JJNY : 5in1 ศาลปค.สั่งแก้ฝุ่น│“สส.เชียงราย ปชน.”ลงพื้นที่น้ำท่วม│เทวฤทธิ์หนุนแก้กม.│อังคณา หนุนแก้│‘แม่สาย’เจอทะเลโคลน

ศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่ง ให้ ‘นายก’ แก้ปัญหาฝุ่นภาคเหนือ ไม่ต้องรอคดีสิ้นสุด
https://prachatai.com/journal/2024/09/110751

อัพเดทคดีฝุ่นภาคเหนือ ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งให้นายกรัฐมนตรีและคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้น เตรียมกำหนดมาตรการหรือจัดทำแผนฉุกเฉินที่มีประสิทธิภาพในการแก้ปัญหา PM2.5 โดยไม่ต้องรอจนกว่าคดีจะสิ้นสุด
 
21 ก.ย. 2567 วานนี้ (20 ก.ย. 2567) ทนายความคดีฟ้องฝุ่นเหนือ ได้รับคำสั่งศาลปกครองสูงสุด ซึ่งได้มีคำสั่งลงวันที่ 12 ก.ย. 2567 โดยศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งให้นายกรัฐมนตรีและคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 และผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้นโดยไม่ต้องรอจนกว่าคดีจะถึงที่สุด”
 
สืบเนื่องจากคดีฟ้องฝุ่นพิษ PM2.5 ภาคเหนือ ที่ศาลปกครองเชียงใหม่ได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 19 ม.ค. 2567 ให้ นายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ “ใช้อำนาจหรือร่วมกันใช้อำนาจตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.2535 กำหนดมาตรการหรือจัดทำแผนฉุกเฉินที่มีประสิทธิภาพอย่างบูรณาการและยั่งยืน เพื่อป้องกันควบคุม แก้ไข บรรเทา หรือระงับภยันตรายอันเกิดจากฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 (PM2.5) ซึ่งเกินกว่าค่ามาตรฐานและอยู่ในระดับที่มีผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือให้ทันท่วงที ทั้งให้นี้ ดำเนินการกำหนดมาตรการ หรือจัดทำแผนฉุกเฉินดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน นับแต่วันที่คำพิพากษาถึงที่สุด
 
ทั้งนี้ วันที่ 15 ก.พ. 2567 คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ได้อุทธรณ์คำพิพากษาของศาลปกครองเชียงใหม่ ต่อมาเมื่อวันที่ 18 เม.ย. 2567 ผู้ฟ้องคดีทั้ง 10 ได้ยื่นคำขอให้มีการปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลปกครองชั้นต้นโดยไม่ต้องรอให้คดีถึงที่สุดต่อศาลปกครองสูงสุด
 
ประกอบกับวันที่ 17 เม.ย. 2567 ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ได้ยื่นชี้แจงเพิ่มเติมว่าต่อศาลปกครองสูงสุดว่า  “คณะกรรมการจัดการปัญหามลพิษทางอากาศเพื่อความยั่งยืนได้มีการประชุมครั้งที่ 1/2567 เมื่อวันที่ 27 ก.พ. 2567 มีมติเห็นชอบมาตรการฉุกเฉินยกระดับการปฏิบัติการในการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ในช่วงสถานการณ์วิกฤต ประจำปี 2567 ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และมอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นำมาตรการฉุกเฉินดังกล่าวเสนอต่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 และนำเสนอต่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป แสดงให้เห็นว่า ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 อยู่ระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ในเรื่องที่เกี่ยวกับการบังคับตามคำพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้น
 
ศาลปกครองสูงสุดจึงมีความเห็นว่า “การปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้นโดยไม่ต้องรอจนกว่าคดีจะถึงที่สุด จึงมิได้เป็นปัญหาอุปสรรคที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงที่ยากแก่การเยียวยาแก้ไขในภายหลัง หรือจะเป็นปัญหาอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้นแก่การบริหารงานรัฐหรือแก่บริการสาธารณะ กรณีจึงมีเหตุผลสมควรที่จะมีคำสั่งให้ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้นโดยไม่ต้องรอจนกว่าคดีจะถึงที่สุดตามคำขอของผู้ฟ้องคดีทั้งสิบได้
 
