เรียงลำดับเหตุการณ์ ก่อน 'หน้ากากอนามัย' จะหายไป
https://voicetv.co.th/read/gRJ8ns6uR
ไล่เรียงลำดับเหตุการณ์ 'หน้ากากอนามัยที่หายไป' หลังเพจดังในโลกออนไลน์แฉขบวนการกักตุนหน้ากากอนามัย เพื่อส่งขายไปยังประเทศจีน แต่กลับทำให้ของภายในประเทศขาดแคลน
จากกรณีที่เพจดังในโลกออนไลน์ งัดหลักฐานคนทำงานใกล้ชิดกับ ร.อ.
ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการกักตุนหน้ากากอนามัยเพื่อส่งขายไปยังประเทศจีน ทั้งๆ ที่สถานการณ์ขาดแคลนหน้ากากอนามัยภายในประเทศเข้าขั้นวิกฤต ถึงขนาดที่บุคลากรทางการแพทย์ออกมาเรียกร้องขอหน้ากากอนามัยไม่หยุด
ซึ่งจากหลักฐานมีการไล่เรียงลำดับเหตุการณ์ไว้คือ
28 ม.ค. 2563
ผู้ถูกกล่าวหาโพสต์ข้อความต้องการซื้อหน้ากากอนามัย และอุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อจำนวนมาก เพื่อนำไปแจกจ่ายให้ประชาชนในประเทศจีนป้องกันการติดเชื้อไวรัสอู่ฮั่น (โควิด-19) โดยโรงงาน หรือผู้ประกอบการใดมีสต็อกสินเค้า ติดต่อมาด่วน
30 ม.ค. 2563
นาย
จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าจะสกัดการส่งออก รวมถึงจำกัดปริมาณซื้อหน้ากากอนามัยไม่ได้ ด้วยเหตุผลว่า ต้องคำนึงถึงเรื่องมนุษยธรรม แต่ยืนยันสต็อกที่มีใช้ได้ต่อเนื่องได้ถึง 4-5 เดือน (30 ม.ค.) ขอประชาชนอย่าแตกตื่น ด้านผู้ผลิตหน้ากากอนามัยเองยอมรับ วัตถุดิบเริ่มไม่เพียงพอ หลังเมืองอู่ฮั่นที่มีโรงงานผลิตวัตถุดิบหลักปิด (อ่านข่าว :
'จุรินทร์' ชี้เป็นเรื่องมนุษยธรรม งดสั่งจำกัดการซื้อ-ส่งออกหน้ากากอนามัย)
ด้านผู้ที่ถูกสังคมออนไลน์กล่าวหา ก็โพสต์รูปการขนส่งสินค้า พร้อมบอกว่า คุณภาพคือสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะช่วงที่เกิดวิกฤตการณ์ด้วยแล้วต้องพิถีพิถันและเอาใจใส่ ให้มากขึ้นกว่าเก่า ไม่ว่าสิ่งที่เราส่งมอบนั้นจะเป็นการให้หรือเป็นการค้า คุณภาพและคุณสมบัติเป็นสิ่งที่เราควรต้องตรวจสอบให้ดี
31 ม.ค.2563
ผู้ถูกกล่าวหาว่ากักตุนหน้ากากอนามัย โพสต์เฟซบุ๊ก บ่งชี้ว่า มีการขนส่งหน้ากากอนามัยจำนวนมากไปเก็บไว้ยังสถานที่แห่งหนึ่ง
1 ก.พ. 2563
นาย
จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ยืนยันหน้ากากอนามัยมีเพียงพอ ขอประชาชนอย่ากักตุน พร้อมตั้งวอร์รูมติดตามไวรัสโคโรนา คุมราคาสินค้าเวชภัณฑ์ให้มีราคาเหมาะสม หากมีพ่อค้าซื้อหน้ากากเพื่อกักตุนหรือส่งออกไปต่างประเทศก็จะให้วอร์รูมโดยปลัดกระทรวงพาณิชย์ พิจารณามาตรการแก้ปัญหาและกำชับปลัดกระทรวงพาณิชย์สามารถชี้แจงต่อสื่อมวลชนและสาธารณชนได้ทันที เกี่ยวกับสถานการณ์และข้อเท็จจริงต่างๆ (อ่านข่าว :
