#เทคนิคทานขนมไหว้พระจันทร์อย่างไรน้ำตาลไม่ขึ้น
เห็นวันนี้มีข่าวจากกรมอนามัยเรื่องขนมไหว้พระจันทร์มาค่ะ
ถูกต้องเลยนะคะ ที่ว่า 1 ก้อนให้พลังงานมากกว่าข้าวกระเพรา
เพราะดูฉลากที่เห็นก้อนนี้ ก็ 600 KCal เลย
วิธีง่ายๆและควรทำทุกครั้งที่ซื้อเลือกซื้ออาหารสำเร็จรูปหรือแปรรูป
ที่ผ่านการบรรจุภัณฑ์ต่าง
คือให้ดูที่ฉลากโภชนาการ และดูส่วนประกอบ
เราจะทราบทันทีเลยว่า อาหารที่เรากำลังจะหยิบซื้อนี้
มีคุณค่าทางโภชนาการอย่างไรบ้าง
สำหรับคนไข้เบาหวานที่กำลังรักษาโดยไม่ใช้ยาอยู่นั้น
หมอปอจะไม่ได้สอนนับแคลอรี่ทุกวันค่ะ
เพราะกว่าจะมาคำนวณว่าอาหารแต่ละอย่าง ในแต่ละวันที่เราจะทาน
มีแคลอรี่เท่าไหร่รู้สึกว่าอาจจะยุ่งยากจนเกินไป
(แต่หากว่าใครสะดวกนับ ก็ไม่ว่ากัน)
สิ่งแรกที่ควรดูในฉลากโภชนาการ
สำหรับเบาหวานที่กำลังลดน้ำตาลอยู่
คือโปรตีนและคาร์โบไฮเดรต
เพราะในช่วงที่เราปรับการทานอยู่นั้น
ตามหลัก 4 สูตรสลายเบาหวาน นั่นก็คือ
“งดน้ำตาล ทานเป็นมื้อ แป้งไม่เกิน และเพิ่มโปรตีน”
อาหารที่มีน้ำตาลปริมาณสูง มีแป้งมาก
เช่นขนมทั้งหลาย อาหารเครื่องดื่ม ที่เติมน้ำตาล
เบเกอรี่ เราจึงควรลดละเลี่ยงไปก่อนในช่วงที่กำลังปรับ
เน้นทานอาหารหลักจากธรรมชาติ
ทานโปรตีนก่อนแป้ง ได้แก่ เนื้อสัตว์ทุกชนิด ไข่ เต้าหู้ก้อน ถั่ว ธัญพืช
เลี่ยงอาหารแปรรูปทั้งหลายไปก่อน
แต่ก็ไม่ใช่ว่าเราจะต้องอดขนมไปตลอดชีวิต
เพราะเมื่อเราซ่อมแซมร่างกายให้กลับมาเผาผลาญน้ำตาลได้ดีขึ้นแล้ว
เราจะสามารถทานอาหารได้ทุกอย่าง โดยที่น้ำตาลไม่ขึ้น
และไม่กลับมาเป็นเบาหวานซ้ำอีกด้วย
มาต่อกันที่ขนมไหว้พระจันทร์ก้อนนี้กันค่ะ
จากฉลากที่เขียนไว้ หมดก้อนนี้มีน้ำตาล 51 กรัม
หากอดใจไม่ไหว อยากจะซื้อมาทานบ้าง ก็ไม่ได้ห้ามนะคะ
แต่ก่อนจะทาน ขอให้ดูปริมาณน้ำตาล
ที่เขียนไว้บนฉลากโภชนาการสักนิด
จะได้กินแล้วน้ำตาลไม่สูงจนเกินไป
ตัวอย่างขนมไหว้พระจันทร์ก้อนนี้
ไส้เมล็ดบัว 1 ก้อนตามฉลาก
ให้พลังงาน 600 กิโลแคลอรี่
มีปริมาณน้ำตาลสูงมาก ถึง 51 กรัม
เขาแนะนำไว้ว่าควรแบ่งทาน 3 ครั้ง
แต่คำแนะนำนี้ คือสำหรับคนทั่วไปค่ะ
ที่ไม่ควรทานน้ำตาลทรายเกิน 24 กรัม/วัน
แสดงว่า หากเราแบ่งกิน 1/3 ของก้อนนี้ เราก็จะได้น้ำตาล
