“ใครเชิญมาที่นี่!” ท่านผู้นั้นแทบไม่เก็บอาการหัวเสียที่คู่อริเก่าโผล่ออกมาตอนสำคัญ
เซธสัมผัสความร้อนระอุแม้พื้นเหยียบจะเป็นน้ำแข็ง ท่านผู้นั้นกำลังทำการตกลงกับอินวิเดียกลับโดนแทรกแซงโดยเจ้าปิศาจในผ้าคลุมสกปรกที่หมายจับเหล่ามังกรทั้งเจ็ดเหมือนกัน ลักซูเรียยืนมองแขกไม่ได้รับเชิญอย่างระแวง
“ลองคิดดูนะอิกริด หากเจ้าตัวเมียนั่นตายต่อหน้าอินวิเดียอีกครั้งจะเป็นอย่างไร โทสะที่ระเบิดรอบสองจะเผาเหล่ามนุษย์ให้เป็นจุลแทบเท้าเจ้า”
ช่วงกลางลวดลายบนท้องฟ้าเปิดออกให้บางสิ่งที่เหมือนปากประบอกปืนใหญ่ยื่นลงมา ผลึกแก้วสีแดงสดตรงส่วนปลายและแง่งยื่นเป็นตัวกรองพลังงานบอกชัดว่านั่นคือปืนลำแสง มันกำลังเล็งไปหาคู่ของอินวิเดียที่อยู่ระหว่างความเป็นความตาย! ขณะเดียวกับเจ้าปิศาจในผ้าคลุมสกปรกก็หยิบปืนเครื่องมือที่คล้ายแผ่นประดับพลอยออกมา
“ปืนแสงข้างบนพร้อมยิงนางมังกรน้ำนั่น ส่วนของในมือข้าเอาไว้ใช้ควบคุมอินวิเดีย ทั้งสองอย่างจะทำงานพร้อมกันในไม่กี่นาที เลือกสิอิกริดว่าจะช่วยทางไหน”
ราวกับเป็นนิสัยเสียของเจ้าปิศาจในผ้าคลุมสกปรกที่ไม่เห็นใครอยู่ในสายตานอกจากท่านผู้นั้น เซธหันไปหาลักซูเรียเพื่อนัดแนะโดยไม่ใช้เสียงว่าให้ไปหาเจ้าปิศาจบนท้องฟ้า ไม่ไม่กี่วินาทีถัดมาก็เกิดหลายสิ่งขึ้นพร้อมกัน เซธในสภาพเกือบซ่อมแขนเสร็จเล่นเพลงเรียกวิหคน้ำแข็งขึ้นมาทำลายปืนแสงจนใช้การไม่ได้ ลักซูเรียงอกปีกมังกรโผบินขึ้นไปคว้าทำลายเครื่องมือที่อ้างว่าใช้ควบคุมอินวิเดีย ส่วนท่านผู้นั้นโบกดาบสร้างแสงสีขาวเพื่อรักษาอินวิเดียกับคู่ของมันไปพร้อมกัน
อินวิเดียรีบว่ายไปหาคู่ของตนทันทีที่คลานลงทะเล ท่านผู้นั้นทับถมคู่ต่อสู้ด้วยรอยยิ้ม ตอนนี้พวกเขาสามคนกำลังจะรุมปิศาจในผ้าคลุมสกปรกเพียงคนเดียว แทนที่เจ้าปิศาจในผ้าคลุมสกปรกจะตระหนกหรือสับสนมันกลับบอกว่าดีเพราะจะได้ทดลองอาวุธใหม่ที่เพิ่งสำเร็จลุล่วง
“ยังจำได้หรือไม่อิกริด ว่าเจ้ากำเนิดขึ้นได้อย่างไร” เจ้าปิศาจในผ้าคลุมสกปรกทำให้ท่านผู้นั้นกำดาบแน่นขึ้นจนเซธสัมผัสได้ “ข้าขุดอดีตอย่างบ้าคลั่งจนรู้เรื่องนี้ พวกเจ้ากลบฝังมันเสียจนเกือบหายไปกับอดีต หญิงผู้นี้ก็เกิดขึ้นในแบบที่คล้ายกับเจ้า...หากเรารู้เรื่องนี้ก่อนเทพปิศาจถูกทำลายคงรู้ดีรู้ชั่วกันไปแล้ว”
ท่านผู้นั้นคงเป็นคนเดียวที่เข้าใจทั้งหมด ฝ่าบาทของเซธมองอีกฝ่ายอย่างประสงค์ร้ายจนรอบตัวเต็มไปด้วยกลิ่นไอแห่งการฆ่า แสงสว่างจ้าของมนตร์เคลื่อนย้ายเกิดขึ้นแล้วดับลงเบื้องหน้าของท่านผู้นั้นราวจงใจ สตรีคนหนึ่งที่อายุไม่น่าจะเกิดยี่สิบปรากฏขึ้นราวต้องการท้าทายอำนาจโบราณ นางสวมใส่ชุดเกราะอย่างทหารสมัยใหม่สะพายปืนแบบต่าง ๆ อยู่ข้างตัวในตำแหน่งพร้อมใช้งาน!