'จุรินทร์' ยืนยันหน้ากากอนามัยมีเพียงพอ วอน ปชช. อย่าซื้อกักตุน)
7-8 ก.พ. 2563
ผู้ถูกกล่าวหาคนเดิมโพสต์ภาพ ทีมนักขาย และรูปการรับสินค้า และมีการเริ่มจัดตั้งองค์กร THAIHEALTH ที่ตรงกับชื่อแบรนด์
ด้านกรมการค้าภายใน ร่วมกับกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ตรวจจับผู้ฝ่าฝืนกักตุน - ขายหน้ากากอนามัยเกินราคา ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าว พบผู้กระทำผิด 10 ราย และได้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อดำเนินคดีในกระทงความผิดเกี่ยวกับการสร้างความปั่นป่วนราคาขายให้สูงกว่าความเป็นจริง ในมาตรา 29 ของ พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 มีโทษจำคุกสูงสุดไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (อ่านข่าว :
กรมการค้าภายในจับผู้กระทำผิดขายหน้ากากอนามัยเกินราคาได้ 10 ราย)
12-13 ก.พ. 2563
ผู้ถูกกล่าวหา โพสต์ภาพการพบปะพูดคุยกับตัวแทนของ
แจ็ก หม่า หรือผู้ก่อตั้งอาลีบาบา ที่เข้าเยี่ยมโครงการต้านการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 พร้อมจัดหาหน้ากากอนามัยเพื่อแจกจ่ายให้กับโรงพยาบาลต่างๆ ในประเทศจีน พร้อมโพสต์ภาพผลการออกแบบผลิตภัณฑ์หน้ากากอนามัยชุด 3 สีดำคลาสสิก
17 ก.พ. 2563
โลกออนไลน์ เปิดเผยราคาการขายหน้ากากอนามัยที่ขายกันราคากล่องละ 700-900 บาท ตามเพจต่างๆ โดยร้องเรียนไปยังกระทรวงพาณิชย์ให้ช่วยตรวจสอบด้วย
21 ก.พ. 2563
กระทรวงพาณิชย์ สั่งห้ามส่งออกหน้ากากอนามัยยกเว้นได้รับการอนุญาตจากเลขานุการคณะกรรมการว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) หากนำไปใช้ที่ต่างประเทศนำไปได้ ไม่เกิน 30 ชิ้นต่อคนต่อครั้ง ยกเว้นผู้ป่วยที่มีใบรับรองแพทย์ให้นำติดตัวได้ไม่เกิน 50 ชิ้น มีผลตั้งแต่วันที่ 21 ก.พ. 2563 (อ่านข่าว :
พณ. คุมเข้ม! ห้ามส่งออกหน้ากากอนามัย-ติดตัวไปตปท.ได้ไม่เกิน 30 ชิ้น/คน)
หลังจากนั้นผู้ถูกกล่าวหาว่า กักตุนหน้ากากอนามัยเพื่อขายให้ประเทศจีนนั้น ยังมีโพสต์ต่างๆ ที่ระบุถึงการขายหน้ากากอนามัยอยู่เรื่อยๆ โดยโพสต์ระบุว่า ขายที่ชิ้นละ 14 บาท และขายทีละ 1 ล้านชิ้นเท่านั้น พร้อมโชว์หลักฐานการเงิน หรือพานายทุนจีนมาซื้อ ซึ่งต่อมา หลังจากหลักฐานดังกล่าวถูกเปิดเผยสู่โลกออนไลน์ มีการเชื่อมโยงกันว่า ผู้ถูกกล่าวหาว่ากักตุนหน้ากากอนามัยมีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ช่วยของ ร.อ.
ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แม้ภายหลัง ร.อ.
ธรรมนัสจะออกมาเปิดเผยว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องก็ตาม
ด้านเจ้าของโรงงานผลิตหน้ากากอนามัยรายหนึ่งโพสต์เฟซบุ๊กเช่นกัน (แต่โพสต์ถูกลบไปแล้ว) ระบุว่า ถูกคนของกรม (ไม่ระบุ) มานั่งเฝ้าเพื่อเอาหน้ากากอนามัยทั้งหมดที่ผลิตจากโรงงานไป นอกจากเจ้าหน้าที่จากกรมแล้วยังมีทหารมานั่งเฝ้าด้วย เนื่องจากกลัวโรงงานจะนำหน้ากากอนามัยไปขายให้กับที่อื่น
นอกจากนี้ยังพบว่ามีหน้ากากอนามัยจำนวนหนึ่งไปวางขายอยู่ในประเทศจีน เลยอยากรู้ว่ามีอะไรแอบแฝงจากการกระทำทั้งหมดนี้หรือไม่ อีกทั้งทางหน่วยงานที่ว่ามาเอาหน้ากากอนามัยจากโรงงานของตนไปยังไม่ได้จ่ายเงิน ทั้งๆ ที่กว่าจะได้วัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตแต่ละครั้งยากแสนเข็ญ
ด้านโลกออนไลน์ทวิตเตอร์ มีการผุดแฮชแท็ก
#maskไม่พอบอกพอ และ
#หน้ากากอนามัยหายไปไหน พร้อมแสดงความคิดเห็นแบบดุเดือด เพราะบุคลากรทางการแพทย์ในประเทศยังไม่สามารถหาซื้อหน้ากากอนามัยใช้ได้อย่างเพียงพอ แต่ทำไมกลับให้คนจำนวนหนึ่งกักตุนหน้ากากอนามัยเหล่านั้นออกไปขายยังต่างประเทศได้
“ชลน่าน”ฉะรบ.ไร้น้ำยาไร้ประสิทธิภาพจัดการโควิด-19
https://www.innnews.co.th/politics/news_617477/
นายแพทย์
ชลน่าน ศรีแก้ว รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลปล่อยให้สถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ขยายตัวและส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อประชาชน ซึ่งมาตรการที่รัฐบาลออกมาในการจัดการ ไวรัสโควิด-19 เป็นมาตรการที่ไร้น้ำยา ไร้ประสิทธิภาพ ไม่สอดคล้อง ไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ และส่วนใหญ่เป็นการแก้ปัญหาปลายเหตุ รัฐควรย้อนมาดูมาตรการที่ตัวเองออกไป ว่าได้ผลหรือไม่อย่างไร นอกจากนี้ ในการรักษาไวรัสโควิด-19 นั้น รัฐธรรมนูญมาตรา 47 บัญญัติว่า
บุคคลย่อมมีสิทธิ์ได้รับการบริการจากรัฐในการป้องกันและขจัดโรคติดต่อร้ายแรง โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย แต่รัฐไม่ทำตามรัฐธรรมนูญ กลับให้ประชาชนไปจัดซื้อจัดหาหน้ากากอนามัยเอง ซึ่งขัดรัฐธรรมนูญอย่างชัดเจน
พร้อมกันนี้ นพ.