ศาลปกครองสูงสุดจึงมีคำสั่งให้ “ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 และผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้นโดยไม่ต้องรอจนกว่าคดีจะถึงที่สุด



“สส.เชียงราย ประชาชน” ลงพื้นที่น้ำท่วม โดนถามมีวิชาตัวเบา โคลนไม่มีรอยเท้า
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9424021

“สส.เชียงราย ประชาชน” โพสต์ภาพลงพื้นที่น้ำท่วม ชาวเน็ตถาม มีวิชาตัวเบาหรือไม่ เหตุ ไม่มีภาพรอยเท้า ด้านเจ้าตัว โนสนโนแคร์ แนบคลิปยันลงพื้นที่จริง พร้อมอ้อนคนช่วยขนของ บอกมาสมัครตวยกั๋นครับ ผมขาดอาสา

เมื่อวันที่ 21 ก.ย. 2567 นายชิตวัน ชินอนุวัฒน์ สส.เชียงราย พรรคประชาชน ได้โพสต์ภาพของตัวเองขณะลงพื้นที่สำรวจแนวทางการช่วยเหลือชาวบ้าน ลงเฟซบุ๊กเมื่อ 17 ก.ย. ที่ผ่านมา พร้อมระบุว่า 
 
ลงพื้นที่ หมู่บ้านธนารักษ์ ร่วมกับคุณมิตติ ติยะไพรัช ประธานสโมสรฟุตบอลสิงห์ เชียงรายยูไนเต็ด หมู่บ้านธนารักษ์ และชุมชนใกล้เคียง เป็นพื้นที่ที่ได้รับผล กระทบหนักและสาหัสมากอีกที่หนึ่ง จากสถานการณ์น้ำท่วม ผมร่วมพูดคุยเพื่อหาแนวทางในการช่วยเหลือ เยียวยา เคลียร์โคลน และขยะออกจากชุมชนโดยเร็วที่สุดครับ

โดยโพสต์ดังกล่าว มี 1 ภาพ เป็นที่ฮือฮาชาวเน็ต เนื่องจากเป็นภาพที่นายชิตวันเดินลุยโคลนเข้าพื้นที่ แต่ปรากฏว่าไม่มีรอยเท้า ทำให้มีประชาชนเข้ามาแซวกันอย่างต่อเนื่อง อาทิ วิชาตัวเบาแน่ๆ เดินยังไงไม่มีรอยเท้า , วรยุทธในตำนาน วิชาเหยียบจันทรา , ขอสมัครเป็นศิษย์ได้ไหมครับ , ล้ำเลิศในวิชาตัวเบา เป็นต้น ซึ่งนายชิตวันได้เข้ามาตอบทุกความเห็น โดยแนบคลิปขณะลุยโคลน เพื่อเป็นการยืนยันว่าลงพื้นที่จริง พร้อมทั้งเขียนข้อความในช่องแสดงความเห็นว่า “มาครับๆมาสมัครตวยกั๋นครับ ผมขาดคนอยู่ครับ มาขนข้าวช่วยกันคับ” 

https://www.facebook.com/PaanChittawan/posts/pfbid02bs1xu76GqNa8SBss6v3KEForwSHy3bd2vaBxLYeRw1qZZP2gbdEGCngVbtYRTA9sl



เทวฤทธิ์ หนุนแก้กม.ยุบพรรค ชี้ เป็นปัญหามาตั้งแต่ ‘ไทยรักไทย’ ยัน ไม่ใช่เพื่อประโยชน์นักการเมือง
https://www.matichon.co.th/politics/news_4803802

‘เทวฤทธิ์’ หนุนแก้รธน. ปม กม.ยุบพรรค ชี้ เป็นปัญหามาตั้งแต่ ‘ไทยรักไทย’ ยัน ไม่ใช่เพื่อประโยชน์นักการเมือง เพราะพรรคเป็นของ ปชช.

