แบนธงชาติไทย! ‘จิรายุ’ โวย กกท.แถได้อีก ลั่น หากเป็นนายก คนแรกที่ต้องปลดคือ ‘ก้องศักดิ์’
https://www.matichon.co.th/politics/news_3103869
‘จิรายุ’ โวย กกท.แถได้อีก ลั่น หากเป็นนายก คนแรกที่ต้องปลดคือ ‘ก้องศักดิ์’ เชื่อไม่สามารถแก้ปัญหาได้จะทำคนไทยอายทั่วโลกอีก 1 ปี
เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม นาย
จิรายุ ห่วงทรัพย์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานครพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี นาย
ก้องศักดิ์ ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ออกมาตอบโต้กรณีฝ่ายค้านตั้งกระทู้ถามสดรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาถึงสาเหตุที่ประเทศไทยถูกแบนธงชาติทำให้ไทยเสียศักดิ์ศรีในเวทีการแข่งขันกีฬาโลก โดยกล่าวหาว่า เป็นการเล่นการเมือง ซึ่งรู้สึกผิดหวังแทนพลเอก
ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีอย่างยิ่งซึ่งนาย
ก้องศักดิ์เป็นผู้ว่าการกีฬาในส่วนฝ่ายบริหารซึ่งพรรคฯใช้กระบวนการถ่วงดุลในรัฐสภาตามระบอบบริหาร นิติบัญญัติ ตุลาการ และส่วนตัวได้รับมอบหมายจากมติของพรรคให้ถามแต่กลับมาตอบโต้ว่าไม่อยากให้เล่นการเมืองในสภา ซึ่งบรรยากาศกำลังดี ฝ่ายค้านได้เสนอในที่ประชุมว่าจะให้การสนับสนุนการแก้ไขกฎหมายกรณี วาด้า ในสภาเป็นวาระเร่งด่วนแต่นายก้องศักดิ์กลับทำให้เรื่องยากขึ้น
นาย
จิรายุ กล่าวว่า ถ้าเป็นนายกรัฐมนตรีมีกรณีที่ไทยอับอายขนาดนี้ แทนที่จะชี้แจงแนวทางแก้ไขปัญหาให้ประชาชนได้ชื่นใจกลับออกมาโต้แย้งข้างๆคูๆทั้งที่เป็นความรับผิดชอบโดยตรง และคนแรกที่ต้องปลดก็คือผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย
ทั้งนี้ ขอให้นาย
ก้องศักดิ์ตอบสังคมในประเด็นดังต่อไปนี้
1. เหตุใดก็ กกท.จึงไม่รักษาหน้า นายกรัฐมนตรี และประชาชนคนไทย
2. สาเหตุที่แท้จริงที่ไทยถูกห้ามชักธงชาติคืออะไร
3. เหตุใดไทยเป็นเพียงไม่กี่ประเทศที่ถูกแบน
4. วาด้าได้ตักเตือนมาแล้ว สิบกว่าครั้งก่อนแบนแล้วเหตุใดจึงไม่แก้ไข
5. เหตุใด ร้อยกว่าประเทศทั่วโลกจึงไม่มีปัญหาเหมือนกับประเทศไทยเขาทำอย่างไร
6. การอ้างเรื่องอธิปไตยเหตุใดจึงเป็นเฉพาะที่ไทยประเทศทั่วโลกเค้ามีปัญหาหรือไม่ในการตรวจสอบของวาด้า
7. เป็นความบกพร่องของระบบบริหารของ กกท.และรัฐบาลใช่หรือไม่
8. การออกมาพูดเช่นนี้ หมายความว่า กกท.ไม่ต้องการเสียงสนับสนุนจากสภาในการแก้ไขกฎหมายเร่งด่วนใช่หรือไม่
9. ความเสียหาย ของเอกชนผู้ให้การสนับสนุนที่ถอนหลังถูกแบนและภาพลักษณ์นักกีฬาไทยในสายตาเวทีโลก เกี่ยวกับการใช้ยาโดปที่ว่าด้ากล่าวหา ตีมูลค่าเป็นเงินกี่หมื่นกี่แสนล้านที่ประเทศเสียหาย
10. หากทำแถบธงชาติไปติดกางเกงหรือให้วิ่งชูธงชาติตามคำแนะนำของ รมต.แล้วเกิดวาด้าแบนขึ้นมาอีกครั้งจะเสียหน้าซ้ำซ้อนมีการวางแผนรับมือเรื่องนี้