ชลน่าน กล่าวว่า พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่ควรผลักภาระให้ประชาชน จากการบริหารราชการที่ผิดพลาด ถึงวันนี้ประชาชนทั่วไปแม้มีเงินก็หาซื้อหน้ากากอนามัยไม่ได้ ทั้งนี้การจัดการแก้ปัญหาระบาดของไวรัสโควิด-19 ของพลเอก
ประยุทธ์ ไร้น้ำยา ไม่สามารถช่วยเหลือประชาชนได้ แต่กลับใช้วิกฤติหาประโยชน์จากประชาชน เป็นเรื่องที่เลวร้ายมาก รัฐไม่ควรแสวงหาผลประโยชน์ในภาวะวิกฤติของประเทศ ถือเป็นรัฐล้มเหลว ไร้ปัญญาแก้ปัญหาให้ประชาชน
เปิดข้อมูลพรรคการเมืองล่าสุด พรรค"ก้าวไกล"ลำดับ 29 โลโก้คล้ายสามเหลี่ยม มีสีส้ม
https://www.matichon.co.th/politics/news_2042121
เปิดข้อมูลพรรคการเมือง ล่าสุด 73 พรรค ยังดำเนินกิจการอยู่ ขณะที่พรรค”ก้าวไกล” อยู่ลำดับ 29 ใช้ชื่อย่อ “ก.ก.-MFP” โลโก้คล้ายสามเหลี่ยม มีสีส้ม มีสมาชิกพรรค 2,690 คน
เมื่อวันที่ 10 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจเฟซบุ๊กของสำนักกิจการพรรคการเมือง สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้เผยแพร่ข้อมูลและภาพสัญลักษณ์ของพรรคการเมือง ที่ดำเนินกิจการ อยู่โดยเป็นข้อมูล ณ วันที่ 9 มีนาคม 2563 ว่ามีทั้งสิ้น 73 พรรคการเมือง ซึ่งนอกจากจะมีการระบุหมายเหตุว่า ศาลมีคำสั่งให้ยุบพรรคการเมือง 1 พรรค คือพรรคอนาคตใหม่ และมีการสิ้นสภาพความเป็นพรรคการเมือง 1 พรรค คือ พรรคกสิกรไทยแล้ว ยังมีการระบุถึงพรรคก้าวไกล ที่อดีตส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่เปิดตัวเมื่อวันที่8 มีนาคม ว่าจะสมัครเป็นสมาชิกพรรคต่อไปว่า อยู่ในลำดับที่ 29 ของบัญชีรายชื่อพรรคการเมืองที่ดำเนินกิจการอยู่โดยมีการวงเล็บชื่อเดิมว่า “
ร่วมพัฒนาชาติไทย” ใช้ชื่อภาษาอังกฤษว่า
Move Forward Party รหัสสำหรับการบริจาคภาษี (164) ชื่อย่อ
ก.ก. หรือ MFP. จัดตั้งวันที่ 1 พฤษภาคม 2557 มีนางปีใหม่ รัฐวงษา เลขาธิการพรรคทำหน้าที่รักษาการหัวหน้าพรรค มีคณะกรรมการบริหารพรรค 9 คน สมาชิกพรรค 2,690 คน มี 4 สาขา และมีตัวแทน ประจำจังหวัด 13 แห่ง ที่ตั้งอยู่ที่ 737/14 มบ.มิตรภาพ ถนนอ่อนนุช 46 แขวงอ่อนนุช เขตสวนหลวง กรุงเทพฯ
ส่วนสัญลักษณ์หรือโลโก้ ของพรรคมีลักษณะคล้ายสามเหลี่ยมเหมือนปุ่ม Forward หรือ ลูกศร ชี้ไปข้างหน้า และใช้สีส้มคล้ายกับโลโก้ของอดีตพรรคอนาคตใหม่
