รถขนสินค้าชลบุรี แจงบรรทุกของท้ากฎฟิสิกส์ น้ำมันแพงทุกเที่ยวต้องคุ้มค่า
https://www.thairath.co.th/news/local/east/2263327
 
 
ตามไปดูรถบรรทุกของเก่า ที่ต้องขนสินค้าไปส่งโรงงานรับซื้อของเก่า ที่แต่ละคันล้วนอัดแน่น บางทีซ้อนกันสูงกว่ารถ 3-4 เท่า ชวนหวาดเสียว เหตุน้ำมันแพง วิ่งรถแต่ละเที่ยวจึงต้องทำให้คุ้มค่า
 
เมื่อวันที่ 12 ธ.ค.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากสถานการณ์ปัจจุบัน ประชาชนต้องประสบกับปัญหาราคาน้ำมันราคาแพง โดยเฉพาะพ่อค้าแม่ค้า รวมถึงอาชีพ ที่ใช้รถในการขนส่งสินค้า ต่างต้องรับผลกระทบกันทั่วหน้า
    
ในวันนี้ จะพามากันที่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เพื่อมาติดตามวิถีชีวิตของผู้มีอาชีพค้าของเก่า ที่ต้องดิ้นรนทุกวิถีทางเพื่อความอยู่รอด ซึ่งหากขับรถผ่านไปบนถนนสายหลัก ก็จะพบกับรถจักรยานยนต์ดัดแปลงพ่วงข้าง ทำการลำเลียงขยะรีไซเคิล โดยเฉพาะขวดพลาสติก บรรจุใส่ถุงกระสอบอัดแน่นเต็มคันรถ จนมีขนาดใหญ่กว่ารถยนต์ และสูงกว่า 3-5 เมตร ท้าทายกฎฟิสิกส์จนหวาดเสียว และรถยนต์กระบะติดคอก ก็จะบรรจุในลักษณะเดียวกัน ค่อยๆ วิ่งไปตามถนนสู่จุดหมายปลายทางยังโรงงานรับซื้อของเก่า นอกจากนี้ ร้านค้าวัสดุบางแห่งก็ต้องขนสินค้าครั้งละมากๆ เพื่อให้คุ้มค่าต่อการขนส่งในแต่ละเที่ยวเช่นกัน
    
นายทวีชัย กลิ่นสวัสดิ์ อายุ 42 ปี หนึ่งในผู้มีอาชีพค้าของเก่ามานานกว่า 20 ปี ด้วยฐานะที่ยากจน จึงทำได้เพียงซื้อรถจักรยานยนต์ ดัดแปลงเป็นพ่วงข้าง ในการขนส่งขยะรีไซเคิลครั้งละหลายร้อยกิโลกรัม เพื่อนำไปขายให้กับโรงงานใน อ.บ้านฉาง จ.ระยอง ซึ่งจะได้ราคาดี แต่ด้วยปัญหาราคาน้ำมันเชื้อเพลิงแพง จึงจำเป็นต้องขนครั้งละมากๆ ไม่เช่นนั้นก็จะขาดทุน
    
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นับเป็นที่น่าเห็นใจ ด้วยความสู้วิกฤติของเหล่าผู้ค้าของเก่า เมื่อรถเหล่านี้วิ่งออกสู่ถนนหนทาง ก็จะสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้พบเห็น นับเป็นการขนส่งของไทยที่ไม่แพ้ชาติใดในโลกจริงๆ อย่างไรก็ตาม การบรรทุกของเกินพิกัดก็เสี่ยงต่อการทำผิดกฎจราจร รวมทั้งความปลอดภัยของผู้ที่ใช้รถใช้ถนนร่วมกัน และอาจถูกตำรวจดำเนินคดีได้.
 