“ตนเป็นผู้บรรยาย เป็นผู้สื่อข่าวกีฬามานาน คนวงการกีฬาที่ใกล้ชิดกับวาด้าบอกกับตนว่ารู้สึกผิดหวังกับการตอบกระทู้ของ รมต.และ ผว.กกท.กีฬา โยนความผิดให้ วาด้า แทนที่จะหาทางแก้ไขเพราะเป็นกติกาสากลที่ใช้ร่วมกันทั่วโลก ประเทศ99.5%ก็ไม่มีปัญหาเว้นเสียแต่ประเทศที่มีระบอบ[เผล่ะจัง]อย่างเกาหลีเหนือ ก็โดนแบนเหมือนกับไทยจึงอยากให้รัฐบาลไทยและการกีฬาสำรวจตัวเองว่าผิดพลาดอย่างไรแล้วเร่งแก้ไขดีกว่าออกมาแก้ตัวหรือโยนว่าเป็นปัญหาของคนอื่น” นาย
จิรายุ กล่าว
นาย
จิรายุ กล่าวว่า จะเชิญนาย
ก้องศักดิ์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเข้ามาชี้แจงในคณะกรรมาธิการกิจการศาลฯที่ตนเป็นประธาน หลังวันหยุดปีใหม่ ทั้งในเรื่องความผิดพลาดของการบริหารงานของการ กีฬาแห่งประเทศไทยและกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬารวมทั้งการใช้งบประมาณจำนวนมหาศาลที่ลึกลับซับซ้อนแบบเทน้ำเทท่า ในช่วงสถานการณ์โควิดปี 63-64 ที่ผ่านมา เนื่องจากปีหน้าจะมีการแข่งขันระดับอาเซียนและเอเชียรวมทั้งระดับโลกเป็นจำนวนมาก และอยากรู้ว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นหนึ่งปีนับจากนี้กระทรวงกีฬาและการกีฬาแห่งประเทศไทยจะรับผิดชอบอย่างไร ไม่อยากให้คนไทย อายซ้ำอายซ้อน และไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหนเมื่อทุกชาติสามารถขึ้นธงชาติได้ยกเว้นประเทศไทยนายจิรายุกล่าว
"หมอธีระ"เปิดข้อมูลเชิงลึก ไทยติด 1 ในประเทศที่มีโควิดครบทั้ง 5 สายพันธุ์
https://www.nationtv.tv/news/378858064
รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ หรือ หมอธีระ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ส่งโพสต์ข้อความระบุเกี่ยวกับ เรื่องความคืบหน้าของโควิด-19 "โอมิครอน" ที่ใครได้อ่านต้องอึ้งแน่ๆ
..
"หมอธีระ" รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ ได้โพสต์ระบุข้อความระบุ ว่า
...อัพเดต Omicron (โอมิครอน)
การระบาดของ Omicron (โอมิครอน) ตอนนี้ลามไปทั่วโลกถึง 113 ประเทศแล้ว ถือว่าเป็นการระบาดที่รวดเร็วมากโดยใช้เวลาไม่ถึง 2 เดือนนับจากการระบาดในทวีปแอฟริกา
นอกจากนี้จำนวนการติดเชื้อรวมต่อวันของระลอกนี้ก็สูงกว่าระลอกเดิมๆ ตลอดสองปีที่ผ่านมา
ล่าสุดเมื่อวานนี้ เมื่อดูในกลุ่มที่ระบาดหนักๆ จะพบว่า สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และอิตาลี ทั้ง 3 ประเทศมีจำนวนติดเชื้อใหม่ทำลายสถิติเท่าที่เคยระบาดมาในแต่ละประเทศคือ 122,186 คน, 94,124 คน, 50,599 คน ตามลำดับ
หากเทียบกับรายงานจำนวนติดเชื้อใหม่ในวันเดียวกันของปีที่แล้ว สหราชอาณาจักรติดสูงกว่าเดิมถึง 3.7 เท่า ฝรั่งเศสสูงกว่าเดิม 4.94 เท่า และอิตาลีสูงกว่าเดิม 2.64 เท่า
...สำหรับไทยเรา
Omicron ได้เขี่ยบอลเริ่มแข่งไปเรียบร้อยแล้ว