ทั้งนี้ พรรคก้าวไกล เดิมชื่อพรรคร่วมพัฒนาชาติไทย ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นพรรคผึ้งหลวง และมีการเปลี่ยนชื่อกลับไปเป็นพรรคร่วมพัฒนาชาติไทยและได้มีการประชุมใหญ่สามัญพรรคเพื่อเปลี่ยนแปลงชื่อสัญลักษณ์พรรครวมถึงคณะกรรมการบริหารพรรค แล้วมีการแจ้งนายทะเบียนพรรคการเมือง ซึ่งนายทะเบียนพรรคการเมืองได้มีการตอบรับ การขอเปลี่ยนแปลงชื่อโลโก้และกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ไปเมื่อต้นสัปดาห์ที่แล้ว โดยขณะนี้เหลือเพียงขั้นตอนของการประกาศในราชกิจจานุเบกษาแต่ ความเป็นพรรคก้าวไกลมีผลสมบูรณ์แล้วนับตั้งแต่ที่ประชุมใหญ่สามัญของพรรคมีมติ
JJNY : ลำดับเหตุการณ์ ก่อนหน้ากากจะหาย/ชลน่านฉะรบ.ไร้น้ำยา/ข้อมูลล่าสุด"ก้าวไกล"ลำดับ29/ไทยพบผู้ป่วยโควิด-19เพิ่ม3ราย
https://voicetv.co.th/read/gRJ8ns6uR
ไล่เรียงลำดับเหตุการณ์ 'หน้ากากอนามัยที่หายไป' หลังเพจดังในโลกออนไลน์แฉขบวนการกักตุนหน้ากากอนามัย เพื่อส่งขายไปยังประเทศจีน แต่กลับทำให้ของภายในประเทศขาดแคลน
จากกรณีที่เพจดังในโลกออนไลน์ งัดหลักฐานคนทำงานใกล้ชิดกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการกักตุนหน้ากากอนามัยเพื่อส่งขายไปยังประเทศจีน ทั้งๆ ที่สถานการณ์ขาดแคลนหน้ากากอนามัยภายในประเทศเข้าขั้นวิกฤต ถึงขนาดที่บุคลากรทางการแพทย์ออกมาเรียกร้องขอหน้ากากอนามัยไม่หยุด
ซึ่งจากหลักฐานมีการไล่เรียงลำดับเหตุการณ์ไว้คือ
28 ม.ค. 2563
ผู้ถูกกล่าวหาโพสต์ข้อความต้องการซื้อหน้ากากอนามัย และอุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อจำนวนมาก เพื่อนำไปแจกจ่ายให้ประชาชนในประเทศจีนป้องกันการติดเชื้อไวรัสอู่ฮั่น (โควิด-19) โดยโรงงาน หรือผู้ประกอบการใดมีสต็อกสินเค้า ติดต่อมาด่วน
30 ม.ค. 2563
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าจะสกัดการส่งออก รวมถึงจำกัดปริมาณซื้อหน้ากากอนามัยไม่ได้ ด้วยเหตุผลว่า ต้องคำนึงถึงเรื่องมนุษยธรรม แต่ยืนยันสต็อกที่มีใช้ได้ต่อเนื่องได้ถึง 4-5 เดือน (30 ม.ค.) ขอประชาชนอย่าแตกตื่น ด้านผู้ผลิตหน้ากากอนามัยเองยอมรับ วัตถุดิบเริ่มไม่เพียงพอ หลังเมืองอู่ฮั่นที่มีโรงงานผลิตวัตถุดิบหลักปิด (อ่านข่าว : 'จุรินทร์' ชี้เป็นเรื่องมนุษยธรรม งดสั่งจำกัดการซื้อ-ส่งออกหน้ากากอนามัย)
ด้านผู้ที่ถูกสังคมออนไลน์กล่าวหา ก็โพสต์รูปการขนส่งสินค้า พร้อมบอกว่า คุณภาพคือสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะช่วงที่เกิดวิกฤตการณ์ด้วยแล้วต้องพิถีพิถันและเอาใจใส่ ให้มากขึ้นกว่าเก่า ไม่ว่าสิ่งที่เราส่งมอบนั้นจะเป็นการให้หรือเป็นการค้า คุณภาพและคุณสมบัติเป็นสิ่งที่เราควรต้องตรวจสอบให้ดี
ผู้ถูกกล่าวหาว่ากักตุนหน้ากากอนามัย โพสต์เฟซบุ๊ก บ่งชี้ว่า มีการขนส่งหน้ากากอนามัยจำนวนมากไปเก็บไว้ยังสถานที่แห่งหนึ่ง
1 ก.พ. 2563
