JJNY : ‘องค์กรสิทธิฯ’ยื่นดันร่างพ.ร.บ.ซ้อมทรมานฯ│เผยผลฉีดวัคซีนผู้สูงอายุ-มีโรคร่วม│แห่ขายหมูทิ้ง│ร้องหวยราคาใบละ100-130

‘องค์กรสิทธิมนุษยชน’ ยื่น พรรคการเมือง ดันร่าง พ.ร.บ.ซ้อมทรมานฯ ผ่านวาระ 1
https://www.matichon.co.th/politics/news_2940296

 
‘องค์กรสิทธิมนุษยชน’ ยื่น พรรคการเมือง ดันร่าง พ.ร.บ.ซ้อมทรมานฯ ผ่านวาระ 1 ‘เพื่อไทย-ก้าวไกล’ ยัน ให้ความสำคัญ แทนคำขอโทษผู้สูญเสียทุกราย
 
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 15 กันยายน ที่รัฐสภา ตัวแทนองค์กรสิทธิมนุษยชนภาคประชาชน ยื่นหนังสือผ่านนายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. นายณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) นายราเมศ รัตนเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายสาคร เกี่ยวข้อง ส.ส.กระบี่ พรรค ปชป. และพรรคการเมืองอื่นๆ เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยมีพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ป้องกันและปราบปรามการทรมานและบังคับให้สูญหาย และกำหนดให้ทั้ง 2 ข้อหานี้มีความผิดทางอาญารวมถึงสามารถนำผู้กระทำความผิดที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ หรือผู้ที่มีส่วนสัมพันธ์กับเจ้าหน้าที่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมโดยเร็ว
 
โดยตัวแทนองค์กรฯ กล่าวว่า เรามีประสบการณ์ด้านการทำงานช่วยเหลือผู้เสียหายจากการทรมานและการอุ้มหาย เช่น กรณีที่จ.ปราจีนบุรี เป็นเวลา 12 ปีที่ผู้เสียหายไม่สามารถเข้าถึงความยุติธรรมได้ ทั้งยังต้องฟ้องร้องคดีเองและการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับการนำเจ้าหน้าที่รัฐเข้ามาสู่กระบวนการมีความยากลำบาก ดังนั้นพ.ร.บ.ฉบับนี้จะกำหนดฐานความผิดที่ชัดเจนมากขึ้น สามารถสอบสวนสืบสวนได้อย่างอิสระ และเป็นมาตรการป้องกันสำคัญว่า การทรมานและการบังคับสูญหายเป็นความผิดทางอาญาของประเทศไทย และสามารถบอกกับประชาคมระหว่างประเทศได้ว่า เราให้คำมั่นสัญญากับองค์การสหประชาชาติและประเทศต่างๆ ความผิดนี้เป็นความผิดอาญาสากล จึงมีความสำคัญที่ประเทศไทยจะต้องสร้างมาตรฐานกฎหมาย จึงอยากให้ส.ส.อภิปรายสนับสนุนและลงมติให้พ.ร.บ.ฉบับนี้ผ่านวาระ 1 เพื่อให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณารายมาตราและปรับปรุง นำร่างของส.ส.รวมกับร่างของกระทรวงยุติธรรมที่นายกรัฐมนตรีได้เร่งรัดเข้ามาตั้งแต่วันที่ 17 สิงหาคม โดยอยากให้ผ่านกฎหมายโดยเร็วและเป็นกฎหมายที่คุ้มครองสิทธิในชีวิตของประชาชนทุกคน
 
ด้านนายประเสริฐ กล่าวว่า พรรค พท. ยินดีให้การสนับสนุนกฎหมายฉบับนี้ที่เข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ โดยได้เตรียมผู้อภิปรายในส่วนที่เกี่ยวข้องและเป็นประโยชน์ในการผลักดันเรื่องการทรมานและบังคับสูญหาย ซึ่งเป็นแนวทางที่พรรค พท.ต่อสู้มาตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกระทำที่เกินกว่าเหตุในเรื่องสิทธิมนุษยชน ซึ่งนอกจากจะตราเป็นกฎหมายแล้ว อนุสนธิสัญญาระหว่างประเทศอีกหลายองค์กรยังให้ความสำคัญด้วย หลังจากอภิปรายในสภาฯ แล้วในชั้นกมธ.ก็จะทำความเข้าใจกับส.ส.พรรคให้ตรงกับความต้องการของประชาชน และให้เกิดประโยชน์กับประชาชนให้มากที่สุด
 