เมื่อวันที่ 21 กันยายน นายเทวฤทธิ์ มณีฉาย สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพรรคเพื่อไทย เตรียมเสนอแก้ไขพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง คุณสมบัติสมาชิกพรรคการเมือง รวมถึงแก้ไขกฎหมายยุบพรรค และการครอบงำพรรค ว่า ส่วนตัวเห็นด้วยอย่างยิ่ง ที่ต้องแก้ปัญหาการยุบพรรค เพราะเป็นปัญหามาตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน พรรคอนาคตใหม่ จนถึงพรรคก้าวไกล ซึ่งตนมองว่าไม่ควรมีโทษเหล่านี้ แต่หากมีข้อหา เช่นการล้มล้างการปกครอง การยุบพรรคก็ไม่ควรเป็นกระบวนการแรก หรือควรให้กรรมการบริหารพรรคเป็นผู้รับผิดชอบ ไม่ใช่การยุบทั้งพรรค เพราะพรรคการเมือง ไม่ใช่ของคนใดคนหนึ่ง แต่รายละเอียดว่าจะแก้อย่างไร ต้องหารือกัน

นายเทวฤทธิ์กล่าวต่อว่า ส่วนที่มีคนวิจารณ์ว่า เป็นการแก้เพื่อประโยชน์ของนักการเมืองนั้น คนมักจะติดภาพว่าพรรคการเมืองมีเจ้าของ แต่ต้องไม่ลืมว่า แม้จะมีคนบางส่วนที่กํากับหรือกําหนดได้ ก็ไม่ได้หมายความว่า ประชาชนจะหายไปจากพรรคการเมือง สุดท้าย การที่พรรคหรือนักการเมืองจะได้มาซึ่งอำนาจ ก็ต้องได้รับการสนับสนุนจากประชาชน เพราะฉะนั้น การแก้ไขครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของเขา แต่เป็นเรื่องของประชาชนทุกคน
 


อังคณา หนุนแก้กรอบจริยธรรม เชื่อเป็นประโยชน์ ชี้ปัญหาอยู่ที่การตีความ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4803852

อังคณา เห็นด้วย แก้กรอบจริยธรรม ชี้ ปัญหาอยู่ที่การตีความ ต้องปรับให้ชัดเจน-ชัดเจน เชื่อ กฎหมายนี้ยังมีประโยชน์
 
เมื่อวันที่ 21 กันยายน นางอังคณา นีละไพจิตร สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีหลายพรรคการเมืองในสภา เสนอให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา โดยเฉพาะกรอบจริยธรรมของนักการเมือง ส่วนตัวมีความเห็นอย่างไรว่า ปัญหาของประมวลจริยธรรมอยู่ที่การตีความ เช่นในเรื่องของความซื่อสัตย์สุจริต เป็นเรื่องนามธรรม เพราะฉะนั้น เมื่อมีคนไปร้องศาลรัฐธรรมนูญ หรือองค์กรต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง จึงทําให้เกิดการตีความได้ไม่จำกัด ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากลัว

นางอังคณา กล่าวต่อไปว่า ดังนั้น ตนเห็นด้วยในการปรับปรุงกฎหมายดังกล่าว โดยเพิ่มคำอธิบายให้รัดกุมมากขึ้น นอกจากนี้ คนตีความก็มีความสำคัญ เพราะจะต้องมีความเป็นธรรมมาก ๆ และเมื่อกฎหมายเปิดให้ใช้ดุลพินิจ ก็เท่ากับอนุญาตให้เกิดการตีความที่กว้างขวาง

นางอังคณา กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม ตนมองว่ากฎหมายเรื่องนี้ ยังมีความสำคัญ อย่างตอนที่มีการร่างประมวลกฎหมายจริยธรรมขึ้นมา คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) มีโอกาสเข้าไปร่วมร่างด้วย โดยเสนอให้รวมกรณีการคุกคามทางเพศเข้าไปด้วย เพราะเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น รวมถึงการคบค้ากับคู่กรณี
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่