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ยืนยันหน้ากากอนามัยมีเพียงพอ ขอประชาชนอย่ากักตุน พร้อมตั้งวอร์รูมติดตามไวรัสโคโรนา คุมราคาสินค้าเวชภัณฑ์ให้มีราคาเหมาะสม หากมีพ่อค้าซื้อหน้ากากเพื่อกักตุนหรือส่งออกไปต่างประเทศก็จะให้วอร์รูมโดยปลัดกระทรวงพาณิชย์ พิจารณามาตรการแก้ปัญหาและกำชับปลัดกระทรวงพาณิชย์สามารถชี้แจงต่อสื่อมวลชนและสาธารณชนได้ทันที เกี่ยวกับสถานการณ์และข้อเท็จจริงต่างๆ (อ่านข่าว : 'จุรินทร์' ยืนยันหน้ากากอนามัยมีเพียงพอ วอน ปชช. อย่าซื้อกักตุน)
7-8 ก.พ. 2563
ผู้ถูกกล่าวหาคนเดิมโพสต์ภาพ ทีมนักขาย และรูปการรับสินค้า และมีการเริ่มจัดตั้งองค์กร THAIHEALTH ที่ตรงกับชื่อแบรนด์
ด้านกรมการค้าภายใน ร่วมกับกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ตรวจจับผู้ฝ่าฝืนกักตุน - ขายหน้ากากอนามัยเกินราคา ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าว พบผู้กระทำผิด 10 ราย และได้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อดำเนินคดีในกระทงความผิดเกี่ยวกับการสร้างความปั่นป่วนราคาขายให้สูงกว่าความเป็นจริง ในมาตรา 29 ของ พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 มีโทษจำคุกสูงสุดไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (อ่านข่าว : กรมการค้าภายในจับผู้กระทำผิดขายหน้ากากอนามัยเกินราคาได้ 10 ราย)
12-13 ก.พ. 2563
ผู้ถูกกล่าวหา โพสต์ภาพการพบปะพูดคุยกับตัวแทนของแจ็ก หม่า หรือผู้ก่อตั้งอาลีบาบา ที่เข้าเยี่ยมโครงการต้านการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 พร้อมจัดหาหน้ากากอนามัยเพื่อแจกจ่ายให้กับโรงพยาบาลต่างๆ ในประเทศจีน พร้อมโพสต์ภาพผลการออกแบบผลิตภัณฑ์หน้ากากอนามัยชุด 3 สีดำคลาสสิก
17 ก.พ. 2563
โลกออนไลน์ เปิดเผยราคาการขายหน้ากากอนามัยที่ขายกันราคากล่องละ 700-900 บาท ตามเพจต่างๆ โดยร้องเรียนไปยังกระทรวงพาณิชย์ให้ช่วยตรวจสอบด้วย
21 ก.พ. 2563
กระทรวงพาณิชย์ สั่งห้ามส่งออกหน้ากากอนามัยยกเว้นได้รับการอนุญาตจากเลขานุการคณะกรรมการว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) หากนำไปใช้ที่ต่างประเทศนำไปได้ ไม่เกิน 30 ชิ้นต่อคนต่อครั้ง ยกเว้นผู้ป่วยที่มีใบรับรองแพทย์ให้นำติดตัวได้ไม่เกิน 50 ชิ้น มีผลตั้งแต่วันที่ 21 ก.พ. 2563 (อ่านข่าว : พณ. คุมเข้ม! ห้ามส่งออกหน้ากากอนามัย-ติดตัวไปตปท.ได้ไม่เกิน 30 ชิ้น/คน)