ด้วยสมรรถนะของ Omicron ที่แพร่ไวกว่าเดลต้า 4.1 เท่า, ติดเชื้อซ้ำในคนที่เคยติดมาก่อนได้มากกว่าสายพันธุ์เดิม 2.9 เท่า, มีระยะฟักตัว (ติดเชื้อจนถึงมีอาการ) ที่สั้นเพียง 3 วัน, ดื้อต่อภูมิคุ้มกันทั้งจากวัคซีนหรือจากการที่เคยติดเชื้อมาก่อน 20-40 เท่า, และดื้อต่อโมโนโคลนัล แอนติบอดี้หลายชนิดที่ใช้รักษา
แม้จะมีแนวโน้มว่าตัวไวรัสเองน่าจะมีสมรรถนะที่ทำให้รุนแรงน้อยกว่าเดลต้า 2-12% และมีความเสี่ยงที่จะป่วยรุนแรงจนต้องนอนโรงพยาบาลลดลง 3-5 เท่าอันเป็นผลจากการที่พบว่ามีการติดเชื้อในคนอายุน้อยซึ่งมีสถานะสุขภาพที่แข็งแรงกว่ากลุ่มเสี่ยงอื่นๆ รวมถึงคนที่เคยฉีดวัคซีนมาก่อนหรือเคยติดเชื้อมาก่อน ทำให้มีภูมิคุ้มกันเดิมที่ช่วยลดโอกาสป่วยรุนแรงและเสียชีวิตได้
แต่จากฐานประชากรที่ Omicron ที่กว้างขวางกว่าสายพันธุ์เดิมมากคือ โจมตีได้ทั้งคนที่ยังไม่ฉีดวัคซีน คนที่ฉีดยังไม่ครบ คนที่ฉีดวัคซีนครบแล้ว รวมถึงคนที่เคยติดเชื้อมาก่อน ทำให้คาดการณ์ได้ว่าจำนวนการติดเชื้อจากระลอก Omicron ย่อมมีได้มากและรวดเร็ว และส่งผลต่อเรื่องการป่วยและตายได้
สิ่งจำเป็นที่เราควรทำคือ การฉีดวัคซีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเข็มกระตุ้นด้วย mRNA vaccines
เหนืออื่นใดคือ พฤติกรรมการป้องกันตัว ใส่หน้ากากเสมอ และอยู่ห่างคนอื่นเกินหนึ่งเมตร
เลี่ยงการตะลอนท่องเที่ยว
เลี่ยงปาร์ตี้สังสรรค์คริสตมาสและปีใหม่นอกบ้าน ฉลองกับคนในครอบครัวที่บ้านจะปลอดภัยกว่า
หากทำได้อย่างเคร่งครัดและพร้อมเพรียง ก็จะช่วยบรรเทาและชะลอการระบาดของ Omicron ไปได้บ้าง
แต่หากตะลอนกันเยอะ สังสรรค์กันมาก ก็จะเป็นไปตามธรรมชาติการระบาดที่เราเห็นในต่างประเทศ
จากรายงาน WHO Weekly Epidemiological Update วันที่ 21 ธันวาคม 2021 ที่ผ่านมา
ช่วงท้ายของรายงานมีการสรุปภาพรวมของ 213 ประเทศทั่วโลก ว่าแต่ละประเทศมีรายงานการตรวจพบสายพันธุ์ที่น่ากังวลคือ อัลฟ่า เบต้า แกมม่า เดลต้า และโอไมครอน กันหรือไม่ มากน้อยเพียงใด
ที่น่าสนใจคือ มีเพียง 49 ประเทศ หรือร้อยละ 23 เท่านั้น ที่มีครบทุกสายพันธุ์
ไทยเราก็เป็นหนึ่งใน 49 ประเทศ ที่ครบทั้ง 5 สายพันธุ์
การตรวจพบนั้น ไม่ว่าจะมาจากช่องทางใด ก็ถือเป็น public health vulnerability
https://www.facebook.com/thiraw/posts/10223636611135814
https://www.facebook.com/thiraw/posts/10223637099788030
ร้องรัฐเร่งปราบขบวนการลักลอบนำเข้าหมู หวั่นกระทบอุตฯ 2 แสนล้าน
https://www.prachachat.net/economy/news-829379
เกษตรกรร้องรัฐเร่งปราบปราม ‘ขบวนการลักลอบนำเข้าหมู’ เสี่ยงโรค-สารเร่ง-บ่อนทำลายอุตสาหกรรมหมูไทย 2 แสนล้านสะเทือน
วันที่ 25 ธันวาคม 2564 นาย
ปรีชา กิจถาวร นายกสมาคมการค้าผู้เลี้ยงสุกรภาคใต้ เปิดเผยว่า ขณะนี้มีขบวนการลักลอบนำเข้าเนื้อสุกรแช่แข็งเข้ามาในประเทศไทย โดยสำแดงเท็จว่าเป็นสินค้าชนิดอื่น มีการจัดจำหน่ายทั้งแบบบรรจุภัณฑ์ที่ลักลอบมาจากต่างประเทศ และกระจายสินค้าเพื่อจำหน่ายปะปนกับเนื้อสุกรไทย เรื่องนี้ถือเป็นการบ่อนทำลายภาคอุตสาหกรรมการเลี้ยงสุกรของประเทศ ที่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจที่เกี่ยวเนื่องรวมแล้วกว่า 2 แสนล้านบาทต่อปี
