JJNY : เผยอาการติด“โอไมครอน”│ออสเตรเลียพบ“โอไมครอน”2รายแรก│ชี้ห้ามไปหมดทำคน‘ตายหมู่’ทางศก.│ชลน่านมั่นใจกวาดส.ส.กทม.เพิ่ม

แพทย์แอฟริกาใต้ เผยอาการคนติดโควิด “โอไมครอน” ชี้ “ไม่ธรรมดาแต่ไม่รุนแรง”
https://www.matichon.co.th/foreign/news_3062363
 
แพทย์แอฟริกาใต้ เผยอาการคนติดโควิด “โอไมครอน” ชี้ “ไม่ธรรมดาแต่ไม่รุนแรง”
 
เว็บไซต์นิวยอร์กโพสต์ รายงานเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน ระบุว่า จากการเปิดเผยของแพทย์ผู้ที่เป็นคนออกมาเตือนถึงเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน เป็นคนแรก ระบุถึงอาการของผู้ติดเชื้อว่าเป็นอาการที่ “ไม่ปกติแต่ไม่รุนแรง” ในกลุ่มผู้ป่วยที่มีสุขภาพดี แต่ก็ยังคงน่าเป็นห่วงสำหรับผู้สูงอายุและผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน
 
แพทย์หญิงแองเจลิเก้ โคเอตซี แพทย์ประสบการณ์ 30 ปี ประธานแพทยสภาแอฟริกาใต้ (ซามา) ระบุว่า ตนเชื่อว่าพบโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ หลังจากผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่คลินิคในกรุงพริทอเรีย เมืองหลวงของประเทศแอฟริกาใต้ จำนวน 19 คนที่มีอาการที่แปลกออกไป จากคนไข้ที่เคยรักษาก่อนหน้านี้
 
แพทย์หญิงโคเอตซี ระบุว่าเวลานี้มีคนไข้ที่ติดเชื้อสายพันธุ์ใหม่ราว 24 รายส่วนใหญ่เป็นชายวัยรุ่น ในจำนวนนี้ครึ่งหนึ่งยังไม่ได้รับวัคซีน และในจำนวนคนไข้ทั้งหมดไม่มีใครเลยที่สูญเสียการรับรสหรือดมกลิ่น
 
นอกจากนี้ผู้ป่วยจะมีอาการเช่นปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ อ่อนเพลียเป็นเวลา 1 หรือ 2 วัน มีอาการไอเล็กน้อย แต่ไม่ได้มีอาการที่โดดเด่น โดยในจำนวนผู้ติดเชื้อเหล่านี้มีจำนวนหนึ่งที่รักษาตัวอยู่ที่บ้าน
 
แพทย์หญิงโคเอตซี ระบุว่า เคสที่น่าสนใจก็คือ เด็กหญิงวัย 6 ขวบ ที่มีอาการตัวร้อน มีอัตราการเต้นของหัวใจสูง จนคิดว่าจะต้องแอทมิต แต่หลังผ่านไป 2 วัน ก็อาการดีขึ้น
 
อย่างไรก็ตามแพทย์หญิงโคเอตซี ระบุว่า คนไข้ทั้งหมดที่ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ของตนนั้นเป็นคนที่มีสุขภาพดี แต่ที่น่ากังวลก็คือกลุ่มผู้สูงอายุ หรือกลุ่มคนที่ยังไม่ได้รับวัคซีนอาจมีผลกระทบกับการติดเชื้อโอไมครอนได้มากกว่า
 
ทั้งนี้การเปิดเผยของแพทย์หญิงโคเอตซี มีขึ้นหลังองค์การอนามัยโลกประกาศให้เชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน เป็นโควิด-19 สายพันธุ์ที่น่ากังวล โดยล่าสุดมีรายงานการพบเชื้อ โอไมครอน แล้วในหลายประเทศเช่นอังกฤษ เยอรมนี อิสราเอล โดยหลายประเทศเริ่มออกมาตรการเช่นการปิดพรมแดนเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดแล้ว
 

