กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มังกรวิเศษหลุดเข้าอุโมงค์แห่งกาลเวลาเพราะมนุษย์ผู้หนึ่งเข้าไปแตะต้องสิ่งวิเศษสำคัญ มันสามารถสลายและแยกตัวออกได้หลายร่างโดยทุกร่างมีพลังอำนาจเท่าเทียมกัน เจ้ามังกรหลบหนีผู้ทรงอำนาจทั้งสี่แยกตัวออกเป็นเจ็ดส่วนในเส้นทางแห่งกาลเวลา ชิ้นส่วนสีม่วงมีความวิวัฒน์ทางความคิดมากที่สุดต่อสู้กับพี่น้องอีกหกชิ้น ในช่วงเวลาแห่งการฆ่าฟัน ชิ้นส่วนต่าง ๆ ก็ร่วงหลุดสู่ช่วงเวลาที่แตกต่างกัน
ชิ้นส่วนสีน้ำเงินครามไปได้ไกลกว่าเพื่อนทว่ามันบอบบางใกล้แตกดับทำให้ความทรงจำบางส่วนหายไป ชิ้นส่วนดังกล่าวไม่สามารถสร้างร่างเนื้อได้ด้วยตัวเองจึงใช้ธาตุของมนุษย์ที่อยู่รอบด้านมาร่วมกระบวนการ การควบรวมของเวทมนตร์ภายในร่างคล้ายกับการทดลองสร้างเผ่าพันธุ์หนึ่งของเสาค้ำจุน ชื่อของสิ่งมีชีวิตนั้นคือมังกรครึ่งมนุษย์!
ชิ้นส่วนสีน้ำเงินก่อร่างเนื้อสมบูรณ์กลายเป็นทารกน้อย ๆ ในอารามของเหล่านักบวชที่ยังศรัทธาเสาค้ำจุนอยู่ เมื่อพบทารกก็รู้ทันทีว่านั่นคือส่วนเสี้ยวความชั่วร้าย ทว่าตรงหน้าเหมือนลูกของมนุษย์นอกจากเกล็ดเล็ก ๆ บนผิวบางส่วนทำให้เหล่านักบวชลังเล ผู้อาวุโสของอารามจึงเสนอให้ส่งเด็กน้อยไปอยู่บ้านเลี้ยงเด็กกำพร้าเพื่อคอยเฝ้าดูความเป็นไปยามเติบโต พร้อมกันนั้นชิ้นส่วนสีน้ำเงินก็ได้รับชื่อใหม่ว่า ‘เบลล่า อดัมส์’
เบลล่า อดัมส์ หรือชิ้นส่วนสีน้ำเงินถูกส่งไปอยู่บ้านเลี้ยงเด็กกำพร้าโดยอ้างว่าเป็นลูกนอกสมรสของบางคน พวกเขาหารู้ไม่ว่าความทรงจำในฐานะหนึ่งในเจ็ดส่วนยังคงอยู่ นั่นนับรวมพลังแก่กล้าจากอดีตกาลพร้อมความรู้พื้นฐานต่าง ๆ เกี่ยวกับพลังอำนาจที่มันมี และชื่อที่มันได้รับตั้งแต่ตอนแยกตัวเสร็จคือ ลักซูเรีย! มีเพียงเรื่องการทรยศของชิ้นส่วนสีม่วงเท่านั้นที่หายไปเพราะความเสียหายทางวิญญาณในการต่อสู้โดยไร้ร่างเนื้อ
เรื่องราวหลังจากนั้นเป็นเหมือนกับประสงค์ของเสาค้ำจุนที่นำทุกสิ่งสู่ความดีงาม ลักซูเรียเรียนรู้เรื่องความรัก ความเมตตา และมิตรภาพจากบ้านเลี้ยงเด็กกำพร้า เบื้องหน้าเธอแสดงออกว่าเหงาเพราะไม่มีครอบครัวไหนรับไปเลี้ยง ซึ่งนักบวชบอกกับผู้อำนวยการว่าไม่ต้องการให้เธอไปอยู่กับครอบครัวใด ๆ ทั้งสิ้นเพื่อตัดการผูกพัน จนกว่าจะยืนยันได้ว่าไม่เป็นภัย ทว่าเธอรู้เสมอว่ายังมีพี่น้องอีกหกตนกระจายอยู่ทั่วเอนโวลา และสองในนั้นเจอเธอแล้วทำให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี
เบลล่าหรือลักซูเรียหลงใหลเหล่ามนุษย์ เธอชอบผู้คนและการเป็นจุดสนใจ จนนักแสดงชื่อดังที่เคยอยู่บ้านเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งเดียวกันมาพบเข้าจึงให้ทุนเรียนวิทยาลัย โดยมีข้อแม้ว่าเธอต้องไปทดสอบและเรียนรู้เพื่อเป็นนักแสดงด้วย เพราะรูปลักษณ์ที่งดงามของเผ่ามังกรครึ่งมนุษย์และการแสดงออกโดยซ่อนความรู้สึกจริงได้เกือบแนบเนียน นั่นทำให้นักแสดงคนนั้นอยากเปิดโอกาสให้เด็กกำพร้าที่มีความสามารถเหมือนตนได้มีชีวิตอิสระ
เมื่อใกล้เรียนจบวิทยาลัยเธอก็เริ่มมีชื่อเสียงทางการแสดง ตอนนั้นเหล่านักบวชก็ลงความเห็นว่าเธอไม่มีพิษภัยจึงไม่ตามแอบดูท่าทีของลักซูเรียอีกต่อไป พวกเขาปล่อยให้เธออยู่กับเหล่ามนุษย์อย่างเงียบสงบเหมือนไม่เคยเกิดอะไรขึ้น...
การแสดงของลักซูเรียแทบทำให้เซธตกเป็นรองตอนเกิดการปะทะ หากซาเรียไม่ช่วยเรียกพิณเทพออกมารับกรงเล็บเขาคงเสียเวลามากขึ้นอีก ความเจ็บปวดเพียงเล็กน้อยจากการไถลกับพื้นเทียบไม่ได้จากทัณฑ์คำสาปหรือการรอคอย ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้นผู้เป็นอมตะก็ยืนขึ้นได้ พิณเทพโลหะในมือแปรสภาพเป็นไม้ตามเจตจำนงของผู้ใช้ มันยืดยาวออกเป็นเหมือนแส้ที่ทำจากรากไม้ยืดหยุ่น
ถือเป็นความเคยชินที่การต่อสู้ที่ต้องมองตาอีกฝ่ายเพื่อประเมินเบื้องต้นถึงการกระทำต่อไป แต่มันเป็นความผิดพลาดใหญ่หลวงสำหรับทุกคน แววตาสีน้ำเงินผิดแปลกจากของมนุษย์นั้นลึกล้ำราวมหาสมุทร มันทำให้ทุกคนลุ่มหลงในความงามดังถูกฉุดลงใต้ท้องทะเล!
ในช่วงเวลาไม่กี่วินาทีที่เซธถูกตรึงไว้ด้วยความงดงามเขาก็เห็นนิมิตราวกับมีบางคนยื่นมือเข้ามาช่วย เขากำลังยืนอยู่กับคนกลุ่มหนึ่งที่เขาไม่เคยพบและสวมเสื้อเกราะทองโบราณที่ตนไม่เคยเห็นแม้จะผ่านเวลามาร่วมหกร้อยปี ข้าง ๆ เขาคือสตรีผมเขียวที่เคยเห็นในนิมิตอยู่บ่อยครั้งก่อนถูกการทรมานจากคำสาปเล่นงาน นางกำลังพูดปลุกใจบางอย่างกับคนในกลุ่มรวมถึงเขาด้วย
“ข้าอยู่กับพวกท่านเสมอ จะเป็นแนวหลังคอยช่วยเหลือ ไม่ต้องห่วง”
