ตอนเดิม
ตอนที่ 25
เช้าวันนี้ศรศิลป์ลงมาที่ห้องอาหารสายอยู่สักหน่อย เพราะตอนอาบน้ำเสียเวลาลบรอยปากกาเคมีสีแดงบนใบหน้าตัวเอง ที่เหมือนถูกใครเอามาวาดใส่ตอนนอนหลับอยู่ออก
ชายหนุ่มงุนงงสงสัยเป็นอันมาก หยิบปากกาเคมีบนโต๊ะขึ้นมาดูครั้งแล้วครั้งเล่า มองมันด้วยสายตาประหลาดใจ สงสัยว่าทำไมมันจึงระเห็จขึ้นไปขีดเป็นเส้นอยู่บนใบหน้าของเขาได้ แถมยังวาดเป็นวงรอบริมฝีปากเหมือนเป็นรูปหน้าแมวอีกต่างหาก คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก ได้แต่คิดว่าตัวเองคงละเมอลุกขึ้นมาทำเองตอนกลางดึก ขณะยังหลับอยู่ ตกใจที่ตัวเองนอนละเมอทำอะไรได้ถึงเพียงนี้
พอเดินเข้าประตูห้องอาหารมาเขาก็ต้องหยุดชะงักยืนดูที่หน้าประตูครู่หนึ่งก่อน เพราะในโต๊ะอาหารไม่ได้มีเฉพาะผู้เป็นบิดานั่งกินข้าวตามลำพังเหมือนเคย หากแต่ยังมีนลินีในเครื่องแต่งกายหรูหราราวกับจะไปเดินแฟชั่นโชว์ มานั่งคุยอยู่ด้วยอีกคนหนึ่ง คุณศุภฤกษ์หันมาเห็นลูกชายก็พยักหน้าเรียกให้เขานั่งลงทันทีที่เดินมาถึงโต๊ะอาหาร
ชายหนุ่มยิ้มให้กับผู้เป็นบิดา ก่อนเอ่ยทักทายแขกสาวเสียงเรียบ
“สวัสดีครับคุณนลินี”
นลินีชายตามองด้วยท่าทีของผู้มีชัยเหนือกว่า รอยยิ้มน้อยๆ ของหล่อนมีเลศนัยชวนให้นึกสงสัย จนศรศิลป์ต้องฉุกใจคิด หล่อนมาที่นี่ทำไม ประชุมเสร็จตั้งแต่เมื่อวานแต่ยังไม่ยอมกลับกรุงเทพไปอีก ได้ยินว่าหล่อนเข้าพักในโรงแรมหรูแห่งหนึ่ง ท่าทางคล้ายกำลังประจบขออะไรกับพ่อของเขาสักอย่างอยู่ และดูเหมือนจะได้ไปแล้วด้วย
“สวัสดีค่ะ เช้านี้ฉันมาขอฝากท้องกับฝีมือแม่ครัวบ้านคุณลุงค่ะ อาหารในโรงแรมไม่อร่อยเลย”
สาวสวยในชุดสีแดงเพลิงทั้งชุดทักเขากลับ หล่อนสวยบาดตาในชุดแบรนด์หรูที่ดูราวหลุดออกมาจากแคตาล็อกแฟชั่น ด้วยเสื้อแขนกุดคอปกสีแดงเพลิง เผยผิวขาวเนียนนวล กับกางเกงขาบานสีเดียวกัน คาดทับสะเอวกิ่วด้วยเข็มขัดเส้นเก๋ไก๋ ดูแดงไปทั้งตัวจากสีลิปสติกและสีเล็บมือเล็บเท้า หล่อนออกตัวด้วยน้ำเสียงอ้อน ๆ ศรศิลป์กระตุกยิ้มให้นิดเดียว ไม่นำพากับรูปร่างสุดโสภาของอีกฝ่าย หันไปสนใจกับกาแฟและอาหารเช้าที่แม่บ้านกำลังยกมาเสิร์ฟ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าหล่อนมาที่นี่ด้วยจุดประสงค์ใด แค่เอาเรื่องอาหารมาอ้าง
“ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ฉันรอให้แกมาอธิบาย ไม่ใช่ให้มาหลบหน้าอยู่ในห้องเหมือนเมื่อวาน”
