อธิบายพระคัมภีร์ ลูกา 1:39-45 พระนางมารีย์เสด็จเยี่ยมนางเอลีซาเบธ



 📖 ลูกา 1:39-45

     หลังจากนั้นไม่นาน พระนางมารีย์ทรงรีบออกเดินทางไปยังเมืองหนึ่งในแถบภูเขาแคว้นยูเดีย พระนางเสด็จเข้าไปในบ้านของเศคาริยาห์และทรงทักทายนางเอลีซาเบธเมื่อนางเอลีซาเบธได้ยินคำทักทายของพระนางมารีย์ บุตรในครรภ์ก็ดิ้น นางเอลีซาเบธได้รับพระจิตเจ้าเต็มเปี่ยม ร้องเสียงดังว่า “เธอได้รับพระพรยิ่งกว่าหญิงใดๆ และลูกของเธอก็ได้รับพระพรด้วย ทำไมพระมารดาขององค์พระผู้เป็นเจ้าจึงเสด็จมาเยี่ยมข้าพเจ้า เมื่อฉันได้ยินคำทักทายของเธอ ลูกในครรภ์ของฉันก็ดิ้นด้วยความยินดี เธอเป็นสุขที่เชื่อว่า พระวาจาที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสแก่เธอไว้จะเป็นจริง”

📖📖📖

     เมื่อนางเอลีซาเบธตั้งครรภ์ได้หกเดือน พระเจ้าทรงส่งทูตสวรรค์กาเบรียลมาแจ้งข่าวแก่พระนางมารีย์ว่า พระนางจะตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตรชายคนหนึ่ง ซึ่งพระเจ้าผู้สูงสุดจะเรียกว่า “บุตร” ของพระองค์ (ลูกา 1:31)

     แต่เนื่องจากแม่พระยังเป็นพรหมจารีอยู่ จึงถามทูตสวรรค์ว่าเหตุการณ์นี้จะเป็นไปได้อย่างไร?

     ทูตสวรรค์ตอบยืนยันโดยอ้างถึงนางเอลีซาเบธว่า ทั้งๆที่เป็นหมันและอายุมากแล้วนางยังตั้งครรภ์ได้ตั้งหกเดือนแล้ว

     เมื่อทราบว่านางเอลีซาเบธตั้งครรภ์ แม่พระซึ่งเป็นชาวเมืองนาซาเร็ธในแคว้นกาลิลีจึงเร่งรีบเดินทางลงใต้ มาเยี่ยมนางเอลีซาเบธซึ่งอาศัยอยู่ในเมืองหนึ่งแถบภูเขาในแคว้นยูเดีย (อาจเป็นเมืองเฮโบรน – เทียบ โยชูวา 21:11)

     เมื่อเข้าไปในบ้าน  ทันทีที่นางเอลีซาเบธได้ยินคำทักทายของแม่พระ นางก็เต็มเปี่ยมไปด้วยพระจิตเจ้า พร้อมกับร้องเสียงดังว่า “ทำไมหนอพระมารดาขององค์พระผู้เป็นเจ้า จึงเสด็จมาเยี่ยมข้าพเจ้า”

     ทั้งๆที่ไม่มีข้อความใดในพระคัมภีร์ที่ระบุว่านางเอลีซาเบธรู้เรื่องการตั้งครรภ์ของแม่พระ แต่ไฉนนางจึงเรียกหญิงพรหมาจารีผู้นี้ว่า “พระมารดาขององค์พระผู้เป็นเจ้า”?

     นี่ย่อมเป็นการไขแสดงของพระจิตเจ้าล้วนๆ!

     แม้แต่ “ลูกในครรภ์” ของนางเอลีซาเบธเองก็เต็มเปี่ยมไปด้วยพระจิตเจ้าและได้รับการไขแสดงให้ทราบเช่นกันว่า “พระมารดาขององค์พระผู้เป็นเจ้า” เสด็จมาเยี่ยม  จึงโลดเต้นยินดีเมื่อได้ยินคำทักทายของแม่พระ (ข้อ 41)

     สมดังคำทำนายของทูตสวรรค์กาเบรียลที่พูดกับเศคาริยาห์ผู้เป็นบิดาว่า “เขา(ยอห์น) จะรับพระจิตเจ้าเต็มเปี่ยมตั้งแต่อยู่ในครรภ์ของมารดา” (ลูกา 1:15)

     เท่ากับว่า พระจิตเจ้าทรงยืนยันผ่านทางปากของนางเอลีซาเบธ และผ่านทางการดิ้นของยอห์นซึ่งยังอยู่ในครรภ์ว่า พระนางมารีย์ทรงเป็น “พระมารดาขององค์พระผู้เป็นเจ้า”

     เป็นมารดาซึ่งตั้งครรภ์ด้วยฤทธิ์อำนาจของพระจิตเจ้า และบุตรที่เกิดมานั้น “จะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ และพระเจ้าผู้สูงสุดจะทรงเรียกเขาเป็นบุตรของพระองค์  พระเจ้าจะประทานพระที่นั่งของกษัตริย์ดาวิดบรรพบุรุษให้แก่เขา  เขาจะปกครองวงศ์ตระกูลของยาโคบตลอดไป  และพระอาณาจักรของเขาจะไม่สิ้นสุดเลย” (ลูกา 1:32-33)

     หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ พระจิตเจ้าทรงยืนยันผ่านทางนางเอลีซาเบธและทารกในครรภ์ของนางว่า บุตรของพระนางมารีย์หรือ “พระกุมาร” คือ “องค์พระผู้เป็นเจ้า” นั่นเอง

     นอกจากยอมรับพระนางมารีย์เป็น “พระมารดาขององค์พระผู้เป็นเจ้า” แล้ว นางเอลีซาเบธยังร้องเสียงดังว่า “เธอได้รับพระพรยิ่งกว่าหญิงใดๆ และลูกของเธอก็ได้รับพระพรด้วย” (ข้อ 42)

     ใช่ แม่พระได้รับพระพรยิ่งกว่าหญิงใดๆ เพราะพระเจ้าทรงโปรดปรานและเลือกสรร แต่ก็เป็นแม่พระผู้ได้รับพระพรและมีบุญยิ่งกว่าหญิงใดๆ นี้เองที่ยืนตรอมใจอย่างสุดซึ้งอยู่เชิงไม้กางเขน เฝ้าดูบุตรสุดที่รักสิ้นพระชนม์ด้วยความทุกข์ทรมานแสนสาหัส

     เท่ากับว่า พระเจ้าทรงเรียกและเลือกแม่พระ ไม่ใช่เพื่อให้ได้รับความสะดวกสบาย  แต่เพื่อให้แม่พระได้รับพระสิริรุ่งโรจน์อันยิ่งใหญ่ และหนทางสู่พระสิริรุ่งโรจน์อันยิ่งใหญ่คือหนทางที่พระเยซูเจ้าได้ทรงเลือกแล้ว นั่นคือหนทางของ “ไม้กางเขน”!!

     หากปราศจากกางเขน พระเยซูเจ้าจะได้รับเกียรติมงคลและความรุ่งโรจน์ได้อย่างไร?

     และเช่นเดียวกัน หากปราศจากกางเขน แม่พระจะได้รับพระพรและมีบุญได้อย่างไร?

     เพราะปราศจากกางเขน ก็ปราศจากมงกุฎแห่งความรุ่งโรจน์ (No Cross, No Crown)

     นี่คือหนทางที่เราทุกคนต้องเลือกเดินหากคิดจะมี “ชีวิตใหม่” โอกาสฉลองพระคริสตสมภพปีนี้ !!!

     ที่สุด นางเอลีซาเบธกล่าวว่า “เธอเป็นสุขที่เชื่อว่า พระวาจาที่พระเจ้าตรัสแก่เธอไว้จะเป็นจริง” (ข้อ 45)

     คำกล่าวนี้เป็นเสมือน “กำลังใจ” จากหญิงชราคนหนึ่งซึ่งมีประสบการณ์ตั้งครรภ์ด้วยฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าเช่นเดียวกับพระแม่

     นางให้กำลังใจแม่พระว่าจะ “เป็นสุข” หากเชื่อว่าพระวาจาของพระเจ้าจะเป็นจริง!

     แม่พระไม่เพียงเชื่อว่าพระวาจาของพระเจ้าจะเป็นจริงเท่านั้น แต่พระนางยังอุทิศตัวเองทั้งหมดเพื่อปฏิบัติตามพระวาจานั้นอีกด้วย ดังที่ทรงตรัสกับทูตสวรรค์ว่า “ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า  ขอให้เป็นไปกับข้าพเจ้าตามวาจาของท่านเถิด” (ลูกา 1:38)

     อันที่จริงไม่ใช่เฉพาะแม่พระเท่านั้นที่เป็นสุข แต่ทุกคนที่เชื่อในพระวาจาของพระเจ้าก็เป็นสุขและมีชีวิตนิรันดร
เพราะพระเยซูเจ้าตรัสว่า “ผู้ที่เชื่อในเรา ก็มีชีวิตนิรันดร” (ยอห์น 6:47)

     เมื่อเป็นเช่นนี้ เราเชื่อคำของทูตสวรรค์ที่กล่าวกับแม่พระว่า “บุตรที่เกิดมาจะเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์และจะรับนามว่าบุตรของพระเจ้า” (ลูกา 1:35) หรือ?

     และหากเชื่อว่า “พระกุมาร” ที่เรากำลังเตรียมรับเสด็จอยู่นี้คือ “บุตรของพระเจ้าผู้สูงสุด” แล้ว เราพร้อมจะอุทิศตนเพื่อพระองค์ดังที่แม่พระอุทิศตนเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้าหรือ? (ลูกา 1:38)

     ถ้าคำตอบคือ “ครับ” หรือ “คะ”

     คริสต์มาสนี้ช่าง “แสนสุข” จริง ๆ !!!!

#คริสต์ #คาทอลิก #ลูกา #พระวรสาร #พระกิตติคุณ #พระคัมภีร์ไบเบิล #พระคัมภีร์#ไบเบิล #ทูตสวรรค์ #พระเยซูเจ้า #พระเยซู #พระแม่มารีย์ #แม่พระ #นางเอลีซาเบธ#นักบุญเอลีซาเบธ #เอลีซาเบธ #นักบุญยอห์นบัปติสต์ #ยอห์นบัปติสต์ #catholic

CR. : https://www.facebook.com/share/p/nijpkLABECBViNkC/?mibextid=WC7FNe
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่