JJNY : 5in1 นิสิตติดป้าย│นักเรียนเลวแฉร.ร.ร้อยเอ็ด│บก.ลายจุดเผยสิ่งที่จำเป็น│ผลิต-ส่งออกรถทรุดหนัก│ยูเครนชี้จีนตัวปัญหา

นิสิตติดป้าย ทวงคืนเสรีภาพวิชาการ บี้จุฬาทบทวนตัวเอง ไม่ให้สถานที่ จัดเสวนาหนังสือดัง
https://www.matichon.co.th/politics/news_4809017

 
นิสิตติดป้าย ทวงคืนเสรีภาพวิชาการ บี้จุฬาทบทวนตัวเอง ไม่ให้สถานที่ จัดเสวนาหนังสือดัง 

เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2567 ที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นิสิตได้จัดกิจกรรมแปะป้ายกระดาษเรียกร้องเสรีภาพทางวิชาการในพื้นที่มหาวิทยาลัย หลังเกิดกรณีที่ผู้บริหารของมหาวิทยาลัยไม่อนุญาตให้ใช้สถานที่ในการจัดงานเสวนาเปิดตัวหนังสือ “ในนามของความมั่นคงภายใน : การแทรกซึมสังคมของกองทัพไทย” ของ รศ.ดร.พวงทอง ภวัครพันธุ์ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ โดยไม่ระบุเหตุผล

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงหนึ่งขณะที่นิสิตกำลังนำป้ายกระดาษที่ระบุข้อความว่า ‘เสรีภาพทางวิชาการ = Fake News ผลิตโดยจุฬาฯ’ ติดที่ป้ายคณะรัฐศาสตร์ ได้เกิดเหตุชุลมุนเล็กน้อย เมื่อมีพนักงานมหาวิทยาลัยได้เข้ามาดึงป้ายกระดาษดังกล่าวออกไปทันที แต่ทว่านิสิตกลุ่มดังกล่าวยังดำเนินกิจกรรมต่อไป โดยได้ไปติดป้ายกระดาษที่อาคารจุลจักรพงษ์ และอาคารของคณะนิเทศศาสตร์ด้วย

ณิชกานต์ หรือ มีมี่ นิสิตจุฬาฯ กล่าวผ่าน สำนักข่าวประชาไท ว่า กรณีนี้เรามองว่ามหาวิทยาลัยควรเป็นพื้นที่จัดงานวิชาการแบบนี้ได้ จึงรู้สึกไม่สบายใจอย่างมากต่ออำนาจของ กอ.รมน. พร้อมกับคำถามถึงผู้บริหารมหาวิทยาลัยว่า ทำไมต้องรับอิทธิพลนี้ด้วย เพราะทั้งๆ ที่คณะรัฐศาสตร์และภาคความสัมพันธ์ระหว่างประเทศก็อนุญาตให้จัดได้ แต่ทำไมถึงมาแทรกแซงการทำงานของคณะแบบนี้

จุฬาฯควรทบทวนหน้าที่ของตัวเอง ในฐานะของการเป็นมหาวิทยาลัยอันดับ 1 ด้วย

สำหรับกิจกรรมดังกล่าวเกิดขึ้นสืบเนื่องจากกรณี กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ขอความร่วมมือในการระงับการจำหน่ายหนังสือ “ในนามของความมั่นคงภายใน : การแทรกซึมสังคมของกองทัพไทย” ซึ่งได้รับรางวัลงานวิจัยดีเด่นจากจุฬาฯ เมื่อปีที่แล้ว และถูกตีพิมพ์เป็นภาษาอังกฤษ ติดลิสต์หนังสือแห่งปี 2022 ของ Foreign Affairs นั้น เป็นหนังสือที่มีเนื้อหาที่คลาดเคลื่อน ทำให้สังคมเข้าใจผิด และกระทบภาพลักษณ์ของหน่วยงาน พร้อมขอความร่วมมือในการระงับการจำหน่าย

กระทั่งล่าสุด รศ.ดร.พวงทองแจ้งผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า งานเสวนาเปิดตัวหนังสือดังกล่าวที่จะมีขึ้นในวันที่ 27 กันยายนนี้ ต้องเปลี่ยนสถานที่ จากเดิมจะจัดขึ้นที่ Smart Classroom ของคณะรัฐศาสตร์ ในจุฬาฯ ไปเป็นที่หอศิลป์บ้านจิม ทอมป์สัน ซอยเกษมสันต์ 2 แทน เนื่องจากผู้บริหารจุฬาฯ ไม่อนุญาตให้ใช้สถานที่
 