ด้าน นายชวลิต กล่าวว่า ในฐานะรองประธานกมธ.กฎหมายฯ จะติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด ซึ่งตนก็จะเป็นกมธ.วิสามัญด้วย พรรคพท.ให้ความสำคัญเรื่องนี้อย่างยิ่ง และคิดว่าทุกพรรคการเมืองให้ความสำคัญที่จะผ่านกฎหมายในวาระที่ 1 และลงรายละเอียดในวาระที่ 2 ต่อไป ส่วนในวาระที่ 3 ก็คงจะออกมาบังคับใช้เป็นกฎหมายอย่างแน่นอน เรามีการซ้อมทรมานและบุคคลสูญหายทั้งในอดีต และปัจจุบันซึ่งไม่ควรเกิดขึ้นในสังคม
 
ขณะที่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เราต้องย้ำว่าการพิจารณาของสภาฯ เลื่อนวาระขึ้นมาพิจารณาเป็นลำดับที่ 3 ของวันนี้ ถือเป็นความคืบหน้าระดับหนึ่งบนพื้นฐานที่ว่า หากไม่เกิดกรณีที่ จ.นครสวรรค์ การกดดันของประชาชน รวมถึงการให้ข่าวของสถานทูตและตัวแทนประชาคมระหว่างประเทศ วันนี้จะไม่อาจเกิดขึ้นได้เลย ซึ่งจะเห็นได้ระเบียบวาระการประชุมที่ถูกเลื่อนขึ้นมายังมีคำถามอยู่ว่า พ.ร.บ.ซ้อมทรมานฯ จะผ่านสภาฯ หรือไม่ โดยกฎมายฉบับนี้มีอยู่ด้วยกัน 4 ร่าง คือ 
1. ร่างของคณะรัฐมนตรี 
2. ร่างของนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ 
3. ร่างของนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ (ปช.) และ 
4. ร่างของสุทัศน์ เงินหมื่น ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชป.
 
ทั้งนี้ พรรค ก.ก.ได้กำชับส.ส.ทุกคนต้องเข้าที่ประชุมสภาฯ และลงมติรับหลักการ เบื้องต้นพรรคก้าวไกลจะรับทั้ง 4 ร่าง แต่ในรายละเอียดพบว่ามีบางร่างที่ไม่ตอบโจทย์ที่จะนำไปสู่ความเป็นอิสระหรือกระบวนการตรวจสอบการทรมานที่เป็นจริง โดยพรรคก้าวไกลจะผลักดันให้ร่างของนายสิระเป็นร่างหลัก แต่จะให้เป็นร่างหลักอย่างไรนั้น ต้องมีการพูดคุยกันอีกครั้ง ทั้งนี้ กฎหมายที่ดีในการป้องกันการทรมานและบังคับสูญหายต้องมีอายุความที่ยาวนานกว่ากฎหมายอาญาทั่วไป พรรคก้าวไกลยืนยันว่าจะดำเนินการผลักดันกฎหมายฉบับนี้ เราต้องการเสียงสนับสนุนของ ส.ส.ทุกคนในการรับหลักการและเร่งพิจารณา เราต้องการให้กฎหมายฉบับนี้แทนคำขอโทษต่อผู้สูญเสียทุกรายในอดีตที่ผ่านมา
 

 
นพ.มานพ เผยผลฉีดวัคซีน ผู้สูงอายุ-มีโรคร่วม ภูมิลดลงเร็วกว่ากลุ่มอื่น
https://www.khaosod.co.th/covid-19/news_6621160

นพ.มานพ เผยผลฉีดวัคซีน คนสูงอายุโดยเฉพาะผู้ที่มีโรคร่วม ภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรืออยู่บ้านพักคนชรา ภูมิจะลดลงเร็วกว่ากลุ่มอื่น
 
เมื่อวันที่ 15 ก.ย.64 นพ.มานพ พิทักษ์ภากร หัวหน้าศูนย์วิจัยการแพทย์แม่นยำ คณะ​แพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล โพสต์เฟซบุ๊กถึงประสิทธิผลของวัคซีนว่า
 
ประสิทธิผลของวัคซีนลดลงเมื่อเวลาผ่านไป ผู้สูงอายุและมีโรคร่วมจะลดลงเร็วกว่ากลุ่มอื่น เมื่อเดือนที่แล้วมีข้อมูลจาก Office for National Statistics UK เป็นข่าวดังที่รายงานว่าประสิทธิผลของวัคซีน AstraZeneca ลดลงช้ากว่า Pfizer จนอาจมีระดับพอๆ กัน
 