“แล้วเจ้าใช้วิญญาณของใคร” ท่านผู้นั้นหยั่งเชิงท่ามกลางความงงงวยของทุกคน หญิงที่เจ้าปิศาจเรียกมาผ่านมนตร์เคลื่อนย้ายหยิบปืนกลเตรียมพร้อมทันที
“ของเจ้าคือผู้กล้าหมายเลขหนึ่งทางข้าจึงคิดใช้วิญญาณผู้กล้าเช่นกัน ต้องตามร่องรอยจารึกในวิญญาณนานร่วมสามร้อยปีกว่าจะเจอผู้กล้าหมายเลขสองที่ไปเกิดใหม่ โชคดีที่พลังบางส่วนยังฝังอยู่ในแก่นวิญญาณ”
เซธใช้เวลาไม่นานในการฟื้นความทรงจำเกี่ยวกับท่านผู้นั้น ฝ่าบาทของเซธคือนักรบเทพคนที่สองคู่กับผู้กล้าคนที่สอง ผู้กล้าลาเวนเดอร์ จากความทรงจำของ ‘เขา’ ที่เคยเข้าแทรกแซงครั้งหนึ่งทำให้รู้ว่าทั้งสองมีความสัมพันธ์บางอย่าง
“เลิกเล่นละครดีกว่า ข้ารู้ว่าแค่อยากยั่วโมโหข้า ซึ่งได้ผล” ท่านผู้นั้นกัดฟันราวถึงขีดที่อดกลั้นโทสะไม่ไหว “และ ‘เขา’ ที่อยู่ข้างหลังข้าไม่ใช่ผู้กล้าคนที่หนึ่ง คราวก่อนเจ้าเดาถูกทางแล้วทำไมคราวนี้พลาดได้ล่ะ”
“พวกเรามีหลายทฤษฎีเกี่ยวกับเจ้า นี่เป็นของพวกบนโน้น” เจ้าปิศาจยักไหล่แก้ตัวว่านี่เป็นความคิดของคนอื่น “อย่างน้อยข้าก็ได้เห็นเจ้าหัวเสียจนแทบทนไม่ไหว นักรบเทพอันดับหนึ่งผู้เยือกเย็นทุกเวลากำลังโกรธจัด แถมเจ้ายังโดนเสาค้ำจุนใส่ปลอกคอคำสั่งห้ามทำร้ายชีวิตอีก!”
เซธรู้สึกว่ามันน่าแปลกที่ท่านผู้นั้นควบคุมอารมณ์ไม่ได้อย่างนี้ ตอนสองคนนั้นคุยกันเขาได้กลิ่นเวทมนตร์บางอย่างครอบคลุมท่านผู้นั้นไว้เหมือนพยายามค้นหาช่องว่างของกำแพงสุดแกร่ง! ไม่ว่าอย่างไรเจ้าปิศาจนั่นก็ซวยแน่นอน ท่านผู้นั้นวิธีแหกกฎหลายสิบแบบในยามธรรมดา และถ้าอารมณ์เสียก็จะไม่เลือกวิธีเอาคืนฝ่ายตรงข้ามอย่างเจ็บแสบ หากโชคดีเขากับอินวิเดียอาจหนีทันท่านผู้นั้นระเบิดอารมณ์ออกมา
ท่านผู้นั้นยกมือข้างหนึ่งขึ้นเหนือหัวโดยมีไอความร้อนสูงห่อหุ้มตัวเอาไว้จนร่างพร่าเลือน ท้องฟ้าเหนือเส้นขอบฟ้าทุกด้านรอบตัวพวกเขาปริแตกเป็นแนวยาวคล้ายโดนมีดกรีด! ภายในรอยแยกของท้องฟ้าคือความมืดสนิทที่กำลังแผ่ตัวเองออกมา พอมองให้ชัด ๆ จึงเห็นว่าพวกนั้นคืออสูรมืดสีดำสนิทนับหมื่นกำลังโบยบินข้ามายังมิติแห่งความจริง!
“สักหมื่นตัวคงพอ เจ้าจะได้เก็บข้อมูลว่าข้าทำอะไรได้บ้าง แต่คงไม่ได้เอาไปบอกใครหรอก!” ท่านผู้นั้นสร้างความโกลาหลขึ้นในบัดดล เหล่าอสูรแห่งความมืดบินว่อนไปมาเหมือนยุงในฤดูร้อน หญิงที่เจ้าปิศาจหมายให้มาต่อสู้กับท่านผู้นั้นถูกโฉบหายไปเหลือเพียงกองเลือดหย่อมหนึ่ง!