เพจนักเรียนเลว แฉ ร.ร.ดัง ร้อยเอ็ด ส่งนร.ฝึกในค่าย ถูกทหารกล้อนผม สั่งวิ่ง-หมอบ
https://www.matichon.co.th/education/news_4808629

เพจนักเรียนเลว แฉรร.ดัง ร้อยเอ็ด ส่งนร.ฝึกในค่าย ถูกทหารกล้อนผม สั่งวิ่ง-หมอบ
 
เมื่อวันที่ 24 กันยายน บัญชีผู้ใช้ X นักเรียนเลว เผยแพร่เรื่องราวภายในค่ายทหารแห่งหนึ่ง ที่มีนักเรียนถูกจับกล้อนผม โดยระบุเป็นข้อความว่า
 
Update: นักเรียนถูกทหารจับกล้อนผมกลางค่ายทหาร พบครูสั่ง ฝ่าฝืนนโยบายรอง ผอ.
 
เมื่อวันที่ 23 ก.ย.2567 ที่ผ่านมา เหตุเกิดในค่ายทหารแห่งหนึ่ง ใน จ.ร้อยเอ็ด ที่ถูกจัดเป็นพื้นที่ปรับพฤติกรรมนักเรียนที่ถูกหักคะแนนจิตพิสัยจาก ร.ร.แห่งหนึ่งใน อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด โดยนักเรียนถูกทหารจับกล้อนผมกลางค่าย
 
ผู้ร้องเรียนเปิดเผยว่า ครูได้สั่งให้ทหารนำเครื่องตัดผมมาไถศีรษะนักเรียนชายทุกคนภายในค่าย โดยไม่สนนโยบายที่รองผู้อำนวยการ ร.ร. ที่จะให้ น.ร.ที่มีผมยาวลงชื่อและตัดผมภายหลังเสร็จสิ้นค่าย การบังคับตัดผมเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน พร้อมกับการยึดโทรศัพท์ของ น.ร. เพื่อป้องกันไม่ให้มีการถ่ายภาพขณะตัดผม อย่างไรก็ตาม นักเรียนคนหนึ่งสามารถถ่ายภาพและหนีออกจากค่ายได้สำเร็จก่อนที่จะถูกตัดผม
 
กิจกรรมภายในค่ายถูกดูแลโดยครูและทหาร มีการสั่งให้ น.ร.วิ่งรอบสนาม หมอบ กลิ้งไปบนสนามหญ้า เสมือนเป็นการฝึกทหาร นักเรียนหลายคนรู้สึกแย่และไม่พอใจอย่างมาก นอกจากนี้ หากใครไม่เข้าค่ายดังกล่าว เนื่องจากติดธุระ จะต้องไปเข้าค่ายฝึกที่ต่างอำเภอเป็นเวลา 5 วัน 4 คืน ซึ่งจะถูกยึดโทรศัพท์ตลอดค่าย รวมถึงจะมีการคัดทรงผมด้วยเช่นกัน
 
การเข้าค่ายค้างคืนติดต่อกันหลายวันนี้ ยังส่งผลให้นักเรียนเสียชั่วโมงเรียน ต้องเร่งกลับมาตามเรียน ตามส่งงานให้ทันเพื่อน ไม่เป็นผลดีต่อการพัฒนาผู้เรียนอย่างยิ่ง
 
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ศธ.ได้ออกประกาศกำชับเกี่ยวกับแนวทางการจัดค่ายเพื่อปรับพฤติกรรม ต้องไม่มีการใช้ความรุนแรงหรือละเมิดสิทธิของเยาวชน รวมทั้งนักเรียนจะต้องมีส่วนร่วมในการออกแบบค่ายฯ ดังกล่าวด้วย

https://twitter.com/BadStudent_/status/1838479657085341897



บก.ลายจุด ขอหยุดส่งเสื้อผ้า-ข้าวสารอาหารแห้ง มาที่เชียงราย เผยสิ่งที่จำเป็นตอนนี้
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_9427695

บก.ลายจุด ขอหยุดส่งเสื้อผ้า-ข้าวสารอาหารแห้ง มาที่เชียงราย ชี้เสื้อผ้ามือสอง เกินครึ่งใช้ไม่ได้ ทำคนหน้างานเสียเวลาคัดแยก เผยสิ่งที่จำเป็นตอนนี้

วันที่ 24 ก.ย.2567 สมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด จาก มูลนิธิกระจกเงา โพสต์ข้อความ ระบุว่า