ผู้เลี้ยงสุกรทั่วประเทศขอเรียกร้องให้ภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เร่งตรวจสอบหาข้อเท็จจริง และดำเนินการจับกุมเอาผิดผู้ที่กระทำผิดกฎหมาย ทั้งความผิดทางศุลกากร และผิดกฎหมายว่าด้วยโรคระบาดสัตว์ โดยเฉพาะความเสี่ยงเรื่องโรคสุกรที่อาจติดมากับผลิตภัณฑ์ที่ไม่รู้แหล่งที่มา ซึ่งไม่มีใบขออนุญาตนำเข้าซากสัตว์ และไม่ผ่านการกักตรวจโรคก่อนนำเข้ามาในราชอาณาจักร
รวมถึงความเสี่ยงต่อการปนเปื้อนของสารเร่งเนื้อแดงที่ถือเป็นสารต้องห้าม ตามพรบ.ควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ เนื้อสุกรแช่แข็งที่ลักลอบนำเข้ามานี้จึงถือเป็มหันตภัยต่อผู้บริโภคชาวไทย ต่อพี่น้องเกษตรกร และทำลายเศรษฐกิจไทยอย่างแท้จริง
“ขบวนการนำเข้าเนื้อหมูจากต่างประเทศลักลอบเข้ามาสวมเป็นหมูไทย เพื่อกระจายขายในพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศนี้ กำลังสร้างความเสียหายให้กับประเทศไทย ทั้งในแง่เศรษฐกิจจากการนำเข้าโดยสำแดงเท็จหรือหลีกเลี่ยงภาษีอากร ทำให้รัฐสูญเสียรายได้ การนำเข้าโรคระบาดสัตว์ที่อาจติดมากับสินค้าลักลอบที่ไม่ผ่านการกักตรวจโรค หากในสินค้ามีโรคปนเปื้อนย่อมทำลายภาคอุตสาหกรรมหมูอย่างย่อยยับ”
ขณะเดียวกันผู้เลี้ยงหมูและห่วงโซ่อุปทานจะต้องล่มสลายจากกลไกสินค้าที่ถูกบิดเบือนเพราะผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ต่างประเทศ ที่สำคัญคนไทยต้องเสี่ยงกับสารเร่งเนื้อแดงที่แถมมาด้วยโดยไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เกษตรกรทั่วประเทศขอให้ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเร่งเข้ามาดูแล ตรวจสอบ และปราบปรามขบวนการนี้โดยเร็ซ เพื่อไม่ให้ประชาชน ประเทศชาติ และอาชีพเลี้ยงหมูของเกษตรกรกว่า 2 แสนรายต้องพังลง
นายกสมาคมการค้าผู้เลี้ยงสุกรภาคใต้ กล่าวอีกว่า ประเทศไทยเป็นแหล่งผลิตอาหารปลอดภัย โดยผู้เลี้ยงสุกรต่างร่วมใจกันปฏิบัติตามกฎหมายโดยคำนึงถึงผู้บริโภคปลายทาง ตลอดจนเร่งยกระดับการป้องกันโรคระบาดในสุกรเพื่อรักษาอาชีพเดียวไว้ และพัฒนากระบวนการผลิตเนื้อสุกรปลอดสาร ปลอดโรค ปลอดภัยเพื่อผู้บริโภค การปล่อยให้คนส่วนน้อยที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนมาทำลายประเทศจึงไม่เป็นธรรมต่อประชาชน และเกษตรกรไทย
ที่สำคัญในแง่จิตวิทยา การลักลอบดังกล่าวทำให้ไม่มีแรงจูงใจการลงทุนในประเทศ เกษตรกรไม่กล้าเสี่ยงที่จะเลี้ยงสุกรต่อ เพราะรู้ดีว่าไม่สามารถแข่งขันราคากับเนื้อสุกรต่างประเทศที่มีต้นทุนต่ำกว่าได้อย่างแน่นอน เมื่อภาคผู้ผลิตสุกรถูกทำลาย ย่อมกระทบกับห่วงโซ่การผลิตต่อเนื่อง โดยเฉพาะเกษตรกรผู้เพาะปลูกพืชวัตถุดิบอาหารสัตว์ อาทิ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และข้าว ที่ราคาต้องตกต่ำจากปัญหาการนำเข้าเนื้อสุกรที่ทำลายอุตสาหกรรมเกษตรไทย
