[CR] รีวิว "Chim Ramen And Diner" ร้านราเมน-อิซากายะเสิร์ฟเมนูสไตล์เอเชียฟิวชั่น อยู่ภายในซอยสุขุมวิท 33~

ถ้าพูดถึงร้านนั่งดื่มชิลล์ๆสไตล์ Izakaya หลายๆคนมักจะคิดว่ามีแค่อาหารญี่ปุ่น แต่วันนี้เพื่อนๆผมนัดชวนกันพามาเปิดประสบการณ์ใหม่ที่ร้านแห่งนึงอยู่ภายในซอยสุขุมวิท 33 นั่นก็คือ "Chim Ramen And Diner" คะแนนรีวิวจากทุกสำนักไม่ธรรมดาอยู่ที่ 4.2-4.6 เต็ม 5 ดาว เป็นร้านขายราเมนสไตล์เอเชียฟิวชั่นที่มีอาหารจานหลักและกับแกล้มเครื่องดื่มในบรรยากาศแบบบาร์สุดหรู อีกทั้งยังได้รางวัล "Wongnai User Choice" การันตีความอร่อยทั้งที่เพิ่งเปิดให้บริการมาเพียงแค่ 2 ปีเท่านั้นแสดงว่าต้องเด็ดอย่างแน่นอน วิธีการเดินทางหากขับรถยนต์ส่วนตัวมาเองให้ปักหมุดค้นหาชื่อในแผนที่บนมือถือแล้วจอดด้านหน้าร้านได้เลยสะดวกสุดๆ แต่ถ้าหากเดินทางมาด้วยบริการขนส่งสาธารณะแนะนำให้ลง BTS สถานีอโศก หรือ MRT สถานีสุขุมวิท เดินออกประตูทางเข้าหน้าห้าง Terminal 21 จากนั้นเรียกแท็กซี่มาที่ร้านประมาณ 1.5 กิโลเมตร แต่ถ้าคุณเป็นคนขยันเดินหน่อยให้ลง BTS สถานีพร้อมพงศ์แล้วออกฝั่งห้าง Emquartier แล้วเริ่มขยับร่างกายจนถึงจุดหมายอีกประมาณ 800 เมตร ทางเข้าถือได้ว่าเป็นร้านลับเพราะอยู่ในซอยเล็กๆชั้น 1 ของอาคาร AP Suites แต่มีป้ายชื่อพร้อมลูกศรบอกพิกัดอยู่ทางขวามือเมื่อตรงเข้ามาในซอยสุขุมวิท 33 เป็นห้องกระจกสีดำและป้ายไฟวงกลมสีเขียวเข้มตัวอักษรสีแดงแบบนี้แสดงว่ามาถูกแล้วครับ

มองจากประตูหน้าร้านเผินๆแล้วดูเหมือนเป็นร้านอาหารที่ไม่ค่อยน่าสนใจแต่พอเปิดประตูเข้ามาแล้วบอกได้เลยว่าราวกับคนละโลก เริ่มจากสีหลักที่ทางร้านใช้ปูพื้นเป็นกระเบื้องยางลายหินอ่อนสีดำมีประกายเล็กน้อยเมื่อต้องกับแสงไฟตัดกับผนังกระเบื้องและทาด้วยสีเขียวเข้ม และ 2 ใน 4 ของมุมทั้งหมดภายในก็ร้านใช้กระจกบานใหญ่พิเศษช่วยเปิดรับแสงจากธรรมชาติให้สอดส่องเข้ามาอย่างทั่วถึง ส่วนเฟอร์นิเจอร์อย่างเก้าอี้ใช้สีแดงฉูดฉาดตัดกับโต๊ะไม้โทนสีเข้มยกเว้นมุมตรงหน้าต่างที่ใช้โต๊ะสีอ่อนให้ดูสว่างสวยงามกว่าจุดอื่น เพิ่มความเป็นเอเชียด้วยโหลใส่ของหมักและกำแพงที่เต็มไปด้วยหนังสือพิมพ์จีนกับป้ายไฟนีออนสีแดง เขียนคำว่า "Experimental Culture Dining" ที่แปลว่า "การรับประทานอาหารเชิงวัฒนธรรมทดลอง" ให้จำเอาไว้ก่อนเดี๋ยวเราจะมาอธิบายให้ฟัง ส่วนฝ้าก็ปูด้วยสีดำให้ความอบอุ่นอีกนิดโดยใช้ไฟสีส้มมองผ่านๆคล้ายกับท้องฟ้าที่มีแสงดาวประกายตอนกลางคืน ส่วนตัวชอบมากเพราะดูทางร้านได้จัดโทนสี-แสงให้สวยงามหรูหราลงตัวได้ในพื้นที่จำกัดและไม่รู้สึกอึดอัดแบบบาร์อื่นๆเลยครับผม