Do & Don’t

ขอให้หยุดส่งเสื้อผ้าและข้าวสารอาหารแห้งขึ้นมาที่เชียงราย ของหมวดถุงยังชีพน่าจะเกินความต้องการไปมากแล้ว องค์กรที่มีโกดังและกำลังพลรับมือรับไม่ไหวแล้ว

ข้อเสนอเรื่องเสื้อผ้ามือสอง เวลาเอาไปแจกจะต้องคัดแยกก่อน เสื้อผ้าบริจาคเกินครึ่งอยู่ในสภาพที่ไม่เหมาะกับการบริจาค กระบวนการนี้มีขั้นตอนและกลายเป็นภาระของคนหน้างานที่กำลังเผชิญกับการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า
 
น้ำดื่มควรจัดซื้อในพื้นที่ มีขีดความสามารถเหลือเฟือ ลดค่าการจัดการและขนส่งได้เยอะ ให้การจัดส่งส่วนใหญ่เป็นของที่จำเป็นและในพื้นที่หาไม่ได้
 
ณ เวลานี้ วันที่ 24 ก.ย.2567 สิ่งที่จำเป็นคือ

• กระสอบพลาสติกมือสอง(เก็บขยะน้ำท่วมและดินโคลนในบ้าน) พลั่ว จอบ
• เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้ในบ้านทุกชนิด หม้อหุงข้าว กาน้ำร้อน กระทะไฟฟ้า ไมโครเวฟ ตู้เย็น เครื่องซักผ้า
• ที่นอน หมอน ผ้าห่ม
• ประตู หน้าต่าง เพราะบวมน้ำพังหมด ในพื้นที่น่าจะหลายหมื่นบาน คนไม่ค่อยพูดถึง
• ปลั๊กไฟ เบรคเกอร์

https://www.facebook.com/nuling/posts/pfbid026LiLDBXCSt5iDrtrZ2EkHZud8pCUUhv5XizNUNVeXxkuFrNw3xRPDE2Vm98zCbbbl
 


โฆษกยานยนต์ฯ เผยยอดผลิต-ส่งออก-ขายรถยนต์ ส.ค. ทรุดหนัก ถึงขั้น 'น้องๆต้มยำกุ้ง'
https://ch3plus.com/news/economy/ruangden/418122

อุตสาหกรรมยานยนต์ทรุดหนัก เดือนสิงหาคม ยอดผลิต-ยอดขาย และยอดส่งออกรถยนต์เดือนสิงหาคม ลดลงต่ำกว่าช่วงวิกฤตโควิด-19 และสถานการณ์น้อง ๆ ช่วงต้มยำกุ้งเลยทีเดียว

นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ โฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผย สถานการณ์อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยเดือนสิงหาคม พบว่า ยอดจำหน่ายรถยนต์ในประเทศ อยู่ที่ 45,190 คัน ลดลงถึง 24.98% เมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่ยอดผลิตรถยนต์อยู่ในระดับต่ำที่ 119,680 คัน ลดลง 20.56% ส่วนยอดส่งออกรถยนต์อยู่ที่ 86,066 คัน ลดลงเล็กน้อยที่ 1.70% โดยนายสุรพงษ์ ถึงกับเอ่ยปากว่า เห็นตัวเลขแล้วใจหาย เพราะยอดลดลงต่ำกว่าช่วงวิกฤตโควิด-19 สถานการณ์น้อง ๆ ช่วงต้มยำกุ้งเลยทีเดียว สาเหตุหลักยังคงเป็นเพราะปัญหาหนี้ครัวเรือน ที่ยังสูงกว่า 90% ของจีดีพี

ขณะที่หนี้เสียรถยนต์ ณ ไตรมาส 2 อยู่ที่ 254,484 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 29.7% ส่งผลให้สถาบันการเงินยังเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อรถยนต์ทุกประเภท มีการปฏิเสธสินเชื่อมากขึ้น โดยเฉพาะกระบะถูกปฏิเสธสินเชื่อกว่าครึ่ง

อย่างไรก็ดี หวังไตรมาสสุดท้ายปีนี้จะดีขึ้น จากการแจกเงิน 10,000 บาทเป็นเงินสด การแก้ไขหนี้ทั้งในและนอกระบบ งบปี 68 ที่ทันใช้ตั้งแต่เดือนตุลาคม และตลาดหุ้นฟื้น จะเป็นให้สถานการณ์ทางเศรษฐกิจดีขึ้น
 
รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/YdPsjkRui9o

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่