รอให้แม่บ้านเสิร์ฟกาแฟกับอาหารเช้าให้ลูกชายจนเสร็จก่อน แล้วผู้เป็นพ่อก็เริ่มตั้งคำถามเสียงเข้ม
“ไม่ได้หลบหน้าคุณพ่อหรอกครับ พอดีที่มูลนิธิเด็กของผมมีเรื่องยุ่ง ๆ เข้ามาเสียก่อน เลยต้องรีบเข้าไปเคลียร์กับทางนั้นให้เสร็จ ส่วนเรื่องผมกับแฟนก็ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนอะไร ตั้งใจจะมาเรียนคุณพ่อวันนี้อยู่แล้ว เธอชื่อช่อชบาครับ นับถือเป็นน้องสาวกันกับเนตรนภิส ลูกสาวของคุณลุงนพพร”
ศรศิลป์ตอบบิดาเสียงขรึม พยายามรักษาอาการไม่ให้ผู้เป็นพ่อจับสังเกตได้ว่าตัวเองกำลังโกหกอยู่
“อ้อ เพื่อนของหนูเนตรเองหรอกรึ แล้วแกไปคบหากันตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมไม่เคยเล่าให้ฉันฟัง แกไม่เคยพาผู้หญิงมาให้พ่อรู้จักสักคน อยู่ ๆ ก็ฝากหนูนีมาบอกว่าจะแต่งงานกับแฟน แกทำได้ยังไง”
เมื่อได้ยินว่าผู้หญิงที่ลูกชายไปติดพันอยู่คงพอมีหัวนอนปลายเท้าอยู่บ้าง เพราะรู้จักกันกับเนตรนภิส ประธาน เอส.พี.แอล กรุ๊ป จึงถามต่อด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง แต่ยังจับทางได้ว่ามีความไม่พอใจอยู่มาก ไม่รู้นลินีมาบอกอะไรเกี่ยวกับช่อชบาไปบ้าง แต่หล่อนคงไม่พูดชมผู้หญิงคนนั้นให้พ่อของเขาฟังแน่
“ผมขอโทษครับ ผมคบกับช่อชบามาตั้งแต่ยังเรียนอยู่ที่อังกฤษ...ช่อเขาก็พอมีฐานะ แต่เป็นคนสมถะ ไม่ติดหรู ไม่ค่อยทำตัวเป็นข่าว ผมกับเขาก็เลยตกลงคบกันเงียบ ๆ มีเพื่อนไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้”
เขานึกถึงที่ทางสวนลำไยกว่าห้าไร่ของยายบัวถา จึงคิดว่าตัวเองก็ไม่ได้โกหกบิดาเสียทีเดียวหรอก บอกพลางยกกาแฟขึ้นจิบ ตาเข้มชำเลืองมองใบหน้าหวานหยดของนลินี ที่พอได้ยินคำพูดของชายหนุ่ม สีหน้าหล่อนก็เจื่อนลง คำพูดของเขาคงเข้าไปตอกย้ำถึงรอยแผลในใจที่เรื้อรังของหล่อนให้เกิดเจ็บแปลบขึ้นมาอีก ถึงสมัยหล่อนใช้ชีวิตเริดหรูอยู่ที่อังกฤษ ตอนนั้นนลินีมีชื่อเสียงโด่งดังทางด้านเป็นผู้นำแฟชั่น และด้านความสวยความงามของบรรดานักเรียนไทยในอังกฤษ หล่อนฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมทะเยอทะยาน เพราะมีคนรักเป็นถึงทายาทของท่านเคานต์คนหนึ่ง ซึ่งนึกเรื่องนี้ขึ้นมาครั้งใดหญิงสาวเป็นต้องนึกเจ็บใจขึ้นมาครานั้น ใครจะไปรู้ว่าผู้ชายคนนั้นมันเป็นจอมโกหก!