เมื่อ 4 เดือนหลังฉีดวัคซีน (อ่านเพิ่มเติมที่นี่ https://www.facebook.com/manopsi/posts/10161181653928448) จากนั้นมีข้อมูลเผยแพร่จาก ZOE COVID cohort ที่แสดงต่างออกไปคืออัตราการลดลงของประสิทธิผลวัคซีนทั้ง 2 ชนิดพอๆ กัน
 
เมื่อคืน Public Health England เผยแพร่ข้อมูลชุดของตนเองบ้างใน preprint พบว่าอัตราการลดลงของประสิทธิผลของวัคซีนที่ใช้ในอังกฤษลดลงทั้ง 3 ชนิด โดยที่ AstraZeneca และ Pfizer vaccine ก็ลดลงในอัตราส่วนพอๆ กันแทบจะเป็นเส้นขนาน เมื่อติดตามไปอย่างน้อย 5 เดือน ประสิทธิผลของวัคซีน Pfizer ยังคงสูงกว่า AstraZeneca
 
ที่น่าเป็นห่วงคือ อัตราลดลงในกลุ่มเปราะบาง คือคนสูงอายุโดยเฉพาะผู้ที่มีโรคร่วม ภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรืออยู่บ้านพักคนชรา จะลดลงเร็วกว่ากลุ่มอื่น
ข้อมูลนี้น่าจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ JCVI แนะนำให้เริ่มฉีดวัคซีนเข็มสามในกลุ่มเสี่ยงเหล่านี้ก่อน หลังได้รับวัคซีนครบอย่างน้อย 6 เดือน โดยใช้ Pfizer vaccine เป็นวัคซีนหลัก (https://www.gov.uk/…/jcvi-issues-updated-advice-on…)
 
ข้อสังเกตของ Moderna ดูเหมือนประสิทธิผลจะคงอยู่ในระดับสูงกว่า Pfizer vaccine สอดคล้องกับข้อมูลจาก Mayo Clinic และ CDC แต่ระยะติดตามของอังกฤษยังสั้นกว่าเนื่องจากเป็นวัคซีนที่เริ่มใช้ทีหลังอีกสองตัว
 
น่าสนใจดีว่า ผลการวิเคราะห์ข้อมูลที่ต่างกันระหว่าง Public Health England & ZOE COVID กับ ONS เกิดจากอะไร

https://www.facebook.com/manopsi/posts/10161237073213448
 

  
ไวรัสทำผู้เลี้ยงแห่เทขายหมูทิ้ง แม่หมูต่ำสุดในประวัติศาสตร์ 10 บาท/กก.
https://www.prachachat.net/local-economy/news-760565

ฟาร์มหมู “ชัยนาท-สิงห์บุรี-อ่างทอง-สระบุรี-นครนายก” หนีตายแห่เทขายหมูทิ้งแม่หมูหลังถูกโรคระบาดไวรัสลึกลับโจมตีที่มั่นสุดท้ายผู้เลี้ยงรายกลาง-รายย่อย ทำแม่พันธุ์หมู น้ำหนัก 250-280 กก. ราคาดิ่งต่ำสุดอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนเหลือ 10-15 บาทต่อ กก. หมูขุน 25-30-40 บาทต่อ กก. ลูกหมูเหลือ 4 บาทต่อ กก. ขณะที่ต้นทุนการเลี้ยงกว่า 60 บาทต่อ กก. ร้องรัฐเร่งหาเงินชดเชย เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำอุ้มธุรกิจ 2 แสนล้าน วิกฤตทั้งซัพพลายเชน
 
แหล่งข่าวจากวงการปศุสัตว์เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้ผู้เลี้ยงหมูในพื้นที่รอยต่อภาคกลาง บริเวณจังหวัดชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สระบุรี นครนายก กำลังเผชิญกับโรคระบาดหมูลึกลับ ซึ่งเกิดจากเชื้อไวรัสโจมตีอย่างหนัก โดยเฉพาะบริเวณ อ.บ้านนา จ.นครนายก ซึ่งถือว่าเกษตรกรมีอาชีพเลี้ยงหมูมากที่สุด เริ่มปรากฏหมูป่วย-ตายต่อเนื่อง จนทำให้เทขายกันไม่ทัน ตอนนี้มีการแย่งเข้าไปซื้อหมูในพื้นที่
 
“พื้นที่ภาคกลางต่อเนื่องภาคตะวันออกที่ถูกโรคระบาดหมูลึกลับโจมตีตอนนี้ถือเป็นพื้นที่ไข่แดงที่ยังคงเหลือผู้เลี้ยงหมูรายย่อย และรายกลางที่รอดมาได้ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอำเภอบ้านนา จังหวัดนครนายก ซึ่งถือเป็นพื้นที่ที่เกษตรกรยึดอาชีพเลี้ยงหมูเป็นหลักใหญ่อันดับต้น ๆ ของภาคตะวันออก โดนโรคระบาดโจมตีไปกว่า 80% แล้ว
 