17 กรัม เกือบจะถึงโควต้าสำหรับคนทั่วไป
สำหรับเบาหวาน ตามคำแนะนำ
ไม่ควรทานน้ำตาลทรายเกินวันละ 12 กรัม หรือประมาณ 3 ช้อนชา
(1 ช้อนชา มี 4 กรัม)
ดังนั้น ถ้าจะให้ดี แบ่งเป็น 6 ส่วน แล้วทาน 1 ชิ้นก็พอนะคะ
ก็จะได้ น้ำตาลจากขนมไหว้พระจันทร์ชิ้นนี้ 8.5 กรัม
ยังไม่เกินโควต้าก็พอจะทานได้อยู่ค่ะ
แล้วใช้เทคนิคการแลกแป้งเพิ่มเติม
เพื่อไม่ให้น้ำตาลในเลือดเราสูงขึ้นมากจนเกินไป
โดยให้ทำแบบนี้
1.ในวันนั้นไม่ทานขนมอื่นเลย ไม่ทานน้ำหวาน งดผลไม้ ลดปริมาณข้าวลง
2.ทานพร้อมกันในช่วงมื้ออาหารไปเลยจะได้ทานได้น้อยๆ
ไม่ทานเป็นอาหารว่าง หรือว่าระหว่างมื้อ
3.เพิ่มการออกกำลังกาย จะเผาผลาญน้ำตาลได้มากขึ้น เน้นการเวทเทรนนิ่ง
เพราะเป็นกล้ามฝึกกล้ามเนื้อ ซึ่งจะใช้น้ำตาลมาเป็นพลังงานได้ดีค่ะ
ทานแต่น้อยๆ จำกัดปริมาณ และออกกำลังกาย
ใช้เทคนิคลดแป้งอย่างอื่นลงไป
ก็สามารถมีความสุขในการทานได้มากขึ้น
เลือกทานได้หลากหลายมากขึ้น ช่วยลดความอยากลงไปได้
ไม่ต้องจำกัดอาหาร ที่ห้ามทานมากจนเกินไปค่ะ
#หมอปอสอนเบาหวานไม่ใช้ยา
#หมอปอSugarFreedom
เทคนิคทานขนมไหว้พระจันทร์ อย่างไร เบาหวาน น้ำตาลไม่ขึ้น
เห็นวันนี้มีข่าวจากกรมอนามัยเรื่องขนมไหว้พระจันทร์มาค่ะ
ถูกต้องเลยนะคะ ที่ว่า 1 ก้อนให้พลังงานมากกว่าข้าวกระเพรา
เพราะดูฉลากที่เห็นก้อนนี้ ก็ 600 KCal เลย
วิธีง่ายๆและควรทำทุกครั้งที่ซื้อเลือกซื้ออาหารสำเร็จรูปหรือแปรรูป
ที่ผ่านการบรรจุภัณฑ์ต่าง
คือให้ดูที่ฉลากโภชนาการ และดูส่วนประกอบ
เราจะทราบทันทีเลยว่า อาหารที่เรากำลังจะหยิบซื้อนี้
มีคุณค่าทางโภชนาการอย่างไรบ้าง
สำหรับคนไข้เบาหวานที่กำลังรักษาโดยไม่ใช้ยาอยู่นั้น
หมอปอจะไม่ได้สอนนับแคลอรี่ทุกวันค่ะ
เพราะกว่าจะมาคำนวณว่าอาหารแต่ละอย่าง ในแต่ละวันที่เราจะทาน
มีแคลอรี่เท่าไหร่รู้สึกว่าอาจจะยุ่งยากจนเกินไป
(แต่หากว่าใครสะดวกนับ ก็ไม่ว่ากัน)
สิ่งแรกที่ควรดูในฉลากโภชนาการ
สำหรับเบาหวานที่กำลังลดน้ำตาลอยู่
คือโปรตีนและคาร์โบไฮเดรต
เพราะในช่วงที่เราปรับการทานอยู่นั้น
ตามหลัก 4 สูตรสลายเบาหวาน นั่นก็คือ
“งดน้ำตาล ทานเป็นมื้อ แป้งไม่เกิน และเพิ่มโปรตีน”
อาหารที่มีน้ำตาลปริมาณสูง มีแป้งมาก