เมื่อเรามานั่งที่โต๊ะทางร้านก็จะนำเล่มเมนูเป็น QR Code ออกมาให้เราสแกนและสั่งอาหารกับพนักงาน สำหรับรายการเครื่องดื่มมีเป็นใบเล็กๆ 3 หมวดหลักคือ 1. น้ำอัดลม ที่ไม่ใช่แค่น้ำหวานอัดแก๊สปกติเพราะมีให้สั่งทั้งคอมบูฉะสูตรหมักเองของทางร้าน/ชาอู่หลงผสมเก็กฮวย-มะลิ/ชาร้อนและม๊อกเทลถูกจัดอยู่ในหน้านี้ ราคาเริ่มต้นที่ 30-150 บาท 2. เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มีให้สั่งทั้ง Whiskey/ Gin/ Single Malt/ Rum/ Tequila/ Vodka/ Beer และ Umechu ให้เลือกหลากหลายยี่ห้อราคาเริ่มต้นที่ 100- 1,800 บาท 3. Cocktail มีให้สั่ง 7 สูตรทั้งแบบทางร้านคิดค้นขึ้นมาเองและพื้นฐานแบบเดียวกับที่เสิร์ฟในร้านอื่นๆ ซึ่งวันนี้ผมมากับกลุ่มเพื่อนๆไม่ดื่มเลยขอข้ามไปครับ

ส่วนตัวไม่เคยทานร้านนี้มาก่อนเลยสอบถามกับพนักงานว่ามีเมนูไหนแนะนำบ้างเพราะสั่งไม่ถูกจริงๆ โดยแต่ละจานมีความน่าสนใจในตัวเองค่อนข้างสูงและคงหาไม่ได้จากร้านอื่น เริ่มที่ออเดิร์ฟจานแรกก็คือ "หอยนางรมแช่ซีอิ๊วมะกรูด" ราคา 120 บาท เป็นหอยนางรมสดเนื้อขาวอวบเอาไปแช่ในซอสซีอิ๊วสูตรพิเศษที่ทางร้านทำขึ้นมาเอง ลอยหน้าด้วยน้ำมันสกัดเย็นจากมะกรูดมีกลิ่นหอมฟุ้งตีขึ้นจมูกโรยหน้าด้วยต้นหอมและงาขาว 1 จานเสิร์ฟ 3 ตัว คีบเข้าปากสัมผัสแรกที่รู้สึกได้เลยคือความเย็นนุ่มนวลกัดแล้วเนื้อหอยเป็นครีมละลายในปาก ซีอิ๊วรสเค็มอมหวานผสมกับความสดชื่นของมะกรูดคือดีงามมากหรือจะเพิ่มความเผ็ดแซ่บด้วยวาซาบิดองที่เคียงวางมาข้างจานก็อร่อยจี๊ดไปอีกแบบ สร้างความประทับใจได้ตั้งแต่จานแรกเลยครับ เมนูต่อไปเรามักจะเห็นถูกเสิร์ฟแค่ในร้านอาหารจีนก็คือ "ลูกชิ้นหมูสับปลาเค็มย่าง" ราคา 60 บาท (สั่งมาให้เพื่อนที่ไม่ทานของดิบ) เป็นหมูสับหยาบๆผสมเนื้อ-หนังปลาเค็มทำเองสูตรของทางร้านที่มีกลิ่นหอมรุนแรงแต่รสชาติไม่เค็มจัดเหมือนกลิ่นที่ได้รับ ย่างมากรอบนอกสีเหลืองทองด้านในชุ่มฉ่ำทานเคียงกับพริกสด/หอมแดง/ยอดผักชีและบีบน้ำมะนาวสดลงไปหน่อย อร่อยจี๊ดจ๊าดครบเครื่องดีมากครับผม