จังหวัดอ่างทองถือว่าพอ ๆ กันโดนเข้าเกือบทุกฟาร์ม ทุกคนพยายามสู้กันเต็มที่ทำระบบไบโอซีเคียวอัดยาฆ่าเชื้อค่าใช้จ่ายสูงมาก แต่เอาไม่อยู่ พอพายุเข้าฝนตกหนักต่อเนื่อง ภาวะอากาศเปลี่ยน ไวรัสระบาดเข้าฟาร์มเร็วมาก”
 
แหล่งข่าวกล่าวต่อไปว่า ตอนนี้ผู้เลี้ยงที่มีหมูอยู่ในมือต่างเร่งเทขายทิ้งออกมาจนทำให้แม่พันธุ์สุกรขนาดน้ำหนัก 250 ตัวต่อ กก. ตกเหลือ 10 บาทต่อ กก., ลูกหมูราคา 4 บาท/กก. ส่วนหมูขุนเฉลี่ยขายตามสภาพตั้งแต่ 25-30-40 บาท/กก.

“การเทขายหมูทิ้งในพื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันออก ส่งผลให้ราคาหมูในภาคตะวันตก ภาคอีสานร่วงลงต่ำสุดอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน อย่างแม่หมูพันธุ์ที่น้ำหนัก 250-280 กก.ที่ถึงกำหนดขาย จากภาวะปกติราคาเฉลี่ยขายกันที่ 45-50 บาทต่อ กก. วันนี้ได้เห็นราคาร่วงลงมาได้เห็นที่ราคา 15 บาทต่อ กก. หมูขุนมีชีวิตหน้าฟาร์ม บางแห่งร่วงลงมาเฉลี่ยตั้งแต่ 45-48-50 บาท
 
ขณะที่ต้นทุนคนเลี้ยงอยู่ที่ 60-67 บาทต่อ กก. เพราะมีต้นทุนทั้งยาฆ่าเชื้อ และราคาอาหารสัตว์ที่ราคาพุ่งขึ้นสูง อย่างข้าวโพดราคาตลาดโลกขาลง แต่ประเทศไทยราคาข้าวโพดพุ่งขึ้นสวนทาง”
 
แหล่งข่าวกล่าวต่อไปว่า การที่ราคาหมูปรับตัวลงอย่างรวดเร็ว นอกจากการเทขายตัดราคาจากโรคระบาดไวรัสในสุกรแล้ว ภาวะโรคระบาดโควิด-19 ทำให้การบริโภคเนื้อหมูในตลาดลดลงมาก

หลายจังหวัดที่เคยเป็นแหล่งท่องเที่ยวไม่มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ โรงเรียนปิด ร้านอาหารปิดกิจการไปจำนวนมาก คนบริโภคจับจ่ายใช้สอยกันอย่างประหยัด ทำให้ส่งผลกระทบโดยภาพรวม

“ปัญหาโรคระบาดลึกลับในสุกรไม่ได้ส่งผลกระทบเฉพาะเกษตรกรผู้เลี้ยง เมื่อไม่มีตัวกินคือหมู ทำให้กระทบคนทำอาหารสัตว์ขาย เกษตรกรผู้ปลูกวัตถุดิบอาหารสัตว์ ทั้งข้าวโพด ปลายข้าว รำข้าว กระทบถึงโรงสี และชาวนา รวมถึงคนขายยาสัตว์ อุปกรณ์การเลี้ยงสัตว์ต่าง ๆ ที่สำคัญ กระทบไปถึงธนาคารพาณิชย์ต่าง ๆ ด้วย

เพราะคนเลี้ยงหมูส่วนใหญ่กู้เงินมาลงทุน ที่พูดกันถึงตัวเลขเกือบ 2 แสนล้านบาท ไม่หนีจากนี้ จะกลายเป็นหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) กันหนัก เพราะไม่มีจะจ่าย และโรคระบาดลึกลับนี้ อนาคตผู้เลี้ยงรายกลาง รายย่อย โอกาสจะกลับมาเลี้ยงหมูอีกยาก ต้องใช้เวลาปรับตัว และลงทุนเยอะ จึงอยากให้รัฐบาล โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เข้ามาช่วยผู้เลี้ยงสุกรเช่นเดียวกับภาคบริการและการท่องเที่ยว ในเรื่องการหาแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ 1-2% มาให้เกษตรกรได้ลงทุนปรับปรุงโรงเรือนที่มีคุณภาพในการป้องกันโรค” แหล่งข่าวกล่าว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่