แต่ยิ่งเจ็บเท่าไหร่นลินีก็ยิ่งมีแรงฮึดสู้ อยากจะกู้หน้าของตัวเองคืนมา ซึ่งทั้งหน้าตาและฐานะทางการเงินของคนในตระกูลหิรัญรัตน์น่าจะพอมีทางเป็นไปได้มากกว่าลูกชายของเศรษฐีตระกูลอื่น นลินีจึงหมายมั่นปั้นมือจะจับลูกชายของบ้านนี้มาแต่งงานด้วยให้ได้ แต่เมื่อตัวของศรศิลป์เองยังมีท่าทีที่เย็นชา ไม่เออออไปกับหล่อน จึงเลือกเข้าทางผู้ใหญ่ของเขาแทน ทางของนลินีค่อนข้างสะดวก เพราะสายใยธุรกิจระหว่างพ่อของศรศิลป์กับพ่อของหล่อนยึดโยงกันอยู่
“ผมตั้งใจจะพาช่อมาพบกับคุณพ่ออยู่แล้วครับ แต่เผอิญช่วงนี้เธอไม่ค่อยสบาย ผมกำลังจะพาเธอไปตรวจที่โรงพยาบาลวันนี้ ถ้าช่อหายดีแล้วผมจะพามากราบเท้าคุณพ่อครับ”
“อะไรกัน พอรู้เรื่องของว่าที่ลูกสะใภ้ก็จะเข้าโรงหมอซะแล้ว เลือกคนมาเป็นเมียทั้งทีเลือกไอ้ที่มันสมบูรณ์ดีหน่อยไม่ได้หรือไง อีกหน่อยเวลามีลูกเต้ากัน หลานฉันมันออกมาจะแข็งแรงดีหรือเปล่า ถ้าแม่มันป่วยแบบนี้”
“ช่อไม่ได้เป็นอะไรมากนะครับ เธอแค่พักผ่อนน้อยเท่านั้นเอง เค้าโหมทำงานหนักเพื่อช่วยงานบริษัทของเราจนไม่ได้พักผ่อน ช่อเป็นคนจริงจังและจริงใจมากครับ นิสัยดีไม่มีเย่อหยิ่ง ไม่หน้าไหว้หลังหลอกหวังเอาแต่ผลประโยชน์เหมือนบางคน เพราะอย่างนี้ผมถึงได้รักช่อ”
ศรศิลป์พูดเสียงเรียบแต่เน้นชัดทุกถ้อยคำ จงใจพูดกระทบถึงผู้หญิงคนที่นั่งข้างบิดา นลินีก็รู้ถึงจุดประสงค์นี้ หน้าสวยของหล่อนจึงเชิดขึ้น หันไปบอกกับศุภฤกษ์ว่า
“งั้นเราก็มารอดูแฟนของลูกชายคุณลุงกันดีกว่าค่ะ ว่าจะดีเด่นเหมือนที่เล่ามาหรือเปล่า แหม...นีอยากรู้จักเธอจัง เป็นลูกเต้าเหล่าใครกัน รูปร่างหน้าตาจะสะสวยขนาดไหนเชียว ถึงมัดใจลูกชายของทายาท เอส.พี.แอล กรุ๊ปไว้ได้”
พูดเยาะเย้ยถึงผู้หญิงสะเหล่อเฉิ่มเชยคนที่ศรศิลป์เอามาแอบอ้างว่าเป็นแฟนกัน อยากรู้นักถ้าท่านประธานบริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ได้เห็นว่าที่ลูกสะใภ้ของตัวเองเข้า จะทำหน้ายังไง คงรับได้หรอก...บ้านนอกออกอย่างนั้น
(มีต่อ)
ตำนานพื้นบ้าน พระลอตามไก่ มาเป็นนวนิยาย 'อลเวงรักสองภพ' ตอนที่ 25
เช้าวันนี้ศรศิลป์ลงมาที่ห้องอาหารสายอยู่สักหน่อย เพราะตอนอาบน้ำเสียเวลาลบรอยปากกาเคมีสีแดงบนใบหน้าตัวเอง ที่เหมือนถูกใครเอามาวาดใส่ตอนนอนหลับอยู่ออก