เช่นขนมทั้งหลาย อาหารเครื่องดื่ม ที่เติมน้ำตาล
เบเกอรี่ เราจึงควรลดละเลี่ยงไปก่อนในช่วงที่กำลังปรับ
เน้นทานอาหารหลักจากธรรมชาติ
ทานโปรตีนก่อนแป้ง ได้แก่ เนื้อสัตว์ทุกชนิด ไข่ เต้าหู้ก้อน ถั่ว ธัญพืช
เลี่ยงอาหารแปรรูปทั้งหลายไปก่อน
แต่ก็ไม่ใช่ว่าเราจะต้องอดขนมไปตลอดชีวิต
เพราะเมื่อเราซ่อมแซมร่างกายให้กลับมาเผาผลาญน้ำตาลได้ดีขึ้นแล้ว
เราจะสามารถทานอาหารได้ทุกอย่าง โดยที่น้ำตาลไม่ขึ้น
และไม่กลับมาเป็นเบาหวานซ้ำอีกด้วย
มาต่อกันที่ขนมไหว้พระจันทร์ก้อนนี้กันค่ะ
จากฉลากที่เขียนไว้ หมดก้อนนี้มีน้ำตาล 51 กรัม
หากอดใจไม่ไหว อยากจะซื้อมาทานบ้าง ก็ไม่ได้ห้ามนะคะ
แต่ก่อนจะทาน ขอให้ดูปริมาณน้ำตาล
ที่เขียนไว้บนฉลากโภชนาการสักนิด
จะได้กินแล้วน้ำตาลไม่สูงจนเกินไป
ตัวอย่างขนมไหว้พระจันทร์ก้อนนี้
ไส้เมล็ดบัว 1 ก้อนตามฉลาก
ให้พลังงาน 600 กิโลแคลอรี่
มีปริมาณน้ำตาลสูงมาก ถึง 51 กรัม
เขาแนะนำไว้ว่าควรแบ่งทาน 3 ครั้ง
แต่คำแนะนำนี้ คือสำหรับคนทั่วไปค่ะ
ที่ไม่ควรทานน้ำตาลทรายเกิน 24 กรัม/วัน
แสดงว่า หากเราแบ่งกิน 1/3 ของก้อนนี้ เราก็จะได้น้ำตาล
17 กรัม เกือบจะถึงโควต้าสำหรับคนทั่วไป
สำหรับเบาหวาน ตามคำแนะนำ
ไม่ควรทานน้ำตาลทรายเกินวันละ 12 กรัม หรือประมาณ 3 ช้อนชา
(1 ช้อนชา มี 4 กรัม)
ดังนั้น ถ้าจะให้ดี แบ่งเป็น 6 ส่วน แล้วทาน 1 ชิ้นก็พอนะคะ
ก็จะได้ น้ำตาลจากขนมไหว้พระจันทร์ชิ้นนี้ 8.5 กรัม
ยังไม่เกินโควต้าก็พอจะทานได้อยู่ค่ะ
แล้วใช้เทคนิคการแลกแป้งเพิ่มเติม
เพื่อไม่ให้น้ำตาลในเลือดเราสูงขึ้นมากจนเกินไป
โดยให้ทำแบบนี้
1.ในวันนั้นไม่ทานขนมอื่นเลย ไม่ทานน้ำหวาน งดผลไม้ ลดปริมาณข้าวลง
2.ทานพร้อมกันในช่วงมื้ออาหารไปเลยจะได้ทานได้น้อยๆ
ไม่ทานเป็นอาหารว่าง หรือว่าระหว่างมื้อ
3.เพิ่มการออกกำลังกาย จะเผาผลาญน้ำตาลได้มากขึ้น เน้นการเวทเทรนนิ่ง
เพราะเป็นกล้ามฝึกกล้ามเนื้อ ซึ่งจะใช้น้ำตาลมาเป็นพลังงานได้ดีค่ะ
ทานแต่น้อยๆ จำกัดปริมาณ และออกกำลังกาย
ใช้เทคนิคลดแป้งอย่างอื่นลงไป
ก็สามารถมีความสุขในการทานได้มากขึ้น
เลือกทานได้หลากหลายมากขึ้น ช่วยลดความอยากลงไปได้
ไม่ต้องจำกัดอาหาร ที่ห้ามทานมากจนเกินไปค่ะ
#หมอปอสอนเบาหวานไม่ใช้ยา
#หมอปอSugarFreedom