เซธรู้สึกตัวอีกครั้งทว่าคราวนี้ความหลงใหลที่มีต่อความงามของลักซูเรียลดลง แต่ยังมีอิทธิพลอยู่เล็กน้อยเหมือนกำลังฝืนสู้กับสิ่งที่เคารพบูชา
‘ขอบคุณฝ่าบาทที่ช่วยข้า’ เซธส่งคำขอบคุณไปให้ท่านผู้นั้นด้วยความเข้าใจว่าได้รับความช่วยเหลือจากฝ่าบาทของเขา
‘เจ้ารู้จักข้ามากเกินกว่าจะพูดแบบนี้อนาทอล’ กระแสเสียงของท่านผู้นั้นเข้ามาหาเซธอย่างเย็นชา ปกติท่านผู้นั้นไม่ใคร่อยากช่วยเขามากนัก
เซธไม่รู้ตัวว่าใช้เวลายืนกับที่อยู่ทานแค่ไหนเพราะห้วงนิมิตไม่เคยกะเกณฑ์เวลาได้ ลักซูเรียยืนมองเขานิ่งอย่างวิเคราะห์ว่าควรทำอย่างไร
“ทำไมคุณต้องตามล่าพวกเรา อวาร์ริเทียก็ไม่ยอมพูดอะไรมากด้วย” ลักซูเรียพูด เสียงนั่นทำให้เซธเกือบเคลิ้มตาม “ฉันอยู่อย่างสงบในฐานะนักแสดง ไม่เคยทำร้ายใครหรืออะไร ไม่เคยใช้พลังเพื่อการต่อสู้อย่างวันนี้ ที่ทำร้ายคุณเมื่อครู่เพราะได้ยินมาว่ามีคนต้องการฆ่าฉัน...และคุณมีบางสิ่งที่ทำให้ฉันกลัว มันคือสิ่งที่พวกเราทั้งเจ็ดกลัวจนแทบไม่กล้าข่มตาหลับ”
‘เรื่องมันยาว ข้าเคยล้มมังกรที่มันแบ่งเป็นเจ้าเจ็ดตัวนี่...ข้าแปลงเป็นความมืดสุดหยั่งกัดกินร่างมันจนเหลือแค่ส่วนหัวในการต่อสู้กับเทพปิศาจ จะกลัวข้าหรือความมืดก็ไม่แปลก’ ท่านผู้นั้นเสริมเหมือนเร่งให้เซธรีบลงมือ
“ข้าต้องฆ่าพวกเจ้าเพื่อคืนชีพให้คนรักของข้า” เซธยืนยันว่าอย่างไรก็ต้องการหัวของลักซูเรีย ใจหนึ่งอยากจบการต่อสู้ให้เร็วที่สุด อีกใจก็หวั่นไหวตามคำพูดของเป้าหมาย นางใช้ชีวิตอย่างสงบมาตลอดโดยไม่ทำร้ายใคร การฆ่านางเป็นสิ่งถูกต้องแล้วหรือ
นางมังกรครึ่งมนุษย์ลักซูเรียส่ายหน้าเล็กน้อยราวกับเสียใจที่หาทางออกร่วมกันไม่ได้ ในพริบตาเพดานเหนือหัวของนางพลันถูกก้อนพลังจากฝ่ามืออัดถล่มจนเป็นทางสู่พื้นดินเบื้องบน เสียงสัญญาณเตือนการบุกรุกดังราวกับวันสิ้นเอนโวลา!
เซธสบถสาบานว่าความเชื่องช้าของเขาทำให้อีกฝ่ายเปิดทางหนีสำเร็จ อย่างน้อยถ้าสู้กันในทางลับแคบ ๆ เขาจะได้เปรียบลักซูเรียที่แปลงเป็นมังกรร่างใหญ่ได้
“คุณมีเวลาสี่นาทีกับอีกสี่สิบสี่วินาทีก่อนผู้รักษากฎหมายที่ใกล้ที่สุดจะมาถึง หากไม่อยากนอนคุกก็หนีไปเสียตอนนี้” ลักซูเรียงอกปีกมังกรจากหลังเตรียมโผขึ้นไปทางรูที่สร้างขึ้น “ฉันรักมนุษย์และตัวตนนี้ แม้จะไม่เคยต่อสู้จริงแต่ฉันจะไม่หนีเด็ดขาด!”