 
ออสเตรเลียพบผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์ใหม่ “โอไมครอน” สองรายแรก
https://www.prachachat.net/world-news/news-810976

ออสเตรเลียเป็นอีกประเทศที่พบผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนแล้ว ทั้งหมด 2 ราย เดินทางมาจากแอฟริกาใต้

วันที่ 28 พฤศจิกายน 2564 แชนแนลนิวส์เอเชียรายงานว่า เจ้าหน้าที่สาธารณสุขออสเตรเลียเผยว่า ออสเตรเลียพบผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์ใหม่ “โอไมครอน” รายแรกแล้ว โดยพบเชื้อในผู้โดยสาร 2 ราย ที่เดินทางด้วยเครื่องบินมาจากแอฟริกาใต้

เจ้าหน้าที่หน่วยงานด้านสุขภาพในรัฐนิวเซาท์เวลส์ ทางตะวันออกของออสเตรเลีย เผยว่า หลังจากดำเนินการถอดรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมอย่างเร่งด่วน จึงสามารถยืนยันผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนจำนวน 2 รายดังกล่าว ที่เดินทางมาถึงนครซิดนีย์เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา

ทางการรัฐนิวเซาท์เวลส์เผยในแถลงการณ์ว่า ผู้ติดเชื้อทั้งสองคนเดินทางจากแอฟริกาใต้มายังออสเตรเลีย โดยเที่ยวบินของสายการบินกาตาร์แอร์เวย์ที่กรุงโดฮา

เจ้าหน้าที่พบว่าทั้งคู่มีผลทดสอบโควิดเป็นบวก ไม่นานหลังจากเดินทางมาถึงออสเตรเลีย จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงรีบวิเคราะห์อย่างเร่งด่วนว่าทั้งคู่ติดเชื้อสายพันธุ์โอไมครอนหรือไม่

“ผู้ติดเชื้อทั้งสองราย ติดเชื้อแบบไม่แสดงอาการ ทั้งคู่ถูกนำไปกักตัวในที่พักพิเศษแล้ว เบื้องต้นทราบว่าผู้ติดเชื้อทั้งสองรายได้รับวัคซีนครบโดส”

 ทางการรัฐนิวเซาท์เวลส์เผย และระบุด้วยว่า ผู้โดยสารอีก 12 คน ที่เดินทางมาจากแอฟริกาใต้ในเที่ยวบินเดียวกัน ไม่มีใครที่ผลโควิดเป็นบวก แต่ทั้งหมดได้เข้ากักตัวแล้ว

ทั้งนี้ เที่ยวบินดังกล่าวมีผู้โดยสารและลูกเรือรวม 260 ราย ซึ่งทั้งหมดได้รับคำสั่งให้กักตัวเช่นกัน


 
ส.ธุรกิจแอลกอฮอล์วอนรัฐไฟเขียวกิน-ดื่มเสรี ชี้ ห้ามไปหมดทำคน ‘ตายหมู่’ จากพิษศก.
https://www.matichon.co.th/economy/news_3062258
 
ส.ธุรกิจแอลกอฮอล์วอนรัฐกิน-ดื่มเสรี ชี้ ห้ามไปหมดทำคน ‘ตายหมู่’ จากพิษศก.
 
