด

เช้าวันใหม่

หลังจากค้างแรมมาแล้วหนึ่งคืน​ เจ้าชายหันขวา​ และเจ้าหญิงตาหวาน​ ก็จูงมือกันเดินเข้าไปยังผืนป่าใหญ่​ โดยมีเหล่าทหาร​ และนางกำนันเดินตามอยู่ห่างๆ

"น้องหญิงเพคะ"

เจ้าหญิงเอียงใบหน้างามมาทางเจ้าชายรูปหล่อ ทำหน้าสงสัยที่เจ้าชายเรียก

"เพคะองค์ชาย"

"คราก่อนน้องหญิงตามเสด็จกับท่านพี่ชายใหญ่​ น้องหญิงได้เดินหลงป่าใช่ไหมเพคะ"

ชายหนุ่มถามไถ่ด้วยความสงสัย​ เพราะอยากรู้ว่าเกิดเหตุอันใดขึ้น​ ทำไมหญิงอันเป็นที่รักถึงดูไม่ร่าเริง​ และเงียบๆ​ พูดน้อยลงจากเดิมมาก

เจ้าหญิงก้มหน้าลงและถอนหายใจเบาๆ​ ก่อนตอบด้วยน้ำเสียงที่บางเบา

"หญิงจำเหตุการณ์​ตอนนั้นไม่ค่อยจะได้เพคะ​ หญิงรู้แค่ว่าหญิงนอนพักอยู่ตรงใต้ต้นไม้ใหญ่แค่นั้นเองเพคะ"

เจ้าเห็บน้อยในร่างเจ้าหญิงงามจะตอบได้อย่างไรกันเล่า​ ในเมื่อเธอยังไม่รู้ว่าเหตุอันใดเจ้าหญิงตาหวานถึงเข้ามาอยู่ในผืนป่าแห่งนี้​คนเดียว เธอจำได้แค่เห็นเจ้าหญิงเดินเข้ามา​ แล้วก็นอนพักใต้ต้นไม้แค่นั้นเอง

"น้องหญิงจำเหตุการณ์​ไม่ได้เลยหรือ​เพคะ น่าแปลกจริงๆ"

เจ้าชายยังคงสงสัยว่าทำไม​ หญิงสาวถึงตอบไม่ได้ว่าตนเล่นซ่อนแอบกับเหล่านางกำนัน​ และได้ใช้เล่ห์กลอุบาย​ โยนก้อนหิน​ เพื่อหนีเหล่าทหารออกมาจากจุดประทับพักแรม​ ซึ่งเจ้าชายทราบเรื่องราวทั้งหมดจากเหล่าทหารและนางกำนัน​ เพียงแต่อยากรู้เหตุการณ์​ต่อจากนั้น​ จากปากเจ้าหญิงเองว่าเกิดอะไรขึ้น

จากการถามไถ่ยิ่งทำให้สงสัยในตัวเจ้าหญิงเพิ่มขึ้น

เจ้าเห็บน้อยในร่างเจ้าหญิง​ยืนนิ่ง​ เธอไม่รู้จะตอบอย่างไรต่อไป​ เธอแปลกใจตั้งแต่ทำไมเจ้าชายพาเธอเดินเข้ามาในผืนป่าแห่งนี้อีกครั้ง​ ทั้งที่เธอปฏิเสธ​ แต่เจ้าชายก็หายินยอมไม่

****************************

ต้องขออภัยที่มาแต่งต่อล่าช้านะคะ​ เริ่มแต่งต่อเมื่อวานนี้เองค่ะ​ หากผิดพลาดประการใด น้อมรับฟังทุกคำชี้แนะ​ค่ะ

ขอบคุณค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่