JJNY : 4in1 ‘จิรายุ’โวยกกท.แถได้อีก│ไทยติด1ในปท.โควิดครบ5พันธุ์│ร้องเร่งปราบลักลอบนำเข้าหมู│ชัชชาติลุยชุมชนคลองบางลำภู
https://www.matichon.co.th/politics/news_3103869
‘จิรายุ’ โวย กกท.แถได้อีก ลั่น หากเป็นนายก คนแรกที่ต้องปลดคือ ‘ก้องศักดิ์’ เชื่อไม่สามารถแก้ปัญหาได้จะทำคนไทยอายทั่วโลกอีก 1 ปี
เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานครพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี นายก้องศักดิ์ ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ออกมาตอบโต้กรณีฝ่ายค้านตั้งกระทู้ถามสดรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาถึงสาเหตุที่ประเทศไทยถูกแบนธงชาติทำให้ไทยเสียศักดิ์ศรีในเวทีการแข่งขันกีฬาโลก โดยกล่าวหาว่า เป็นการเล่นการเมือง ซึ่งรู้สึกผิดหวังแทนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีอย่างยิ่งซึ่งนายก้องศักดิ์เป็นผู้ว่าการกีฬาในส่วนฝ่ายบริหารซึ่งพรรคฯใช้กระบวนการถ่วงดุลในรัฐสภาตามระบอบบริหาร นิติบัญญัติ ตุลาการ และส่วนตัวได้รับมอบหมายจากมติของพรรคให้ถามแต่กลับมาตอบโต้ว่าไม่อยากให้เล่นการเมืองในสภา ซึ่งบรรยากาศกำลังดี ฝ่ายค้านได้เสนอในที่ประชุมว่าจะให้การสนับสนุนการแก้ไขกฎหมายกรณี วาด้า ในสภาเป็นวาระเร่งด่วนแต่นายก้องศักดิ์กลับทำให้เรื่องยากขึ้น
นายจิรายุ กล่าวว่า ถ้าเป็นนายกรัฐมนตรีมีกรณีที่ไทยอับอายขนาดนี้ แทนที่จะชี้แจงแนวทางแก้ไขปัญหาให้ประชาชนได้ชื่นใจกลับออกมาโต้แย้งข้างๆคูๆทั้งที่เป็นความรับผิดชอบโดยตรง และคนแรกที่ต้องปลดก็คือผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย
ทั้งนี้ ขอให้นายก้องศักดิ์ตอบสังคมในประเด็นดังต่อไปนี้
1. เหตุใดก็ กกท.จึงไม่รักษาหน้า นายกรัฐมนตรี และประชาชนคนไทย
2. สาเหตุที่แท้จริงที่ไทยถูกห้ามชักธงชาติคืออะไร
3. เหตุใดไทยเป็นเพียงไม่กี่ประเทศที่ถูกแบน
4. วาด้าได้ตักเตือนมาแล้ว สิบกว่าครั้งก่อนแบนแล้วเหตุใดจึงไม่แก้ไข
5. เหตุใด ร้อยกว่าประเทศทั่วโลกจึงไม่มีปัญหาเหมือนกับประเทศไทยเขาทำอย่างไร
6. การอ้างเรื่องอธิปไตยเหตุใดจึงเป็นเฉพาะที่ไทยประเทศทั่วโลกเค้ามีปัญหาหรือไม่ในการตรวจสอบของวาด้า
7. เป็นความบกพร่องของระบบบริหารของ กกท.และรัฐบาลใช่หรือไม่
8. การออกมาพูดเช่นนี้ หมายความว่า กกท.ไม่ต้องการเสียงสนับสนุนจากสภาในการแก้ไขกฎหมายเร่งด่วนใช่หรือไม่
9. ความเสียหาย ของเอกชนผู้ให้การสนับสนุนที่ถอนหลังถูกแบนและภาพลักษณ์นักกีฬาไทยในสายตาเวทีโลก เกี่ยวกับการใช้ยาโดปที่ว่าด้ากล่าวหา ตีมูลค่าเป็นเงินกี่หมื่นกี่แสนล้านที่ประเทศเสียหาย
10. หากทำแถบธงชาติไปติดกางเกงหรือให้วิ่งชูธงชาติตามคำแนะนำของ รมต.แล้วเกิดวาด้าแบนขึ้นมาอีกครั้งจะเสียหน้าซ้ำซ้อนมีการวางแผนรับมือเรื่องนี้