นายธนากร คุปตจิตต์ ที่ปรึษาสมาคมธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไทย (TABBA) เปิดเผยกับ’มติชน’ว่า สมาชิกสมาคมได้มีการหารือกันหลังจาก ศบค. ลดพื้นที่จังหวัดเฝ้าระวัง และเพิ่มพื้นที่จังหวัดสีฟ้า นั้น รัฐบาลน่าจะใช้โอกาสนี้อนุญาตให้ร้านอาหารในจังหวัดที่ได้รับการผ่อนคลาย เปิดให้นั่งกินและเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ โดยยังคงความเข้มงวดมาตรการป้องกันการแพร่ระบาด ตามมาตรฐานโควิด ฟรี เซ็ตติ้ง ที่ผู้ให้บริการต้องมีการฉีควัคซีนครบ 2 เข็ม มีการใส่แมสป้องกันตลอดการให้บริการ มีการสุ่มตรวจทุก 3 วัน จัดสถานที่เว้นระยะห่าง เป็นต้น ซึ่งเท่ากับจะมีอีก 27 จังหวัดที่ร้านอาหารสามารถเปิดให้นั่งกินดื่ม โดยให้เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคมนี้ ทำลองเป็นเวลา14 วันแล้ว ทำการประเมินผลและนำไปสู่การทบทวนผ่อนคลายกิจกรรมที่เหลือ เช่น ให้ทุกร้านอาหารทั่วประเทศเปิดให้กินดื่มได้ปกติ อนุญาตการจัดกิจกรรมส่งท้ายปีเก่ารับปีใหม่ จัดเคาต์ดาวน์ รวมถึงอนุญาตให้สถานบันเทิงเปิดให้บริการได้ ภายใต้การบริหารจัดการของภาครัฐและปฎิบัติตามมาตรฐานโควิด ฟรี เซ็ตติ้ง ซึ่งหากสถานการณ์การแพร่ระบาดรุนแรงขึ้น ก็ยังมีพรก.ฉุกเฉิน บังคับใช้ได้

“ข้อเสนอนี้อยากให้เป็นต้นแบบ ตอนนี้เข้าเทศกาลใช้จ่ายและท่องเที่ยว จึงเป็นช่วงทำเงินของผู้ประกอบการ การปล่อยให้ประกอบธุรกิจกันอีกครั้ง ไม่แค่สร้างรายได้ แต่กระตุ้นเศรษฐกิจด้วย การห้ามไปหมด เราไม่ได้ตายจากโควิด แต่กำลังตายจากเศรษฐกิจซึมตัว เมื่อเศรษฐกิจไม่ดีก็เหมือนเราตายหมู่ อยากให้ศบค. และนายกรัฐมนตรี ทบทวนเรื่องการผ่อนคลายให้ธุรกิจต่างๆกับมาเปิดได้อีกครั้ง ถือเป็นการมอบของขวัญปีใหม่ให้ผู้ประกอบธุรกิจ โดยเฉพาะคนที่ว่างงานมานาน ในหลายอาชีพที่ไม่มีรายได้มานานเป็นปี เช่น คนในอาชีพสถานบันเทิง อย่างนักดนตรี เจ้าของธุรกิจกลางคืน ซึ่งรัฐบาลจะเยียวยาที่รัฐก็ต้องหาเงินมาเยียวยา ไม่เท่ากับเขาได้เปิดกิจการมีรายได้มีการจ้างงานทั่วไปอีกครั้ง และมีเงินเสียภาษี ” นายธนากร กล่าว

นายธนากร กล่าวต่อว่า ที่กังวลเรื่องโควิดสายพันธ์ใหม่นั้น รัฐบาลก็มีศูนย์บริหารจัดการเรื่องโควิดอยู่แล้ว ก็ไม่อยากให้กังวลจนห้ามไปทุกอย่าง เพราะดูจากที่ผ่านมาที่ปล่อยให้ร้านอาหารนั่งกินดื่มได้ ก็ไม่พบว่าจะมีการติดเชื้อจนรุนแรง ก็สะท้อนได้ว่า หากมีการปฎิบัติตามมาตรฐานป้องกันกาแพร่ระบาดเชื้อโควิดได้ดี ก็สามารถเปิดได้ปกติ ซึ่งผู้ประกอบการก็พร้อมที่จะปฎิบัติตามมาตรฐานป้องกันโควิด เรื่องนี้คงมีการหารือร่วมและผลักดันแนวคิดนี่ ผ่านเครือข่ายของสมาคมฯต่อไป
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่