หลังจากนั้นผู้ถูกกล่าวหาว่า กักตุนหน้ากากอนามัยเพื่อขายให้ประเทศจีนนั้น ยังมีโพสต์ต่างๆ ที่ระบุถึงการขายหน้ากากอนามัยอยู่เรื่อยๆ โดยโพสต์ระบุว่า ขายที่ชิ้นละ 14 บาท และขายทีละ 1 ล้านชิ้นเท่านั้น พร้อมโชว์หลักฐานการเงิน หรือพานายทุนจีนมาซื้อ ซึ่งต่อมา หลังจากหลักฐานดังกล่าวถูกเปิดเผยสู่โลกออนไลน์ มีการเชื่อมโยงกันว่า ผู้ถูกกล่าวหาว่ากักตุนหน้ากากอนามัยมีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ช่วยของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แม้ภายหลัง ร.อ.ธรรมนัสจะออกมาเปิดเผยว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องก็ตาม
นอกจากนี้ยังพบว่ามีหน้ากากอนามัยจำนวนหนึ่งไปวางขายอยู่ในประเทศจีน เลยอยากรู้ว่ามีอะไรแอบแฝงจากการกระทำทั้งหมดนี้หรือไม่ อีกทั้งทางหน่วยงานที่ว่ามาเอาหน้ากากอนามัยจากโรงงานของตนไปยังไม่ได้จ่ายเงิน ทั้งๆ ที่กว่าจะได้วัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตแต่ละครั้งยากแสนเข็ญ
ด้านโลกออนไลน์ทวิตเตอร์ มีการผุดแฮชแท็ก #maskไม่พอบอกพอ และ #หน้ากากอนามัยหายไปไหน พร้อมแสดงความคิดเห็นแบบดุเดือด เพราะบุคลากรทางการแพทย์ในประเทศยังไม่สามารถหาซื้อหน้ากากอนามัยใช้ได้อย่างเพียงพอ แต่ทำไมกลับให้คนจำนวนหนึ่งกักตุนหน้ากากอนามัยเหล่านั้นออกไปขายยังต่างประเทศได้
“ชลน่าน”ฉะรบ.ไร้น้ำยาไร้ประสิทธิภาพจัดการโควิด-19
https://www.innnews.co.th/politics/news_617477/
นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลปล่อยให้สถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ขยายตัวและส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อประชาชน ซึ่งมาตรการที่รัฐบาลออกมาในการจัดการ ไวรัสโควิด-19 เป็นมาตรการที่ไร้น้ำยา ไร้ประสิทธิภาพ ไม่สอดคล้อง ไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ และส่วนใหญ่เป็นการแก้ปัญหาปลายเหตุ รัฐควรย้อนมาดูมาตรการที่ตัวเองออกไป ว่าได้ผลหรือไม่อย่างไร นอกจากนี้ ในการรักษาไวรัสโควิด-19 นั้น รัฐธรรมนูญมาตรา 47 บัญญัติว่า บุคคลย่อมมีสิทธิ์ได้รับการบริการจากรัฐในการป้องกันและขจัดโรคติดต่อร้ายแรง โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย แต่รัฐไม่ทำตามรัฐธรรมนูญ กลับให้ประชาชนไปจัดซื้อจัดหาหน้ากากอนามัยเอง ซึ่งขัดรัฐธรรมนูญอย่างชัดเจน
พร้อมกันนี้ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่ควรผลักภาระให้ประชาชน จากการบริหารราชการที่ผิดพลาด ถึงวันนี้ประชาชนทั่วไปแม้มีเงินก็หาซื้อหน้ากากอนามัยไม่ได้ ทั้งนี้การจัดการแก้ปัญหาระบาดของไวรัสโควิด-19 ของพลเอกประยุทธ์ ไร้น้ำยา ไม่สามารถช่วยเหลือประชาชนได้ แต่กลับใช้วิกฤติหาประโยชน์จากประชาชน เป็นเรื่องที่เลวร้ายมาก รัฐไม่ควรแสวงหาผลประโยชน์ในภาวะวิกฤติของประเทศ ถือเป็นรัฐล้มเหลว ไร้ปัญญาแก้ปัญหาให้ประชาชน