เซธหลุดคำหยาบเมื่อรู้แน่ว่าท่านผู้นั้นสติหลุดไปแล้ว ไม่แน่ฝ่าบาทของเขาอาจถูกควบคุมด้วยเวทมนตร์ประหลาดนั่นอีกต่อหนึ่ง ท่ามกลางความวุ่นวายรอบด้านท่านผู้นั้นลอยเหินขึ้นท้องฟ้าแล้วรวมตัวกับเหล่าอสูรมืดจำนวนมหาศาลที่เรียกออกมา อสูรมืดคือความชั่วร้ายที่รวมกันเป็นตัวตน มันมีหลากแบบหลายขนาดไม่จำกัดรูปร่าง เพียงแค่เป็นสิ่งสีดำทมิฬและดุร้ายป่าเถื่อนเท่านั้น
“ไม่ว่าใครก็ต้องเปิดช่องโหว่ยามสับสนและไม่แน่ใจ เอนโวลาต้องถูกทำลายด้วยฝีมือของนักรบเทพที่คอยปกป้องเป็นคนสุดท้าย!” เจ้าปิศาจในผ้าคลุมสกปรกประกาศชัยชนะก่อนจะหายตัวขึ้นไปยังช่องเปิดกลางลวดลายบนฟ้า จากนั้นสัญลักษณ์ของกลุ่มชั่วร้ายก็หายไป แสงแดดจากเบื้องบนจืดจางลงเพราะเหล่าอสูรมืดที่กำลังรวมตัวกับท่านผู้นั้น
“จะสู้ไหมเจ้าหนุ่มอมตะ ฉุนเฉียวจนโดนบงการจิตใจแบบนั้นแค่โดนกระแทกเบา ๆ ก็คงหาย” อินวิเดียเอ่ยแทรกความเงียบที่สิ้นหวัง “ถึงจะน่าขัดใจแต่เราต้องร่วมมือกันก่อน และข้ายังอยากเห็นฝีมือเจ้าอีก”
เซธมองอินวิเดียอย่างสงสัยว่ามีจุดประสงค์แอบแฝงหรือไม่ ลักซูเรียรู้ว่าเซธไม่มีทางหันอาวุธเข้าหาท่านผู้นั้นก็บอกว่านางจะช่วยเอง ทว่ามังกรเกล็ดเขียวยังยืนกรานให้ผู้เป็นอมตะเป็นคนหยุดท่านผู้นั้น
เสียงคำรณดังสนั่นแสดงว่าการรวมตัวสมบูรณ์ บัดนี้กลุ่มก้อนที่ห่อหุ้มร่างท่านผู้นั้นมีขนาดราวภูเขาย่อม ๆ บดบังท้องฟ้าจนมืดมิดและกำลังปรับเปลี่ยนรูปร่างไปมา มีทั้งขา หัว รยางค์ รวมถึงเขาที่หลากหลากราวกำลังทดลองว่าร่างแบบใดดีที่สุด อากาศแทนที่จะร้อนกลับหนาวสะท้านจนฟันกระทบกันเร่งเซธให้ตัดสินใจรับข้อเสนอของอินวิเดียทันที
“ข้าทำหน้าที่แหล่งก่อกำเนิดพลังเวทได้แต่เสียดายที่หนักไปในการสร้างเวทมนตร์ธาตุน้ำ เล่นงานให้เต็มกำลังเลย เจ้าสิ่งน่ากลัวนั่นไม่ตายง่าย ๆ หรอก”
อินวิเดียรีบเข้าสู่สมาธิทันที ผู้เป็นอมตะเคยเห็นคนอื่นใช้เวทมนตร์แต่เขาไม่เคยใช้มันในรูปแบบนั้นสักครั้ง ความรู้สึกเหมือนกับมีกระแสลมอุ่นไหลเข้าสู่ผิวหนังเสมือนยาบำรุงที่มองไม่เห็น ทว่าสิ่งผิดพลาดเกิดขึ้นทันที สัมผัสของพลังเวทหลั่งไหลไปสู่แผ่นหลังของเซธแล้วถูกดูดออกเหมือนน้ำในแก้วก้นรั่ว เลือดลมในกายของผู้เป็นอมตะที่กำลังปรับตัวขาดสมดุลส่งผลให้เขาหน้ามืดจนเกือบล้ม! ซาเรียเข้ามาเปิดเผยความจริงทันที
“พลังเวทของเซธถูกท่านผู้นั้นดูดซับตลอดเวลาเขาจึงอยู่ในสภาพไร้เวทมนตร์เป็นปกติ หากท่านผู้นั้นไม่ยอมก็ไม่มีใครแก้ได้!”