จานต่อมาเป็นอีกเมนูที่สุ่มเสิร์ฟว่าจะได้ทานอะไรนั่นก็คือ "ปลาไทยตามใจคนจับดอง" ราคา 180 บาท วันนี้เราได้ทานเป็นปลาเนื้อขาวสัมผัสแน่นไขมันน้อยที่ชื่อว่า "ปลาแดงแซว" หรือ "ปลาแดงหาบ่วง" ที่เชฟได้เอามาจากชาวประมงสดๆมาดองสูตรของที่ร้าน ถ้าหลับตาแล้วเคี้ยวให้สัมผัสเหมือนกำลังทานแฮมขาหมูจีนไม่มีรสเปรี้ยวจัดอย่างที่จินตนาการเอาไว้ตอนแรก ด้วยความที่เป็นเนื้อปลาจึงให้ความสดชื่นกินง่ายไม่ค่อยเลี่ยนนักหากต้องการเพิ่มความจี๊ดจ๊าดอีกนิดที่ข้างจานมีวาซาบิดองเนื้อกรุบกรอบกลิ่นฉุนตีขึ้นจมูกอยู่ช่วยเพิ่มรสชาติได้เป็นอย่างดี จานต่อไปก็ส่งมาให้เพื่อนที่ไม่ทานของดิบนั่นก็คือ "ข้าวโพดอ่อนดองและพาเมซานชีส" ราคา 50 บาท เป็นข้าวโพดอ่อนหั่นยาวเอามาดองให้เนื้อนุ่มรสเปรี้ยวอมหวานอ่อนๆ เพิ่มความเค็ม-มันอร่อยนัวด้วยผงชูรสฝรั่งนั่นก็คือพาเมซานชีสขูดแต่งให้สวยงามด้วยผงปาปริก้าและต้นหอม ดูหน้าตาธรรมดาๆแต่บอกได้เลยว่าทานแล้วเบรคแตกแปปเดียวหมดจานครับ

เมนูต่อไปเป็นอาหารเอเชียฟิวชั่นที่เอามารวมด้วยกันถึง 3 สัญชาติในจานเดียวนั่นก็คือ "โฮมเมดชีสอินเดียซอสทรัฟเฟิล" ราคา 185 บาท เป็นชีสอินเดียที่เชฟทำขึ้นเองเนื้อแน่นเนียนละเอียดเอาไปย่างให้สีสวยงามเรียงกัน 8 ชิ้นใหญ่ ล้อมรอบด้วยซอสสูตรพิเศษรสชาติคล้ายน้ำปลาหวานไทยแต่ไม่มีกลิ่นเฉพาะตัวเพราะถูกแปลี่ยนเป็นทรัฟเฟิลแทน เพิ่มความกรุบกรอบด้วยแตงกวาญี่ปุ่น/มะเขือเทศ/แรร์ดิชสไลด์บางและโรยหอมเจียวลงไปแบบจุกๆ เพิ่มสีสันให้สวยงามด้วยต้นหอม/ยอดผักชีและงาขาว รสชาติก็เหมือนกับเอาชีสอินเดียที่มีความจืดแต่หอมมันนัวๆไปทานกับน้ำปลาหวานกลิ่นทรัฟเฟิลรสเค็มกำลังดีซึ่งถือว่าแปลกใหม่และทำได้ลงตัวมากๆครับ จานต่อไปถ้าเมาแล้วได้มากินรับรองว่าสร่างเลยก็คือ "สลัดผักไทยพื้นบ้านใบฉุนคลุกน้ำสลัดแจ่วแซ่บ" ราคา 85 บาทประกอบไปด้วยสมุนไพรที่มีกลิ่นรุนแรงมากมายทั้ง ใบโหระพา/ผักชีใบเลื่อย/ผักชีลาว/ผักชีไทย/ตะไคร้ซอยและหอมแดงคลุกกับน้ำซอสแจ่วรสชาติเปรี้ยวเผ็ดอมหวานเค็มกำลังดีกรุบกรอบข้าวคั่วโรยหน้าด้วยงาขาว ลองไปคำเดียวบอกได้เลยว่ามาทั้งกลิ่น/ความแซ่บและสัมผัสกรอบสดชื่นของผักและสมุนไพรที่ใส่ลงไปแบบจัดเต็มแตกต่างจากหน้าตาตอนเสิร์ฟมากๆครับ