---

คู่ค้าสกัดนำเข้าสินค้าไทย คลอดระเบียบใหม่บังคับใช้ 1 ม.ค.65
https://www.tnnthailand.com/news/wealth/99090/

พาณิชย์แนะผู้ประกอบการเตรียมปรับตัวรองรับมาตรการใหม่ของคู่ค้าทั่วโลกเริ่ม 1 ม.ค.65 สกัดนำเข้าสินค้าไทย ชี้หลายประเทศเน้นสุขภาพและสิ่งแวดล้อม
 
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากการรวบรวมมาตรการทางการค้าของประเทศคู่ค้า พบว่าหลายประเทศมีการออกระเบียบใหม่ที่จะใช้บังคับในปี 2565 โดยเฉพาะสินค้าอาหาร รถยนต์ เครื่องปรับอากาศ อุปกรณ์ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งผู้ผลิตและผู้ส่งออกของไทยควรศึกษารายละเอียด และเตรียมปรับตัวรองรับการเปลี่ยนแปลงของมาตรการใหม่ที่จะเกิดขึ้น เพื่อให้การส่งออกสินค้าและการค้าของไทยไม่สะดุดและเป็นไปอย่างต่อเนื่อง
  
สำหรับสินค้าที่ผู้นำเข้าจะใช้มาตรการใหม่ อาทิ รถยนต์ เวียดนามได้ออกระเบียบว่าด้วยการปล่อยมลพิษทางอากาศ ซึ่งกำหนดให้รถยนต์ที่ประกอบ ผลิต และนำเข้า ต้องปฏิบัติตามมาตรฐานไอเสีย Euro 5 ซึ่งจะมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2565 ส่วนเครื่องปรับอากาศ อินเดียได้กำหนดให้สินค้าที่ผลิตหรือนำเข้า ต้องได้รับการรับรองมาตรฐานและตีตราสัญลักษณ์จากสถาบันมาตรฐานอินเดีย (BIS)
 
ส่วนอาหาร จีนได้ออกระเบียบ Decree 248 ซึ่งจะมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2565 โดยกำหนดให้ผู้ผลิตอาหารจากต่างประเทศใน 18 กลุ่มสินค้า ได้แก่ เนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำ ผลิตภัณฑ์นม รังนกและผลิตภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์ไส้บรรจุไส้กรอก ผลิตภัณฑ์จากผึ้ง ไข่และผลิตภัณฑ์ มันและไขมันเพื่อการบริโภค ผลิตภัณฑ์แป้งยัดไส้ เมล็ดธัญพืชสำหรับการบริโภค ผลิตภัณฑ์เมล็ดธัญพืชบดและมอลต์เพื่อการอุตสาหกรรม
   
ผักสดและผักอบแห้ง เครื่องปรุงรส ถั่วเปลือกแข็งและเมล็ดพืช ผลไม้แห้ง กาแฟและเมล็ดโกโก้ที่ยังไม่ผ่านการคั่ว อาหารสำหรับวัตถุประสงค์พิเศษ และอาหารเพื่อสุขภาพ ต้องขึ้นทะเบียนกับหน่วยงานที่รับผิดชอบก่อนส่งไปจีน สำหรับหน่วยงานของไทย อาทิ กรมวิชาการเกษตร กรมปศุสัตว์ กรมประมง และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ทั้งนี้ ผู้ผลิตและส่งออกที่ไม่อยู่ใน 18 กลุ่มสินค้า สามารถขึ้นทะเบียนโดยตรงกับสำนักงานศุลกากรแห่งชาติจีน หรือ GACC ผ่านทางเว็บไซต์ www.singlewindow.cn
 
อย่างไรก็ตาม ประเทศที่ออกกฎระเบียบทางการค้าใหม่ในปี 2565 อาทิ อินเดีย กำหนดให้โรงงานผู้ผลิตจากต่างประเทศ ต้องผ่านการตรวจสอบและตรวจประเมินโรงงานผู้ผลิต กับหน่วยงานกำกับดูแลด้านความปลอดภัยและมาตรฐานด้านอาหารของอินเดีย (FSSAI) มีผลใช้บังคับ 1 มิ.ย. 2565
  
ด้านสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) กำหนดให้สินค้าอาหารที่ผลิตในประเทศและนำเข้า ต้องติดฉลากโภชนาการบนบรรจุภัณฑ์แสดงข้อมูลไขมัน ไขมันอิ่มตัว น้ำตาล เกลือ และแคลอรี่ ซึ่งสินค้าที่ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนด ได้แก่ อาหารสำเร็จรูป อาหารกระป๋อง และอาหารเหลว มีผลใช้บังคับ 1 ม.ค. 2565
 