เซธกลัวนางหนีมากกว่าผู้รักษากฎหมายหรือคุก พอก้าวไปถึงบันไดขึ้นท่านผู้นั้นก็บอกคำสั่งใหม่ให้
‘หากจับเป็นได้ก็จับเป็นอนาทอล หนึ่งในเสาค้ำจุนต้องการตัวนางแบบมีชีวิตไปตรวจสอบเรื่องการกลายพันธุ์โดยไม่ผ่านการผสม’ ท่านผู้นั้นส่งคำพูดเข้าหาเซธโดยตรงเช่นทุกครั้ง
เซธกำลังตอบรับคำสั่งใหม่ตอนวิ่งออกมาจากห้องเก็บของ เขารู้แล้วว่าเหตุใดลักซูเรียจึงบินหนีออกทางรูบนเพดานซึ่งเร็วกว่า หุ่นยนต์และระบบรักษาความปลอดภัยล้อมรอบสวนอย่างแน่นหนา มีทั้งปืนแบบต่าง ๆ อุปกรณ์จับกุมพื้นฐาน และหุ่นยนต์ที่ใช้รักษาความปลอดภัยให้บุคคลสำคัญ ที่กล่าวมาข้างต้นเว้นช่องว่างให้ผู้บุกรุกสามารถเดินออกประตูหน้าได้อย่างปลอดภัย
ผู้เป็นอมตะมองหาเป้าหมายตามล่าก่อนเพราะกลัวการหลบหนี ตอนนี้ลักซูเรียกำลังคุยกับใครบางคนที่เซธกับท่านผู้นั้นจำได้ดี มันห่อตัวด้วยผ้าสีคล้ำเหมือนคนร่อนเร่ เขาจำสัมผัสความชั่วร้ายได้อย่างชัดเจนว่าเป็นพวกฝ่ายมืดที่ยังหลงเหลืออยู่ มันคือปิศาจในผ้าคลุมสกปรกที่ท่านผู้นั้นบอกว่าเป็นคู่เจรจาในเรื่องชิงตัวมังกรทั้งเจ็ด
“แหม ๆ ตั้งแต่คราวก่อนแล้ว เจ้าอยากเลียนแบบข้าขนาดนั้นเชียวหรือ”
ท่านผู้นั้นก่อร่างตนขึ้นข้างเซธ ดวงตาสีพระจันทร์เลือดของนักรบเทพแห่งบรรพกาลแรงกล้าแข่งแสงตะวันยามบ่าย ชุดทูนิกสีขาวขัดกับภาพลักษณ์คงอยากให้เจ้าปิศาจในผ้าคลุมสกปรกจำได้ว่าเป็นใคร
(มีต่อ)
สัญญาอมตะ ตอนที่ 3
ชิ้นส่วนสีน้ำเงินครามไปได้ไกลกว่าเพื่อนทว่ามันบอบบางใกล้แตกดับทำให้ความทรงจำบางส่วนหายไป ชิ้นส่วนดังกล่าวไม่สามารถสร้างร่างเนื้อได้ด้วยตัวเองจึงใช้ธาตุของมนุษย์ที่อยู่รอบด้านมาร่วมกระบวนการ การควบรวมของเวทมนตร์ภายในร่างคล้ายกับการทดลองสร้างเผ่าพันธุ์หนึ่งของเสาค้ำจุน ชื่อของสิ่งมีชีวิตนั้นคือมังกรครึ่งมนุษย์!