“ตนเป็นผู้บรรยาย เป็นผู้สื่อข่าวกีฬามานาน คนวงการกีฬาที่ใกล้ชิดกับวาด้าบอกกับตนว่ารู้สึกผิดหวังกับการตอบกระทู้ของ รมต.และ ผว.กกท.กีฬา โยนความผิดให้ วาด้า แทนที่จะหาทางแก้ไขเพราะเป็นกติกาสากลที่ใช้ร่วมกันทั่วโลก ประเทศ99.5%ก็ไม่มีปัญหาเว้นเสียแต่ประเทศที่มีระบอบ[เผล่ะจัง]อย่างเกาหลีเหนือ ก็โดนแบนเหมือนกับไทยจึงอยากให้รัฐบาลไทยและการกีฬาสำรวจตัวเองว่าผิดพลาดอย่างไรแล้วเร่งแก้ไขดีกว่าออกมาแก้ตัวหรือโยนว่าเป็นปัญหาของคนอื่น” นายจิรายุ กล่าว
นายจิรายุ กล่าวว่า จะเชิญนายก้องศักดิ์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเข้ามาชี้แจงในคณะกรรมาธิการกิจการศาลฯที่ตนเป็นประธาน หลังวันหยุดปีใหม่ ทั้งในเรื่องความผิดพลาดของการบริหารงานของการ กีฬาแห่งประเทศไทยและกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬารวมทั้งการใช้งบประมาณจำนวนมหาศาลที่ลึกลับซับซ้อนแบบเทน้ำเทท่า ในช่วงสถานการณ์โควิดปี 63-64 ที่ผ่านมา เนื่องจากปีหน้าจะมีการแข่งขันระดับอาเซียนและเอเชียรวมทั้งระดับโลกเป็นจำนวนมาก และอยากรู้ว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นหนึ่งปีนับจากนี้กระทรวงกีฬาและการกีฬาแห่งประเทศไทยจะรับผิดชอบอย่างไร ไม่อยากให้คนไทย อายซ้ำอายซ้อน และไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหนเมื่อทุกชาติสามารถขึ้นธงชาติได้ยกเว้นประเทศไทยนายจิรายุกล่าว
"หมอธีระ"เปิดข้อมูลเชิงลึก ไทยติด 1 ในประเทศที่มีโควิดครบทั้ง 5 สายพันธุ์
https://www.nationtv.tv/news/378858064
รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ หรือ หมอธีระ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ส่งโพสต์ข้อความระบุเกี่ยวกับ เรื่องความคืบหน้าของโควิด-19 "โอมิครอน" ที่ใครได้อ่านต้องอึ้งแน่ๆ
..
"หมอธีระ" รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ ได้โพสต์ระบุข้อความระบุ ว่า
...อัพเดต Omicron (โอมิครอน)
การระบาดของ Omicron (โอมิครอน) ตอนนี้ลามไปทั่วโลกถึง 113 ประเทศแล้ว ถือว่าเป็นการระบาดที่รวดเร็วมากโดยใช้เวลาไม่ถึง 2 เดือนนับจากการระบาดในทวีปแอฟริกา
นอกจากนี้จำนวนการติดเชื้อรวมต่อวันของระลอกนี้ก็สูงกว่าระลอกเดิมๆ ตลอดสองปีที่ผ่านมา
ล่าสุดเมื่อวานนี้ เมื่อดูในกลุ่มที่ระบาดหนักๆ จะพบว่า สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และอิตาลี ทั้ง 3 ประเทศมีจำนวนติดเชื้อใหม่ทำลายสถิติเท่าที่เคยระบาดมาในแต่ละประเทศคือ 122,186 คน, 94,124 คน, 50,599 คน ตามลำดับ
หากเทียบกับรายงานจำนวนติดเชื้อใหม่ในวันเดียวกันของปีที่แล้ว สหราชอาณาจักรติดสูงกว่าเดิมถึง 3.7 เท่า ฝรั่งเศสสูงกว่าเดิม 4.94 เท่า และอิตาลีสูงกว่าเดิม 2.64 เท่า
...สำหรับไทยเรา
Omicron ได้เขี่ยบอลเริ่มแข่งไปเรียบร้อยแล้ว
ด้วยสมรรถนะของ Omicron ที่แพร่ไวกว่าเดลต้า 4.1 เท่า, ติดเชื้อซ้ำในคนที่เคยติดมาก่อนได้มากกว่าสายพันธุ์เดิม 2.9 เท่า, มีระยะฟักตัว (ติดเชื้อจนถึงมีอาการ) ที่สั้นเพียง 3 วัน, ดื้อต่อภูมิคุ้มกันทั้งจากวัคซีนหรือจากการที่เคยติดเชื้อมาก่อน 20-40 เท่า, และดื้อต่อโมโนโคลนัล แอนติบอดี้หลายชนิดที่ใช้รักษา