นอกจากนี้สหภาพยุโรป (อียู) ได้ออกกฎระเบียบควบคุมการผลิตและการค้าสินค้าเกษตรอินทรีย์ที่ผลิตในประเทศและนำเข้า อาทิ ผลิตภัณฑ์แปรรูปเกษตรอินทรีย์ต้องใช้วัตถุดิบเกษตรอินทรีย์ 95% (คิดตามน้ำหนัก) ระบุแหล่งผลิตบนฉลาก และต้องใช้สารแต่งกลิ่นจากธรรมชาติเท่านั้น มีผลใช้บังคับ 1 ม.ค. 2565
   
สำหรับมาตรการส่วนใหญ่ที่หลายประเทศประกาศใช้ใหม่ จะเกี่ยวข้องกับสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ซึ่งสอดรับกับความต้องการของตลาดและพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่ โดยผู้ประกอบการและผู้ส่งออกของไทย ควรให้ความสำคัญกับขั้นตอนกระบวนการผลิตสินค้า และการตรวจรับรองมาตรฐานต่างๆ เพื่อเพิ่มศักยภาพทางการแข่งขันของสินค้าไทย
 

---

‘ชลน่าน’ เผย ‘เพื่อไทย’ เตรียมแถลงข่าวรับสมาชิกเข้าพรรค 14 ธ.ค.นี้ ยังไม่ตัดสินใจปมส่งผู้สมัครลต.ซ่อมสงขลา
https://www.matichon.co.th/politics/news_3083703

‘ชลน่าน’ เผย ‘เพื่อไทย’ เตรียมแถลงข่าวรับสมาชิกเข้าพรรค 14 ธ.ค.นี้ ยังไม่ตัดสินใจปมส่งผู้สมัครลต.ซ่อมสงขลา พร้อมยื่น พรป.2 ฉบับ เข้าสภาไม่อังคารก็พุธที่จะถึงนี้
 
เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีข่าวว่า นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตประธานยุทธศาสตร์พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) และนักการเมืองที่คุ้นหน้าคุ้นตากลับมาสมัครเข้าพรรคพท. ว่า เราจะแถลงข่าวเรื่องคนที่จะมาสมัครเข้าพรรคพท.ชัดเจนพร้อมกันทีเดียวในวันที่ 14 ธันวาคมนี้ โดยเราได้ประสาน และพูดคุยกับทั้งอดีตสมาชิกพรรคของเราที่มีโอกาสที่จะกลับมาทำงานร่วมกันอยู่หลายท่าน ซึ่งก็ได้รับการตอบรับกลับมาอย่างดี ส่วนจะมีใครอย่างไรบ้างอยากให้ติดตาม เพราะพรรคเตรียมแถลงข่าวในวันที่ 14 ธันวาคมนี้
 
เมื่อถามถึงการส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้งซ่อมในพื้นที่จังหวัดสงขลา ของพรรคพท. นพ.ชลน่าน กล่าวว่า พรรคพท.กำลังปรึกษาหารือกันอยู่เพื่อให้รอบคอบถี่ถ้วนว่าเราส่งแล้วเราได้อะไร เราเสียอะไร ดังนั้น เราจึงยังไม่ได้ตัดสินใจ เพราะถ้าส่งเพื่อเป็นการเปิดตัว มันอาจจะไม่คุ้ม สู้เราเตรียมที่จะทำงานใหญ่ในไม่กี่เดือนข้างหน้าดีกว่า ซึ่งพรรคคงจะต้องแถลงอีกครั้งหนึ่งว่าจะส่ง หรือไม่ส่งอย่างไร
 
เมื่อถามถึงความคืบหน้ากรณีเสนอร่าง พรป.ประกอบรัฐธรรมนูญทั้ง 2 ฉบับของพรรคพท. นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เราพร้อมแล้ว ความจริงเมื่อช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมาก็จบแล้ว เพียงแต่เราให้สมาชิกได้ร่วมลงชื่อไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 คือ 47 คน ทั้ง 2 ฉบับ เราคิดว่าจะสามารถเสนอเข้าสภาได้ในวันอังคาร หรือวันพุธที่จะถึงนี้ อย่างไรก็ตาม ในพรรคร่วมฝ่ายค้านเราได้ประกาศเชิญชวนเลยว่าถ้าพรรคการเมืองใดที่จะมาร่วมลงชื่อกับพรรคพท. เรายินดีหรือพรรคการเมืองใดที่สามารถรวบรวมรายชื่อได้เกินหนึ่งใน 10 แล้วจะส่งในนามของตนเองเราก็ให้เสรีภาพในการเสนอของแต่ละพรรค