ชิ้นส่วนสีน้ำเงินก่อร่างเนื้อสมบูรณ์กลายเป็นทารกน้อย ๆ ในอารามของเหล่านักบวชที่ยังศรัทธาเสาค้ำจุนอยู่ เมื่อพบทารกก็รู้ทันทีว่านั่นคือส่วนเสี้ยวความชั่วร้าย ทว่าตรงหน้าเหมือนลูกของมนุษย์นอกจากเกล็ดเล็ก ๆ บนผิวบางส่วนทำให้เหล่านักบวชลังเล ผู้อาวุโสของอารามจึงเสนอให้ส่งเด็กน้อยไปอยู่บ้านเลี้ยงเด็กกำพร้าเพื่อคอยเฝ้าดูความเป็นไปยามเติบโต พร้อมกันนั้นชิ้นส่วนสีน้ำเงินก็ได้รับชื่อใหม่ว่า ‘เบลล่า อดัมส์’
เบลล่า อดัมส์ หรือชิ้นส่วนสีน้ำเงินถูกส่งไปอยู่บ้านเลี้ยงเด็กกำพร้าโดยอ้างว่าเป็นลูกนอกสมรสของบางคน พวกเขาหารู้ไม่ว่าความทรงจำในฐานะหนึ่งในเจ็ดส่วนยังคงอยู่ นั่นนับรวมพลังแก่กล้าจากอดีตกาลพร้อมความรู้พื้นฐานต่าง ๆ เกี่ยวกับพลังอำนาจที่มันมี และชื่อที่มันได้รับตั้งแต่ตอนแยกตัวเสร็จคือ ลักซูเรีย! มีเพียงเรื่องการทรยศของชิ้นส่วนสีม่วงเท่านั้นที่หายไปเพราะความเสียหายทางวิญญาณในการต่อสู้โดยไร้ร่างเนื้อ
เรื่องราวหลังจากนั้นเป็นเหมือนกับประสงค์ของเสาค้ำจุนที่นำทุกสิ่งสู่ความดีงาม ลักซูเรียเรียนรู้เรื่องความรัก ความเมตตา และมิตรภาพจากบ้านเลี้ยงเด็กกำพร้า เบื้องหน้าเธอแสดงออกว่าเหงาเพราะไม่มีครอบครัวไหนรับไปเลี้ยง ซึ่งนักบวชบอกกับผู้อำนวยการว่าไม่ต้องการให้เธอไปอยู่กับครอบครัวใด ๆ ทั้งสิ้นเพื่อตัดการผูกพัน จนกว่าจะยืนยันได้ว่าไม่เป็นภัย ทว่าเธอรู้เสมอว่ายังมีพี่น้องอีกหกตนกระจายอยู่ทั่วเอนโวลา และสองในนั้นเจอเธอแล้วทำให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี
เบลล่าหรือลักซูเรียหลงใหลเหล่ามนุษย์ เธอชอบผู้คนและการเป็นจุดสนใจ จนนักแสดงชื่อดังที่เคยอยู่บ้านเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งเดียวกันมาพบเข้าจึงให้ทุนเรียนวิทยาลัย โดยมีข้อแม้ว่าเธอต้องไปทดสอบและเรียนรู้เพื่อเป็นนักแสดงด้วย เพราะรูปลักษณ์ที่งดงามของเผ่ามังกรครึ่งมนุษย์และการแสดงออกโดยซ่อนความรู้สึกจริงได้เกือบแนบเนียน นั่นทำให้นักแสดงคนนั้นอยากเปิดโอกาสให้เด็กกำพร้าที่มีความสามารถเหมือนตนได้มีชีวิตอิสระ
เมื่อใกล้เรียนจบวิทยาลัยเธอก็เริ่มมีชื่อเสียงทางการแสดง ตอนนั้นเหล่านักบวชก็ลงความเห็นว่าเธอไม่มีพิษภัยจึงไม่ตามแอบดูท่าทีของลักซูเรียอีกต่อไป พวกเขาปล่อยให้เธออยู่กับเหล่ามนุษย์อย่างเงียบสงบเหมือนไม่เคยเกิดอะไรขึ้น...
การแสดงของลักซูเรียแทบทำให้เซธตกเป็นรองตอนเกิดการปะทะ หากซาเรียไม่ช่วยเรียกพิณเทพออกมารับกรงเล็บเขาคงเสียเวลามากขึ้นอีก ความเจ็บปวดเพียงเล็กน้อยจากการไถลกับพื้นเทียบไม่ได้จากทัณฑ์คำสาปหรือการรอคอย ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้นผู้เป็นอมตะก็ยืนขึ้นได้ พิณเทพโลหะในมือแปรสภาพเป็นไม้ตามเจตจำนงของผู้ใช้ มันยืดยาวออกเป็นเหมือนแส้ที่ทำจากรากไม้ยืดหยุ่น
ถือเป็นความเคยชินที่การต่อสู้ที่ต้องมองตาอีกฝ่ายเพื่อประเมินเบื้องต้นถึงการกระทำต่อไป แต่มันเป็นความผิดพลาดใหญ่หลวงสำหรับทุกคน แววตาสีน้ำเงินผิดแปลกจากของมนุษย์นั้นลึกล้ำราวมหาสมุทร มันทำให้ทุกคนลุ่มหลงในความงามดังถูกฉุดลงใต้ท้องทะเล!