ซาเรียสร้างปริศนาใหม่ให้ทุกคนว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น ท่านผู้นั้นคงไม่เที่ยวริบพลังเวทของคนอื่นเป็นงานอดิเรกแน่ แค่อายุขัยของฝ่าบาทก็สามารถเก็บคลังได้มากกว่าชีวิตคนธรรมดาหลายเท่า
“หากอยากให้เขาทดลองข้าจะช่วยเอง” เสียงคุ้นหูเซธมอบความหวังให้ทุกคน เงาร่างของ ‘เขา’ ผู้อยู่หลังท่านผู้นั้นก้าวลงมาเหมือนภูตผี “จะช่วยหยุดการขโมยพลังเวทไปจากเจ้าชั่วคราวก็แล้วกัน”
ความงุนงงเกิดกับทุกคนเป็นคำรบสอง อินวิเดียทักว่าควรเก็บเรื่องหยุมหยิมเอาไว้ก่อนแล้วเริ่มทำหน้าที่แหล่งก่อกำเนิดพลังเวทอีกครั้ง คราวนี้ความอุ่นไหลทั่วร่างของเซธเหมือนถูกฝังลงในเส้นเลือด หลายครั้งผู้เป็นอมตะตรวจร่างกายแล้วพบว่าตนตัวเย็นกว่าคนทั่วไป เพิ่งรู้วันนี้เองว่าเป็นเพราะการขาดพลังเวทคอยหล่อเลี้ยงร่างกาย
เมื่อร่างกายเปี่ยมไปด้วยอาคมเวทการบังคับควบคุมอาวุธวิเศษก็เปลี่ยนไปด้วย ดั้งเดิมนั้นพิณเทพพิรุณใช้พลังชีวิตของผู้ถือเป็นเชื้อไฟ หากมีพลังเวทเข้ามาเสริมก็ยิ่งทรงอานุภาพมากขึ้น ความรู้สึกแรกที่ได้รับคือน้ำหนักของตัวพิณเปลี่ยนไป การไหลเวียนของสิ่งเชื่อมต่อระหว่างผู้ใช้กับอาวุธขยายปริมาณมากจนเซธแทบประคองสติไม่ไหว
ร่างรวมของท่านผู้นั้นกับอสูรมืดบัดนี้คงความเสถียรได้ในที่สุด บนท้องฟ้าคือปลาประหลาดขนาดมโหฬารดั่งถูกแกะขึ้นจากภูเขาทั้งลูก ทั้งตัวเต็มไปด้วยเกล็ดสีดำสนิทดั่งความมืดมิด หนวดและเขาหลากหลายผุดออกมาอย่างไร้แบบแผน ขาหลายสิบคู่ส่ายไปมาเหมือนขาตะขาบ ดวงตาโปนสอดส่ายหาเป้าหมายที่หนีไปไกลแล้ว จนมันมาหยุดที่พวกเซธ!
อินวิเดียบอกว่าตนถนัดธาตุน้ำเซธจึงคิดเรียกวิหคน้ำแข็งที่มีความใกล้เคียงกัน ปกติแล้วอาวุธเทพของผู้เป็นอมตะจะดูดพลังชีวิตผ่านนิ้วมือไปด้วยตัวมันเอง พอเขาใช้เวทมนตร์ร่วมยิ่งต้องใช้สมาธิสร้างเจตจำนงเวลาสั่งการมากขึ้น การกรีดนิ้วลงสายพิณแต่ละครั้งช่างยากเย็นเหมือนควบคุมสายยางที่ต่อเข้ากับหัวฉีดแรงสูง!
ระหว่างสร้างความเคยชินร่างรวมสีดำก็เงื้อหนวดเส้นหนึ่งเข้าใส่เซธ! เสียงอินวิเดียบอกลักซูเรียชัดเจนว่าห้ามช่วยเด็ดขาด ด้วยความทะลักทุเลเซธเล่นเพลงออกมาเพื่อเรียกวิหคน้ำแข็งโดยใช้การก่อร่างของมันรองรับหนวดเส้นโตที่หวดลงมาพอดิบพอดี!
แม้จะตั้งรับทันทว่าท่านผู้นั้นก็ยังคงเป็นท่านผู้นั้น น้ำแข็งหนาแตกเหมือนก้อนทราย ร่างผอมสูงของเซธกระเด็นไปไกลด้วยแรงปะทะจนหล่นลงผิวน้ำ หากแต่น้ำทะเลส่วนหนึ่งหอบร่างรุ่งริ่งของผู้เป็นอมตะขึ้นมาวางบนพื้นน้ำแข็งอีกครั้ง อินวิเดียใช้เวทมนตร์รักษาเซธจนคืนสภาพเพื่อสู้อีกครั้ง!
ผู้เป็นอมตะเข้าใจแล้วว่าทำไมการเล่นงานเมื่อครู่จึงเบานักเมื่อคิดตามมาตรฐานของท่านผู้นั้น ปลายักษ์คิดว่าเซธเป็นแค่ของไร้ชีวิตจึงละความสนใจไปหาพวกอินวิเดียแทนซึ่งเจ้ามังกรแก้ไขปัญหาได้ไม่ยาก สายโซ่น้ำแข็งยืดยาวขึ้นจากพื้นข้างตัวเซธเล็งเป้าไปหาปลายักษ์ที่ลอยวนหาโอกาสเข้าฮุบเหยื่อ!