ชายหนุ่มงุนงงสงสัยเป็นอันมาก หยิบปากกาเคมีบนโต๊ะขึ้นมาดูครั้งแล้วครั้งเล่า มองมันด้วยสายตาประหลาดใจ สงสัยว่าทำไมมันจึงระเห็จขึ้นไปขีดเป็นเส้นอยู่บนใบหน้าของเขาได้ แถมยังวาดเป็นวงรอบริมฝีปากเหมือนเป็นรูปหน้าแมวอีกต่างหาก คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก ได้แต่คิดว่าตัวเองคงละเมอลุกขึ้นมาทำเองตอนกลางดึก ขณะยังหลับอยู่ ตกใจที่ตัวเองนอนละเมอทำอะไรได้ถึงเพียงนี้
พอเดินเข้าประตูห้องอาหารมาเขาก็ต้องหยุดชะงักยืนดูที่หน้าประตูครู่หนึ่งก่อน เพราะในโต๊ะอาหารไม่ได้มีเฉพาะผู้เป็นบิดานั่งกินข้าวตามลำพังเหมือนเคย หากแต่ยังมีนลินีในเครื่องแต่งกายหรูหราราวกับจะไปเดินแฟชั่นโชว์ มานั่งคุยอยู่ด้วยอีกคนหนึ่ง คุณศุภฤกษ์หันมาเห็นลูกชายก็พยักหน้าเรียกให้เขานั่งลงทันทีที่เดินมาถึงโต๊ะอาหาร
ชายหนุ่มยิ้มให้กับผู้เป็นบิดา ก่อนเอ่ยทักทายแขกสาวเสียงเรียบ
“สวัสดีครับคุณนลินี”
นลินีชายตามองด้วยท่าทีของผู้มีชัยเหนือกว่า รอยยิ้มน้อยๆ ของหล่อนมีเลศนัยชวนให้นึกสงสัย จนศรศิลป์ต้องฉุกใจคิด หล่อนมาที่นี่ทำไม ประชุมเสร็จตั้งแต่เมื่อวานแต่ยังไม่ยอมกลับกรุงเทพไปอีก ได้ยินว่าหล่อนเข้าพักในโรงแรมหรูแห่งหนึ่ง ท่าทางคล้ายกำลังประจบขออะไรกับพ่อของเขาสักอย่างอยู่ และดูเหมือนจะได้ไปแล้วด้วย
“สวัสดีค่ะ เช้านี้ฉันมาขอฝากท้องกับฝีมือแม่ครัวบ้านคุณลุงค่ะ อาหารในโรงแรมไม่อร่อยเลย”
สาวสวยในชุดสีแดงเพลิงทั้งชุดทักเขากลับ หล่อนสวยบาดตาในชุดแบรนด์หรูที่ดูราวหลุดออกมาจากแคตาล็อกแฟชั่น ด้วยเสื้อแขนกุดคอปกสีแดงเพลิง เผยผิวขาวเนียนนวล กับกางเกงขาบานสีเดียวกัน คาดทับสะเอวกิ่วด้วยเข็มขัดเส้นเก๋ไก๋ ดูแดงไปทั้งตัวจากสีลิปสติกและสีเล็บมือเล็บเท้า หล่อนออกตัวด้วยน้ำเสียงอ้อน ๆ ศรศิลป์กระตุกยิ้มให้นิดเดียว ไม่นำพากับรูปร่างสุดโสภาของอีกฝ่าย หันไปสนใจกับกาแฟและอาหารเช้าที่แม่บ้านกำลังยกมาเสิร์ฟ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าหล่อนมาที่นี่ด้วยจุดประสงค์ใด แค่เอาเรื่องอาหารมาอ้าง
“ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ฉันรอให้แกมาอธิบาย ไม่ใช่ให้มาหลบหน้าอยู่ในห้องเหมือนเมื่อวาน”