แม้จะมีแนวโน้มว่าตัวไวรัสเองน่าจะมีสมรรถนะที่ทำให้รุนแรงน้อยกว่าเดลต้า 2-12% และมีความเสี่ยงที่จะป่วยรุนแรงจนต้องนอนโรงพยาบาลลดลง 3-5 เท่าอันเป็นผลจากการที่พบว่ามีการติดเชื้อในคนอายุน้อยซึ่งมีสถานะสุขภาพที่แข็งแรงกว่ากลุ่มเสี่ยงอื่นๆ รวมถึงคนที่เคยฉีดวัคซีนมาก่อนหรือเคยติดเชื้อมาก่อน ทำให้มีภูมิคุ้มกันเดิมที่ช่วยลดโอกาสป่วยรุนแรงและเสียชีวิตได้
แต่จากฐานประชากรที่ Omicron ที่กว้างขวางกว่าสายพันธุ์เดิมมากคือ โจมตีได้ทั้งคนที่ยังไม่ฉีดวัคซีน คนที่ฉีดยังไม่ครบ คนที่ฉีดวัคซีนครบแล้ว รวมถึงคนที่เคยติดเชื้อมาก่อน ทำให้คาดการณ์ได้ว่าจำนวนการติดเชื้อจากระลอก Omicron ย่อมมีได้มากและรวดเร็ว และส่งผลต่อเรื่องการป่วยและตายได้
สิ่งจำเป็นที่เราควรทำคือ การฉีดวัคซีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเข็มกระตุ้นด้วย mRNA vaccines
เหนืออื่นใดคือ พฤติกรรมการป้องกันตัว ใส่หน้ากากเสมอ และอยู่ห่างคนอื่นเกินหนึ่งเมตร
เลี่ยงการตะลอนท่องเที่ยว
เลี่ยงปาร์ตี้สังสรรค์คริสตมาสและปีใหม่นอกบ้าน ฉลองกับคนในครอบครัวที่บ้านจะปลอดภัยกว่า
หากทำได้อย่างเคร่งครัดและพร้อมเพรียง ก็จะช่วยบรรเทาและชะลอการระบาดของ Omicron ไปได้บ้าง
แต่หากตะลอนกันเยอะ สังสรรค์กันมาก ก็จะเป็นไปตามธรรมชาติการระบาดที่เราเห็นในต่างประเทศ
จากรายงาน WHO Weekly Epidemiological Update วันที่ 21 ธันวาคม 2021 ที่ผ่านมา
ช่วงท้ายของรายงานมีการสรุปภาพรวมของ 213 ประเทศทั่วโลก ว่าแต่ละประเทศมีรายงานการตรวจพบสายพันธุ์ที่น่ากังวลคือ อัลฟ่า เบต้า แกมม่า เดลต้า และโอไมครอน กันหรือไม่ มากน้อยเพียงใด
ที่น่าสนใจคือ มีเพียง 49 ประเทศ หรือร้อยละ 23 เท่านั้น ที่มีครบทุกสายพันธุ์
ไทยเราก็เป็นหนึ่งใน 49 ประเทศ ที่ครบทั้ง 5 สายพันธุ์
การตรวจพบนั้น ไม่ว่าจะมาจากช่องทางใด ก็ถือเป็น public health vulnerability
https://www.facebook.com/thiraw/posts/10223636611135814
https://www.facebook.com/thiraw/posts/10223637099788030
ร้องรัฐเร่งปราบขบวนการลักลอบนำเข้าหมู หวั่นกระทบอุตฯ 2 แสนล้าน
https://www.prachachat.net/economy/news-829379
เกษตรกรร้องรัฐเร่งปราบปราม ‘ขบวนการลักลอบนำเข้าหมู’ เสี่ยงโรค-สารเร่ง-บ่อนทำลายอุตสาหกรรมหมูไทย 2 แสนล้านสะเทือน
วันที่ 25 ธันวาคม 2564 นายปรีชา กิจถาวร นายกสมาคมการค้าผู้เลี้ยงสุกรภาคใต้ เปิดเผยว่า ขณะนี้มีขบวนการลักลอบนำเข้าเนื้อสุกรแช่แข็งเข้ามาในประเทศไทย โดยสำแดงเท็จว่าเป็นสินค้าชนิดอื่น มีการจัดจำหน่ายทั้งแบบบรรจุภัณฑ์ที่ลักลอบมาจากต่างประเทศ และกระจายสินค้าเพื่อจำหน่ายปะปนกับเนื้อสุกรไทย เรื่องนี้ถือเป็นการบ่อนทำลายภาคอุตสาหกรรมการเลี้ยงสุกรของประเทศ ที่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจที่เกี่ยวเนื่องรวมแล้วกว่า 2 แสนล้านบาทต่อปี