(มีต่อ)
สัญญาอมตะ ตอนที่ 10
เซธสัมผัสความร้อนระอุแม้พื้นเหยียบจะเป็นน้ำแข็ง ท่านผู้นั้นกำลังทำการตกลงกับอินวิเดียกลับโดนแทรกแซงโดยเจ้าปิศาจในผ้าคลุมสกปรกที่หมายจับเหล่ามังกรทั้งเจ็ดเหมือนกัน ลักซูเรียยืนมองแขกไม่ได้รับเชิญอย่างระแวง
“ลองคิดดูนะอิกริด หากเจ้าตัวเมียนั่นตายต่อหน้าอินวิเดียอีกครั้งจะเป็นอย่างไร โทสะที่ระเบิดรอบสองจะเผาเหล่ามนุษย์ให้เป็นจุลแทบเท้าเจ้า”
ช่วงกลางลวดลายบนท้องฟ้าเปิดออกให้บางสิ่งที่เหมือนปากประบอกปืนใหญ่ยื่นลงมา ผลึกแก้วสีแดงสดตรงส่วนปลายและแง่งยื่นเป็นตัวกรองพลังงานบอกชัดว่านั่นคือปืนลำแสง มันกำลังเล็งไปหาคู่ของอินวิเดียที่อยู่ระหว่างความเป็นความตาย! ขณะเดียวกับเจ้าปิศาจในผ้าคลุมสกปรกก็หยิบปืนเครื่องมือที่คล้ายแผ่นประดับพลอยออกมา
“ปืนแสงข้างบนพร้อมยิงนางมังกรน้ำนั่น ส่วนของในมือข้าเอาไว้ใช้ควบคุมอินวิเดีย ทั้งสองอย่างจะทำงานพร้อมกันในไม่กี่นาที เลือกสิอิกริดว่าจะช่วยทางไหน”
ราวกับเป็นนิสัยเสียของเจ้าปิศาจในผ้าคลุมสกปรกที่ไม่เห็นใครอยู่ในสายตานอกจากท่านผู้นั้น เซธหันไปหาลักซูเรียเพื่อนัดแนะโดยไม่ใช้เสียงว่าให้ไปหาเจ้าปิศาจบนท้องฟ้า ไม่ไม่กี่วินาทีถัดมาก็เกิดหลายสิ่งขึ้นพร้อมกัน เซธในสภาพเกือบซ่อมแขนเสร็จเล่นเพลงเรียกวิหคน้ำแข็งขึ้นมาทำลายปืนแสงจนใช้การไม่ได้ ลักซูเรียงอกปีกมังกรโผบินขึ้นไปคว้าทำลายเครื่องมือที่อ้างว่าใช้ควบคุมอินวิเดีย ส่วนท่านผู้นั้นโบกดาบสร้างแสงสีขาวเพื่อรักษาอินวิเดียกับคู่ของมันไปพร้อมกัน
อินวิเดียรีบว่ายไปหาคู่ของตนทันทีที่คลานลงทะเล ท่านผู้นั้นทับถมคู่ต่อสู้ด้วยรอยยิ้ม ตอนนี้พวกเขาสามคนกำลังจะรุมปิศาจในผ้าคลุมสกปรกเพียงคนเดียว แทนที่เจ้าปิศาจในผ้าคลุมสกปรกจะตระหนกหรือสับสนมันกลับบอกว่าดีเพราะจะได้ทดลองอาวุธใหม่ที่เพิ่งสำเร็จลุล่วง
“ยังจำได้หรือไม่อิกริด ว่าเจ้ากำเนิดขึ้นได้อย่างไร” เจ้าปิศาจในผ้าคลุมสกปรกทำให้ท่านผู้นั้นกำดาบแน่นขึ้นจนเซธสัมผัสได้ “ข้าขุดอดีตอย่างบ้าคลั่งจนรู้เรื่องนี้ พวกเจ้ากลบฝังมันเสียจนเกือบหายไปกับอดีต หญิงผู้นี้ก็เกิดขึ้นในแบบที่คล้ายกับเจ้า...หากเรารู้เรื่องนี้ก่อนเทพปิศาจถูกทำลายคงรู้ดีรู้ชั่วกันไปแล้ว”
ท่านผู้นั้นคงเป็นคนเดียวที่เข้าใจทั้งหมด ฝ่าบาทของเซธมองอีกฝ่ายอย่างประสงค์ร้ายจนรอบตัวเต็มไปด้วยกลิ่นไอแห่งการฆ่า แสงสว่างจ้าของมนตร์เคลื่อนย้ายเกิดขึ้นแล้วดับลงเบื้องหน้าของท่านผู้นั้นราวจงใจ สตรีคนหนึ่งที่อายุไม่น่าจะเกิดยี่สิบปรากฏขึ้นราวต้องการท้าทายอำนาจโบราณ นางสวมใส่ชุดเกราะอย่างทหารสมัยใหม่สะพายปืนแบบต่าง ๆ อยู่ข้างตัวในตำแหน่งพร้อมใช้งาน!