รอให้แม่บ้านเสิร์ฟกาแฟกับอาหารเช้าให้ลูกชายจนเสร็จก่อน แล้วผู้เป็นพ่อก็เริ่มตั้งคำถามเสียงเข้ม
“ไม่ได้หลบหน้าคุณพ่อหรอกครับ พอดีที่มูลนิธิเด็กของผมมีเรื่องยุ่ง ๆ เข้ามาเสียก่อน เลยต้องรีบเข้าไปเคลียร์กับทางนั้นให้เสร็จ ส่วนเรื่องผมกับแฟนก็ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนอะไร ตั้งใจจะมาเรียนคุณพ่อวันนี้อยู่แล้ว เธอชื่อช่อชบาครับ นับถือเป็นน้องสาวกันกับเนตรนภิส ลูกสาวของคุณลุงนพพร”
ศรศิลป์ตอบบิดาเสียงขรึม พยายามรักษาอาการไม่ให้ผู้เป็นพ่อจับสังเกตได้ว่าตัวเองกำลังโกหกอยู่
“อ้อ เพื่อนของหนูเนตรเองหรอกรึ แล้วแกไปคบหากันตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมไม่เคยเล่าให้ฉันฟัง แกไม่เคยพาผู้หญิงมาให้พ่อรู้จักสักคน อยู่ ๆ ก็ฝากหนูนีมาบอกว่าจะแต่งงานกับแฟน แกทำได้ยังไง”
เมื่อได้ยินว่าผู้หญิงที่ลูกชายไปติดพันอยู่คงพอมีหัวนอนปลายเท้าอยู่บ้าง เพราะรู้จักกันกับเนตรนภิส ประธาน เอส.พี.แอล กรุ๊ป จึงถามต่อด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง แต่ยังจับทางได้ว่ามีความไม่พอใจอยู่มาก ไม่รู้นลินีมาบอกอะไรเกี่ยวกับช่อชบาไปบ้าง แต่หล่อนคงไม่พูดชมผู้หญิงคนนั้นให้พ่อของเขาฟังแน่
“ผมขอโทษครับ ผมคบกับช่อชบามาตั้งแต่ยังเรียนอยู่ที่อังกฤษ...ช่อเขาก็พอมีฐานะ แต่เป็นคนสมถะ ไม่ติดหรู ไม่ค่อยทำตัวเป็นข่าว ผมกับเขาก็เลยตกลงคบกันเงียบ ๆ มีเพื่อนไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้”
เขานึกถึงที่ทางสวนลำไยกว่าห้าไร่ของยายบัวถา จึงคิดว่าตัวเองก็ไม่ได้โกหกบิดาเสียทีเดียวหรอก บอกพลางยกกาแฟขึ้นจิบ ตาเข้มชำเลืองมองใบหน้าหวานหยดของนลินี ที่พอได้ยินคำพูดของชายหนุ่ม สีหน้าหล่อนก็เจื่อนลง คำพูดของเขาคงเข้าไปตอกย้ำถึงรอยแผลในใจที่เรื้อรังของหล่อนให้เกิดเจ็บแปลบขึ้นมาอีก ถึงสมัยหล่อนใช้ชีวิตเริดหรูอยู่ที่อังกฤษ ตอนนั้นนลินีมีชื่อเสียงโด่งดังทางด้านเป็นผู้นำแฟชั่น และด้านความสวยความงามของบรรดานักเรียนไทยในอังกฤษ หล่อนฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมทะเยอทะยาน เพราะมีคนรักเป็นถึงทายาทของท่านเคานต์คนหนึ่ง ซึ่งนึกเรื่องนี้ขึ้นมาครั้งใดหญิงสาวเป็นต้องนึกเจ็บใจขึ้นมาครานั้น ใครจะไปรู้ว่าผู้ชายคนนั้นมันเป็นจอมโกหก!