ผู้เลี้ยงสุกรทั่วประเทศขอเรียกร้องให้ภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เร่งตรวจสอบหาข้อเท็จจริง และดำเนินการจับกุมเอาผิดผู้ที่กระทำผิดกฎหมาย ทั้งความผิดทางศุลกากร และผิดกฎหมายว่าด้วยโรคระบาดสัตว์ โดยเฉพาะความเสี่ยงเรื่องโรคสุกรที่อาจติดมากับผลิตภัณฑ์ที่ไม่รู้แหล่งที่มา ซึ่งไม่มีใบขออนุญาตนำเข้าซากสัตว์ และไม่ผ่านการกักตรวจโรคก่อนนำเข้ามาในราชอาณาจักร
รวมถึงความเสี่ยงต่อการปนเปื้อนของสารเร่งเนื้อแดงที่ถือเป็นสารต้องห้าม ตามพรบ.ควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ เนื้อสุกรแช่แข็งที่ลักลอบนำเข้ามานี้จึงถือเป็มหันตภัยต่อผู้บริโภคชาวไทย ต่อพี่น้องเกษตรกร และทำลายเศรษฐกิจไทยอย่างแท้จริง
“ขบวนการนำเข้าเนื้อหมูจากต่างประเทศลักลอบเข้ามาสวมเป็นหมูไทย เพื่อกระจายขายในพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศนี้ กำลังสร้างความเสียหายให้กับประเทศไทย ทั้งในแง่เศรษฐกิจจากการนำเข้าโดยสำแดงเท็จหรือหลีกเลี่ยงภาษีอากร ทำให้รัฐสูญเสียรายได้ การนำเข้าโรคระบาดสัตว์ที่อาจติดมากับสินค้าลักลอบที่ไม่ผ่านการกักตรวจโรค หากในสินค้ามีโรคปนเปื้อนย่อมทำลายภาคอุตสาหกรรมหมูอย่างย่อยยับ”
ขณะเดียวกันผู้เลี้ยงหมูและห่วงโซ่อุปทานจะต้องล่มสลายจากกลไกสินค้าที่ถูกบิดเบือนเพราะผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ต่างประเทศ ที่สำคัญคนไทยต้องเสี่ยงกับสารเร่งเนื้อแดงที่แถมมาด้วยโดยไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เกษตรกรทั่วประเทศขอให้ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเร่งเข้ามาดูแล ตรวจสอบ และปราบปรามขบวนการนี้โดยเร็ซ เพื่อไม่ให้ประชาชน ประเทศชาติ และอาชีพเลี้ยงหมูของเกษตรกรกว่า 2 แสนรายต้องพังลง
นายกสมาคมการค้าผู้เลี้ยงสุกรภาคใต้ กล่าวอีกว่า ประเทศไทยเป็นแหล่งผลิตอาหารปลอดภัย โดยผู้เลี้ยงสุกรต่างร่วมใจกันปฏิบัติตามกฎหมายโดยคำนึงถึงผู้บริโภคปลายทาง ตลอดจนเร่งยกระดับการป้องกันโรคระบาดในสุกรเพื่อรักษาอาชีพเดียวไว้ และพัฒนากระบวนการผลิตเนื้อสุกรปลอดสาร ปลอดโรค ปลอดภัยเพื่อผู้บริโภค การปล่อยให้คนส่วนน้อยที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนมาทำลายประเทศจึงไม่เป็นธรรมต่อประชาชน และเกษตรกรไทย
ที่สำคัญในแง่จิตวิทยา การลักลอบดังกล่าวทำให้ไม่มีแรงจูงใจการลงทุนในประเทศ เกษตรกรไม่กล้าเสี่ยงที่จะเลี้ยงสุกรต่อ เพราะรู้ดีว่าไม่สามารถแข่งขันราคากับเนื้อสุกรต่างประเทศที่มีต้นทุนต่ำกว่าได้อย่างแน่นอน เมื่อภาคผู้ผลิตสุกรถูกทำลาย ย่อมกระทบกับห่วงโซ่การผลิตต่อเนื่อง โดยเฉพาะเกษตรกรผู้เพาะปลูกพืชวัตถุดิบอาหารสัตว์ อาทิ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และข้าว ที่ราคาต้องตกต่ำจากปัญหาการนำเข้าเนื้อสุกรที่ทำลายอุตสาหกรรมเกษตรไทย