“แล้วเจ้าใช้วิญญาณของใคร” ท่านผู้นั้นหยั่งเชิงท่ามกลางความงงงวยของทุกคน หญิงที่เจ้าปิศาจเรียกมาผ่านมนตร์เคลื่อนย้ายหยิบปืนกลเตรียมพร้อมทันที
“ของเจ้าคือผู้กล้าหมายเลขหนึ่งทางข้าจึงคิดใช้วิญญาณผู้กล้าเช่นกัน ต้องตามร่องรอยจารึกในวิญญาณนานร่วมสามร้อยปีกว่าจะเจอผู้กล้าหมายเลขสองที่ไปเกิดใหม่ โชคดีที่พลังบางส่วนยังฝังอยู่ในแก่นวิญญาณ”
เซธใช้เวลาไม่นานในการฟื้นความทรงจำเกี่ยวกับท่านผู้นั้น ฝ่าบาทของเซธคือนักรบเทพคนที่สองคู่กับผู้กล้าคนที่สอง ผู้กล้าลาเวนเดอร์ จากความทรงจำของ ‘เขา’ ที่เคยเข้าแทรกแซงครั้งหนึ่งทำให้รู้ว่าทั้งสองมีความสัมพันธ์บางอย่าง
“เลิกเล่นละครดีกว่า ข้ารู้ว่าแค่อยากยั่วโมโหข้า ซึ่งได้ผล” ท่านผู้นั้นกัดฟันราวถึงขีดที่อดกลั้นโทสะไม่ไหว “และ ‘เขา’ ที่อยู่ข้างหลังข้าไม่ใช่ผู้กล้าคนที่หนึ่ง คราวก่อนเจ้าเดาถูกทางแล้วทำไมคราวนี้พลาดได้ล่ะ”
“พวกเรามีหลายทฤษฎีเกี่ยวกับเจ้า นี่เป็นของพวกบนโน้น” เจ้าปิศาจยักไหล่แก้ตัวว่านี่เป็นความคิดของคนอื่น “อย่างน้อยข้าก็ได้เห็นเจ้าหัวเสียจนแทบทนไม่ไหว นักรบเทพอันดับหนึ่งผู้เยือกเย็นทุกเวลากำลังโกรธจัด แถมเจ้ายังโดนเสาค้ำจุนใส่ปลอกคอคำสั่งห้ามทำร้ายชีวิตอีก!”
เซธรู้สึกว่ามันน่าแปลกที่ท่านผู้นั้นควบคุมอารมณ์ไม่ได้อย่างนี้ ตอนสองคนนั้นคุยกันเขาได้กลิ่นเวทมนตร์บางอย่างครอบคลุมท่านผู้นั้นไว้เหมือนพยายามค้นหาช่องว่างของกำแพงสุดแกร่ง! ไม่ว่าอย่างไรเจ้าปิศาจนั่นก็ซวยแน่นอน ท่านผู้นั้นวิธีแหกกฎหลายสิบแบบในยามธรรมดา และถ้าอารมณ์เสียก็จะไม่เลือกวิธีเอาคืนฝ่ายตรงข้ามอย่างเจ็บแสบ หากโชคดีเขากับอินวิเดียอาจหนีทันท่านผู้นั้นระเบิดอารมณ์ออกมา
ท่านผู้นั้นยกมือข้างหนึ่งขึ้นเหนือหัวโดยมีไอความร้อนสูงห่อหุ้มตัวเอาไว้จนร่างพร่าเลือน ท้องฟ้าเหนือเส้นขอบฟ้าทุกด้านรอบตัวพวกเขาปริแตกเป็นแนวยาวคล้ายโดนมีดกรีด! ภายในรอยแยกของท้องฟ้าคือความมืดสนิทที่กำลังแผ่ตัวเองออกมา พอมองให้ชัด ๆ จึงเห็นว่าพวกนั้นคืออสูรมืดสีดำสนิทนับหมื่นกำลังโบยบินข้ามายังมิติแห่งความจริง!
“สักหมื่นตัวคงพอ เจ้าจะได้เก็บข้อมูลว่าข้าทำอะไรได้บ้าง แต่คงไม่ได้เอาไปบอกใครหรอก!” ท่านผู้นั้นสร้างความโกลาหลขึ้นในบัดดล เหล่าอสูรแห่งความมืดบินว่อนไปมาเหมือนยุงในฤดูร้อน หญิงที่เจ้าปิศาจหมายให้มาต่อสู้กับท่านผู้นั้นถูกโฉบหายไปเหลือเพียงกองเลือดหย่อมหนึ่ง!