ในช่วงเวลาไม่กี่วินาทีที่เซธถูกตรึงไว้ด้วยความงดงามเขาก็เห็นนิมิตราวกับมีบางคนยื่นมือเข้ามาช่วย เขากำลังยืนอยู่กับคนกลุ่มหนึ่งที่เขาไม่เคยพบและสวมเสื้อเกราะทองโบราณที่ตนไม่เคยเห็นแม้จะผ่านเวลามาร่วมหกร้อยปี ข้าง ๆ เขาคือสตรีผมเขียวที่เคยเห็นในนิมิตอยู่บ่อยครั้งก่อนถูกการทรมานจากคำสาปเล่นงาน นางกำลังพูดปลุกใจบางอย่างกับคนในกลุ่มรวมถึงเขาด้วย
“ข้าอยู่กับพวกท่านเสมอ จะเป็นแนวหลังคอยช่วยเหลือ ไม่ต้องห่วง”
เซธรู้สึกตัวอีกครั้งทว่าคราวนี้ความหลงใหลที่มีต่อความงามของลักซูเรียลดลง แต่ยังมีอิทธิพลอยู่เล็กน้อยเหมือนกำลังฝืนสู้กับสิ่งที่เคารพบูชา
‘ขอบคุณฝ่าบาทที่ช่วยข้า’ เซธส่งคำขอบคุณไปให้ท่านผู้นั้นด้วยความเข้าใจว่าได้รับความช่วยเหลือจากฝ่าบาทของเขา
‘เจ้ารู้จักข้ามากเกินกว่าจะพูดแบบนี้อนาทอล’ กระแสเสียงของท่านผู้นั้นเข้ามาหาเซธอย่างเย็นชา ปกติท่านผู้นั้นไม่ใคร่อยากช่วยเขามากนัก
เซธไม่รู้ตัวว่าใช้เวลายืนกับที่อยู่ทานแค่ไหนเพราะห้วงนิมิตไม่เคยกะเกณฑ์เวลาได้ ลักซูเรียยืนมองเขานิ่งอย่างวิเคราะห์ว่าควรทำอย่างไร
“ทำไมคุณต้องตามล่าพวกเรา อวาร์ริเทียก็ไม่ยอมพูดอะไรมากด้วย” ลักซูเรียพูด เสียงนั่นทำให้เซธเกือบเคลิ้มตาม “ฉันอยู่อย่างสงบในฐานะนักแสดง ไม่เคยทำร้ายใครหรืออะไร ไม่เคยใช้พลังเพื่อการต่อสู้อย่างวันนี้ ที่ทำร้ายคุณเมื่อครู่เพราะได้ยินมาว่ามีคนต้องการฆ่าฉัน...และคุณมีบางสิ่งที่ทำให้ฉันกลัว มันคือสิ่งที่พวกเราทั้งเจ็ดกลัวจนแทบไม่กล้าข่มตาหลับ”
‘เรื่องมันยาว ข้าเคยล้มมังกรที่มันแบ่งเป็นเจ้าเจ็ดตัวนี่...ข้าแปลงเป็นความมืดสุดหยั่งกัดกินร่างมันจนเหลือแค่ส่วนหัวในการต่อสู้กับเทพปิศาจ จะกลัวข้าหรือความมืดก็ไม่แปลก’ ท่านผู้นั้นเสริมเหมือนเร่งให้เซธรีบลงมือ
“ข้าต้องฆ่าพวกเจ้าเพื่อคืนชีพให้คนรักของข้า” เซธยืนยันว่าอย่างไรก็ต้องการหัวของลักซูเรีย ใจหนึ่งอยากจบการต่อสู้ให้เร็วที่สุด อีกใจก็หวั่นไหวตามคำพูดของเป้าหมาย นางใช้ชีวิตอย่างสงบมาตลอดโดยไม่ทำร้ายใคร การฆ่านางเป็นสิ่งถูกต้องแล้วหรือ
นางมังกรครึ่งมนุษย์ลักซูเรียส่ายหน้าเล็กน้อยราวกับเสียใจที่หาทางออกร่วมกันไม่ได้ ในพริบตาเพดานเหนือหัวของนางพลันถูกก้อนพลังจากฝ่ามืออัดถล่มจนเป็นทางสู่พื้นดินเบื้องบน เสียงสัญญาณเตือนการบุกรุกดังราวกับวันสิ้นเอนโวลา!