มากินร้านราเมนแบบนี้ก็ลองสั่งมาชิมคนละชามเป็น "Chim's Ramen - River Prawn" ราคา 335 บาท ให้ปริมาณแทบล้นชาม เป็นน้ำซุปมิโสะมันกุ้งเข้มข้นสูตรที่เชฟทำเองจึงมีกลิ่นหอมรุนแรงราวกับซุปครีมล๊อปสเตอร์แต่สัมผัลไม่ข้นจึงไหลลื่นลงคออย่างง่ายดาย เส้นราเมนที่ใช้ในชามนี้เป็นแบบโฮมเมดเส้นใหญ่เหนียวนุ่มระดับกลางเข้ากับน้ำซุปสูตรเข้มข้นของทางร้านได้เป็นอย่างดี ตกแต่งหน้าตาให้อลังการด้วยท๊อบปิ้งต่างๆทั้ง เมล็ดข้าวโพดหวาน/เบบี้บ๊อกฉ่อย/ยอดผักชี/ต้นหอมซอย/ไข่ต้มดองซีอิ๊วรสหวานนำเค็มไข่แดงหอมมัน-เนื้อไข่ขาวเหนียวหนึบสู้ฟันและกุ้งแม่น้ำผ่ากลางเหยียดตัวให้ตรงที่เดาว่าน่าจะเอาไปทอดเนื้อเด้งกรอบมีมันสีส้มสดเต็มตัวกุ้งคุณภาพสูง กินไปสักพักเพิ่งสังเกตว่าในน้ำซุปมีหมูสับชิ้นเล็กๆผสมอยู่และจะค่อยๆเลี่ยนไขมันกุ้งทางร้านจึงเสิร์ฟมาคู่กับ "มิโสะรสเผ็ด" หรือ "คาเระมิโสะ" ขอเตือนก่อนเลยว่าให้ใส่ทีละนิดหน่อยช่วยเพิ่มความเผ็ดร้อนแสบลิ้นตัดความมันเลี่ยนได้ดีมาก เท่ากับว่าสั่งมาชามเดียวได้ทานถึง 2 รสชาติ แถมยังอร่อย/ใช้วัตถุดิบชั้นดีและให้ปริมาณเยอะสุดคุ้มชอบมากครับ

ส่วนใครที่เป็นสายเนื้อวัวและไม่ชอบทานซุปมิโสะเลี่ยนๆแนะนำให้สั่งชามนี้คือ "Dry Beef Tongue Ramen" ราคา 365 บาท เป็นราเมนแห้งที่ใช้เส้นแบบเดียวกับชามที่แล้วท๊อบปิ้งด้วยเครื่องและผักต่างๆคล้ายกันแค่เพิ่มหอมเจียวและเปลี่ยนเป็นลิ้นวัวตุ๋นแทน โดยความอร่อยหลักของเมนูนี้อยู่ตรงลิ้นวัวหั่นเต๋าชิ้นใหญ่ทางร้านเลือกใช้ทั้งส่วนโคนจนถึงกลางลิ้นเอามาตุ๋นจนนุ่มมีรสชาติของซอสกับเครื่องเทศเข้มข้นซึมเข้าเนื้อทุกอนูและนุ่มนิ่มจนไม่เหลือความกรุบกรอบสู้กรามเล็กน้อยเวลาเคี้ยวตามธรรมชาติของลิ้นวัว เราคิดว่าแรงบันดาลใจของเมนูนี้นั่นคือ "บะหมี่หน้าหมูหวานสไตล์จีน" ที่ถูกเอามาเล่าเรื่องใหม่ตามแบบฉบับของทางร้าน ลิ้นวัวตุ๋นนุ่มๆรสเข้มข้นกินคู่กับเส้นราเมนเหนียวหนึบและผักรสหวานอ่อนๆเพิ่มความกลิ่นหอม-กรุบกรอบด้วยหอมแดงเจียว เสิร์ฟมาพร้อมกับมิโสะซุปลอยด้วยใบโหระพาร้อนๆซดแล้วสดชื่นคล่องคอไม่เหมือนใคร ถือว่าเป็นราเมนที่สายเนื้อวัวตัวจริงไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่งครับ

******* เกิน 10,000 ตัวอักษร ขออนุญาตเขียนรีวิวต่อในช่อง Comment แทนนะครับ *******
ชื่อสินค้า:   Chim Ramen And Diner สุขุมวิท 33
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่