เซธหลุดคำหยาบเมื่อรู้แน่ว่าท่านผู้นั้นสติหลุดไปแล้ว ไม่แน่ฝ่าบาทของเขาอาจถูกควบคุมด้วยเวทมนตร์ประหลาดนั่นอีกต่อหนึ่ง ท่ามกลางความวุ่นวายรอบด้านท่านผู้นั้นลอยเหินขึ้นท้องฟ้าแล้วรวมตัวกับเหล่าอสูรมืดจำนวนมหาศาลที่เรียกออกมา อสูรมืดคือความชั่วร้ายที่รวมกันเป็นตัวตน มันมีหลากแบบหลายขนาดไม่จำกัดรูปร่าง เพียงแค่เป็นสิ่งสีดำทมิฬและดุร้ายป่าเถื่อนเท่านั้น
“ไม่ว่าใครก็ต้องเปิดช่องโหว่ยามสับสนและไม่แน่ใจ เอนโวลาต้องถูกทำลายด้วยฝีมือของนักรบเทพที่คอยปกป้องเป็นคนสุดท้าย!” เจ้าปิศาจในผ้าคลุมสกปรกประกาศชัยชนะก่อนจะหายตัวขึ้นไปยังช่องเปิดกลางลวดลายบนฟ้า จากนั้นสัญลักษณ์ของกลุ่มชั่วร้ายก็หายไป แสงแดดจากเบื้องบนจืดจางลงเพราะเหล่าอสูรมืดที่กำลังรวมตัวกับท่านผู้นั้น
“จะสู้ไหมเจ้าหนุ่มอมตะ ฉุนเฉียวจนโดนบงการจิตใจแบบนั้นแค่โดนกระแทกเบา ๆ ก็คงหาย” อินวิเดียเอ่ยแทรกความเงียบที่สิ้นหวัง “ถึงจะน่าขัดใจแต่เราต้องร่วมมือกันก่อน และข้ายังอยากเห็นฝีมือเจ้าอีก”
เซธมองอินวิเดียอย่างสงสัยว่ามีจุดประสงค์แอบแฝงหรือไม่ ลักซูเรียรู้ว่าเซธไม่มีทางหันอาวุธเข้าหาท่านผู้นั้นก็บอกว่านางจะช่วยเอง ทว่ามังกรเกล็ดเขียวยังยืนกรานให้ผู้เป็นอมตะเป็นคนหยุดท่านผู้นั้น
เสียงคำรณดังสนั่นแสดงว่าการรวมตัวสมบูรณ์ บัดนี้กลุ่มก้อนที่ห่อหุ้มร่างท่านผู้นั้นมีขนาดราวภูเขาย่อม ๆ บดบังท้องฟ้าจนมืดมิดและกำลังปรับเปลี่ยนรูปร่างไปมา มีทั้งขา หัว รยางค์ รวมถึงเขาที่หลากหลากราวกำลังทดลองว่าร่างแบบใดดีที่สุด อากาศแทนที่จะร้อนกลับหนาวสะท้านจนฟันกระทบกันเร่งเซธให้ตัดสินใจรับข้อเสนอของอินวิเดียทันที
“ข้าทำหน้าที่แหล่งก่อกำเนิดพลังเวทได้แต่เสียดายที่หนักไปในการสร้างเวทมนตร์ธาตุน้ำ เล่นงานให้เต็มกำลังเลย เจ้าสิ่งน่ากลัวนั่นไม่ตายง่าย ๆ หรอก”
อินวิเดียรีบเข้าสู่สมาธิทันที ผู้เป็นอมตะเคยเห็นคนอื่นใช้เวทมนตร์แต่เขาไม่เคยใช้มันในรูปแบบนั้นสักครั้ง ความรู้สึกเหมือนกับมีกระแสลมอุ่นไหลเข้าสู่ผิวหนังเสมือนยาบำรุงที่มองไม่เห็น ทว่าสิ่งผิดพลาดเกิดขึ้นทันที สัมผัสของพลังเวทหลั่งไหลไปสู่แผ่นหลังของเซธแล้วถูกดูดออกเหมือนน้ำในแก้วก้นรั่ว เลือดลมในกายของผู้เป็นอมตะที่กำลังปรับตัวขาดสมดุลส่งผลให้เขาหน้ามืดจนเกือบล้ม! ซาเรียเข้ามาเปิดเผยความจริงทันที
“พลังเวทของเซธถูกท่านผู้นั้นดูดซับตลอดเวลาเขาจึงอยู่ในสภาพไร้เวทมนตร์เป็นปกติ หากท่านผู้นั้นไม่ยอมก็ไม่มีใครแก้ได้!”