เซธสบถสาบานว่าความเชื่องช้าของเขาทำให้อีกฝ่ายเปิดทางหนีสำเร็จ อย่างน้อยถ้าสู้กันในทางลับแคบ ๆ เขาจะได้เปรียบลักซูเรียที่แปลงเป็นมังกรร่างใหญ่ได้
“คุณมีเวลาสี่นาทีกับอีกสี่สิบสี่วินาทีก่อนผู้รักษากฎหมายที่ใกล้ที่สุดจะมาถึง หากไม่อยากนอนคุกก็หนีไปเสียตอนนี้” ลักซูเรียงอกปีกมังกรจากหลังเตรียมโผขึ้นไปทางรูที่สร้างขึ้น “ฉันรักมนุษย์และตัวตนนี้ แม้จะไม่เคยต่อสู้จริงแต่ฉันจะไม่หนีเด็ดขาด!”
เซธกลัวนางหนีมากกว่าผู้รักษากฎหมายหรือคุก พอก้าวไปถึงบันไดขึ้นท่านผู้นั้นก็บอกคำสั่งใหม่ให้
‘หากจับเป็นได้ก็จับเป็นอนาทอล หนึ่งในเสาค้ำจุนต้องการตัวนางแบบมีชีวิตไปตรวจสอบเรื่องการกลายพันธุ์โดยไม่ผ่านการผสม’ ท่านผู้นั้นส่งคำพูดเข้าหาเซธโดยตรงเช่นทุกครั้ง
เซธกำลังตอบรับคำสั่งใหม่ตอนวิ่งออกมาจากห้องเก็บของ เขารู้แล้วว่าเหตุใดลักซูเรียจึงบินหนีออกทางรูบนเพดานซึ่งเร็วกว่า หุ่นยนต์และระบบรักษาความปลอดภัยล้อมรอบสวนอย่างแน่นหนา มีทั้งปืนแบบต่าง ๆ อุปกรณ์จับกุมพื้นฐาน และหุ่นยนต์ที่ใช้รักษาความปลอดภัยให้บุคคลสำคัญ ที่กล่าวมาข้างต้นเว้นช่องว่างให้ผู้บุกรุกสามารถเดินออกประตูหน้าได้อย่างปลอดภัย
ผู้เป็นอมตะมองหาเป้าหมายตามล่าก่อนเพราะกลัวการหลบหนี ตอนนี้ลักซูเรียกำลังคุยกับใครบางคนที่เซธกับท่านผู้นั้นจำได้ดี มันห่อตัวด้วยผ้าสีคล้ำเหมือนคนร่อนเร่ เขาจำสัมผัสความชั่วร้ายได้อย่างชัดเจนว่าเป็นพวกฝ่ายมืดที่ยังหลงเหลืออยู่ มันคือปิศาจในผ้าคลุมสกปรกที่ท่านผู้นั้นบอกว่าเป็นคู่เจรจาในเรื่องชิงตัวมังกรทั้งเจ็ด
“แหม ๆ ตั้งแต่คราวก่อนแล้ว เจ้าอยากเลียนแบบข้าขนาดนั้นเชียวหรือ”
ท่านผู้นั้นก่อร่างตนขึ้นข้างเซธ ดวงตาสีพระจันทร์เลือดของนักรบเทพแห่งบรรพกาลแรงกล้าแข่งแสงตะวันยามบ่าย ชุดทูนิกสีขาวขัดกับภาพลักษณ์คงอยากให้เจ้าปิศาจในผ้าคลุมสกปรกจำได้ว่าเป็นใคร
(มีต่อ)