แต่ยิ่งเจ็บเท่าไหร่นลินีก็ยิ่งมีแรงฮึดสู้ อยากจะกู้หน้าของตัวเองคืนมา ซึ่งทั้งหน้าตาและฐานะทางการเงินของคนในตระกูลหิรัญรัตน์น่าจะพอมีทางเป็นไปได้มากกว่าลูกชายของเศรษฐีตระกูลอื่น นลินีจึงหมายมั่นปั้นมือจะจับลูกชายของบ้านนี้มาแต่งงานด้วยให้ได้ แต่เมื่อตัวของศรศิลป์เองยังมีท่าทีที่เย็นชา ไม่เออออไปกับหล่อน จึงเลือกเข้าทางผู้ใหญ่ของเขาแทน ทางของนลินีค่อนข้างสะดวก เพราะสายใยธุรกิจระหว่างพ่อของศรศิลป์กับพ่อของหล่อนยึดโยงกันอยู่
“ผมตั้งใจจะพาช่อมาพบกับคุณพ่ออยู่แล้วครับ แต่เผอิญช่วงนี้เธอไม่ค่อยสบาย ผมกำลังจะพาเธอไปตรวจที่โรงพยาบาลวันนี้ ถ้าช่อหายดีแล้วผมจะพามากราบเท้าคุณพ่อครับ”
“อะไรกัน พอรู้เรื่องของว่าที่ลูกสะใภ้ก็จะเข้าโรงหมอซะแล้ว เลือกคนมาเป็นเมียทั้งทีเลือกไอ้ที่มันสมบูรณ์ดีหน่อยไม่ได้หรือไง อีกหน่อยเวลามีลูกเต้ากัน หลานฉันมันออกมาจะแข็งแรงดีหรือเปล่า ถ้าแม่มันป่วยแบบนี้”
“ช่อไม่ได้เป็นอะไรมากนะครับ เธอแค่พักผ่อนน้อยเท่านั้นเอง เค้าโหมทำงานหนักเพื่อช่วยงานบริษัทของเราจนไม่ได้พักผ่อน ช่อเป็นคนจริงจังและจริงใจมากครับ นิสัยดีไม่มีเย่อหยิ่ง ไม่หน้าไหว้หลังหลอกหวังเอาแต่ผลประโยชน์เหมือนบางคน เพราะอย่างนี้ผมถึงได้รักช่อ”
ศรศิลป์พูดเสียงเรียบแต่เน้นชัดทุกถ้อยคำ จงใจพูดกระทบถึงผู้หญิงคนที่นั่งข้างบิดา นลินีก็รู้ถึงจุดประสงค์นี้ หน้าสวยของหล่อนจึงเชิดขึ้น หันไปบอกกับศุภฤกษ์ว่า
“งั้นเราก็มารอดูแฟนของลูกชายคุณลุงกันดีกว่าค่ะ ว่าจะดีเด่นเหมือนที่เล่ามาหรือเปล่า แหม...นีอยากรู้จักเธอจัง เป็นลูกเต้าเหล่าใครกัน รูปร่างหน้าตาจะสะสวยขนาดไหนเชียว ถึงมัดใจลูกชายของทายาท เอส.พี.แอล กรุ๊ปไว้ได้”
พูดเยาะเย้ยถึงผู้หญิงสะเหล่อเฉิ่มเชยคนที่ศรศิลป์เอามาแอบอ้างว่าเป็นแฟนกัน อยากรู้นักถ้าท่านประธานบริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ได้เห็นว่าที่ลูกสะใภ้ของตัวเองเข้า จะทำหน้ายังไง คงรับได้หรอก...บ้านนอกออกอย่างนั้น
(มีต่อ)