ซาเรียสร้างปริศนาใหม่ให้ทุกคนว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น ท่านผู้นั้นคงไม่เที่ยวริบพลังเวทของคนอื่นเป็นงานอดิเรกแน่ แค่อายุขัยของฝ่าบาทก็สามารถเก็บคลังได้มากกว่าชีวิตคนธรรมดาหลายเท่า
“หากอยากให้เขาทดลองข้าจะช่วยเอง” เสียงคุ้นหูเซธมอบความหวังให้ทุกคน เงาร่างของ ‘เขา’ ผู้อยู่หลังท่านผู้นั้นก้าวลงมาเหมือนภูตผี “จะช่วยหยุดการขโมยพลังเวทไปจากเจ้าชั่วคราวก็แล้วกัน”
ความงุนงงเกิดกับทุกคนเป็นคำรบสอง อินวิเดียทักว่าควรเก็บเรื่องหยุมหยิมเอาไว้ก่อนแล้วเริ่มทำหน้าที่แหล่งก่อกำเนิดพลังเวทอีกครั้ง คราวนี้ความอุ่นไหลทั่วร่างของเซธเหมือนถูกฝังลงในเส้นเลือด หลายครั้งผู้เป็นอมตะตรวจร่างกายแล้วพบว่าตนตัวเย็นกว่าคนทั่วไป เพิ่งรู้วันนี้เองว่าเป็นเพราะการขาดพลังเวทคอยหล่อเลี้ยงร่างกาย
เมื่อร่างกายเปี่ยมไปด้วยอาคมเวทการบังคับควบคุมอาวุธวิเศษก็เปลี่ยนไปด้วย ดั้งเดิมนั้นพิณเทพพิรุณใช้พลังชีวิตของผู้ถือเป็นเชื้อไฟ หากมีพลังเวทเข้ามาเสริมก็ยิ่งทรงอานุภาพมากขึ้น ความรู้สึกแรกที่ได้รับคือน้ำหนักของตัวพิณเปลี่ยนไป การไหลเวียนของสิ่งเชื่อมต่อระหว่างผู้ใช้กับอาวุธขยายปริมาณมากจนเซธแทบประคองสติไม่ไหว
ร่างรวมของท่านผู้นั้นกับอสูรมืดบัดนี้คงความเสถียรได้ในที่สุด บนท้องฟ้าคือปลาประหลาดขนาดมโหฬารดั่งถูกแกะขึ้นจากภูเขาทั้งลูก ทั้งตัวเต็มไปด้วยเกล็ดสีดำสนิทดั่งความมืดมิด หนวดและเขาหลากหลายผุดออกมาอย่างไร้แบบแผน ขาหลายสิบคู่ส่ายไปมาเหมือนขาตะขาบ ดวงตาโปนสอดส่ายหาเป้าหมายที่หนีไปไกลแล้ว จนมันมาหยุดที่พวกเซธ!
อินวิเดียบอกว่าตนถนัดธาตุน้ำเซธจึงคิดเรียกวิหคน้ำแข็งที่มีความใกล้เคียงกัน ปกติแล้วอาวุธเทพของผู้เป็นอมตะจะดูดพลังชีวิตผ่านนิ้วมือไปด้วยตัวมันเอง พอเขาใช้เวทมนตร์ร่วมยิ่งต้องใช้สมาธิสร้างเจตจำนงเวลาสั่งการมากขึ้น การกรีดนิ้วลงสายพิณแต่ละครั้งช่างยากเย็นเหมือนควบคุมสายยางที่ต่อเข้ากับหัวฉีดแรงสูง!
ระหว่างสร้างความเคยชินร่างรวมสีดำก็เงื้อหนวดเส้นหนึ่งเข้าใส่เซธ! เสียงอินวิเดียบอกลักซูเรียชัดเจนว่าห้ามช่วยเด็ดขาด ด้วยความทะลักทุเลเซธเล่นเพลงออกมาเพื่อเรียกวิหคน้ำแข็งโดยใช้การก่อร่างของมันรองรับหนวดเส้นโตที่หวดลงมาพอดิบพอดี!
แม้จะตั้งรับทันทว่าท่านผู้นั้นก็ยังคงเป็นท่านผู้นั้น น้ำแข็งหนาแตกเหมือนก้อนทราย ร่างผอมสูงของเซธกระเด็นไปไกลด้วยแรงปะทะจนหล่นลงผิวน้ำ หากแต่น้ำทะเลส่วนหนึ่งหอบร่างรุ่งริ่งของผู้เป็นอมตะขึ้นมาวางบนพื้นน้ำแข็งอีกครั้ง อินวิเดียใช้เวทมนตร์รักษาเซธจนคืนสภาพเพื่อสู้อีกครั้ง!
ผู้เป็นอมตะเข้าใจแล้วว่าทำไมการเล่นงานเมื่อครู่จึงเบานักเมื่อคิดตามมาตรฐานของท่านผู้นั้น ปลายักษ์คิดว่าเซธเป็นแค่ของไร้ชีวิตจึงละความสนใจไปหาพวกอินวิเดียแทนซึ่งเจ้ามังกรแก้ไขปัญหาได้ไม่ยาก สายโซ่น้ำแข็งยืดยาวขึ้นจากพื้นข้างตัวเซธเล็งเป้าไปหาปลายักษ์ที่ลอยวนหาโอกาสเข้าฮุบเหยื่อ!
(มีต่อ)