เปิดข้อมูลพรรคการเมืองล่าสุด พรรค"ก้าวไกล"ลำดับ 29 โลโก้คล้ายสามเหลี่ยม มีสีส้ม
https://www.matichon.co.th/politics/news_2042121
เปิดข้อมูลพรรคการเมือง ล่าสุด 73 พรรค ยังดำเนินกิจการอยู่ ขณะที่พรรค”ก้าวไกล” อยู่ลำดับ 29 ใช้ชื่อย่อ “ก.ก.-MFP” โลโก้คล้ายสามเหลี่ยม มีสีส้ม มีสมาชิกพรรค 2,690 คน
เมื่อวันที่ 10 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจเฟซบุ๊กของสำนักกิจการพรรคการเมือง สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้เผยแพร่ข้อมูลและภาพสัญลักษณ์ของพรรคการเมือง ที่ดำเนินกิจการ อยู่โดยเป็นข้อมูล ณ วันที่ 9 มีนาคม 2563 ว่ามีทั้งสิ้น 73 พรรคการเมือง ซึ่งนอกจากจะมีการระบุหมายเหตุว่า ศาลมีคำสั่งให้ยุบพรรคการเมือง 1 พรรค คือพรรคอนาคตใหม่ และมีการสิ้นสภาพความเป็นพรรคการเมือง 1 พรรค คือ พรรคกสิกรไทยแล้ว ยังมีการระบุถึงพรรคก้าวไกล ที่อดีตส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่เปิดตัวเมื่อวันที่8 มีนาคม ว่าจะสมัครเป็นสมาชิกพรรคต่อไปว่า อยู่ในลำดับที่ 29 ของบัญชีรายชื่อพรรคการเมืองที่ดำเนินกิจการอยู่โดยมีการวงเล็บชื่อเดิมว่า “ร่วมพัฒนาชาติไทย” ใช้ชื่อภาษาอังกฤษว่า Move Forward Party รหัสสำหรับการบริจาคภาษี (164) ชื่อย่อ ก.ก. หรือ MFP. จัดตั้งวันที่ 1 พฤษภาคม 2557 มีนางปีใหม่ รัฐวงษา เลขาธิการพรรคทำหน้าที่รักษาการหัวหน้าพรรค มีคณะกรรมการบริหารพรรค 9 คน สมาชิกพรรค 2,690 คน มี 4 สาขา และมีตัวแทน ประจำจังหวัด 13 แห่ง ที่ตั้งอยู่ที่ 737/14 มบ.มิตรภาพ ถนนอ่อนนุช 46 แขวงอ่อนนุช เขตสวนหลวง กรุงเทพฯ
ส่วนสัญลักษณ์หรือโลโก้ ของพรรคมีลักษณะคล้ายสามเหลี่ยมเหมือนปุ่ม Forward หรือ ลูกศร ชี้ไปข้างหน้า และใช้สีส้มคล้ายกับโลโก้ของอดีตพรรคอนาคตใหม่
ทั้งนี้ พรรคก้าวไกล เดิมชื่อพรรคร่วมพัฒนาชาติไทย ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นพรรคผึ้งหลวง และมีการเปลี่ยนชื่อกลับไปเป็นพรรคร่วมพัฒนาชาติไทยและได้มีการประชุมใหญ่สามัญพรรคเพื่อเปลี่ยนแปลงชื่อสัญลักษณ์พรรครวมถึงคณะกรรมการบริหารพรรค แล้วมีการแจ้งนายทะเบียนพรรคการเมือง ซึ่งนายทะเบียนพรรคการเมืองได้มีการตอบรับ การขอเปลี่ยนแปลงชื่อโลโก้และกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ไปเมื่อต้นสัปดาห์ที่แล้ว โดยขณะนี้เหลือเพียงขั้นตอนของการประกาศในราชกิจจานุเบกษาแต่ ความเป็นพรรคก้าวไกลมีผลสมบูรณ์แล้วนับตั้งแต่ที่ประชุมใหญ่สามัญของพรรคมีมติ